Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 544 เรื่องน่าตกใจ โครงการอาณาจักรแห่งพระเจ้า
- Home
- Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]
- บทที่ 544 เรื่องน่าตกใจ โครงการอาณาจักรแห่งพระเจ้า
บทที่ 544 เรื่องน่าตกใจ! โครงการอาณาจักรแห่งพระเจ้า!
บทที่ 544 เรื่องน่าตกใจ! โครงการอาณาจักรแห่งพระเจ้า!
โลกของเกมนั้นใหญ่มาก ๆ เมื่อครั้งที่เซียวเฟิงรู้สึกเบื่อกับการไถฟอรั่มอ่าน เขาก็เริ่มตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ ความจริงที่ว่าโลกของเกมนั้นมีเนื้อที่พอ ๆ กับโลกจริงเลยนั้นไม่ใช่เรื่องที่ชายหนุ่มคิดไปเอง ยกตัวอย่างดินแดนแห่งพระเจ้านี้ก็ขนาดพอ ๆ กับเอเชียทั้งทวีปแล้ว
นอกจากนี้ ผู้เล่นที่ได้เข้ามาในโลกของเกมแล้วในปัจจุบัน มีจำนวนแค่ราว ๆ 70% ของประชากรในโลกจริงเท่านั้น ดังนั้นจึงกล้าพูดได้เลยว่าพื้นที่ภายในเกมที่ถูกสร้างขึ้นมาค่อนข้างจะเกินตัวไปมาก
จุดที่คับคั่งจริง ๆ เห็นจะมีแต่เพียงเมืองหลักเท่านั้น ที่บางเมืองก็มีผู้เล่นหนาแน่นกว่าเมืองในโลกจริงเสียอีก บางทีอาจจะเป็นเพราะจำนวนเมืองหลักนั้นมีไม่มากเหมือนเมืองจริง ๆ เพราะงั้นไม่ว่าจะเป็นเมืองหลักเมืองเล็กหรือเมืองใหญ่ ต่างก็มีผู้เล่นอาศัยอยู่กันเต็มไปหมด ความหนาแน่นของผู้เล่นในบางเมืองนั้น อาจจะถึงขั้นเดินเบียดกันบนถนนได้เลย หากในเกมมีการจราจรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยล่ะก็ ความวุ่นวายคงจะมีมากกว่านี้เป็นแน่แท้
แต่สิ่งนี้ดูจะอยู่ในการคาดการณ์ไว้แล้ว เพราะไม่น่าจะมีเพียงเซียวเฟิงคนเดียวที่ตระหนักได้ถึงพื้นที่ที่เหลือทิ้งขว้างของโลกแห่งเกมนี้ ซึ่งมันเพียงพอต่อการรองรับผู้เล่นในปัจจุบันหรืออนาคตอันใกล้ได้อย่างแน่นอน ทว่าเกมกลับมีอีกสถานที่หนึ่งที่ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแผนที่ลับเลย อย่าง…อาณาจักรพระเจ้า
เพราะแบบนี้ ทุกครั้งที่เซียวเฟิงได้รับรู้ถึงเรื่องอาณาจักรแห่งพระเจ้า เขาจึงเดาเอาไว้ว่าที่นั่นน่าจะเป็นดันเจี้ยนระดับสูง หรือไม่ก็เป็นแผนที่ระดับสุดยอดในโลกของเกม ไม่งั้นแล้วคงไม่น่าดึงดูดผู้เล่นที่รับรู้ถึงการมีอยู่ของมันได้ มันจะต้องเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ๆ สมกับที่ทุกคนพยายามกันมาเพื่อจะเข้าถึงที่แห่งนี้
ทว่า…
ในตอนที่เขาแตะที่บานกระจกศักดิ์สิทธิ์นั้นเอง ภาพที่น่าตกใจขนาดที่ทำให้เซียวเฟิงตกตะลึงก็ปรากฏขึ้นมา!
สิ่งนี้มันเหนือความคาดหมายมาก ๆ! เรียกได้ว่าน่าสะพรึงสุด ๆ ไปเลย!
