Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 533 สกิลใหม่
บทที่ 533 สกิลใหม่
บทที่ 533 สกิลใหม่
“มันเริ่มต้นขึ้นแล้ว!”
“ไปกันเถอะ!”
แม้ในตอนนี้ เส้นทางข้ามเขตแดนทั้งเก้าจะหนาแน่นไปด้วยผู้เล่นก็จริง ทว่ามันกลับไม่ได้มีเสียงดังโวยวายอย่างที่คาดไว้ และแม้จะมีเสียงแจ้งเตือนว่าสงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเงียบสงบกว่าที่ควรจะเป็นจนน่าประหลาดใจ
บริเวณป่าม่านหมอกมีกิลด์ไดนัสตี้คอยประจำการให้อยู่ ด้วยจำนวนอันมหาศาลของพวกเขา ทำเอาม่านหมอกที่เป็นจุดเด่นของป่าดูเป็นตัวประกอบไปในทันที ถึงแม้ว่าผู้เล่นทั้งสองฝั่งทางข้ามจะมองเห็นซึ่งกันและกัน แต่พวกเขาไม่มีทางเห็นได้ครบทุกคนอย่างแน่นอน
คราวน์ปรินซ์เองก็อยู่ที่นี่ด้วย หลังจากที่เสียงประกาศจากระบบเงียบลง นั่นก็หมายถึงสงครามพร้อมจะเกิดได้ทุกเมื่อเพียงแค่ถูกกั้นไว้ด้วยม่านหมอกเท่านั้น เขายื่นมือออกไปสัมผัสกับหมอกด้านหน้า และทันใดนั้นเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นเพื่อถามเขาว่า เขาต้องการเทเลพอร์ตไปยังเขตไหน
เพราะผู้ที่สัมผัสนั้นคือ คราวน์ปรินซ์ เขาเลเวล 50 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นมันจึงตรงตามเงื่อนไขสำหรับการที่เขาจะไปเยือนเขตอื่นได้
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบาและหายไปในหมอกทันที
[ท่านได้ค้นพบ ‘เขตตงอิ๋ง’ ท่านได้รับค่าชื่อเพียงเพิ่ม 200 แต้ม!]
ภาพตรงหน้าของเขาที่เบลอ ๆ นั้นดูไม่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากม่านหมอกยังบดบังทัศนวิสัยอยู่ แต่ยึดเอาจากเสียงของระบบที่แจ้งเตือนเข้ามาในหูของคราวน์ปรินซ์ มันก็ยืนยันได้ว่าเขามาถึงเป้าหมายของตัวเอง เขตตงอิ๋ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รอบ ๆ ตัวเขาให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ่อน้ำพุร้อน ดูท่าว่านี่จะเป็นด่านน้ำพุร้อน และหมอกพวกนี้ก็คงจะเป็นไอน้ำ หลังจากที่ระบุได้แล้วว่าตนเองอยู่ที่ไหน คราวน์ปรินซ์ก็ตัดสินใจหันหน้าไปทางซ้ายแล้วเดินตรงออกไป
“ศัตรูบุกโจมตีแล้ว! พวกศัตรูมันบุกมาแล้ว! เร็วเข้า! นั่นมันพวกฮัวเซียนี่หว่า!”
เมื่อม่านหมอกจากลง ภาพของผู้เล่นปริมาณมหาศาลที่อยู่ด้านนอกก็ปรากฏขึ้นให้เห็น ทั้งหมดเป็นผู้เล่นเขตตงอิ๋งที่เตรียมพร้อมต่อสู้แล้ว
“ฆ่าพวกมันซะ”
คราวน์ปรินซ์ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา เขาออกคำสั่งสั้น ๆ จากนั้นก็เป็นฝ่ายวิ่งเข้าเปิดผู้เล่นเขตตงอิ๋งที่อยู่เบื้องหน้าโดยไม่กลับหลังไปมองแต่อย่างใด!
