Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 543 ติดต่อกับอาณาจักรแห่งพระเจ้า
บทที่ 543 ติดต่อกับอาณาจักรแห่งพระเจ้า
บทที่ 543 ติดต่อกับอาณาจักรแห่งพระเจ้า
เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนั้นตั้งอยู่ที่ใจกลางเขตอิตาลี ธรรมชาติโดยรอบนั้นดูคลับคล้ายคลับคลากับนครศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เหมือนอยู่ในวิหารแห่งแสงไปทั่วทั้งเมืองด้วย
แม้แต่ยามหน้าประตูเมืองเองก็ยังเป็นพาลาดินชุดเกราะสีเงินเลย ขนาดของเมืองนี้น่าจะเทียบเท่าได้กับเมืองระดับ 2 แล้ว ไม่สิ ที่นี่น่ะ ใหญ่ยิ่งกว่าเมืองแห่งความโศกเศร้าเสียอีก แต่ก็ไม่ได้ใหญ่เทียบเท่ากับเมืองหลักระดับ 1 อย่างนครศักดิ์สิทธิ์…
อย่างที่คิดเลย และมันค่อนข้างจะสมเหตุสมผลด้วย ถึงแม้ว่าเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กจะเป็นของเขตอิตาลี แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มองทุกคนเป็นศัตรูเหมือนเมืองอื่น ๆ มองจากบนฟากฟ้าลงมายังเมืองนี้ เซียวเฟิงพบว่าทั่วทั้งเมืองนั้นเต็มไปด้วยชื่อสีเขียวที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นมิตร หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้ว เขาก็ตัดสินใจบินลงไปยังตัวเมืองโดยตรง
“เจ้าเป็นใครน่ะ?”
ทว่าก่อนที่เซียวเฟิงจะได้ลงถึงพื้น กลุ่มพาลาดินเกราะสีเงินก็บินสวนขึ้นมาเสียก่อน พวกเขาขี่ยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ดูน่าเกรงขามกันทุกคนเลยด้วย
“ท่านอาร์คบิชอป?”
แต่เพราะทางเซียวเฟิงก็ขี่ยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ และเปิดเผยฉายาของเขาอย่างอาร์คบิชอปไว้เหนือหัว เหล่าพาลาดินที่บินเข้ามาจึงชะงักกันไปทั้งหมด
“ท่านมาจากไหนกัน? ข้าไม่เคยเห็นอาร์คบิชอปเป็นเวลา..เดี๋ยวก่อนนะ!? หรือว่าท่านเป็นอาร์คบิชอปที่มาจากนครศักดิ์สิทธิ์เหรอครับ?”
“พาฉันไปหาพระสันตะปาปา ฉันมีศาลจากเทพธิดาแห่งแสงที่ต้องเผยแพร่” เซียวเฟิงพูดตัดบทโดยไม่แยแส เพราะตอนนี้เข้ายศสูงกว่าพาลาดินเหล่านี้มากนัก
“รับทราบครับ ท่านอาร์คบิชอป! ได้โปรดตามข้ามาเถิด”
เหล่าพาลาดินที่ยังอ้ำอึ้งหันมองหน้ากันเอง ก่อนที่ผู้ที่เป็นหัวหน้าชุดจะเดินออกมานำหน้าเซียวเฟิงเข้าไปยังวิหารกลางของเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
ถึงแม้ว่าพื้นที่ของเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนั้นจะไม่ได้กว้างขวางเหมือนนครศักดิ์สิทธิ์ก็จริง แต่สิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงต้องตกใจนั่นคือ วิหารกลางของเมืองนี้ เทียบเท่าได้กับวิหารกลางของนครศักดิ์สิทธิ์ได้เลยในแง่ของความงดงาม!
หากว่าเมื่อตอนอยู่บนท้องฟ้าเขาไม่เห็นชื่อสีเขียวก่อนล่ะก็ เขาคงไม่กล้าเดินเข้ามาภายในโดยไม่ระมัดระวังตัวเช่นนี้แน่ เพราะก่อนจะมาที่นี่ บิชอปโจลีฟได้เตือนเขาไว้เกี่ยวกับความอันตรายของเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมากเลยทีเดียว
ดังนั้นต่อให้เมืองนี้มีชื่อเป็นสีเหลืองกันทั้งเมือง เขาก็คงจะไม่กล้าเสี่ยงอยู่ดี เพราะชื่อสีเหลืองนั้นเปรียบเสมือนหนังสือที่กำลังพลิกหน้าไปมา เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเดินหมากผิด นั่นหมายถึงทั้งเมืองจะกลายเป็นสีแดงได้ทันที
เช่นนั้นแล้วสีเขียวจึงถือว่าปลอดภัยที่สุด เพราะผู้ที่มีชื่อสีเขียวจะเกิดความเกลียดชังได้น้อยมาก ๆ เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาถูกโจมตีโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งแน่นอนว่าเซียวเฟิงไม่ทำเช่นนั้นแน่ ๆ
“หือ? หนีมาอยู่ที่นี่เองเหรอ?”
สิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงรู้สึกไม่คาดคิดขึ้นมาอีกนั่นก็คือ เทวทูตแห่งพลังเองก็อยู่ที่วิหารกลางแห่งนี้ด้วย เจ้าตัวสวมชุดคลุมนักบวช หากไม่ติดว่าชื่อของเทวทูตนั้นเป็นสีเหลือง เซียวเฟิงคงจะไม่ได้สังเกตเป็นแน่
และในเมื่อหาตัวอีกฝ่ายเจอแล้ว แววตาของเซียวเฟิงก็หนักแน่นขึ้นมาราวกับเขาพร้อมจะเปิดฉากการต่อสู้ได้ทุกนาที
“เฮอะ ๆๆ ท่านคงจะเป็นอาร์คบิชอปที่เพิ่งถูกนครศักดิ์สิทธิ์แต่งตั้งมาได้ไม่นานสินะ? ข้าไม่คาดคิดเลยว่านักผจญภัยจะมาได้ถึงจุดนี้”
ภายในวิหารกลางนี้มี NPC จำนวนไม่มาก นอกจากเทวทูตแห่งพลังแล้ว ที่เหลือก็มีแค่ NPC สูงวัยที่ผมขาวผมเทากันถ้วนหน้า ตำแหน่งต่ำที่สุดของพวกเขาคืออาร์คบิชอปและประธานผู้พิพากษา ในส่วนของใจกลางวิหาร ที่นั่น มีชายสูงวัยที่สวมชุดคลุมสีทองกำลังนั่งอยู่ ชื่อบนหัวของเขาแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาคือพระสันตะปาปา และตอนนี้ชายคนนั้นก็กำลังมองมายังเซียวเฟิงและยิ้มให้อยู่
“องค์สันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่ คนคนนี้คือผู้ที่ข้าได้พูดถึงไว้ก่อนหน้านี้ ข้ารับใช้ของเทพีแห่งแสง แต่มีพลังที่กล้าแกร่งขนาดกำจัดข้าได้แม้เป็นเพียงอาร์คบิชอป!”
ดูเหมือนว่าเทวทูตแห่งพลังเองก็จะจำเซียวเฟิงได้แล้วเช่นกัน ชื่อบนหัวของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยพลัน กระนั้นมันก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเปิดฉากการโจมตีก่อน แต่เลือกที่จะยืนอยู่ด้านหลังพระสันตะปาปาและพูดออกมาราวกับว่าจะใช้พลังของพระสันตะปาปาในการกำจัดเซียวเฟิงแทน
“ท่านเทวทูตแห่งพลัง ท่านอาร์คบิชอปผู้นี้คือนักผจญภัยที่ข้าได้เล่าให้ท่านฟังก่อนหน้าแล้วเหมือนกัน เขาคือผู้ที่เกิดมาเพื่อรับหน้าที่ในการส่งสารของพระเจ้า” พระสันตะปาปาหัวเราะ ถึงแม้ว่าทั้งผมและเคราของเขาจะขาวไปทั้งหมด แต่ใบหน้าของเขาก็แสดงความแดงระเรื่อออกมายามที่หัวเราะเช่นนี้ และมันทำให้ดูเป็นคนใจดีเอาเสียมาก ๆ
“ว่าอย่างไรนะ! เจ้านี่คือนักผจญภัยที่มีชีวิตไม่จำกัดงั้นเหรอ!? ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงฟื้นกลับมาใหม่ทุกครั้งที่ข้าลงมือสังหาร!” สีหน้าของเทวทูตแห่งพลังเปลี่ยนไปในทันที เขาดูขยะแขยงเซียวเฟิงมาก ๆ หลังจากการหลับใหลกว่าสองหมื่นปี เขาก็เพิ่งได้ยินมาเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า บนอาณาจักรแห่งพระเจ้านี้ ได้มีผู้ที่ถูกเรียกว่า นักผจญภัย ถือกำเนิดขึ้น และคนเหล่านี้ถือเป็นตัวตนพิเศษ พวกเขาไม่มีวันตายจากโลกใบนี้ไปโดยถาวร พวกเขา…คือสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตไม่จำกัด!
