Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 447 แทง
บทที่ 447 แทง
บทที่ 447 แทง
“บัญญัติโบราณ คือสิ่งที่เหล่าตระกูลหลักร่วมกันสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาบาดหมางซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็น ความอิจฉาเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือแม้กระทั่งความบาดหมางระดับที่เสียเลือดเสียเนื้อ ทุกสิ่งอย่างที่ถูกตีตราว่าเป็นปัญหา บัญญัติโบราณนี้สามารถแก้ไขได้หมดโดยที่ไม่กระทบต่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูลหรือสายเลือด บัญญัติโบราณถือเป็นสิ่งที่สืบทอดกันลงมาและเป็นที่ยอมรับของทุกคระกูล”
ชายวัยกลางคนผู้มีเครายาวอธิบายด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“แล้วบัญญัติโบราณที่ว่านั่นเป็นวิธีแบบไหนกัน?” เซียวเฟิงพยักหน้าแล้วถามกลับ
“การประลองหลั่งเลือด! ทั้งสองฝ่ายที่มีเรื่องบาดหมางกันจะต้องเผชิญหน้ากันที่สนามประลองกลางแจ้ง! จนกว่าเลือดจะหลั่งออกมาได้ และด้วยบัญญัติโบราณนี้ ต่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องตายก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร” ขณะที่มองมาที่เซียวเฟิงด้วยความกังวล ชายวัยกลางคนเครายาวก็พูดขึ้นมา
“ฉันคิดว่าใช้บัญญัติโบราณก็ดี น่าจะเหมาะกับเรื่องตอนนี้สุด ๆ แล้ว” ซีเหมินชุยเสวียที่เงียบมาเนิ่นนานในที่สุดก็ได้เปิดปากพูดขึ้น เขาดูผ่อนคลายจากความตึงเครียดแต่ก็แทนที่ด้วยความเยือกเย็น…
“ถ้างั้นฉันก็คิดว่าไม่มีปัญหาเหมือนกัน” ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฟิงก็ยิ้มและเห็นด้วย
“ท่านเจ้าตระกูล! ไม่ได้นะครับ! ลูกหลานตระกูลซีเหมินน่ะ ถูกฝึกสอนการต่อสู้มาตั้งแต่กำเนิด! แล้วยิ่งคนคนนี้ถือเป็นระดับหัวกะทิในรุ่นเลยด้วย! ผิดกับทายาทลำดับที่ 3 ของพวกเราที่ไม่ได้ฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ๆ แบบนี้แล้วการประลองหลั่งเลือดย่อมไม่ยุติธรรมกับเขาแน่ ๆ!”
ชายเครายาวหันไปพูดกับจางจงเหลียงด้วยความกังวลใจ
“พี่ชาย!”
“ท่านเซียว!”
จางเสี่ยวหยูและจืออี้ต่างก็รีบคว้าแขนเซียวเฟิงไว้ด้วยความกังวลพร้อม ๆ กัน แววตาที่กระวนกระวายนั้นแสดงออกให้เห็นว่าสิ่งที่จะเกิดต่อไปนี้มันใหญ่หลวงนัก แม้ว่าพวกเธอจะรู้ดีว่าเซียวเฟิงไม่เคยเกรงกลัวซีเหมินชุยเสวียในโลกของเกม แต่นี่มันคือโลกแห่งความเป็นจริง!
และถึงแม้ว่าทั้งสองจะรู้ว่าเซียวเฟิงนั้นแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่พวกเธอเองก็รู้ด้วยว่าซีเหมินชุยเสวียนั้นถือเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับยาก! ในช่วงเวลาที่ผ่านมาของเขา เขาได้ผ่านคู่ต่อสู้มามากมายนับไม่ถ้วน คู่ต่อสู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าก็ยังไม่คณามือของเขา เช่นนั้นแล้วมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากทั้งสองสาวจะไม่เชื่อว่าเซียวเฟิงสามารถสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างสบาย ๆ!
“ในเมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันแล้ว จะถือว่าบัญญัติโบราณสามารถจัดขึ้นได้โดยความชอบธรรม และจะไม่มีผู้อื่นสามารถมาขัดขวางได้ ท่านคิดว่าอย่างไรบ้าง ท่านซีเหมิน?”
