NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1070 ให้ตระกูลซุนมาหาฉัน
ระหว่างที่ผู้ชมมากมายคิดว่าเรื่องนี้มันจบแล้ว จู่ๆ คุณชายโล่ก็ร้องเสียงดังขึ้นมา ก่อนจะทำให้ผู้ชมมากมายตกใจขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณกล้ามาทำร้ายคนของตระกูลซุนงั้นเหรอ แถมยังเป็นลูกชายที่นายท่านซุนชอบมากที่สุดอีกด้วย คุณจบเห่แล้วล่ะ!คุณจบเห่แล้วล่ะ!”
คุณชายโล่พูด พลางยิ้มขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ถึงแม้ซุนกั๋วอันจะถูกทำร้ายเพราะออกหน้าให้กับตัวเอง แต่คุณชายโล่กลับไม่ได้กลัวและโกรธอะไรเลย แต่กลับคิดว่าตระกูลซุนจะสั่งสอนหลี่ฝาง ในใจเลยตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ถ้าเกิดนายท่านซุนลงมือ ถึงแม้หลี่ฝางจะเป็นคนที่มีกำลังภายในมากฝีมือ แต่ก็ต้องร้องขอชีวิตบ้างล่ะ!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในใจของคุณชายหลิวก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ เขาคิดว่าหลี่ฝางคงจะต้องตายแล้ว
ส่วนคนอื่นๆ เองก็คิดว่าคุณชายหลิวนั้นพูดมีเหตุผล เลยซุบซิบกันเสียงเบา โดยที่ไม่มีใครอยู่ข้างหลี่ฝางเลย
ในตอนนี้หลี่ฝางกลับหัวเราะขึ้นมา แววตาที่มองไปทางคุณชายโล่ก็เหมือนกับกำลังมองตัวตลกผู้น่าสงสาร
“เรื่องแบบนี้ไม่ต้องให้คุณมากังวลแทนหรอก เมื่อครู่เพิ่งจะจัดการเรื่องของคุณไป ถ้าไม่คุกเข่าขอโทษ ก็ต้องนอนบนเตียงตลอดไป คุณเลือกอันไหนล่ะ?”
ตามคำของหลี่ฝางนั้น ทำให้บรรยากาศรอบๆ นั้นหนาวเหน็บขึ้นมา
ในใจของคุณชายโล่ก็เริ่มสั่นขึ้นมา
การคุกเข่าขอโทษนั้นมันเป็นเรื่องง่ายของคนบางคน แต่สำหรับคนบางกลุ่มนั้นมันยากเย็นเป็นอย่างมาก
ถ้าเกิดวันนี้เขาคุกเข่าลง คงจะทำให้พวกเขาตระกูลโล่เสียหน้าไปหมด แล้วจากนี้จะกล้าไปเจอใครได้อีก?
ดังนั้นเขาเลยไม่อยากคุกเข่า ในใจก็พยายามปลอบตัวเองไม่หยุด หลี่ฝางมีทางลงมือต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้จริงๆ หรอก
แต่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นกลับเป็น หลี่ฝางทำร้ายได้แม้กระทั่งคนของตระกูลซุน นับประสาอะไรกับคุณชายโล่ล่ะ?
ตอนนี้ ในใจของคุณชายโล่เองก็เถียงกันจนแตกเป็นสองเสียงไม่หยุด คนหนึ่งบอกว่าอย่าคุกเข่า อีกคนบอกว่ารีบคุกเข่าเร็ว ทั้งสองเสียงนี้เถียงกันไม่หยุด และทำให้คุณชายโล่ลังเลไม่หยุด
ตามเวลาที่ล่วงเลยไป หลี่ฝางเองก็ค่อยๆ หมดความอดทน ความอาฆาตในตาของเขาก็ค่อยๆ รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะกดคุณชายโล่ลงไปทีละชั้นๆ
ในที่สุด คุณชายโล่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“ตุ่บ!” คุณชายโล่ขาอ่อนลงทั้งสองข้าง ในใจก็ยินยอม ความกลัวความตายที่ถูกกดเอาไว้ ทำให้สุดท้ายต้องคุกเข่าลง
เมื่อเห็นคุณชายโล่คุกเข่าลง ก็มีคนปรากฏตัวจากคนรอบๆ พร้อมหัวเราะอย่างเหยียดหยามและแววตาที่คิดว่า “เป็นไปตามคาด”
ตามที่พวกเขามอง คุณชายโล่คุกเข่าลงขอโทษนั้นมันต้องทำอยู่แล้ว ขนาดที่พึ่งของเขาอย่างซุนกั๋วอันยังถูกหลี่ฝางต่อยกระเด็น แล้วนับประสาอะไรกับเขา?
แต่ในใจของทุกคนมีความอยากดูเรื่องน่าสนใจขึ้นมา ถ้าก่อนหน้านี้เขาคุกเข่าลงก็ยังไม่อะไรมาก แต่ตอนนี้หลังจากที่ซุนกั๋วอันออกมาคุกเข่า งั้นไม่ได้หมายความว่าตระกูลซุนจะคุกเข่าไปด้วยเหรอ?
