NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 132
บทที่ 132 จะต้องโหดสักหน่อย คนอื่นถึงค่อยกลัวพวกเรา
หลี่ฝางกลับไปที่บาร์ เมื่อเห็นถังหยู่ซวนกับจางปิงปิงกำลังทะเลาะกัน เขาก็เดินเข้าไป
ตอนนั้นจางปิงปิงถามอย่างโกรธๆ “ถังหยู่ซวน นายเห็นฉันเป็นอะไรไป กะหรี่หรือไง? หมดสนุกแล้วก็ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ต่อให้เป็นกะหรี่ นายก็ยังต้องให้เงินสักหน่อยนี่”
ถังหยู่ซวนขมวดคิ้ว “เธอหมายถึงอะไร ต้องการเงิน?”
อันที่จริงถังหยู่ซวนก็ไม่ได้มีเงินติดตัวอะไร ถ้าจางปิงปิงต้องการเงิน แต่ก็ได้แต่หาคนยืมแล้ว
“ไม่คิดจะชดใช้เงินก็ได้ อย่างนั้นนายต้องรับผิดชอบฉัน เป็นแฟนกับฉัน” จางปิงปิงพูดกอดอก
ถังหยู่ซวนเอ่ย “คิดจะปอกลอกฉันใช่ไหม?”
“ใช่ ฉันปอกลอกนาย นายต้องให้สถานะกับฉัน ไม่งั้นก็ให้เงินชดเชยฉันมา ไม่อย่างนั้น ฉันจะไปฟ้องว่านาย นายข่มขืนฉัน” จางปิงปิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ให้ตาย เห็นชัดๆ ว่าคืนนั้นเธอสมยอมเอง? ตอนนั้นเธอกระตือรือร้นมากกว่าฉันอีก!” ถังหยู่ซวนพูดไม่ออก
“ช่างเถอะ เธออยากฟ้องก็ฟ้องไป ยังไงฉันก็ไม่มีเงินอยู่ดี”
“พล่ามอะไร บาร์นี้เป็นของนาย นายกับบอกฉันว่าไม่มีเงิน ใครจะเชื่อ?”
ในเวลานั้นเอง หลี่ฝางก็เดินเข้ามา
หลี่ฝางหัวเราะ และพูดขึ้น “ถังหยู่ซวน ยังไงนายก็ยังโสดอยู่ ในเมื่อเธอเต็มใจจะเป็นแฟนของนาย นายก็ให้เธอเป็นไปสิ นายไม่ได้เสียอะไรสักหน่อย”
ถังหยู่ซวนดึงหลี่ฝางมาข้างๆ “หลี่ฝาง นายดูไม่ออกหรือไง จางปิงปิงคิดว่าฉันเป็นนายไปแล้ว”
“อย่างนั้นนายก็ทำทุกอย่างที่ต้องการไปสิ” หลี่ฝางยิ้มอย่างไร้ท่าทีใดๆ “ยังไงนายก็ไม่ได้เสียอะไรนี่”
“เธออยากเป็นแฟนนาย ก็ให้เธอเป็นสิ ยังไงนายก็เล่นฟรีๆ เธออยากได้เงิน นายไม่มีก็จบแล้ว” หลี่ฝางหัวเราะหึหึ “นายลองดูว่าเธอจะอยู่ได้นานแค่ไหน”
“ก็จริง” ถังหยู่ซวนคิดในใจ นี่ถือว่ามีเหตุผล
ถังหยู่ซวนกลับมา และพูดกับจางปิงปิง “ได้ ฉันตอบรับเธอ”
“จริงหรือ?” จางปิงปิงตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“จริง” ถังหยู่ซวนพยักหน้า
“เยี่ยม อย่างนั้นนายช่วยพาฉันไปนั่งรับลมได้ไหม ขับปอร์เช่ 918คันนั้นของนายไป?” จางปิงปิงเอ่ยถามด้วยความคาดหวัง
นั่นเป็นรถสปอร์ตที่มีมูลค่ามากกว่า 20 ล้าน
นั่งถ่ายรูปในรถสปอร์ตราคากว่า 20 ล้านแล้วลงใน wechat moment พี่น้องของตัวเองจะต้องอิจฉาจนคลั่งแน่?