จางจงเหลียงไม่สนใจคำพูดที่ชายกลางคนผู้มีเครายาวพูด กลับกันเขาเลือกที่จะหันไปมองทางซีเหมินเว่ยแทน
“ข้าเองก็ไม่มีอะไรจะขัดขวาง ในเมื่อลูกหลานของพวกเราได้เลือกแล้ว ข้าก็จะขอเป็นเพียงพยานเท่านั้น” ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของซีเหมินเว่ยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
“เช่นนั้น ในเมื่อทั้งสองฝ่ายไม่มีใครคัดค้าน การประลองหลั่งเลือดระหว่างทายาทของทั้งสองตระกูลจะถูกจัดขึ้น ถ้าหากทายาทตระกูลซีเหมินชนะ ซางกวนซีเฟยจะถูกพาตัวไป กลับกัน หากเขาเป็นผู้แพ้ งานหมั้นและงานแต่งงานที่ถูกวางไว้กับซางกวนซีเฟยจะถูกยกเลิก และทางฝั่งซีเหมินจะไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวกับซางกวนซีเฟยได้อีกนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ท่านจะตกลงหรือไม่?”
จางจงเหลียงพยักหน้าและทวนคำยินยอมซ้ำ
“การเดิมพันเหรอ? น่าสนใจ ฉันเห็นชอบด้วย” ซีเหมินชุยเสวียพยักหน้าเบา ๆ แสดงให้เห็นถึงความสนใจในข้อแลกเปลี่ยนนั้น
“ถ้างั้นจะถือว่าทางตระกูลซีเหมินของพวกเราไม่ขัดข้อง” ซีเหมินเว่ยมองไปยังเซียวเฟิงด้วยแววตาเหยียดหยามและพยักหน้าอย่างมั่นใจ
ในความคิดของพวกเขานั้น ผู้ชนะในการบัญญัติโบราณครั้งนี้ย่อมต้องเป็นฝั่งตระกูลซีเหมินอย่างแน่นอน เพราะอย่างที่รู้กันโดยทั่วว่า ซีเหมินชุยเสวียนั้นเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน มันไม่มีทางที่เขาจะพ่ายแพ้ในการประลองหลั่งเลือดเลย ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าจางจงเหลียงจะเห็นชอบให้จัดบัญญัติโบราณได้เช่นนี้ ตั้งแต่ที่เข้ามาในพื้นที่ของตระกูลจาง เขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันเป็นการข่มเหงอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว หรือบางทีตระกูลจางอาจจะกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงจึงยอมให้ใช้บัญญัติโบราณ เพราะยังไงเสียตระกูลซางกวนและตระกูลซีเหมินก็ได้หมั้นหมายเรื่องงานแต่งงานนี้ไว้ก่อนหน้าอยู่แล้ว
“เชื่อฉัน มันจะผ่านไปได้ด้วยดี” เซียวเฟิงหันไปปลอบใจจืออี้ที่อยู่ด้านหลังก่อนจะพยักหน้าให้กับทางตระกูลซีเหมิน
“พวกฉันเองก็ไม่ขัดข้อง”
ถึงแม้ว่าเซียวเฟิงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่การเดิมพันนั้นมีจืออี้เป็นข้อแลกเปลี่ยน แต่มันก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า บัญญัติโบราณถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับปัญหานี้
“หากไม่มีฝ่ายใดขัดข้อง ดังนั้นบัญญัติโบราณจะจัดขึ้นในสนามประลองของตระกูลจาง แต่ข้าขอพูดอะไรไว้ก่อนว่า ตัวข้าไม่ได้หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะมาเสียเลือดเสียเนื้อจนหมดตัวกันจากการประลองนี้ เพราะงั้นถ้าเป็นไปได้หากจะหยุดก่อนที่จะบาดเจ็บก็ยังไม่สายหรอกนะ”
ชายเครายาวจากตระกูลจางพูดขณะมองเซียวเฟิงด้วยความเป็นห่วงและพูดกับทั้งสองฝ่ายในเชิงสงบศึกไว้กลาย ๆ
ซีเหมินชุยเสวียเพียงแค่ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่เซียวเฟิงเองก็ยิ้มและไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน
ไม่นานนักกลุ่มคนที่เคยรวมหัวกันอยู่ในโถงอารามซือเซียวก็พากันย้ายออกจากโถงดังกล่าวไปยังลานฝึกซ้อมกลางแจ้งขนาดใหญ่ อันเป็นสถานที่ที่เหล่าศิษย์แห่งตระกูลจางจะมาฝึกรำกระบี่กันที่นี่
ชายเครายาวเดินนำหน้าทุกคนเข้าไปก่อนและบอกกับศิษย์ที่กำลังฝึกฝนอยู่ให้ออกไปจากที่ลานฝึกซ้อมนี้ จากนั้นจึงปล่อยให้เซียวเฟิงและซีเหมินชุยเสวียเดินขึ้นไปยืนประจำตำแหน่งบนสนามตามลำดับ
“ไม่ใช้ดาบงั้นเหรอ?”