แน่นอนว่าเขาไม่ได้มาคนเดียว ที่ด้านหลังคราวน์ปรินซ์นั้นไม่เคยไร้ซึ่งผู้เล่นฝีมือดี และผู้กล้าเหล่านี้ก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งตามผู้เป็นนายฝ่าม่านหมอกที่เป็นจุดเคลื่อนย้ายด้วย พวกเขาเหล่านี้เป็นสมาชิกกิลด์ไดนัสตี้ทั้งหมด!
และคำว่า ‘ฆ่าพวกมันซะ’ ของคราวน์ปรินซ์นี้เอง ที่เป็นตัวลั่นไกเปิดฤกษ์ให้สงครามระหว่างเขตแดนที่แท้จริง!
ทางฝั่งป่าม่านหมอกที่คนจากกิลด์ไดนัสตี้หายกันไปหมดแล้ว กลุ่มผู้เล่นอีกกลุ่มก็เทเลพอร์ตเข้ามายังที่แห่งนั้น พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นจากเขตฮัวเซียอีกกองที่ถูกจัดเตรียมไว้ต้อนรับผู้มาเยือน ซึ่งด้วยชื่อสีแดงของอีกฝ่าย มันทำให้คนจากฮัวเซียที่ได้พบเจอ ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า คนพวกนี้คือผู้บุกรุก!
“ฆ่ามัน”
เพลิงแห่งสงครามถูกจุดปะทุขึ้นอีกหนึ่งแห่ง อันที่จริงตอนนี้ทั้งเก้าเส้นทางข้ามเขตแดนรอบฮัวเซียต่างก็เริ่มปะทะกับศัตรูที่บุกเข้ามากันแล้ว! ยามที่เหล่าหน่วยบุกทะลวงเทเลพอร์ตไป ผู้บุกรุกก็จะเทเลพอร์ตเข้ามา ดังนั้นมันไม่มีเวลาให้พวกเขาว่างกันมากนัก เพราะตอนนี้ ผู้เล่นทุกคน ต่างก็โหยหาการทำสงครามกันทั้งนั้น!
…
ป่าอสูรจองจำ ชั้นที่ 18
เซียวเฟิงกำลังง่วนอยู่กับการต่อสู้กับบอสระดับศักดิ์สิทธิ์มากว่ายี่สิบชั่วโมงแล้ว ซึ่งทางฝั่งเทวทูตแห่งพลังเองก็เหลือพลังชีวิตเพียงหนึ่งขีดเท่านั้น และหนึ่งขีดนั้นก็เหลือไม่เต็มด้วย บางทีพลังชีวิตของมันน่าจะเหลือไม่ถึง 10 ล้านหน่วยแล้ว
แต่เดิมเซียวเฟิงควรจะกำจัดเทวทูตแห่งพลังได้เร็วกว่านี้ เพราะด้วยสกิลโซ่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของค้อนศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถแลกเปลี่ยนความเสียหายกับอีกฝ่ายได้ในเวลา 3 วินาที ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการที่ให้เจ้าตัวโจมตีตนเองเลย สกิลนั้นได้ผลดี และทำให้เทวทูตแห่งพลังสูญเสียพลังชีวิตได้ในปริมาณมหาศาลในระยะเวลาสั้น ๆ
ทว่าใครจะไปคิดว่าทางฝั่งเทวทูตแห่งพลังจะซ่อนไม้เด็ดอย่างสกิลฟื้นฟูตนเองโดยไม่สนใจสกิลยับยั้งการฟื้นฟูของเขี้ยวมังกรอยู่ เขาสามารถฟื้นพลังชีวิตตนเองได้มากถึง 10% หนึ่งครั้ง ซึ่งแค่นี้ก็คือว่าทรงพลังมากแล้ว!