การคุกเข่าของคุณชายโล่ ตอนนี้ไม่เป็นอะไร แต่หลังจากนี้อาจจะต้องเจอการตำหนิจากตระกูลซุน
หลี่ฝางปรายตามองคุณชายโล่ที่ขวัญหนีดีฝ่อ ก่อนจะตบไหล่ของหลี่เหวย พลางพูด “ฉันยังมีธุระอยู่ พวกคุณเองเมื่อเล่นเสร็จแล้วก็กลับไปเถอะ ไม่ต้องรอฉัน”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปด้านนอก
เฟ่ยเหวินเย่า เลขาฯหลิวกับคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังก็รีบตามไป
“คุณหลี่ ซุนกั๋วอันจะไม่ตายหรอกเหรอ?” เฟ่ยเหวินเย่ายังเป็นห่วง ถึงแม้จะเป็นคนทำร้ายหลี่ฝาง แต่ถ้าเกิดซุนกั๋วอันตายที่นี่ เขาเองก็จะมีปัญหา
“ไม่ตายหรอก ฉันออมมือแล้ว ให้เขาสำนึกสักเดือนหนึ่ง”
เสียงที่หลี่ฝางคุยกับเฟ่ยเหวินเย่าคุยกันนั้นมันดังขึ้นจากห้องโถงใหญ่ที่เงียบสงัด จากนั้นพวกเขาก็เดินออกจากห้องโถง
ในห้องโถงที่เงียบสงัดนั้น ไม่รู้ว่าใครพูดเสียงเบาออกมา “ฟ้าของจินซานนั้น ดูเหมือนกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว……”
ในตอนนั้นเอง หลี่ฝางกับเลขาฯหลิวนั่งอยู่ในรถและเตรียมจะออกจากตรงนี้แล้ว
ส่วนเฟ่ยเหวินเย่าที่เป็นคนผิดประตูให้หลี่ฝาง ถึงแม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้ม แต่ความกังวลกลับเผยออกมาซึ่งในใจของเขาก็ไม่สบายใจ
ท่าทีของเขาด้านในเมื่อครู่ ถือว่าได้มีเรื่องกับตระกูลโล่จริงๆ แถมยังมีเรื่องกับตระกูลซุน ถ้าเกิดหลี่ฝางไม่สนใจท่าทีที่เขาดีด้วย งั้นคืนนี้เขาก็ถือว่าเละไม่เป็นท่า
หลี่ฝางมองความกังวลของเฟ่ยเหวินเย่าออก สุดท้ายยังพูดคำหนึ่งออกมา “มีฉันอยู่ ตระกูลซุนคงไม่มีทางทำอะไรกับคุณ คุณวางใจเถอะ”
เฟ่ยเหวินเย่ารีบพูด “ครับ!ขอบคุณคุณหลี่มาก”
นี่มันน่าจะเป็นเสต็ปแรกที่ดีใช่ไหม?เฟ่ยเหวินเย่าแอบคิดอยู่ในใจ
เมื่อพูดประโยคนี้จบ หลี่ฝางก็เลื่อนกระจกขึ้น ก่อนจะให้คนขับรถออกรถ
……
ภายในรถ เลขาฯหลิวที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับเงยหน้ามองหลี่ฝางผ่านกระจกหลัง ดูสงสัยหลี่ฝางเป็นอย่างมาก
แต่การทำแบบนี้อาจจะทำให้หลี่ฝางไม่พอใจ เขาเลยอดไม่ได้ที่จะแอบมองหลี่ฝางเล็กน้อย
เพราะเขาสงสัย หลี่ฝางที่เป็นอันดับกำลังภายในแบบนี้ สรุปแล้วมันจะไม่เหมือนกับคนธรรมดาตรงไหนกัน?
หลี่ฝางพบว่าเลขาฯหลิวแอบมองตัวเองอยู่ จึงคิดสักพักก่อนจะถามขึ้น “เลขาฯหลิว คุณมีอะไรอยากจะพูดกับฉันหรือเปล่า?”
“ห๊ะ?” เลขาฯหลิวถูกเปิดโปง เลยทำตัวไม่ถูก ยังดีที่เขาเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาอะไร ในสมองนั้นก็คิดคำหนึ่งออกมาได้
“คุณหลี่ เรื่องของตระกูลซุนน่ะต้องให้ท่านเตรียมตัวว่าจะแก้ไขอย่างไรหรือเปล่า?อยากจะคุยกับโจวซูหน่อยไหม?”
เลขาฯหลิวคิดว่าถึงอย่างไรตระกูลซูก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ด้านยุทธภพ ฝีมือไม่ธรรมดา ถ้าพูดกับโจวซู ไม่แน่ว่าโจวซูออกหน้า อาจจะสามารถทำให้ตระกูลซุนเงียบลง และไม่มาหาเรื่องหลี่ฝางได้
“ไม่มีปัญหา” หลี่ฝางส่ายหัว ยิ้มแล้วพูด “ตระกูลซุนไม่กล้าทำอะไรฉัน”
เลขาฯหลิวมองหลี่ฝางพลางอึ้งไป ก่อนจะเห็นความมั่นใจเป็นอย่างมากในตาของเขา