เทวทูตแห่งพลังไม่ได้หยุดหรือห้ามไม่ให้เซียวเฟิงสัมผัสบานกระจก ซึ่งทางพระสันตะปาปาเองก็เช่นกัน พวกเขากำลังคาดหวังกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น แต่เพียงแค่เซียวเฟิงสัมผัสเบา ๆ กระจกศักดิ์สิทธิ์ก็เปล่งแสงจ้าออกมา แสงสว่างที่ดูน่าเลื่อมใสอาบไล้ไปทั่วทั้งบริเวณแห่งนั้น พร้อมกับสายลมที่โหมไปมาภายในวิหารกลางที่ไร้ซึ่งทางลมเข้า มันทำให้เทวทูตแห่งพลังถึงกับตกตะลึง ส่วนพระสันตะปาปาและพระสังฆราชระดับสูงก็พอกันก้มหมอบลงกับพื้นด้วยความศรัทธา
กระจกศักดิ์สิทธิ์บานนี้ใช้พลังจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กทั้งเมือง แต่มันกลับไม่ใช่สิ่งที่ใช้เคลื่อนย้ายผู้คนไปยังอีกที่หนึ่ง มันทำได้เพียงเปิดระบบสื่อสารเท่านั้น หลังจากแสงสีทองที่อาบกลืนค่อย ๆ จางลง ภาพจากภายในกระจกศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นมา และภาพนี้เองก็ทำให้หัวใจของเซียวเฟิงถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ!
ภาพภายในกระจกมันน่าเหลือเชื่อเกินไป!
สิ่งที่อยู่ปลายทางอีกฟากหนึ่งนั้น คือเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงทันสมัยมากมาย มันเหมือนเป็นชุมชนระดับสูงที่มีสวนสาธารณะให้พักผ่อนหย่อนใจ ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบขนาดเล็กที่มีคนแก่กำลังนั่งตกปลาอยู่ หรือจะเป็นพื้นที่สีเขียวที่ปูพรมไปทั่วบริเวณ หากสังเกตดี ๆ ก็จะพบว่ามีกลุ่มคนกำลังออกกำลังกายอยู่บริเวณนั้นที่ดูเหมือนจะจัดเป็นพื้นที่คล้ายฟิตเนสอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีคนบางคนที่กำลังเล่นหมากรุกกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อน ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกเขาทั้งหมด สวมชุดเหมือนอยู่ในยุคปัจจุบันกันทุกคน!
หากไม่ได้สติตื่นรู้อยู่ว่าตนเองอยู่ในโลกของเกม เซียวเฟิงจะเผลอคิดว่าตนเองถูกตัดออกจากระบบแล้วตื่นมาอยู่ในสถานที่ที่ตนไม่รู้จักสักที่บนโลกไปแล้ว!
“ยินดีต้อนรับ ท่านผู้สมัครเป็นพระเจ้าองค์แรก ยินดีต้อนรับเข้าสู่อาณาจักรแห่งพระเจ้า!”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้ความตกตะลึงของเซียวเฟิงถูกทำลายไป สายตาของเขารีบกวาดมองไปตามหาต้นเสียงด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
ผู้พูดนั้นคือชายชาวจีนที่สวมชุดประจำชาติสีแดง ถึงแม้ว่าผมและเคราของเขาจะเริ่มซีดจางบ้างแล้ว แต่น้ำเสียงและความกระชุ่มกระชวยของเขากับเปี่ยมล้นมาก ๆ ใบหน้าที่เป็นสีแดงระเรื่อนั้นกำลังหันมองเซียวเฟิงด้วยรอยยิ้ม
“นายคือ…เซียเหอ?” เซียวเฟิงรู้จักชายชราผู้นี้ เขาเป็นหัวหน้านักดีไซน์เกมมิธ เซียเหอ! การปรากฏตัวของคนคนนี้ทำให้เซียวเฟิงสับสนอย่างหนัก