สิ่งนี้ทำให้เทวทูตแห่งพลังหมดเรี่ยวแรงที่จะสู้ เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุไฉนเมื่อครั้งที่สู้กับเซียวเฟิงคราวก่อน ตัวเองถึงไม่สามารถกำจัดเซียวเฟิงได้ทั้ง ๆ ที่เห็นกันอยู่ว่าเซียวเฟิงได้ตายลงด้วยเงื้อมมือของเขาแล้ว เพราะงั้นพอเรื่องเฉลยมาเช่นนี้ เขาจึงเชื่อมโยงทุกอย่างได้อย่างลงตัว
และด้วยเหตุนี้ เขาจึงตระหนักได้ว่า ตัวเขาไม่สามารถกำจัดอาร์คบิชอปผู้นี้ได้อย่างแน่นอน!
“ท่านอาร์คบิชอปที่เคารพ ข้าไม่รู้ว่าท่านใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะเดินทางมาถึงเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กแห่งนี้ได้ แต่ข้าจะขอถามเลยได้หรือไม่ว่า สารที่ท่านนำมานั้นคืออะไร?” พระสันตะปาปาสูงวัยหันไปถามเซียวเฟิงต่อโดยไม่อ้อมค้อมแต่อย่างใด
“ท่านเทพธิดาแห่งแสงส่งมอบหมายหน้าที่ให้ผมมากำจัดเทวทูตแห่งพลังผู้ทรยศ” เซียวเฟิงพูดพลางลูบคางตนเองไปด้วย กระนั้นสายตาของเขาก็มองไปรอบ ๆ วิหารกลางแห่งนี้ด้วยความสงสัย
เมื่อตอนที่เซียวเฟิงเข้ามาที่นี่ เขารู้สึกได้ถึงออร่าความศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ฟุ้งอยู่เต็มวิหารกลางแห่งนี้ในปริมาณที่หนาแน่นมาก ๆ ความหนาแน่นนี้เขาคุ้นเคยดี มันเกือบจะเทียบเท่าได้กับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ที่เสี่ยวไป๋เกิดในนครศักดิ์สิทธิ์เลย ออร่าเหล่านี้หนาแน่นจนเห็นเป็นบรรยากาศที่อัดแน่นไปด้วยแสงสีทองเรืองรอง แต่นี่แหละที่ทำให้ต้องรู้สึกแปลก
และในขณะที่เซียวเฟิงกำลังเดินเข้าไปพระสันตะปาปากับคนอื่น ๆ เขาก็ค้นพบถึงต้นตอของความผิดปกติภายในวิหารกลางนี้
ที่พื้นเบื้องล่าง มันกำลังเปล่งแสงอยู่ราวกับว่ามีวงแหวนเวทมนตร์ถูกติดตั้งไว้ และตำแหน่งการยืนของพระสันตะปาปากับเหล่า NPC ระดับสูงเองก็เหมือนจะกำลังล้อมรอบอะไรอยู่ด้วย ราวกับว่าพวกเขากำลังยืนล้อมรอบวงแหวนเวทมนตร์จริง ๆ โดยมีเทวทูตแห่งพลังยืนอยู่ตรงกลางวงแหวน
“เฮอะ ๆๆ ท่านอาร์คบิชอปที่เคารพ ท่านเทวทูตแห่งพลังน่ะ เป็นผู้นำสารจากพระเจ้านะ เขาจะเป็นผู้ทรยศได้อย่างไร? ฝั่งที่น่าสงสัยน่ะ น่าจะเป็นเทพธิดาแห่งแสงมากกว่านะ” พระสันตะปาปายังไม่ได้แสดงท่าทีว่าเป็นศัตรูแต่อย่างใด เขาเพียงแค่ย้ำเตือน “เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กแห่งนี้จะปกป้องท่านเทวทูตแห่งพลังเอง เช่นนั้นแล้ว ท่านอาร์คบิชอปไม่สามารถทำอะไรท่านเทวทูตแห่งพลังได้ภายใต้การปกป้องของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนี้”
“พวกท่านกำลังจะทำอะไร?” มันชัดเจนแล้วว่าเซียวเฟิงไม่ได้รู้สึกไปเอง ยิ่งพอรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะปกป้องเทวทูตแห่งพลังด้วยแล้วยิ่งไม่น่าไว้วางใจ วงแหวนเวทมนตร์ใต้เท้าเซียวเฟิงมันเปล่งแสงสว่างขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยออร่าแห่งความศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากจุดกึ่งกลาง ออร่าเหล่านั้นเข้าไปรวมที่ร่างของเทวทูตแห่งพลังก่อนที่ร่างของเขาจะเปล่งแสงเหมือนหลอดไฟทรงมนุษย์!
