Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 438 ทะเลสายฟ้า
บทที่ 438 ทะเลสายฟ้า
บทที่ 438 ทะเลสายฟ้า
“นายอยากจะตายแบบไหนล่ะ?”
เซียวเฟิงถามเทพเจ้าสายฟ้าและหัวเราะออกมาอย่างชัดเจน กระนั้นแล้วเสียงหัวเราะนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนที่ได้ยินรู้สึกยินดีเลย กลับกันมันทำให้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกเสียวสันหลังวาบกันถ้วนหน้า
“คนที่จะตายน่ะมันนาย ฉันได้ยินมาว่านายหายไปจากโลกของเกมร่วมเดือน ดังนั้นนายในตอนนี้น่ะ ไม่มีทางเทียบเท่าฉันได้หรอก”
เทพเจ้าสายฟ้าพูดด้วยความไม่แยแสมาก ๆ เขามองเซียวเฟิงด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบ
“จริงเหรอ? ถ้างั้นฉันคงต้องขอดูหน่อยแล้วว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้นายแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน ถ้าเก่งจริงล่ะก็ฆ่าฉันให้ได้สิ”
ทางด้านเซียวเฟิงเองก็ไม่หวาดหวั่นเช่นกัน เขายังคงพูดสลับกับยิ้มและหัวเราะเรื่อย ๆ
“กำลังหยิ่งผยองในสกิลนั้นของตัวเองอยู่เหรอ? ต้องยอมรับว่ามันสุดยอดมาก แต่มันยังไม่พอที่จะฆ่าฉันในไม่กี่วิหรอกนะ” สีหน้าของเทพเจ้าสายฟ้านั้นมั่นใจเอาเสียมาก ๆ มั่นใจว่าพลังของตัวเองมีมากกว่าที่เซียวเฟิงจะรับมือไหว
[…3…2…1…0! การประลองเริ่มได้!]
ทั้งสองดูเหมือนจะพูดคุยด้วยความสันติกันตลอดจนกระทั่งการต่อสู้เริ่มขึ้น พลันเมื่อเวลานับถอยหลังหมดลง ผู้ชมทั้งหมดก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่าพายุใหญ่สองลูกกำลังปะทะกันแล้ว!
เปรี้ยง!
อสนีบาตฟาดผ่านลงมาแทนการเปิดฉากการต่อสู้ เมฆฝนดำครึ้มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ต้น วิสัยทัศน์แห่งธอร์เบิกมองเซียวเฟิงอย่างรวดเร็ว! เซียวเฟิงกลายเป็นเป้าหมายแล้ว!
ยอดฝีมือที่เคยสงบเยือกเย็นขณะคุยกันทั้งสองคนก่อนหน้านี้ บัดนี้ได้หายไปแล้วราวกับไม่เคยมีภาพก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นแต่อย่างใด!
รอบ ๆ ตัวของเทพเจ้าสายฟ้ามีกระแสไฟฟ้าวิ่งวนไปมาอยู่ ภายในดวงตาของเขาเองก็เช่นกัน! ร่างกายของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที!
นี่คือการประลองที่อยู่การประลองของยอดฝีมือไปอีกขั้นหนึ่ง ไม่มีฝ่ายไหนยอมอ่อนข้อให้กันและกัน มันเป็นการต่อสู้แห่งตำนาน ใครชนะจะเป็นตำนานต่อไป ส่วนใครแพ้ก็จะกลายเป็นแค่เรื่องเล่าดั่งนิทาน และการแพ้ชนะนั้นวัดกันที่ ‘จังหวะ’ เท่านั้น
ตอนนี้เองเซียวเฟิงก็หายไปแล้วเช่นกัน
แม้ในตอนแรกจะยังเห็นอยู่ หากแต่พริบตาเดียวก็ไม่มีใครเห็นเขาอีกต่อไปแล้ว นี่ไม่ใช่ผลจากสกิลแต่อย่างใด รวมถึงเซียวเฟิงก็ไม่มีสกิลสำหรับเทเลพอร์ตนอกจากแหวนอวกาศที่อยู่กับซือเยี่ยจิ๋งด้วย
สิ่งนี้น่ะ…คือการใช้ความเร็วสูงสุดที่เขาจะทำได้ การเคลื่อนไหวที่อยู่แทบจะเป็นจุดสูงสุดของหลักการเคลื่อนไหวในสิ่งมีชีวิต ความเร็วของเซียวเฟิงนั้นเร็วขนาดที่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าเห็น!