“ฮ่า ๆๆ ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีผู้เล่นมิธจำชื่อฉันได้ ใช่แล้ว ฉันคือเซียเหอ หัวหน้าทีมดีไซเนอร์เกมมิธ ในขณะเดียวกัน ก็เป็นพระเจ้าผู้สร้างของโลกแห่งเกมใบนี้ด้วย!” เซียเหอหัวเราะเสียงดัง
“พระเจ้าผู้สร้างเหรอ…ถ้างั้น…ที่นี่ก็เป็นอาณาจักรแห่งพระเจ้าจริง ๆ ไม่ใช่ภาพลวงตาสินะ?” เซียวเฟิงมองไปยังสภาพแวดล้อมที่ดูทันสมัยนั้นก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่อธิบายแยกไม่ได้
“ฮ่า ๆ เธอประหลาดใจหรือเปล่า?” เซียเหอหัวเราะอีกครั้ง เขาดูจะมีความสุขมาก ๆ ขณะที่กางแขนกว้างและหันมองไปยังรอบ ๆ ตัวของเขาเอง
“ก็นิดหน่อย ฉันไม่คิดว่าอาณาจักรแห่งพระเจ้าจะเป็นแบบนี้” เซียวเฟิงยิ้มน้อย ๆ ในตอนนี้เขาไม่ได้สับสนอะไรแล้ว เพราะการที่เซียเหออยู่ที่นี่ แสดงว่าคำถามภายในหัวของตัวเองจะได้รับคำตอบอย่างแน่นอน
“นั่นสิน้า ฉันตามดูเธออยู่ เจ้าแห่งฮีลเลอร์จากเขตฮัวเซีย เธอเป็นผู้เล่นที่เผยเนื้อเรื่องของเกมได้เร็วที่สุดรวมถึงเป็นผู้เล่นระดับพระเจ้าคนแรกของเกมนี้ด้วย ใช่แล้ว เธอเคลียร์เนื้อเรื่องหลาย ๆ ส่วนของเกมได้เร็วมาก ๆ เร็วกว่าที่ฉันคาดไว้เสียอีก…แต่ก็นะ ตอนนี้เธอน่ะ ยังไม่ได้เข้ามาในอาณาจักรแห่งพระเจ้าโดยสมบูรณ์หรอก แค่ชั่วคราวเฉย ๆ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะยังไงฉันก็รอ ‘พวกเธอ’ มาที่นี่อยู่แล้ว!” เซียเหอพูดด้วยสีหน้าใจดี
“นายกำลังรอพวกเราอยู่งั้นเหรอ?” เซียวเฟิงถาม
“ใช่แล้ว ฉันกำลังรอผู้เล่นอย่างพวกเธอ ผู้เล่นที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าสู่ ‘อาณาจักรแห่งพระเจ้า’ ฉันเชื่อว่าเธอก็น่าจะตระหนักได้อยู่แล้ว ว่าผู้เล่นที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมคือผู้เล่นแบบไหน พวกเขาคือผู้เล่นที่อยู่เหนือผู้เล่นธรรมดาทุกคนได้เช่นเดียวกับเธอนั่นแหละ อาณาจักรแห่งพระเจ้านี้ คือสถานที่ที่ฉันเตรียมไว้ให้พวกเธอ กฎของพระเจ้า ก็ต้องให้พระเจ้าเป็นผู้กำหนดเองสิ ว่าไหม?” น้ำเสียงของเซียเหอนั้น ราวกับว่าเขากำลังปลุกความสนใจของเซียวเฟิงอยู่ก็มิปาน
“กฎของอาณาจักรแห่งพระเจ้า? นายหมายความว่ายังไง? แล้วทำไมอาณาจักรแห่งพระเจ้าถึงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับเมืองสมัยใหม่แบบนี้?” เซียวเฟิงทวนคำพูดก่อนจะถามคำถามของเขาออกไป
“บางทีเธออาจจะกำลังตกใจกับสภาพแวดล้อมของอาณาจักรแห่งพระเจ้าจนไม่อยากตอบคำถามฉันนัก เธอคิดว่าอาณาจักรแห่งพระเจ้าเป็นแผนที่ลับในเกมเหรอ? ฮ่า ๆๆ คิดผิดแล้วล่ะ ถ้างั้นฉันขอถามนอกเหนือจากเมื่อครู่นิดหน่อย เธอคิดว่า การที่ ‘มิธ’ ถูกเรียกว่า โลกใบที่สองตั้งแต่ต้นนั้นมันหมายถึงอะไรกันล่ะ?”