“ไหน ๆ เจ้าก็อยู่ที่นี่แล้ว ข้ากำลังจะติดต่อกับอาณาจักรแห่งพระเจ้าเพื่อรายงานเทพเจ้าแห่งแสงพอดี เดี๋ยวข้าจะรายงานความผิดที่เทพีแห่งแสงได้ก่อแล้วเจ้าจะได้รู้ ว่าเจ้าได้กระทำสิ่งผิดพลาดอะไรลงไป!”
เทวทูตแห่งพลังพ่นลมหายใจรุนแรงออกมา เขาแสดงสีหน้าท้าทายใส่เซียวเฟิงขณะที่ร่างกายของเขากำลังเปล่งแสงสว่างขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนนี้พลังศักดิ์สิทธิ์มันหนาแน่นจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแล้ว! พลังศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นแยกออกมาเป็นอีกหนึ่งตัวตน กลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับกระจกบานใหญ่ที่ส่องประกายแสงออกมาตลอดเวลา!
“ท่านเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง…”
นี่คือกระจกศักดิ์สิทธิ์ มันต้องใช้พลังจากทั่วทั้งวิหารกลางของเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพื่อสร้างมันขึ้นมา ตอนนี้วงแหวนเวทมนตร์เบื้องล่างค่อย ๆ ดับมอดลงแล้ว เช่นเดียวกับกลุ่มของ NPC ระดับสูงที่ย่อเข่าลงไปนั่งกับพื้นราวกับถูกไฟฟ้าช็อตด้วย แม้แต่พระสันตะปาปาเองก็ยังมีสีหน้าที่ดูเหนื่อยอ่อนลงไปอย่างเห็นได้ชัด
มีเพียงเทวทูตแห่งพลังเท่านั้นที่ดูจะยังคงตื่นเต้นกับสิ่งตรงหน้า เขาเดินตรงเข้าไปหาบานกระจกด้วยท่าทีนอบน้อมราวกับทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ที่ยอมถวายตัวให้กับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังกระจกบานนี้ไปหมดแล้ว
ครืน!
ทว่าก่อนที่เทวทูตแห่งพลังจะได้สัมผัสบานกระจก ตัวกระจกศักดิ์สิทธิ์เองก็สั่นไปทั้งบานราวกับกำลังปฏิเสธและผลักผู้ที่เข้ามาใกล้ออกไปไกล
“กะ…กระจกศักดิ์สิทธิ์…กำลังปฏิเสธข้างั้นเหรอ?” สีหน้าของเทวทูตแห่งพลังแสดงให้เห็นถึงความประหลาดใจทันที เขามองมายังมือของเขาที่ยังมีอาการสั่นหลงเหลือจากการโดนผลักออกด้วยความโหวงเหวง
“ท่านเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง! นี่ข้าเองขอรับ! ข้า…เทวทูตแห่งพลัง! กาลเวลาได้ผ่านมานานถึงสองหมื่นปีแล้ว และข้าต้องการรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นบนอาณาจักรที่ต่ำช้าแห่งนี้ขอรับ!”
เขายังคงไม่ยอมแพ้ เทวทูตแห่งพลังขยับไปใกล้กระจกศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งและกล่าวอ้อนวอน
ครืน!!!!
