NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 459
บทที่ 459 ต้องเสียสละ ถึงจะได้รับ
“หมายความว่ายังไงครับ?” ส้าวส้วยมองหลี่ต๋าคาง อย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“เฮ้อ เด็กคนนี้ ปกติก็ฉลาดนี่ ทำไมเจอชิงฮัวแล้ว ถึงได้กลายเป็นคนโง่ได้ขนาดนี้นะ?” หลี่ต๋าคางถอนหายใจ คำพูดไม่สำคัญเท่าการกระทำ เมื่อก่อน ส้าวส้วยเคยชอบชิงฮัวจริงๆ
แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังคงชอบอยู่
สีหน้าของส้าวส้วยเปลี่ยนเป็นซับซ้อน นอกจากจะกระอักกระอ่วนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความหมดหนทางและเจ็บปวดอยู่ด้วย
“จื๋อป๋าย……ไม่ได้ทรยศจริงๆ เหรอ?” ส้าวส้วยพูดอย่างไม่ค่อยเชื่อ
หลี่ต๋าคางส่ายหน้า: “เขาไม่มีทางทรยศฉัน”
“ลูกพี่ใหญ่ พบกับจื๋อป๋ายแล้วเหรอครับ?” ส้าวส้วยยิงคำถามต่อ
หลี่ต๋าคางส่ายหน้า: “เปล่า”
“จื๋อป๋ายเคยติดต่อหาลูกพี่ใหญ่?” ส้าวส้วยถามต่ออีกครั้ง
หลี่ต๋าคางยังคงส่ายหน้า: “ก็เปล่า”
ทันใดนั้น หน้าของส้าวส้วย ก็มีความโมโหเกิดขึ้น
“ลูกพี่ใหญ่ ท่านไม่เคยพบจื๋อป๋าย แล้วก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากมัน ทำไมท่านถึงยังกัดฟันพูด ว่าจื๋อป๋ายไม่ได้ทรยศท่านอีก?”
ส้าวส้วยมองหลี่ต๋าคางพลางตั้งคำถาม: “ลูกพี่ใหญ่ ชิงฮัวถูกพิษ ผมเห็นมากับตา เมื่อก่อนเธอก็เคยเรียนการต่อสู้กับผมอยู่ช่วงนึง ร่างกายเธอแข็งแรงขนาดนั้น แต่มาวันนี้ กับอ่อนแอมากๆ เกรงว่าถ้ามีลม ก็จะถูกลมพัดปลิวล้มได้เลย”
“ผมแอบจับชีพจรของเธอ สถานการณ์ของเธอไม่สู้ดี เกรงว่าอีกไม่นาน เธอก็จะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว”
ส้าวส้วยพูดอย่างร้อนรน: “เธอบอกกับผมเอง ว่าจื๋อป๋ายแฉพวกเธอ”
“นอกจากชิงฮัว คนอื่นตายกันหมด”
ส้าวส้วยพูด พลางทำสีหน้าอาฆาตแค้นสุดๆ : “จื๋อป๋ายทำร้ายจนคนอื่นต้องตายไปตั้งเยอะ นี่ยังไม่เรียกว่าทรยศอีกเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดพวกนั้น ใบหน้าของหลี่ต๋าคาง ก็แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัด
แบบไม่ปกติ นั่นคือรู้สึกผิด โทษตัวเอง แล้วเจ็บปวด……
“เฮ้อ”
ในตอนนั้น หลี่ต๋าคางก็ถอนหายใจ
“ส้าวส้วย เวลานี้ ฉันพูดกับนายตอนนี้นายก็ไม่เข้าใจ แต่ว่าหากมีวันไหนที่นายต้องเจอกับจื๋อป๋ายขึ้นมาจริงๆ ก็ไว้ชีวิตเขาเถอะ”
หลี่ต๋าคางพูดอย่างหนักแน่น: “นายแค่จำไว้ว่า ในใจของเขามีความยากลำบากอยู่ก็พอแล้ว”
“ลูกพี่ใหญ่ จื๋อป๋ายทำร้ายคนจนตายไปตั้งเยอะ ทำไมท่านถึงยังปกป้องมันด้วย?”