และต่อให้ใช้กล้องสโลว์โมชั่น ภาพที่ออกมาก็สามารถเห็นร่างของเซียวเฟิงได้แบบคลุมเครือกับดวงตาที่เปล่งแสงสว่างประหลาดไม่เหมือนกันทั้งสองข้างเท่านั้น ข้างหนึ่งเปล่งแสงสีแดงในขณะที่ตาอีกข้างหนึ่งเปล่งแสงสีทองสร้างความรู้สึกเหมือนโดนแผดเผาและกดดันไปพร้อมกันหากได้สบตามอง!
เปรี้ยง!
เปรี๊ยะ!
วิ้ง!
เมฆดำครึ้มร้องคำรามก่อนจะสาดส่งอสนีบาตนับหมื่นพันลงมาจากดวงตาของธอร์ สายฟ้าฟาดเหล่านั้นโหมกระหน่ำสู่ภาคพื้นราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ไม่เพียงการโจมตีเท่านั้น บางส่วนเองก็แปรสภาพเป็นเหมือนตาข่ายสายฟ้าหว่านคลุมพื้นสนามประลองลงมาด้วย
ตึง!
เทพเจ้าสายฟ้าปรากฏร่างขึ้นอีกครั้งพร้อมกับใช้คทาอเมทิสตีลงไปกับพื้น ทันใดนั้นสภาพอากาศก็ปั่นป่วนขึ้นราวกับมีพายุยักษ์กำลังก่อตัว กระแสไฟฟ้าระเบิดออกจากใต้เท้าของเขา มันกระจายตัวออกเป็นเถาวัลย์บ้างก็มีรูปร่างคล้ายอสรพิษคืบคลานจนกลืนกินพื้นที่ขนาดใหญ่ของสนามประลองไว้ได้
ทว่าแม้จะอยู่ท่ามกลางโดมไฟฟ้าหลากรูปแบบเช่นนี้ แต่สัญชาตญาณของเขาก็ยังเตือนให้เขารับรู้ได้ถึงภยันตรายที่กำลังเข้ามา แววตาของชายหนุ่มรูปงามเปลี่ยนไปทันที เขากลับกลายเป็นเสี้ยวสายฟ้าแล้วเทเลพอร์ตหายไปอีกครั้ง
สนามประลองแห่งใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงนี้ กว้างใหญ่เสียจนระยะที่กว้างไกลของวิสัยทัศน์แห่งธอร์ครอบคลุมไว้ได้เพียงหนึ่งในสี่ของสนามเท่านั้น
เขตแดนสายฟ้าที่เทพเจ้าสายฟ้าสร้างไว้เสมือนเป็นดินแดนแห่งความตาย ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเยื้องย่างเข้ามาได้ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อครู่ เขากลับต้องเทเลพอร์ตตนเองไปยังอีกมุมหนึ่งเพราะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยภายใน…ราวกับว่ารู้ดีว่าค่ายกลสายฟ้าที่ตนลงทุนลงแรงสร้างขึ้นมานั้นไม่สามารถหยุดเซียวเฟิงได้แน่ ๆ!
ในที่สุดเซียวเฟิงเองก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเช่นกัน เขาพุ่งออกมาจากเขตแดนสายฟ้าโถมของคู่ต่อสู้ราวกับวิญญาณร้ายที่ยังคงไว้ซึ่งรอยยิ้มน่าสยดสยองจากระยะไกล คทาในมือถูกยกขึ้นสูงทว่าไม่มีสกิลอะไรถูกร่ายกลับมา
แต่กลับกัน สิ่งที่ปรากฏขึ้นหลังจากนั้นกลับทำให้เทพเจ้าสายฟ้าถึงกับประหลาดใจ
[ท่านได้รับผลของ ‘อวยพรชีวิต’ จากผู้เล่น แด๊ด พลังชีวิตของท่านเพิ่มขึ้น 1,032 หน่วย เป็นเวลา 60 วินาที!]
[ท่านได้รับผลของ ‘อวยพรคุ้มครอง’ จากผู้เล่น แด๊ด พลังป้องกันกายภาพของท่านเพิ่มขึ้น 198 หน่วย พลังป้องกันเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 198 หน่วย เป็นเวลา 60 วินาที!]