ฝั่งซีเหมินชุยเสวียนั้นมีดาบคู่ใจอยู่ที่เอวอยู่แล้ว เขากระชับด้ามดาบให้แน่นก่อนจะมองเซียวเฟิง เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ยังคงไร้อาวุธ เขาจึงถามขึ้นมา
“หลานเฟิง ถ้าเจ้าต้องการอาวุธ เอาของลุงไปใช้ก่อนก็ได้”ชายเครายาวเสนอ
“ที่นี่มีปืนใหญ่วัลแคนให้ยืมหรือเปล่า?” เซียวเฟิงหันกลับไปถาม ปืนใหญ่วัลแคนที่เขาพูดถึง คืออาวุธหนักชิ้นโปรดของคิงคอง และที่บอกว่ามันเป็นอาวุธหนัก เพราะปืนใหญ่วัลแคนนี้สามารถบรรจุกระสุนได้มากถึงหนึ่งหมื่นนัดเลยทีเดียว
ดังนั้นแล้วหากเจ้าตัวได้ออกทำภารกิจที่ไม่ใช่การลอบสังหารอย่างการบุกทะลวง เพียงแค่ปล่อยคิงคองและปืนคู่ใจไป ทุกอย่างก็ราบเป็นหน้ากลองได้ง่าย ๆ
“ปืนใหญ่วัลอะไรนะ? สิ่งนั้นคืออะไรกัน?” เมื่อได้ยินชื่อ ชายเครายาวถึงกับผงะด้วยความสงสัย สิ่งนี้เหมือนจะเคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่ไม่คุ้นเลย
“ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ ผมใช้มือเปล่าก็ได้” เซียวเฟิงหันกลับไปมองคู่ต่อสู้ของตนอย่างซีเหมินชุยเสวียดังเดิม เขาพูดราวกับว่าต่อให้ไม่มีสิ่งนั้นเขาก็สามารถเอาชนะซีเหมินชุยเสวียได้อยู่ดีแม้จะเป็นมือเปล่า
อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงเองก็ไม่ได้แตะอาวุธอย่างปืนใหญ่วัลแคนมานานแล้วด้วย ตั้งแต่ที่โลกใบนี้เริ่มมีปัญหาเรื่องทรัพยากรกัน อาวุธที่กินกระสุนที่จำเป็นต้องใช้เหล็กในการสร้างปริมาณมากอย่างปืนใหญ่วัลแคนจึงถูกจำกัดการใช้งานลงไปเยอะ
“ถ้าหากทั้งสองฝ่ายพร้อมกันแล้วล่ะก็ ยึดตามบัญญัติโบราณ การประลองหลั่งเลือด เริ่มต้นขึ้นได้!”