โชคยังดีที่การฟื้นฟูนั้นทำได้เพียงแค่ 10% ยังถือว่าไม่สูงมาก หากเทียบกับอัตราการสูญเสียพลังชีวิตแล้ว มันยังถือว่าห่างชั้นนัก เพราะงั้นเซียวเฟิงจึงต้องจำใจเสียเวลาเพิ่มนิดหน่อย จนกระทั่งทำให้เทวทูตแห่งพลังเหลือพลังชีวิตเพียงหนึ่งขีดได้
ถึงอย่างนั้น แม้ว่าบอสตรงหน้าจะดูใกล้ตายมากขนาดไหน เซียวเฟิงก็ไม่ได้คลายความตึงเครียดลงเลย สีหน้าที่นิ่งสงัดเหมือนรูปปั้นของเขา แอบซ่อนความตึงเครียดไว้ให้เห็นเป็นระยะ ๆ
ไม่ว่าร่างของเทวทูตแห่งพลังจะเต็มไปด้วยความเสียหายมากขนาดไหน ทั้งบาดแผลและปีกอีกหลายข้างที่โดนตัด สภาพของบอสตนนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับทูตสวรรค์ที่ตายไปแล้วสักนิด แต่เซียวเฟิงก็ไม่สามารถทำลายมันได้ในทันที…
เนื่องจากอาวุธของเซียวเฟิงอย่างค้อนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่มีสถานะทำลายล้างอยู่ สกิลเดียวที่มีสถานะนั้นของเขาคือหอกศักดิ์สิทธิ์ลองกินัส และเพราะตอนนี้อยู่ในช่วงสงครามระหว่างเขตแดน มันเลยทำให้เซียวเฟิงค่อนข้างจะลังเลที่จะใช้สกิลนี้มาก ๆ เช่นนั้นแล้วการต่อสู้จึงได้ยืดเยื้อมานานขนาดนี้
ที่แย่ที่สุดในการต่อสู้ยืดเยื้อก็คือ เทวทูตแห่งพลังมีความสามารถเดียวกันกับหุ่นเชิดของหนี่อู๋ ที่ยิ่งพลังชีวิตน้อยลงเท่าไหร่ มันก็ยิ่งโจมตีแรงขึ้นเรื่อย ๆ
แต่แล้วในที่สุด หลังจากผ่านมาหนึ่งชั่วโมงเต็ม พลังชีวิตของเทวทูตแห่งพลังก็ได้หมดลงท่ามกลางความเงียบของเซียวเฟิง เขามองภาพตรงหน้าด้วยความลุ้นระทึกภายในใจ
[ท่านได้ทำการกำจัดบอสระดับศักดิ์สิทธิ์ ‘เทวทูตแห่งพลัง’ ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 1,680,000,000 แต้ม!]
[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นเป็น 56…]
[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นเป็น 57…]
[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นเป็น 58…]
[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นเป็น 59 และท่านได้รับแต้มค่าสถานะอิสระ 3 แต้ม!]
ร่างสูงของเทวทูตแห่งพลังเกิดรอยร้าวไปทั่วตามมาด้วยเสียงแจ้งเตือนว่าเขากำจัดมันได้แล้ว พร้อม ๆ กับเสียงแจ้งเตือนเลเวลอัปที่มากถึง 4 ครั้ง! แสงสว่างสีขาวที่เปล่งจากตัวเซียวเฟิงเป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ดี
เซียวเฟิงเลเวลอัป 4 เลเวลจากการปราบบอสตัวเดียว!
แต่นี่ก็ยังไม่ได้ทำให้เซียวเฟิงตกใจมากนัก ด้วยระดับของเทวทูตแห่งพลัง ค่าประสบการณ์มากมายเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเกินไปหากเขาสามารถกำจัดมันได้ สิ่งที่ทำให้เขาตกใจจริง ๆ มันคือร่างของเทวทูตแห่งพลังต่างหาก!