สิ่งที่ได้ยินนั้นมันคือ เซียวเฟิงกำลังบัฟให้เขา! เทพเจ้าสายฟ้าตกใจมาก ๆ เมื่อเห็นว่าพลังชีวิตและพลังป้องกันของตนเพิ่มขึ้นเป็นปริมาณที่สูงจนน่าเหลือเชื่อ! แต่นั่นก็ยังไม่น่าประหลาดใจเท่า ‘เซียวเฟิงทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร?’ หรอก อีกฝ่ายกำลังกลัวว่าเขาไม่แข็งแกร่งพอจะรับมือได้งั้นเหรอ?
มันยังไม่จบแค่นี้ เพราะคทาของเซียวเฟิงถูกโบกอีกครั้งและทันใดนั้น เสียงของระบบก็ดังขึ้นในหัวของเทพเจ้าสายฟ้า
[ท่านได้รับผลของ ‘สกิลชุบชีวิต’ จากผู้เล่น แด๊ด ท่านจะคืนชีพโดยอัตโนมัติเมื่อพลังชีวิตเหลือ 0 ผลลัพธ์นี้จะคงอยู่ 10 นาที!]
เขาเริ่มจะไม่สามารถอยู่นิ่ง ๆ ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะการบัฟให้เช่นนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับการดูถูกเขาหรอก!
“อุ่ก! ฮ่า ๆๆๆ! ก็เอาเซ่! ฉันจะซัดนายจนกว่าจะกลายเป็นขี้เถ้าเลย! ทั้ง ๆ ที่อุตส่าห์จะไม่ใช่สกิลนี้แล้วแท้ ๆ! แต่เพราะนาย! นายทำให้ฉันไม่สามารถห้ามใจที่จะใช้มันได้! นายบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้เอง!”
ความขมขื่นเติมเต็มในทรวงอกของเทพเจ้าสายฟ้า เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ขณะที่กำลังถอยออกจากเซียวเฟิงอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มยกคทาอเมทิสขึ้นสูงชี้ฟ้า
ครืน…ครืน…ครืน…
ทั่วทั้งเกาะชิงชัยถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำขึ้นมาทันที แถมมันยังค่อย ๆ ดำมืดมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย การที่มันหนาขึ้นทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่ามันกำลังเข้ามาใกล้พื้นโลกมาขึ้นราวกับมันกำลังจะบีบโลกแห่งนี้ให้แตกสลายด้วยความหนาแน่นนั้น
ไม่มีแสงตะวันที่คอยบอกวันคืนราวกับโลกกำลังจะต้องเผชิญกับวาตภัยที่รุนแรง!
และทันใดนั้นเอง ที่บริเวณจุดกลางกลุ่มเมฆเหล่านั้น อสนีบาตก็ฟาดเปรี้ยงลงมา!
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดลงมาที่ปลายยอดคทาอเมทิสที่ชี้ฟ้าอยู่ จากนั้นมันก็ชิ่งไปยังก้อนคริสตัลหลายเม็ดบนยอดนั้นก่อนจะสะท้อนกลับขึ้นไปบนเมฆดำดังเดิม
ครืน…ครืน…ครืน…
แสงสว่างเดียวที่เห็นได้ตอนนี้ คือ สายฟ้าที่วิ่งไปมาบนหมู่เมฆเหมือนฟ้าแลบ! เสียงคำรามของมันดังให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ และเริ่มถี่ขึ้นราวกับพายุกำลังจะพัดขึ้นฝั่งแล้ว!
“ฉันจะถามอีกครั้ง ว่านายอยากจะตายแบบไหน?”
แต่แล้วตอนนั้นเอง บางสิ่งบางอย่างก็มาปรากฏต่อหน้าเทพเจ้าสายฟ้า มันคือร่างของเซียวเฟิงที่จู่ ๆ ก็โผล่มาในระยะประชิดจนหน้าแทบจะชิดกัน เขาถามด้วยคำถามเดิมหากแต่ระยะนี้ไม่ใช่สิ่งปลอดภัยแน่ ๆ นอกจากนี้เขายังสามารถมองเห็นความอำมหิตในสายตาเซียวเฟิงได้อย่างชัดเจนด้วย
วิ้ง!