จางจงเหลียงทำหน้าที่เป็นกรรมการด้วยตนเอง เขามองซีเหมินชุยเสวียก่อนจะมองเซียวเฟิง เมื่อเห็นว่าทั้งสองพร้อมแล้วก็สั่งให้เริ่มการประลองได้ทันที
ในตอนที่เสียงของจางจงเหลียงเงียบลงไป ทั้งเซียวเฟิงและซีเหมินชุยเสวียต่างก็หลับตากันอยู่ทั้งครู่ แต่บรรยากาศของลานฝึกซ้อมขนาดใหญ่นี้กลับเยือกเย็นขึ้นมาทันควัน
เป็นทางเซียวเฟิงที่ลืมตาขึ้นก่อน ตาซ้ายของเขาเป็นสีแดงในขณะที่ตาขวาเป็นสีทอง ดวงตาทั้งสองข้างของเขากำลังเปล่งแสงสว่างออกมาอยู่!
เพียงชั่วพริบตา ร่างของเซียวเฟิงก็พุ่งออกไปเหมือนปืนใหญ่มนุษย์และเข้าจู่โจมซีเหมินชุยเสวียอย่างรุนแรง!
ทางซีเหมินชุยเสวียเองก็ลืมตาขึ้นมา ณ ตอนนั้นเช่นกัน เขามองเซียวเฟิงผู้ที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยแววตาที่ไม่ไหวติง ดาบในมือถูกชักขึ้นมาในท่าตั้งรับ และปลายดาบคมนั้นก็ชี้ไปทางเซียวเฟิงอย่างหนักแน่นด้วย!
“นายน้อยลำดับ 3 ของพวกเราไปทำอะไรมาตลอดหลายปีนี้กันแน่นะ ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้! ข้ารับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่เขาปลดปล่อยออกมาได้เลย! ดูท่าสิ่งที่เสียวหยูพูดอย่างการที่เขาสามารถเอาชนะฉิ่งเอ้อได้นั่นจะไม่ใช่เรื่องโกหกเสียแล้วสิ!”
ชายเครายาวเดินขึ้นมายืนข้าง ๆ จางเสี่ยวหยูขณะที่ลูบหนวดเคราที่ยาวของตนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ฉิ่งเอ้อยังไร้ความสามารถยิ่งนัก ข้ายังไม่มีความสามารถมากพอจะเป็นคู่ต่อสู้ให้นายน้อยลำดับ 3 ได้จริง ๆ อย่างที่ท่านว่านั่นแหละค่ะ”
ฉิ่งเอ้อพยักหน้าเบา ๆ และพูดตอบในขณะที่แววตายังไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลง เมื่อครั้งที่ต้องใช้กำลังบังคับเซียวเฟิงกลับมายังบ้านตระกูลจาง เธอต้องสู้กับเซียวเฟิง การพ่ายแพ้นั้นยังไม่หนักหนามากนักเพราะเธอยังถือเหรียญตราแห่งเจ้าตระกูลจางอย่าง ‘กระบี่โบราณที่แฝงไว้ด้วยจิตวิญาณแห่งกระบี่’ เอาไว้ในการต่อสู้ มิเช่นนั้นแล้วเธออาจจะพ่ายแพ้หนักกว่านี้ด้วยซ้ำไป
ส่วนจางเสี่ยวหยูนั้นไม่ได้ตอบอะไร เพราะกำลังกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนลานฝึกอยู่ เธอไม่แม้แต่จะได้ยินสิ่งที่ชายเครายาววัยกลางคนพูดเสียด้วยซ้ำ นอกจากจางเสี่ยวหยูแล้วทางด้านซางกวนซีเฟยหรือจืออี้เองก็เช่นเดียวกัน เธอกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือขณะที่ริมฝีปากก็เม้มแน่นด้วยความกังวล
ตัดภาพไปที่การประลองบนลานฝึกนั้น เซียวเฟิงยังคงเคลื่อนไหวรวดเร็วและรุนแรงเหมือนกระสุนปืนใหญ่ เขาไล่ตามซีเหมินชุยเสวียได้ในชั่วพริบตา ซึ่งทางซีเหมินชุยเสวียก็ไม่ได้ลดระดับการป้องกันลงมาเลยสักนิดเดียว เขาใช้ปลายดาบไล่แทงจุดตายเซียวเฟิงตลอดเพื่อให้เซียวเฟิงถอยออกไป
ฉึก!
แต่แล้ว เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ เซียวเฟิงก็เลิกที่จะถอยหรือหลบ เขาใช้ร่างกายของตนรับคมดาบเต็ม ๆ และด้วยเสียง ฉึก ปลายดาบยาวก็ทะลวงเข้าไปที่อกของเซียวเฟิงและแทงเข้าไปจนได้ในที่สุด!