“ฉันดื่มไปแล้ว วันอื่นแล้วกัน” ถังหยู่ซวนปฏิเสธอย่างสุภาพ
“งั้นนายก็ให้กุญแจรถฉัน ฉันไม่ได้ดื่ม อีกทั้งฉันก็มีใบขับขี่ ฉันแค่ขับออกไปเล่นๆ” จางปิงปิงเอื้อมมือออกไปและพูด
ถังหยู่ซวนมองไปที่หลี่ฝาง หลี่ฝางพยักหน้า ในใจคิด นี่ไม่สำคัญอะไร
จางปิงปิงรับกุญแจ แล้ววิ่งออกจากบาร์ไป
และโจวเจ๋ ได้เห็นฉากนี้ มุมปากของเขาแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จ
นี่คือสิ่งที่โจวเจ๋วางแผนไว้ ขั้นตอนแรกคือให้ถังหยู่ซวนมีความสัมพันธ์กับจางปิงปิง ขั้นตอนที่สองคือให้ถังหยู่ซวนประนีประนอม ไม่ว่าจะให้เงินหรือให้สถานะ
จากนั้นโจวเจ๋ก็จะเริ่มหลอกให้ถังหยู่ซวน มาลงทุนกับตัวเอง
ถังหยู่ซวนแทบจะอยากหัวเราะในใจ เขามีเงินฝากไม่กี่พันหยวน จะมีเงินไปลงทุนได้อย่างไร
ในเวลานี้ มีคนคุ้นเคยหลายคนเดินเข้ามาในบาร์
พวกเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นลูกน้องของพี่หมาจื่อ พวกพี่เหมิ่ง
พี่เหมิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือ และโทรหาไอ้ผมเหลือง เขาถาม “ฉันมาแล้ว นายอยู่ที่ไหน?”
“พี่เหมิ่ง ผมอยู่ชั้นสอง” ไอ้ผมเหลืองบอกตำแหน่งและหัวเราะในใจ รอให้พี่เหมิ่งขึ้นมา คอยดูเถอะว่าฉันจะจัดการพวกแกยังไง
หลี่ฝางเดินอย่างรวดเร็วตามติดพี่เหมิ่งไป แล้วตบไหล่เขาจากด้านหลัง
พี่เหมิ่งหันกลับมาและมองไปที่หลี่ฝาง “หลี่ฝาง ทำไมถึงเป็นนายไปได้?”
หลี่ฝางหัวเราะ “พี่เหมิ่ง พี่หมาจื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่ไหม”
“พี่หมาจื่อไม่มีเรื่องอะไร พวกเราคลุกคลีอยู่แบบนี้มานาน ใครบ้างไม่เคยโดนคมดาบ!” พี่เหมิ่งเอ่ยด้วยท่าทีไม่ยี่หระ
“อย่างนั้นก็ดี” หลี่ฝางพยักหน้าและถาม” พี่เหมิ่ง พี่จะไปชั้นสองเพื่อหาไอ้ผมเหลืองใช่ไหม?”
พี่เหมิ่งประหลาดใจเล็กน้อย “เสี่ยวฝาง นายรู้ได้ยังไง?”
หลี่ฝางเล่าเรื่องทั้งหมดที่เจอ ให้พี่เหมิ่งฟังอย่างหมดจดอีกรอบ
หลังจากฟังจบ พี่เหมิ่งก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ฉันไม่กล้าจะมาสร้างปัญหาที่บาร์แน่ เบื้องหลังบาร์นี้ใหญ่มาก”
“ฉันมาที่นี่เพื่อสอนบทเรียนให้ไอ้ผมเหลือง!”