เทพเจ้าสายฟ้ากลายเป็นหยาดแสงและหายวับไปกับตาอีกครั้งก่อนจะปรากฏตัวขึ้นในตำแหน่งที่ไกลจากจุดเดิมพร้อมเสียงตะโกนแห่งความเกรี้ยวกราด!
“หนอยแน่! นาย!”
ควบคู่มากับเสียงตะโกนของเทพเจ้าสายฟ้า เมฆสีดำที่เหนือหัวเองก็คำรามออกมาด้วยเช่นกัน
สายฟ้าฟาดนับหมื่นแสนเทกระหน่ำลงมาบนสนามประลองราวกับพายุฝนที่สาดเทลงมา แต่หารู้ไม่ว่ามันไม่มีน้ำแม้แต่หยดเดียวเลย! ทุกสิ่งอย่างที่เทท่วมลงมาจากเมฆสีดำนั้นมีแต่สายฟ้าเท่านั้น!
แสงแวบวับสว่างไปทั่วอาณาบริเวณจนแทบจะกลายเป็นลำแสงไปแล้ว! สายฟ้าฟาดพวกนี้กำลังกลืนกินทุกหย่อมแห่งบนสนามประลอง!
แม้ว่าสายฟ้าฟาดเหล่านี้จะเทท่วมลงบนสนามประลองเท่านั้น แต่ผู้ชมข้างสนามก็อดที่จะหวาดกลัวไม่ได้ เพราะพวกเขาก็อยู่ภายใต้เมฆสีดำนี้เหมือนกัน เขาไม่รู้ว่ามันจะมีโอกาสมากแค่ไหนที่จู่ ๆ สายฟ้าจะฟาดลงมาที่พวกเขา!
“นะ…นี่มัน สกิลระดับตำนาน! สกิลระดับตำนานที่มีพลังมหาศาล!”
“ใช่แล้ว! สกิลที่สามารถครอบคลุมไปทั่วสนามได้โดยที่ยังคงไว้ซึ่งความรุนแรง! น่ากลัวชะมัด! คะ…คนคนนี้คือผู้ครอบครองสกิลระดับตำนานอีกคนหรือนี่!?”
“เทพเจ้าสายฟ้ามีสกิลพื้นที่ระดับตำนานอยู่จริง ๆ ด้วย! นอกจากเจ้าแห่งฮีลเลอร์แล้วก็มีเขาเนี่ยแหละที่เป็นคนที่สองที่มีสกิลแบบนี้จากทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์!”
“คะ…คนพวกนี้น่ากลัวกันเกินไปแล้ว!”
…
เมฆฝนกลุ่มใหญ่ที่ปกคลุมทั่วทั้งฟ้าจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวันนี้ยังคงเพิ่มความหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่ามันจะสาดสายฟ้าฟาดลงมากี่ร้อยกี่พันครั้งแล้วก็ตาม ทุกวินาทีและทุกคนที่บนสนามประลองไม่มีจุดไหนที่ไม่โดนสายฟ้าเหล่านี้เข้าปะทะเลย ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางหลบมันได้แน่!
สิ่งนี้สมกับเป็นสกิลระดับตำนานจริง ๆ ไม่ว่าจะด้วยระยะที่กว้างใหญ่ไพศาล หรือจะเป็นพลังโจมตีที่รุนแรงแล้วไหนจะการที่ความต่อเนื่องในการสร้างความเสียหายอีก!
สิ่งนี้สามารถเทียบเท่าสกิลหอกลองกินัสของเซียวเฟิงได้อย่างแน่นอน!
ความต่อเนื่องของสายฟ้าที่ฟาดผ่านลงมาบนพื้นสนามประลองยังคงไม่มีท่าทีว่าจะลดลงจนตอนนี้บริเวณพื้นนั้นมีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปมาจนแทบจะกลายป็นทะเลสายฟ้าไปอีกรอบแล้ว แสงระยิบระยับมีให้เห็นได้ทุกที่บนสนามประลอง ณ เวลานี้จนจะไม่เหลือพื้นสนามให้เห็นเข้าไปทุกที!
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากระแสไฟฟ้าที่อยู่บนพื้นสนามประลองจะน่ากลัวขนาดไหน แต่ผู้ชมก็ยังสามารถเห็นร่างที่คลุมเครือร่างหนึ่ง พุ่งตัดไปมาบนทะเลสายฟ้าอย่างรวดเร็ว หากเป็นยามปกติมันคงยากที่จะสังเกต แต่เพราะที่ร่างนั้นมีดวงไฟสองดวง สีแดงหนึ่งดวง สีทองหนึ่งดวงส่องสว่างออกมาอยู่ ผู้ชมจึงสามารถมองตามได้!