ทุกคนต่างตกตะลึง ไม่เว้นแม้แต่จางจงเหลียงและชายเครายาว จางเสี่ยวหยูและจืออี้ยกมือขึ้นปิดปากทันทีพร้อมกับแสดงแววตาตกใจออกมาอย่างที่พบเห็นได้ยาก แม้แต่ฉิ่งเอ้อเองก็ยังขมวดคิ้วไปด้วย
ซีเหมินเว่ยที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งก็ไม่ต่างกัน เขาตกใจกับภาพที่เห็น เพราะตัวเขาตั้งใจจะให้ซีเหมินชุยเสวียสั่งสอนบนเรียนให้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเด็กนอกคอกแห่งตระกูลจางเฉย ๆ ไม่ได้คิดเลยว่าเรื่องมันจะบานปลายถึงขนาดเอาชีวิตกันเช่นนี้!
นั่นน่ะ ตระกูลจางนะ! ไม่ว่าจะเป็นคนที่ถูกขับไล่ออกไปแล้วแต่ก็ยังเป็นตระกูลจาง แล้วยิ่งคนที่โดนแทงเป็นลูกแท้ ๆ ของเจ้าตระกูลคนปัจจุบันอีก!
ถ้าหากซีเหมินชุยเสวียฆ่าเขาในการประลองหลั่งเลือดนี่ ตระกูลจางไม่ปล่อยพวกเขาไว้เแน่!
มีเพียงคิงคองเท่านั้นที่มองดาบยาวแทงทะลุอกเซียวเฟิงเข้าไปด้วยความสงบนิ่ง ความเย็นชาของเขาแม้แต่ซีเหมินชุยเสวียก็สังเกตเห็นได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคนดูจะแสดงท่าทีอะไรออกมา แต่คนที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดเห็นจะไม่พ้นผู้กระทำอย่างซีเหมินชุยเสวีย
สาเหตุที่เขาตกใจขนาดนั้นก็ไม่พ้นเรื่องที่ปลายดาบมันแทงทะลุเซียวเฟิงเช่นกัน เพราะตัวเองนั้นเตรียมเพลงดาบไว้มากถึงแปดเพลงหวังจะสั่งสอนเซียวเฟิง แต่นี่ยังไม่ทันไร เซียวเฟิงก็เอาตัวเองเข้าปะทะคมดาบไปแล้ว มันเป็นอะไรที่ตั้งตัวไม่ทันเลย
แต่อีกครั้งที่สีหน้าของเขาต้องเปลี่ยนไปอีกครั้ง บางสิ่งบางอย่างไม่ปกติ ดาบที่แทงเข้าไปในอกเซียวเฟิงนั้น…กำลังถูกบีบเอาไว้จนไม่สามารถดึงออกมาได้!
ในตอนนี้ ดูเหมือนเขาจะรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่โหดร้ายผ่านสายตาตนเองแล้ว
การประลองของผู้แข็งแกร่งนั้น มีสิ่งหนึ่งที่ห้ามให้เกิดขึ้นเลยนั่นก็คือ การผิดพลาด และเพราะความผิดพลาดนั้นทำให้ซีเหมินชุยเสวียชะงักไปชั่วขณะ ผลลัพธ์มันจึงค่อนข้างร้ายแรง กว่าเจ้าตัวจะเรียกสติกลับมาได้ เซียวเฟิงก็ซัดหมัดเข้าที่หน้าของเขาเข้าอย่างจังจนไม่สามารถหลบไปไหนได้เสียแล้ว!
ผลัวะ!
คราวนี้เป็นฝ่ายซีเหมินชุยเสวียบ้างที่ถูกหมัดและกระเด็นลอยออกไปเหมือนกระสุนปืนใหญ่! ดาบยาวในมือของเขาหลุดออกจากมือและกระเด็นลอยไปไกลไม่ต่างกัน!