“ผมรู้ว่าท่านเลี้ยงเขาโตมากับมือ แต่ไม่เจอกันสามปี คนก็เปลี่ยนกันได้” ส้าวส้วยพูดอย่างร้อนรน
หลี่ต๋าคางเงยหน้า แล้วมองส้าวส้วยด้วยสายตาที่เหมือนไฟช็อต: “ถ้าหากพวกเราไม่เจอกันสามปี นายจะทรยศฉัน? จะเป็นศัตรูกับฉันเหรอ?”
ส้าวส้วยตอบในทันที: “แน่นอนว่าไม่”
“จื๋อป๋ายก็เหมือนกับนาย เขาก็ไม่ทำ” หลี่ต๋าคางพูด
ส้าวส้วยริมฝีปากสั่น อยากจะพูด แต่ก็กลั้นเอาไว้
ส้าวส้วยติดตามหลี่ต๋าคางมาหลายปี เขาจึงรู้จักหลี่ต๋าคางดี
สิ่งที่หลี่ต๋าคางตัดสินใจแล้ว ไม่ใช่ส่งที่คนอื่นจะมาพูดคำสองคำ ก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจได้
หลี่ต๋าคางตัดสินแล้วว่าจื๋อป๋ายไม่ได้ทรยศ……
ส้าวส้วยก็ไม่รู้จะพูดยังไง: “ลูกพี่ใหญ่ ชิงฮัวอยากพบท่านสักครั้ง”
“อืม” หลี่ต๋าคางพยักหน้า แล้วพูด: “ฉันรู้แล้ว”
“นายออกไปก่อนเถอะ ฉันยังมีเรื่องจะคุยกับท่านจวน” หลี่ต๋าคางปัดมือ พลางพูด
ส้าวส้วยถาม: “ลูกพี่ใหญ่ ท่านไม่ถามถึงที่อยู่ของชิงฮัวเหรอครับ?”
“ฉันรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน และก็รู้ว่าในอนาคตเธอจะไปที่ไหน ฉันจะไปพบเธอ แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้……ยังไม่ถึงเวลา” หลี่ต๋าคางพูดอย่างนิ่งๆ
หลังจากนั้นไม่กี่สิบวินาที หลี่ต๋าคางก็พูดเสริม: “รอให้พวกเราหาพวกสี่ตระกูลใหญ่ให้เจอก่อน ฉันค่อยไปพบเธอ”
“แต่……แต่เธอมีข่าวสารจะรายงานท่าน” ส้าวส้วยพูด
“ฉันรู้ แต่ข่าวสารที่ชิงฮัวมี มีแต่เรื่องที่ไม่เป็นผลดีกับเรา”
หลี่ต๋าคางหัวเราะเหอะๆ มองส้าวส้วยพลางพูด: “ส้าวส้วย ถ้าในมือชิงฮัว มีข่าวสารสำคัญของตระกูลซือถูจริงๆ นายคิดว่า ตระกูลซือถูจะปล่อยให้เธอมีชีวิตรอดมาเจอฉันงั้นเหรอ?”
ส้าวส้วยชะงักไปทันที
ใช่แล้ว ในมือชิงฮัว ถ้ามีความลับสำคัญของตระกูลซือถูจริงๆ พวกนั้นคงจะเก็บเธอไปนานแล้ว
ถึงยังไงเรื่องที่ชิงฮัวยังมีชีวิต ตระกูลซือถูก็รู้อยู่
“ลูกพี่ใหญ่หมายความว่าตระกูลซือถูอยากใช้ประโยชน์ชิงฮัว มาส่งข่าวปลอมให้พวกเรางั้นเหรอครับ?” ส้าวส้วยพูดอย่างเข้าใจขึ้นมา
หลี่ต๋าคางพยักหน้า: “ไม่ใช่แค่นั้น ถ้าฉันไปเจอชิงฮัว พวกตระกูลซือถูต้องลงมือกับชิงฮัวแน่ๆ ”
“สำหรับตระกูลซือถูแล้ว เธอก็มีค่าให้ใช้ประโยชน์แค่นี้แหละ”
“รอให้หมดค่าก่อน เธอก็จะถูกกำจัดทิ้ง ถึงยังไงซือถูเฟยนั่น ยังคงมีสัญญาหมั้นหมายกับยัยเด็กที่เมืองหลวงอยู่ นายคิดว่าตระกูลซือถูจะยอมให้ชิงฮัวมามีผลกระทบต่อการดองญาติของพวกเขาเหรอ?”