นั่นคือ เซียวเฟิง ที่ใช้ความเร็วสูงสุดซึ่งอยู่เหนือความสามารถในการมองเห็นด้วยตาเปล่าของมนุษย์ นี่จึงเป็นเหตผลว่าทำให้คนอื่นจึงเห็นเขาเป็นเพียงภาพที่เรือนลางเท่านั้น เซียวเฟิงในตอนนี้เร็วเสียจนแม้แต่ภาพติดตาก็ไม่มีให้เห็นด้วยซ้ำ หากไม่ติดว่าดวงไฟที่ตามันส่องสว่าง เซียวเฟิงก็ไม่ต่างอะไรกับการล่องหนสมบูรณ์เลย!
ขณะเดียวกันในคฤหาสน์ยอดเขา ภายในห้องของเซียวเฟิงตอนนี้ หากมีใครเปิดประตูเข้าไปแล้วล่ะก็ พวกเขาจะต้องรู้สึกเหมือนเข้าไปในเตาอบ!
แม้ว่าแอร์จะยังคงทำงานอยู่ก็จริงแต่มันก็แทบจะเร่งความเย็นมากไปกว่านี้ไม่ไหวแล้ว นั่นก็เพราะร่างกายของเซียวเฟิงนั้นกำลังปลดปล่อยไอร้อนอันมหาศาลออกมา! เส้นเลือดบนร่างกายของเขามันเปล่งแสงจนเห็นได้ชัดราวกับว่าร่างของเขามันกำลังจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ! แถมเส้นเลือดพวกนั้นยังขยับไปมาเหมือนไส้เดือนดินตัวใหญ่ที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ใต้เปลือกโลกด้วย!
ไอน้ำปริมาณมากระเหยออกจากร่างกายของเซียวเฟิงเหมือนกับว่าเขาอยู่ในห้องซาวน่า เซลล์ร่างกายของเขากำลังร้อนประดุจภายในมันได้ลุกเป็นไฟไปแล้ว เลือดที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร้างกายเองก็ระอุดั่งน้ำที่กำลังเดือดส่งผลให้หัวใจเต้นแรงเหมือนทำนองเพลงออกศึก! ยิ่งมันเต้นรัวมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็สามารถรีดเค้นศักยภาพร่างกายออกมาได้มากขึ้นเท่านั้น!
ครั้งหนึ่งเทพเจ้าสายฟ้าเคยพูดไว้ว่าการใช้ความสามารถนี้จะทำให้ร่างกายรับภาระอย่างหนัก แต่เรื่องนั้นตัวเซียวเฟิงเองก็รู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว!
ตัดกลับมาบนสนามประลอง ท่ามกลางทะเลสายฟ้าคลั่งนั้น แสงสีแดงและสีทองเองก็กำลังส่องสว่างมากขึ้นด้วย!
ผิดกับสิ่งที่เซียวเฟิงเห็นตอนนี้ ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรกันไปหมด!
สีที่เขาเห็นมีเพียงขาวและดำเท่านั้น ส่วนเสียงก็ไม่ได้ยินเช่นเดียวกับจมูกไม่ได้กลิ่น ภายใต้กระแสไฟฟ้าและสายฟ้าฟาดที่โถมกระหน่ำลงมา ทุกอย่างกำลังช้าลงเหมือนภาพสโลว์โมชั่น ชายหนุ่มสามารถเห็นได้ว่าสายฟ้าแต่ละเส้นนั้นมีความหนาจนน่าตกใจขนาดไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีสายฟ้าเส้นไหนเลยที่จะโดนตัวเซียวเฟิง
วิ้ง!
สิ่งเดียวที่ยังเคลื่อนไหวได้เร็วภายในสายตาของเซียวเฟิง คือสายฟ้าที่วิ่งระนาบจากพื้น ไปยังอีกมุมหนึ่งของสนามประลอง และสายฟ้านั้นก็คือเทพเจ้าสายฟ้าที่ใช้สกิลเทเลพอร์ตหนีเขาอยู่นั่นเอง!