แม้ว่าทั่วทั้งร่างจะมีรอยแตกร้าวเต็มไปหมดราวกับพร้อมจะแตกสลายอยู่ตลอด แต่มันกลับยังไม่แตกสลายแต่อย่างใด
แกร๊ก!
ขณะที่เซียวเฟิงกำลังเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ นั้น ตรงกลางอกของศพเทวทูตแห่งพลังก็เกิดแหวกออกพร้อมกับส่งเสียงดังเหมือนบางอย่างกำลังจะออกมาเสียอย่างนั้น!
อวยพรความกล้า!
อวยพรชีวิต!
อวยพรอาวุธ!
อวยพรคุ้มครอง!
ต้นกำเนิดแห่งชีวิตและเวทมนตร์!
การฟื้นคืนชีพศักดิ์สิทธิ์!
ดวงตาของเซียวเฟิงมันสั่นคลอนโดยพลัน เขารีบถอยออกห่างพร้อมกับกระชับค้อนศักดิ์สิทธิ์ในมือให้มั่นเพื่อเตรียมรับการโจมตีที่อาจจะออกมาได้ทุกเมื่อ ระหว่างนั้นเขาก็ร่ายบัฟหลัก ๆ ให้ตนเองเผื่อไว้ด้วย
เพราะภายใต้รอยแยกนั้น มันก็มีร่างของเทวทูตแห่งพลังอีกตนหนึ่งค่อย ๆ มุดออกมาด้วย! มันมีขนาดเล็กลงมาจนเหลือตัวเท่ากับทูตสวรรค์แล้ว!
เกิดอะไรขึ้นกันนะ? หรือว่านั่นคือร่างจริงของเทวทูตแห่งพลังงั้นเหรอ?
ภายในหัวของเซียวเฟิงนั้นเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ขณะเดียวกันเขาก็เตรียมรับมือกับเทวทูตแห่งพลังอีกครั้ง
“บัดซบ! เป็นไปไม่ได้! ข้าผู้นี้ตายงั้นเหรอ!? เจ้าเป็นใครกันแน่! แค่อาร์คบิชอปธรรมดา ๆ ไม่สามารถฆ่าข้าได้แน่ ๆ! เกิดอะไรขึ้นกับดินแดนแห่งพระเจ้าตลอดสองหมื่นปีนี้กัน!”
ด้วยสีหน้าที่ดูเจ็บปวด เทวทูตแห่งพลังกำลังก็ก่นด่าออกมาด้วยเสียงอันดังก้อง
อย่างไรก็ตาม เทวทูตที่เกรี้ยวกราดผู้นี้ก็ไม่ได้รอที่จะฟังคำตอบจากเซียวเฟิงแต่อย่างใด เขาหันมองรอบตัวด้วยสีหน้ากระวนกระวาย ราวกับเจอศัตรูคู่อาฆาต
แล้วทันใดนั้นเอง เทวทูตแห่งพลังก็ยกมือขึ้นเปิดเวทมนตร์เคลื่อนย้ายด้วยร่างที่มีสีทองอร่ามขนาดพอดีตัวก่อนจะหนีหายเข้าไปในนั้นอย่างไร้ร่องรอย
เขาไม่แม้แต่จะหันมามองเซียวเฟิงทิ้งท้าย ร่างนั้นหนีหายไปและทิ้งเซียวเฟิงที่กำลังงุนงงกับสถานการณ์ไว้ที่เดิมโดยไม่กล่าวคำลา
แต่แล้วทันใดนั้น ออร่าที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งทวยเทพอันบริสุทธิ์ก็แผ่ฟุ้งปกคลุมไปทั่วภูเขาแห่งนี้ ช่องว่างระหว่างฟ้าถูกแหวกออกพร้อมกับร่างอันสง่างามของหญิงสาวผู้เลอโฉมจึงค่อย ๆ เยื้องย่างลงมาสู่โลก
เทพธิดาแห่งแสง!