หลี่ต๋าคางส่ายหน้า และพูด: “ที่จริงที่ฉันพูดมา ด้วยความฉลาดของนาย ก็สามารถคิดได้ แต่ว่า จุดอ่อนของนายอยู่ที่ชิงฮัว”
“คำถามทั้งหมด เมื่อมาอยู่ที่ตัวชิงฮัวแล้ว นายก็กลายเป็นคนไม่มีปัญญา ไม่ฉลาด และโง่มากๆ เพราะงั้นหลังจากนี้เรื่องที่เกี่ยวกับชิงฮัวทั้งหมด นายไม่ต้องยุ่งแล้ว”
หลี่ต๋าคางพูด พลางชักสีหน้า
ส้าวส้วยไม่ได้พูดอะไร
หลี่ต๋าคางปัดมือ ให้ส้าวส้วยออกไปอีกครั้ง แต่เมื่อส้าวส้วยเดินไปถึงหน้าประตู หลี่ต๋าคางก็พูดกับส้าวส้วยหนึ่งประโยค: “ลืมชิงฮัวเถอะ คิดซะว่าเธอเป็นเพื่อนเก่าของนายคนนึง”
“แล้วก็ คำสัญญาที่ให้กับเพื่อนเก่าคนนี้ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ซือถูเฟยนั่น เห็นได้ชัดว่าเอาชิงฮัวมาเป็นร่มกำบังตัวเองเท่านั้น เขากำลังหลอกใช้ชิงฮัว คนแบบนี้……”
ขณะที่พูด นัยน์ตาของหลี่ต๋าคางก็ราวกับมีแสงเย็นยะเยือกพุ่งออกมา: “ไม่จำเป็นต้องให้มันมีชีวิตอยู่”
คำนี้ของหลี่ต๋าคาง เป็นคำสั่งฆ่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ส้าวส้วยทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเดินออกจากห้องไปเลย
ในตอนนั้น ท่านจวนก็มองหลี่ต๋าคาง และพูดพลางถอนหายใจ: “ทำไมนายไม่บอกความจริงส้าวส้วยไปล่ะ?”
“ฉันเชื่อว่าเขาจะเข้าใจได้ด้วยตัวเอง” หลี่ต๋าคางพูดอย่างนิ่งๆ
“ถ้าแม้แต่จุดประสงค์ของจื๋อป๋ายเขายังมองไม่ออก จากนี้ เขาก็เป็นได้แค่มีดเล่มนึงเท่านั้น” หลี่ต๋าคางพูด
ขณะที่หลี่ฝางออกมา ก็ได้ยินประโยคนี้เข้าพอดี
แต่หลี่ฝางก็ไม่บอกกับส้าวส้วย
แต่หลี่ฝางก็เข้าใจได้ ว่าคนที่ชื่อจื๋อป๋ายนั่น น่าจะไม่ได้หักหลัง
ขณะที่เดินออกมา ส้าวส้วยก็เห็นลุงเฉียน
ลุงเฉียนมองส้าวส้วย แล้วส่ายหน้า: “คืนนี้เรื่องที่นายออกไปเจอชิงฮัว พวกฉันรู้แล้ว”
“พวกลุงจับตาดูชิงฮัวอู่ตลอด?” ส้าวส้วยมองลุงเฉียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่แล้ว พวกเราหาชิงฮัวเจอนานแล้ว แต่ว่าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น และยิ่งไม่กล้าบอกกับนาย เพราะว่าตอนนี้ชิงฮัว รักซือถูเฟยแล้ว แถมยังมีลูกกับเขาด้วย”
“จื๋อป๋ายคนนั้น……สรุปแล้วเขาหักหลังหรือเปล่า?”