“เพราะเกมนี้เปิดตัวด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของผู้เล่นกว่า 70% ทั่วโลก และพวกเขาเหล่านี้ก็ใช้เวลากว่า 80% ของชีวิตไปกับเกมนี้ เนื่องจากแรงงกดดันอันมหาศาลภายในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านประชากร ปัญหาด้านทรัพยากร ความขัดแย้งทางสังคม และอื่น ๆ อีกมากมาย พวกเขาเลือกที่จะหนีสิ่งเหล่านั้นและมาผจญภัยอยู่ในโลกใบที่สองนี้แทน…แต่ดูเหมือนว่าเรื่องจริงมันจะไม่ใช่แค่นี้สินะ” เซียวเฟิงมองไปยังคนสองคนที่อยู่ในสวนผู้ที่กำลังนั่งเล่นหมากรุกกันอยู่ขณะพูดไปเช่นนั้น
“ใช่แล้วล่ะ สิ่งที่เธอพูดมันคือข้อได้เปรียบของโลกแห่งเกม แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นโลกใบที่สองได้หรอก นั่นเพราะในแง่ของเกม สักวันหนึ่งเมื่อเนื้อหาภายในเกมหมดสิ้นลงแล้ว หรือระบบหยุดให้บริการ ปัญหาที่ผู้เล่นหลบหนีมาตลอดก็จะถูกเปิดเผยออกมาอีกครั้ง” เซียเหอพูด และมันทำให้เซียวเฟิงคิดตามอยู่ตลอด นั่นเพราะสิ่งนี้มันเป็นเรื่องจริง เมื่อไหร่ที่มิธหยุดให้บริการ ผู้เล่นทั่วโลกจะเหมือนนกที่หลงทิศทาง ปัญหาที่พวกเขาหลบหนีมันมาตลอด จะเป็นหายนะที่รอพวกเขาอยู่หลังจากนั้น
เซียเหอพูดต่อด้วยแววตาที่ตื่นเต้น “และนี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมีอยู่ของอาณาจักรแห่งพระเจ้า โลกใบที่สองที่สมบูรณ์แบบ! เมื่อไหร่ที่ช่องว่างระหว่างโลกเสมือนและโลกแห่งความเป็นจริงหายไปจนหมด โลกใบนี้ก็จะกลายเป็นโลกที่แท้จริง! ด้วยเหตุผลนี้ เดอะมิธ ถึงถูกเรียกว่า โลกใบที่สองยังไงล่ะ!”
เซียวเฟิงเริ่มตระหนักได้ถึงเรื่องนี้แล้ว!
“นายว่ายังไงนะ? จะให้โลกเสมือนนี้กลายเป็นโลกจริงงั้นเหรอ? นี่นายยอมแพ้กับชีวิตในโลกแห่งความจริงไปแล้วหรือไง? ทั้งชีวิต แล้วก็ตัวตนของนายน่ะ!” เซียวเฟิงตกใจกับความคิดของอีกฝ่ายมาก เขามองไปยังเซียเหอด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ แต่สีหน้าของอีกฝ่ายกลับทำให้เซียวเฟิงตกใจซ้ำแล้วซ้ำอีก
“ใช่ เธอลองดูผู้คนที่อยู่ในสวนแห่งนี้ก็ได้ พวกเขาเป็นผู้ได้รับการทดสอบกลุ่มแรก ท่ามกลางพวกเขาเหล่านี้มีทั้งผู้ป่วยระยะสุดท้าย ผู้พิการที่ไม่มีวันกลับไปเดินได้อีก หรือบางคนก็เป็นนักโทษประหารชีวิต ชีวิตที่น่าสงสารเหล่านี้พร้อมใจกันยอมแพ้กับโลกแห่งความจริงแล้ว พวกเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตใหม่ในโลกใบที่สอง ถ่ายโอนสติปัญญาด้วยวิธีเดียวกับการถ่ายโอนข้อมูลเข้าสู่โลกใบนี้ เธอเห็นไหม ดูสิว่าชีวิตใหม่ของพวกเขาน่าอภิรมย์ขนาดไหน!”