กลางอากาศที่ซีเหมินชุยเสวียกำลังกระเด็นลอยไป เขารับรู้ได้เลยว่าตนมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น และมันน่าจะมาจากกระโหลกที่โดนแรงต่อยมหาศาลนั้นกระทบจนเปิดออก ความรุนแรงของหมัดดังกล่าวมากพอจะทำให้เขาหมดสติไปแทบจะทันทีและไม่รับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
เซียวเฟิงไม่ปล่อยให้ร่างนั้นลอยไปเรื่อย ๆ เขาแสยะยิ้มด้วยรอยยิ้มที่น่าสยดสยอง ขณะที่แผลตรงกลางอกกำลังสมานอย่างรวดเร็ว เขาก็กระโจนตามร่างของซีเหมินชุยเสวียไปติด ๆ ด้วย
คมดาบนั้นไม่ได้โดนจุดตายของเซียวเฟิงที่ซึ่งเปิดใช้งานโหมดชูร่าอยู่ จังหวะที่เขาปล่อยให้ดาบแทงเข้ามานั้น เพียงเสี้ยววินาทีจุดตายมันก็ถูกย้ายออกจากบริเวณนั้นไปแล้ว หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ตราบใดที่หัวใจยังไม่ถูกทำให้เกิดบาดแผล ต่อให้ปอดจะถูกทิ่มแทงอีกสักกี่ครั้ง เขาก็สามารถฟื้นฟูบาดแผลเหล่านั้นได้ในเวลาอันสั้น! และด้วยผลของโหมดไร้เทียมทาน ยามที่มันถูกสั่งใช้งาน เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายของเขาก็ลุกไหม้ขึ้นทำให้ศักยภาพของเซียวเฟิงเพิ่มขึ้นอีกนับพันเท่า!
ผลัวะ!
หมัดอีกหนึ่งหมัดที่มาจากเซียวเฟิงซัดเข้าที่กลางอกของซีเหมินชุยเสวียที่ซึ่งกำลังลอยอยู่บนอากาศ แรงต่อยที่รุนแรงนั้นมากพอจะทำให้ร่างที่ลอยอยู่ต้องพุ่งลงพื้นไปในทันที!
“อ่อก”
เลือดสีแดงฉานพุ่งสาดออกมาจากปากของชายหนุ่มผู้ไร้ทางสู้ หมัดเมื่อครู่นี้ต้องมีซี่โครงหักอย่างน้อยสองซี่แน่ ๆ!
ไม่เพียงเท่านั้น เซียวเฟิงยังคงไม่ปล่อยให้ซีเหมินชุยเสวียได้นอนนิ่งอยู่บนพื้น เขาพับเข่าตัวเองและดิ่งมันลงมากดเข้าที่หน้าท้องของซีเหมินชุยเสวียอย่างจัง ก่อนจะต่อยลงไปที่อกของอีกฝ่ายอีกครั้ง!
แม้จะไม่ได้เข้าไปดูใกล้ ๆ แต่ผู้คนที่เห็นการโจมตีเมื่อครู่ต่างก็พอจะเห็นได้เลือนรางว่ากลางอกของซีเหมินชุยเสวียเริ่มมีรอยยุบขึ้นมานิดหน่อย
“อึ่ก…”
ซีเหมินชุยเสวียอ้าปากกว้างพร้อมกับสำรอกเลือดออกมาอีกระลอกใหญ่ ดูจากความเข้มข้นของเลือดที่กระฉูดออกมานี้ ดูเหมือนว่าอวัยวะภายในของเขาหลายแห่งจะพังเสียหายหมดแล้ว
ทุก ๆ คนด้านนอกลานฝึกต่างตกตะลึงกันไปอีกรอบหนึ่ง พวกเขาไม่กล้าที่จะขยับตัวหรือพูดอะไรกันทั้งสิ้น เพราะเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน เซียวเฟิงเพิ่งจะโดนดาบยาวของซีเหมินชุยเสวียแทงทะลุออกไปแท้ ๆ แต่เพียงพริบตาเดียวมันก็เป็นฝ่ายซีเหมินชุยเสวียเองที่ถูกจัดการจนราบคาบเสียเอง!
และเป็นไปได้ว่า อัจฉริยะที่หาตัวจับยากผู้นี้จะตายแล้วด้วย!