“ในตอนนี้ไม่กล้าตัดสิน ทั้งหมดล้วนเป็นแค่เรื่องที่พวกเราคาดเดากันเอง” ลุงเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงไม่ชัดเจน
“แต่นายยังจำได้มั้ย ตอนที่พวกนายยังเล็กๆ จื๋อป๋ายเพื่อที่จะชนะเกมที่ไม่สำคัญอะไร ก็ตัดสินใจตัดนิ้วของตัวเองข้างนึงทิ้งทันที”
“ตอนนั้นนายตกใจแทบแย่ แต่เขาก็หัวเราะพลางพูดว่า ‘เขาชนะแล้ว’ ”
ลุงเฉียนพูดจบ ส้าวส้วยก็พยักหน้าตอบ: “แน่นอนว่าจำได้ ตอนนั้นลูกพี่ใหญ่ยังด่าเขาอยู่เลย”
“ใช่แล้ว จื๋อป๋ายเขาก็คือคนที่เพื่อเป้าหมายของตัวเองแล้ว จะไม่ลังเลที่จะแลกด้วยอะไรทั้งหมด เขากล้าที่จะเสียสละตนเอง และก็กล้าที่จะสละคนอื่น ในตัวของเขามีความยอมเสียสละอยู่ ซึ่งพวกนายไม่มี”
“ตั้งแต่เล็กจนโต จื๋อป๋ายก็เป็นแบบนี้ ในหน่วยมืด เขาคือคนที่เก่งที่สุด และก็เป็นคนที่บ้าระห่ำที่สุด”
“ในตอนนั้นคนที่ส่งเข้าตระกูลซือถูไป ล้วนแต่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของจื๋อป๋าย ไม่ว่าจะเป็นชิงฮัว อะซิง หรือว่าอะเหยา”
“ใช่แล้ว ส้าวส้วย นาก็รู้ว่าอะเหยาเก่งเรื่องอะไรใช่มั้ย?” ลุงเฉียนมองส้าวส้วยพลางถาม
“อะเหยาเกิดในครอบครัวแพทย์แผนจีน ตั้งแต่เล็กก็ช่วยคนในครอบครัวเก็บยาหายา……ความสามารถที่ดีที่สุดของเขา นั่นก็คือใช้จมูกของตัวเอง ดมแค่นิดเดียวก็สามารถบอกชื่อยาทั้งหมดได้”
“อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นพืช ยาจีน มีพิษหรือไม่มีพิษ เขาสามารถดมออกหมด” ส้าวส้วยตอบ
“ใช่แล้ว ถ้าหากในอาหารมีพิษ อะเหยาไม่มีทางไม่รู้” ลุงเฉียนพยักหน้า แล้วพูด
“แล้วก็อะเหยากับจื๋อป๋าย ก็เข้ามาร่วมกับพวกเราพร้อมกัน ความเป็นเพื่อนของพวกเขา ไม่ได้น้อยไปกว่านายกับโหจื่อเลย”
ลุงเฉียนส่ายหน้า แล้วถอนหายใจพลางพูด: “เฮ้อ เสียดายเด็กคนนี้จริงๆ ”
“นั่นก็ไม่ใช่เพราะจื๋อป๋ายฆ่าเขาเหรอ?”
“ฉันพูดมาขนาดนี้แล้ว หรือว่านายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?” ลุงเฉียนมองส้าวส้วยอย่างผิดหวังเล็กน้อย
“ถ้าอะเหยาไม่อยากตาย นายคิดว่า เขาจะกินอาหารที่มีพิษพวกนั้นเหรอ?”
ลุงเฉียนขมวดคิ้ว: “เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการตาย เขาอยากจะใช้การตายของเขา ช่วยให้จื๋อป๋ายสมหวัง