ชายชราผายมือไปทางกลุ่มคนในสวนด้านหลังเขาพร้อมกับพูดด้วยแววตาที่ชื่นมื่นและภาคภูมิใจ
“ยังไงก็เถอะ การที่พวกเขาเลือกที่จะทิ้งชีวิตจริงไปแล้วมาอยู่ที่นี่ มันจะต่างอะไรกับเด็กติดเกมน่ะ? แบบนี้จะเรียกชีวิตได้ยังไง?” เซียวเฟิงยังคงไม่สามารถยอมรับได้
“ไม่…ไม่เลย เธอกำลังเข้าใจผิดแล้ว ร่างกายของพวกเราคือสิ่งที่บรรจุชีวิตไว้ ตราบใดก็ตามที่สติยังอยู่ เธอก็ยังไม่ตาย นั่นแหละคือชีวิต พวกเรามีชีวิต แค่ใช้ชีวิตกันคนละแบบ ถ้างั้นฉันจะถามเธอหน่อยนะ ในด้านของสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิต ระหว่างเกมกับโลกแห่งความจริง เธอคิดว่าที่ไหนจะดีกว่ากันล่ะ?” เซียเหอส่ายหน้าและถามกลับ
“โลกของเกมก็ต้องวิเศษกว่าในด้านนี้อยู่แล้ว ไม่สิ ทั้งเสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย รวมไปถึงการเดินทาง…” เซียวเฟิงตอบไปตามที่คิด แต่เขาก็เริ่มตระหนักได้แล้วว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมันมีเค้ามูลความจริง
ความจริงเหล่านี้ สามารถยกตัวอย่างได้ง่าย ๆ เช่น อาหารภายในเกม มันไม่เพียงแต่อร่อยกว่าเท่านั้น แต่พวกเขายังสามารถทานได้เท่าไหร่ก็ได้โดยที่ไม่อ้วนแม้แต่น้อย ไหนจะปลอดภัยและราคาถูกอีก เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับเงินที่ได้จ่ายออกไปอย่างแน่นอน ไม่มีสิ่งใดในโลกจริง ๆ ที่จะเทียบเทียมสิ่งนี้ได้เลย
เขากล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า หากไม่ติดว่าร่างกายจริง ๆ ยังต้องการอาหารและการขับถ่ายรวมไปถึงปัจจัยในการมีชีวิตอยู่ล่ะก็ ผู้เล่นหลาย ๆ คนคงเลือกที่จะไม่ออฟไลน์เลยก็ได้ ดังนั้นสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า มนต์เสน่ห์ที่โลกแห่งเกมสร้างได้นั้น น่าหลงใหลกว่าสิ่งที่โลกแห่งความจริงมีอยู่มากมายเลยทีเดียว
“นอกจากสภาพแวดล้อมในการมีชีวิตอยู่ที่น่าวิเศษตามที่เธอพูดมาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ การได้ผจญภัยอย่างไร้ที่สิ้นสุดในโลกใบที่สองก็อย่างที่ฉันได้พูดไว้ก่อนหน้านั่นแหละ การยอมแพ้กับชีวิตและร่างกายนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับไม่ได้เสียทีเดียว โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่ป่วยระยะสุดท้าย หรือชีวิตหมดหนทางไปต่อแล้ว ผู้คนมากมายที่ได้กำเนิดใหม่ในโลกใบที่สองผ่านการถ่ายโอนสติสัมปชัญญะนี้ จะไม่ต้องกังวลเรื่องอายุขัยอีกต่อไป ไม่ว่าจะสุขภาพหรืออายุที่ยืนยาว แบบนี้แล้วไม่มีใครอยากจะปฏิเสธหรอกนะ” เซียเหอยิ้ม
“อยู่ในโลกในฐานะข้อมูล…และคงอยู่ตลอดไปเหมือนอมตะงั้นเหรอ…” เซียวเฟิงเงียบไปพักใหญ่ ๆ เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีในเรื่องนี้