พี่เหมิ่งพูดจบ เขาก็ขึ้นไปชั้นสอง
พี่เหมิ่งและหลี่ฝางเข้ามาในห้องด้วยกัน
ไอ้ผมเหลืองเห็นพี่เหมิ่ง มันก็รีบลุกขึ้น “พี่เหมิ่ง ในที่สุดพี่ก็มา ผมถูกพวกมันรังแกจนจะแย่แล้ว”
“พี่ดูรอยเท้าบนตัวผม ยังมีรอยฝ่ามือบนหน้า เป็นพวกมันที่จัดการผม”
ทันทีที่ไอ้ผมเหลืองพูดจบ จู่ๆ พี่เหมิ่งก็ง้างแขนขึ้น และตบเขาที่ใบหน้าของไอ้ผมเหลือง
ฝ่ามือนั้นของพี่เหมิ่ง โหดร้ายกว่าของเซี่ยลู่มากนัก
แค่ฝ่ามือเดียว ก็ทำเอามุมปากของไอ้ผมเหลืองมีเลือดไหลออกมา และล้มลงกับพื้น
“พี่เหมิ่ง….นี่พี่ตีผิดคนรึเปล่า?” ฝ่ามือนี้ ทำให้ไอ้ผมเหลืองสับสนไปทันที
พี่เหมิ่งไม่พูดจา เขาคว้าคอเสื้อไอ้ผมเหลืองแล้วดึงเขาขึ้นมา
“ที่ฉันตีคือแก!”
พี่เหมิ่งกำหมัดแน่น จากนั้นจึงชกเข้าให้ที่ดั้งจมูกของไอ้ผมเหลือง ทันใดนั้น เลือดก็พุ่งออกมาจากจมูก และกระเซ็นไปทั่วใบหน้าของพี่เหมิ่ง
ไอ้ผมเหลืองไม่มีโอกาสแม้แต่ขอความเมตตา พี่เหมิ่งเพียงชั่วครู่ก็ทุบตีเขาแทบตาย
โหจื่อมองดูทั้งหมดนี้ด้วยสีหน้าสงบนิ่งอย่างยิ่ง
หลังจัดการเสร็จ พี่เหมิ่งก็หันไปพูดกับโหจื่อ “ขออภัย เป็นพวกเราที่สั่งสอนไม่เข้มงวด”
“พวกคุณคงเป็นคนของลูกพี่หลินใช่ไหม?” โหจื่อมองพี่เหมิ่งแล้วถาม
“ใช่ แต่ลูกพี่หลินได้กำชับพวกเราเอาไว้แล้ว ไม่ให้มาก่อเรื่องที่Recalling the past” พี่เหมิ่งพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“ดูท่าลูกพี่หลินที่พวกคุณเอ่ย คงจะไม่ค่อยเท่าไหร่ เขากำชับพวกนายขนาดนั้น ยังมีคนไม่ยอมฟัง” โหจื่อส่ายหัวและพูดด้วยความผิดหวังอยู่บ้าง
“ลูกพี่คนนี้ ช่างไม่มีความน่าเกรงขามเอาซะเลย” โหจื่อแค่นเสียง
สีหน้าของพี่เหมิ่งดูไม่ได้อยู่บ้าง
หลี่ฝางกำลังจะเอ่ยขึ้นสักสองสามประโยค ในเมื่อลูกพี่หลินยอมลงให้แล้ว ก็ยอมไปเถอะ ทำไมถึงต้องไปงัดข้ออยู่ตลอดด้วยคำ!
สุดท้ายแล้วในตงไห่ ก็ยังเป็นดินแดนของลูกพี่หลิน
ในตอนนั้นเอง พี่เหมิ่งก็หยิบมีดเล่มหนึ่งออกมาจากอกของตนเอง
ทันทีที่เห็นมีด หลี่ฝางและเซี่ยลู่ก็ตกใจขึ้นมา
แต่เวลานี้สีหน้าของโหจื่อกลับยังคงสงบนิ่ง
“คุณเอามีดออกมาทำอะไร ขู่ฉันหรือ?” โหจื่อพูดด้วยท่าทีไร้การคุกคาม “ฉันไม่เชื่อว่านายกล้าแทงฉัน!”
พี่เหมิ่งหันศีรษะและเดินไปทางไอ้ผมเหลือง
ไอ้ผมเหลืองมองไปที่ท่าทางดุดันและโหดเหี้ยมของพี่เหมิ่ง ก็ตกใจกลัวขึ้นมาทันที
“พี่เหมิ่ง…..พี่…..พี่จะทำอะไร…ผมคือไอ้ผมเหลือง…พี่ไม่รู้จักผมเหรอ?” ไอ้ผมเหลืองตกใจกลัว เขาพูดเสียงสั่นขณะก้าวถอยหลังหนี
พี่เหมิ่งเร่งฝีเท้า พริบตาเขาก็มาถึงตรงหน้าไอ้ผมเหลือง
“ไอ้ผมเหลือง ขอโทษด้วย!” พี่เหมิ่งจับแขนของไอ้ผมเหลืองและกดเขาลงบนกำแพง
“อย่าขยับ!”