ช่างน่าเสียดายที่ยังไงซะเซียวเฟิงก็ตามตัวอีกฝ่ายทันอยู่ดี
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เซียวเฟิงปล่อยมือออกจากคทาของตน เขารู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ร่างกายของเขาทุกส่วนคืออาวุธ!
ด้วยระยะที่ใกล้กันมาก ทำให้เซียวเฟิงสามารถเห็นถึงความกลัวในแววตาของเทพเจ้าสายฟ้าได้อย่างชัดเจน ความกลัวที่เกิดจากการหนีไม่พ้น โดยเฉพาะการที่โดนตามดั่งเงาตามตัวเช่นนี้ด้วยแล้ว!
อย่างที่ทุกท่านน่าจะพอเดากันได้ สนามประลองแห่งนี้ ตั้งแต่ที่เริ่มการประลอง มันกลายเป็นอาณาเขตของเซียวเฟิงมานานแล้ว! ไม่ว่าจะมุมไหนหรือส่วนไหน เขาก็สามารถไปได้หมด!
ความสุขุมของเทพเจ้าสายฟ้าเริ่มกระจัดกระเจิง เขาอยากจะกลายเป็นหยาดแสงแล้วเทเลพอร์ตหนีอีกครั้งแต่มันก็สายเกินไป!
ผลัวะ!
หมัดของเซียวเฟิงเร็วกว่าแสง! มันพุ่งเข้าใส่เทพเจ้าสายฟ้าในจังหวะที่เขากำลังจะกลายเป็นสายฟ้าด้วยแรงอันมหาศาล!
– 1!
ร่างของเทพเจ้าสายฟ้ากระเด็นลอยออกไปเหมือนว่าวที่ไร้ซึ่งสายป่าน สีหน้าของเขายังคงแสดงความเหลือเชื่อในขณะที่ดวงตาก็ยังคงช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตน ร่างนั้นหมุนหัวทิ่มหัวตำโดยที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมีเพียง 1 หน่วยเท่านั้น!
แปลก
หรือว่า…
ผลัวะ!
-1!
หมัดอีกหนึ่งหมัดตามเข้ามาโดยที่เทพเจ้าสายฟ้ายังไม่ลงถึงพื้นเสียด้วยซ้ำ! มันทำให้ร่างที่กำลังดิ่งลง พุ่งลอยสวนกลับขึ้นไปใหม่อีกครั้ง! เขาเห็นเพียงร่างที่เลือนรางของเซียวเฟิงในจังหวะที่กำลังจะโดนต่อยเท่านั้น!
เมฆสีดำทะมึนนั้นยังคงก่อตัวอยู่เช่นเดียวกับทะเลสายฟ้าบนพื้นสนามประลองที่ยังไม่จางหายไป ในตอนนี้ไม่มีผู้ชมคนไหนสามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสนาม สิ่งที่เขารับรู้ มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สายฟ้าบนสนามประลองกำลังเจือจางลง!
ผลัวะ!
-1!
หลังจากที่โดนต่อยซ้ำ ๆ เช่นนี้อยู่อีก 7 ครั้ง เทพเจ้าสายฟ้าผู้กล้าแกร่งก็เริ่มตระหนักได้ถึงสิ่งที่เซียวเฟิงจะทำแล้ว!
คนคนนี้ เหี้ยมโหด!
“อั่ก…อ๊าก! แน่จริงก็ทำให้ฉันตายไปเลยสิวะ!”
เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ คทาอเมทิสในมือเปล่งแสงจ้ากว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในขณะที่ตัวเขายังคงโดนเซียวเฟิงรัวหมัดอยู่กลางอากาศอย่างต่อเนื่อง นักเวทสายฟ้าที่บอบช้ำใช้แรงที่ยังเหลือยกคทาขึ้นชี้ไปบนฟากฟ้า
เปรี้ยง!…เปรี้ยง!…เปรี้ยง!…
เมฆฝนก้อนยักษ์ส่งสายฟ้าฟาดราวกับห่าฝนลงมาอีกครั้ง และความนี้มันทั้งเส้นใหญ่และมีปริมาณถี่มากขึ้นเหมือนเดิม ความหนาแน่นของสายฟ้าฟาดที่อัดรวมกันในครั้งนี้ ไม่ต่างอะไรกับลำแสงที่มีขนาดใหญ่เท่าสนามประลองกำลังพุ่งลงมาเลย! มันไม่ที่ว่างให้หลบอีกแล้ว!