“ดูเหมือนว่าเธอเองก็จะเริ่มเข้าใจถึงการมีอยู่ของอาณาจักรแห่งพระเจ้าแล้วสินะ ฉันเชื่อว่าหลังจากที่สถานที่แห่งนี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน จะต้องมีผู้เล่นอีกมากมายเลยที่เลือกที่จะยอมแพ้ให้กับโลกแแห่งความจริง ละทิ้งตัวตนและร่างกายเพื่อเข้ามาอยู่ในอาณาจักรแห่งพระเจ้า แน่นอนว่าช่วงแรก ๆ ก็น่าจะยังมีคนต่อต้านนั่นแหละ มันไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่ว่าพวกเขาจำเป็นต้องใช้เวลาทำความเข้าใจช้า ๆ อ้อ…จริงสิ ในเมื่อเธอมีแนวโน้มว่าจะเข้ามาในอาณาจักรพระเจ้าได้แล้ว เห็นทีว่าฉันเองก็คงต้องเร่งมือบ้างแล้วเหมือนกัน” ชายชราพูด
“แผนการนี้มันจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกับโลกจริง และความรุนแรงของมันก็คงจะถึงระดับหายนะได้เลย เพราะในโลกแห่งความจริงนั้น หากแผนนี้สำเร็จ ผู้คนมากมายจะเลือกความตาย และนายที่เป็นคนวางแผนก็จะถือเป็นฆาตกร นายมั่นใจเหรอว่าแผนการนายจะสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นน่ะ?” เซียวเฟิงรีบถามกลับ เพราะความคิดของเซียเหอนั้นสุดโต่งเกินกว่าที่เขาจะยอมรับได้จริง ๆ
“เธอคิดว่า หัวหน้าแผนกเกมดีไซน์เล็ก ๆ อย่างฉัน จะสามารถคิดเรื่องที่สั่นสะเทือนโลกแบบนี้ได้เหรอ?” ขณะที่พูดออกมาเช่นนั้น เซียเหอก็ยิ้มแปลก ๆ ออกมาให้เซียวเฟิงเห็นด้วย
“หมายความว่ายังไง…” เซียวเฟิงตกตะลึงไปชั่วขณะ หรือว่าแผนการนี้จะไม่ใช่ของเซียเหอเหรอ?
“…” ชายชราเปิดปากราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ท้ายสุดเขาก็เลือกที่จะไม่พูดและถอนหายใจแทน “ไม่นานมานี้ โครงการโลกใบที่สองได้ผ่านการประชุมระดับโลกมาแล้ว และมันอีกไม่นานแล้วจริง ๆ ที่โลกใบนี้จะพร้อมใช้งาน นั่นเพราะเธอเองก็ได้รับรู้ถึงการมีอยู่และจุดประสงค์ของอาณาจักรแห่งพระเจ้านี้แล้ว โครงการนี้จะเสร็จในเร็ววันจริง ๆ เชื่อฉันสิ”
“โครงการผ่านการประชุมระดับโลกมาแล้ว…” ประโยคนี้ทำให้เซียวเฟิงนิ่งเงียบไปอีกครั้ง
แม้ว่าตัวเขาจะไม่ใช่นักบุญ แต่เขาก็มั่นใจว่าโครงการนี้จะกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้ผู้คนอีกมากมายล้มตายลง และมันจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงในโลกแห่งความจริง แต่ถึงอย่างอย่างเขาก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่า ท้ายสุดแล้วโครงการนี้จะเป็นผลดีหรือผลเสียอย่างไร ทว่าหากโครงการนี้ถูกนำเข้าในที่ประชุมแล้วล่ะก็ แสดงว่ามันต้องมีผลประโยชน์กับใครแน่ ๆ สิ่งนี้มีผลประโยชน์กับใครสักคนแน่นอน
“ยิ่งเกมได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ โครงการสร้างอาณาจักรแห่งพระเจ้าก็จะยิ่งราบรื่นเท่านั้น ปัญหาประชากรและทรัพยากรนั้นก็แค่ถูกโยนไว้ข้างหลังเฉย ๆ ไม่ได้หายไปไหน การอัปเดตเกมครั้งสุดท้ายจะเป็นคำเตือน ให้พวกเขาตระหนักได้ว่า โลกแห่งความจริงที่โหดร้ายกำลังรอพวกเขาอยู่หากวันใดวันหนึ่งเกมปิดตัวลง ปัญหาที่หมักหมมกันไว้ใต้พรมของแต่ละประเทศ…จะระเบิดออกมาอีกครั้ง แล้วก็…เธอได้พูดคำนั้นออกมาแล้ว… การคงอยู่ตลอดไป ชีวิตที่เป็นอมตะ ในอาณาจักรแห่งพระเจ้า สิ่งนี้สามารถเป็นไปได้นะ และมันล่อลวงพวกนักการเมืองอาวุโสได้ดีเลยทีเดียว…” เซียเหอพูด