เมื่อเห็นเทพธิดาแห่งแสงลงมาปรากฏตัวที่นี่ เซียวเฟิงก็รับรู้ได้ทันทีว่าทำไมเทวทูตแห่งพลังจึงได้รีบหนีไปเช่นนั้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่จัดการเขาเสียก่อน
“ท่านเทพธิดาแห่งแสง เป็นเกียรติที่ได้พบยิ่งนัก” เซียวเฟิงกล่าวทักทายและโค้งให้สตรีผู้เลอโฉมผู้มาจากฟากฟ้าราวกับการมาของเธอนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรไปแล้ว
“ท่านทำได้ดีมาก”
เทพธิดาแห่งแสงหยุดอยู่ที่เซียวเฟิงครู่หนึ่ง เธอกวาดตามองไปรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้และสะดุดตาเข้ากับร่างของเทวทูตแห่งพลังที่สลัดทิ้งไว้ก่อนจะหันกลับมากล่าวชมเซียวเฟิงอย่างไม่มีใครคาดคิด
“มันยัง…เดี๋ยวก่อน! นั่นท่านคิดจะทำอะไรน่ะ!”
เซียวเฟิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ทว่าตอนนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที นั่นเพราะจู่ ๆ เทพธิดาแห่งแสงก็ทำให้ร่างของเทวทูตแห่งพลังค่อย ๆ หายไปช้า ๆ จากเท้าจรดหัว เหมือนกับเธอกำลังโยนร่างนั้นเข้าไปยังมิติอื่น มิตินั้นกลืนกินร่างของเทวทูตแห่งพลังไปจนไม่เหลือแม้แต่ปีกให้เห็นแม้แต่คู่เดียว
เขายังไม่ทันได้ตรวจสอบเลยว่าศพของเทวทูตแห่งพลังจะดร็อปอะไรให้เขาบ้าง เนื่องจากบอสตนนี้เป็นบอสระดับศักดิ์สิทธิ์ตัวแรกที่เขาเจอในเซิร์ฟเวอร์ เพราะฉะนั้นเขาจึงยังคิดว่ามันน่าจะมีของรางวัลที่ยิ่งใหญ่เก็บซ่อนไว้อยู่
ไม่แน่ใจว่ามันเป็นอาการตาฝาดของเขาหรือว่าอะไร เพราะขณะที่ร่างของเทวทูตแห่งพลังกำลังจะหายไป เซียวเฟิงสังเกตเห็นได้ถึงโครงสร้างเหล็กบางอย่างที่อยู่ภายในร่างที่ค่อย ๆ หายไปนั้นด้วย!
สิ่งนี้มันผิดคาดเกินไปมาก ๆ และมันทำให้เซียวเฟิงไม่สามารถยอมรับได้ เขารีบวิ่งตรงไปยังจุดที่ร่างของเทวทูตแห่งพลังหายไปและสำรวจรอบ ๆ ที่นั่นไม่มีอะไรดร็อปลงมาเลย!
“บ้าเอ้ย! เจ้านั่นไม่ดร็อปอะไรลงมาเลยงั้นเหรอ! หรือว่า…ท่านยึดมันไป!?”
มันช่วยไม่ได้ แต่เซียวเฟิงที่กำลังขี้เหนียวของดร็อปนั้นเดือดดาลจนลืมไปแล้วว่าผู้ที่เขากำลังขึ้นเสียงใส่นั้นเป็นถึงเทพธิดาแห่งแสง
ชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่าบอสระดับศักดิ์สิทธิ์ตนนั้น อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะดร็อปอุปกรณ์ระดับเดียวกับมันหรือไม่ก็หนังสือสกิลระดับตำนานสักเล่ม ดีไม่ดีก็อาจจะได้ถึงระดับศักดิ์สิทธิ์เลยด้วย!
ดังนั้นในเมื่อเธอกล้าที่จะเอาของรางวัลของเขาไป ต่อให้เป็นเทพธิดาแห่งแสงก็เถอะ เอาเข้าจริงต่อให้เป็นเทพเจ้าแห่งแสง เซียวเฟิงก็ไม่เกรงกลัวที่จะมีเรื่องด้วยทั้งนั้น!