พี่เหมิ่งกดไอ้ผมเหลืองด้วยมือข้างหนึ่งชี้ จากนั้นจึงเอามีดบั่นไปที่หูข้างหนึ่งของไอ้ผมเหลือง
ไอ้ผมเหลืองส่งเสียงกรีดร้องลั่น และรีบยกมือปิดมันไว้
“พี่โหจื่อ แบบนี้พอใจมั้ย?” พี่เหมิ่งเอ่ยถาม
หลี่ฝางตะลึงไป พี่เหมิ่งตัดหูไอ้ผมเหลือง เพื่อให้โหจื่อพอใจงั้นหรือ?
“แบบนี้สิถึงถูกต้อง แก๊งควรมีกฎของตัวเอง เด็กนี่ไม่รู้จักเชื่อฟัง มีหูไปก็ไร้ประโยชน์” โหจื่อผงกศีรษะด้วยความพึงพอใจ
พี่เหมิ่งกำลังจะปล่อยไอ้ผมเหลืองไป แต่โหจื่อกลับก็พูดขึ้นอย่างเอื่อยๆ ก่อนว่า “ยังมีอีกข้างหนึ่งนี่”
พี่เหมิ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ขยับมือและตัดหูอีกข้างของไอ้ผมเหลือง
จากนั้นโหจื่อจึงค่อยเดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้ม แต่พอถึงที่ประตู โหจื่อก็พูดขึ้น “อย่าลืมช่วยฉันทำความสะอาดห้องด้วย คุณไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย ทำเอาห้องฉันเต็มไปด้วยเลือด”
เซี่ยลู่และหลี่เสี่ยวเสี่ยวเมื่อเห็นฉากนองเลือดตรงหน้า ก็ตกใจกลัวจนพูดไม่ออก
พี่เหมิ่งถอนหายใจ ก่อนจะพูดอย่างอ่อนใจ “ไอ้ผมเหลือง อย่าโทษฉันล่ะ คนในบาร์นี้ พวกเราล้วนไม่สามารถไปยุแหย่ได้”
ไอ้ผมเหลืองมองไปที่พี่เหมิ่งด้วยความสิ้นหวัง ในมือถือหูที่ถูกตัดไว้
หลี่ฝางวิ่งออกจากห้องไปและตามโหจื่อไป เขารู้สึกโหดร้ายอยู่บ้าง
หลี่ฝางหยุดขวางทางโหจื่อและพูดว่า “โหจื่อ คุณทำเกินไปหน่อยหรือเปล่า?”
“ไอ้ผมเหลืองนั่นไม่ได้ทำให้บาร์ของเราเสียหายอะไร ทำไมนายต้องยืนกรานให้พี่เหมิ่งตัดหูเขาทั้งสองข้างด้วย!” หลี่ฝางกล่าวอย่างโกรธเคือง
“บอส ผมรู้ว่าคุณเป็นคนใจดี แต่คุณต้องจำไว้ว่า ในสังคมนี้ ห่างไกลจากความสวยงามอย่างที่คุณคิดไว้โข”
โหจื่อกล่าว “ก็เหมือนไอ้ผมเหลืองนั่น แต่เดิมเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร ถูกตัดหูสองข้างไปก็สมควรแล้ว”
“พวกเราต้องโหดร้ายสักหน่อย แบบนี้ลูกพี่หลินถึงไม่กล้ามายั่วโมโหพวกเราง่ายๆ”
โหจื่อพูดจบ ก็เดินจากไปทันที
ในตอนนั้นเอง เซี่ยลู่ที่เพิ่งออกมาก็เห็นฉากนี้เข้าพอดี
“บอส?” เซี่ยลู่สงสัยว่าตนเองได้ยินผิดไป