แต่ผลลัพธ์ก็เป็นเช่นเดิม กระจกศักดิ์สิทธิ์ปฏิเสธด้วยกันสั่นและผลักเขาออกอีกครั้ง ซึ่งรอบนี้ก็ทำเอาเทวทูตแห่งพลังไม่กล้าขยับเข้ามาอีกรอบด้วย ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่สามารถยอมรับความจริงข้อนี้ได้
“ทำไมล่ะ…ทำไมท่านเทพเจ้าแห่งแสงถึงปฏิเสธที่จะฟังคำข้า…”
“ท่านเทวทูตแห่งพลัง ให้ข้าลองได้ไหม? ข้าไม่ได้ยินเสียงของพระผู้เป็นเจ้ามาหลายปีแล้ว!” พระสันตะปาปาลุกขึ้นยืนและพูด สีหน้าของเขาแสดงความตื่นเต้นออกมาขณะถามออกไปเช่นนั้น
“เชิญ…หากท่านเทพเจ้าแห่งแสงต้องการจะฟังท่าน กระจกศักดิ์สิทธิ์จะตอบสนองท่านเอง”
เทวทูตแห่งพลังที่ยังคงจิตตกอยู่ฟังคำขอของอีกคน เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะให้ผู้ถามได้ลอง เจ้าตัวถอยออกมาและเปิดทางให้พระสันตะปาปาเข้าไปยืนหน้ากระจกแทน
“ท่านพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด ข้าผู้เปี่ยมด้วยศรัทธาและความเชื่อ…”
ร่างของพระสันตะปาปากำลังสั่นไปด้วยความตื่นเต้น จนแม้แต่ผมสีขาวของเขาก็พลอยสั่นตามไปด้วย เขาเดินเข้าไปข้างหน้าช้า ๆ หมายจะจับบานกระจกศักดิ์สิทธิ์นั้น
ครืน!!!!
เช่นเดียวกันกับเทวทูตแห่งพลัง บานกระจกสั่นสะเทือนและผลักพระสันตะปาปาออกไปไม่ต่างกัน
“อาณาจักรแห่งพระเจ้าเปลี่ยนไปจริง ๆ ด้วย…นังเทพีแห่งแสงนั่นทำอะไรลงไปกันแน่! พวกเจ้า มาลองให้หมดเลย! มาดูว่าจะมีใครสามารถติดต่อกับอาณาจักรแห่งพระเจ้าได้บ้าง!”
เทวทูตแห่งพลังขมวดคิ้วแน่น แววตาของเขาเดือดพล่านราวกับมีดวงไฟกำลังลุกโชนอยู่ เขาทั้งกังวล หงุดหงิด ขณะเดียวกันก็เรียกให้เหล่า NPC ชั้นสูงทั้งหมดในวิหารกลางมาทดลองติดต่อกับอาณาจักรแห่งพระเจ้าด้วย
กลุ่มของ NPC สูงวัยดูจะตื่นตัวขึ้นมากันทันที พวกเขาเดินเข้าไปยังหน้ากระจกศักดิ์สิทธิ์ทีละคน แต่ก็อย่างที่เดาได้ กระจกศักดิ์สิทธิ์ปฏิเสธพวกเขาทุกคนด้วยผลลัพธ์ที่เหมือนกัน
“ทำไมไม่ให้ฉันได้ลองบ้างล่ะ?”
เพียงชั่วพริบตา ในบริเวณนั้นก็เหลือเพียงเซียวเฟิงคนเดียวแล้วที่ยังไม่ได้ลอง เพราะงั้นเขาจึงเสนอตนเองขึ้นมา
อันที่จริง ตลอดเวลาที่ยืนดู เซียวเฟิงก็เกิดแรงบันดาลใจสั่งสมจนมันเหลือแค่รอเวลาคว้าโอกาสมาให้ได้เท่านั้น เพราะถ้าหากเขาสามารถติดต่อกับอาณาจักรแห่งพระเจ้าได้ นั่นหมายถึงเนื้อเรื่องเกมในส่วนของเขาจะพัฒนามากขึ้นไปอีกขั้น
ตอนนี้ชายหนุ่มไม่สนใจเทวทูตแห่งพลังแล้ว เพราะพระสันตะปาปาเองก็เพิ่งพูดออกมาว่า ภายใต้การปกป้องของเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เขาไม่สามารถทำอะไรเทวทูตแห่งพลังได้ และถ้าเขาฝืนทำล่ะก็ บางทีตัวเองอาจจะต้องกลายเป็นศัตรูกับคนทั้งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กแน่ ๆ ดังนั้นตอนนี้เซียวเฟิงจึงหันไปสนใจกระจกศักดิ์สิทธิ์แทน
“เจ้าน่ะเหรอ? ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้ามาเป็นอาร์คบิชอปได้อย่างไร แต่ข้าย่อมรู้อยู่แล้วว่านักผจญภัยเช่นเจ้าน่ะ ไม่มีศรัทธาแรงกล้าพอที่จะติดต่อกับพระเจ้าหรอก เพราะฉะนั้น เจ้าไม่มีวันติดต่อกับท่านได้”
เทวทูตแห่งพลังยังคงอคติกับเซียวเฟิงและมองเขาเป็นศัตรูตลอด ดังนั้นเมื่อได้ยินเซียวเฟิงเสนอตัว เขาจึงพูดถ้อยคำเยาะเย้ยออกมา