เทพธิดาแห่งแสงเหลียวมองเซียวเฟิงโดยไม่ได้พูดอะไร เธอไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองในคำพูดและการกระทำของเซียวเฟิง กลับกัน เทพธิดาสาวยังยื่นมือออกมาต่อหน้าเซียวเฟิงช้า ๆ แล้วทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น
[ท่านได้รับหนังสือสกิลระดับตำนาน ‘เทวาธิปไตย – ประตูสวรรค์’!]
[ท่านจะยอมรับภารกิจลับ ‘ตามล่าผู้แปรพักตร์ – เทวทูตแห่งพลัง’ หรือไม่?]
เสียงแจ้งเตือนสองครั้งติดนั้นดังอยู่ในหูเซียวเฟิง ทำให้อารมณ์ของเขาแปรเปลี่ยนไปทันควัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปทันทีหลังได้ยินสารทั้งสองอย่าง นักบวชหนุ่มถึงกับยิ้มไม่หุบเลย
“รับครับ! รับ! ไว้ใจผมได้เลย ภารกิจนี้จะต้องสำเร็จไปด้วยดี!”
เซียวเฟิงยิ้มสดใสให้กับเทพธิดาแห่งแสงที่อยู่เบื้องบน ไม่ผิดแน่ สมุดสกิลสีม่วง…สกิลระดับตำนาน! นอกจากนี้ยังแถมภารกิจลับมาด้วย! ถึงแม้ว่าของรางวัลภารกิจจะยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่แค่มันเป็นภารกิจลับ ก็ทำให้ผู้เล่นตื่นเต้นกันได้แล้ว
ในสายตาของเซียวเฟิง เทวทูตแห่งพลังในตอนนี้กลายเป็นอาชญากรที่มีค่าหัวค่อนข้างสูงไปแล้ว มันดึงดูดจนเขาไม่อยากจะเข้าร่วมกับสงครามระดับนานาชาติตอนนี้เลย ในเมื่อเทพธิดาแห่งแสงได้บัญญัติให้เทวทูตแห่งพลังเป็นผู้แปรพักตร์แล้ว แสดงว่าตอนนี้สถานะของอีกฝ่ายเทียบเท่าได้กับหนี่อู๋ แสดงว่าต่อจากนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องล่าตัวเขากลับมาให้ได้ โดยไม่มีการต่อรอง
“เขาหนีไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์ในเขตยุโรป ข้าไม่สามารถไปที่นั่นได้ ดังนั้นภารกิจไล่ล่าและสังหารผู้แปรพักตร์นี้ข้าจะขอยกไว้ให้ท่าน”
น้ำเสียงของเทพธิดาแห่งแสงยังคงไม่แยแสดังเดิม เธอไม่ได้สนใจอะไรที่เซียวเฟิงทำเลย และหลังจากที่พูดออกไปเช่นนั้นแล้ว ร่างที่งามสง่าก็หายตัวไปอีกครั้งผ่านวงเวทสำหรับเคลื่อนย้าย
เพียงแค่ชั่วพริบตา ที่หุบเขาแห่งนี้ก็เหลือแค่เซียวเฟิงแต่เพียงผู้เดียวแล้ว เขาหันมองไปรอบ ๆ มองทัศนียภาพที่พังทลายอันเกิดมาจากการต่อสู้ระหว่างเขากับเทวทูตแห่งพลังที่กลายเป็นหิน
หลังจากมั่นใจแล้วว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ และนี่ก็เป็นชั้นสุดท้ายของป่าอสูรจองจำ เซียวเฟิงจึงตัดสินใจที่จะเปิดกระเป๋าของตนออกมาด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะหยิบหนังสือสกิลที่ได้มานั้นขึ้นมาดู!