NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - บทที่ 1401 หยูหลิงฮุ่ยจะคลอดแล้ว
“ลูกพี่ใหญ่ จริงจังใช่มั้ยเหนี่ย?” เพราะว่าถูกปฏิเสธมาหลายรอบ ในใจของหงส์แดงก็ไม่กล้าคาดหวังแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองกู่ยี่เทียนพลางถามอย่างไม่แน่ใจ
“ก็ต้องจริงจังสิ!”
เห็นท่าทีของหงส์แดงดูระมัดระวัง ในใจของกู่ยี่เทียนก็เสียดายสุดๆ ในตอนนั้นทำไมเขาถึงได้ใจดำปฏิเสธหงส์แดงไปได้นะ ทำตัวเองจริงๆ เลย
“งั้น……งั้นหลังจากนี้นายก็เป็นแฟนฉันแล้วนะ”
หงส์แดงมองกู่ยี่เทียนอยู่นาน จากนั้นนัยน์ตาสองข้างจึงมีรอยยิ้มพลางพูด
นี่ทำให้กู่ยี่เทียนดีใจมากๆ จนอุ้มหงส์แดงขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็หมุนไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น
“ดีจริงๆ เลย!ฉันดีใจมากๆ จริงๆ !”
เมื่อเห็นทั้งสองในที่สุดก็เปิดเผยความในใจ และได้มาคบกัน ผู้ที่มองดูต่างก็ยิ้ม หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะสะกิดส้าวส้วยที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็พูดเปรยๆ
“ไอ้กู่มันยังจีบเมียติดแล้ว ฝั่งนายเมื่อไหร่ถึงจะกระเตื้องสักที? ออกไปครั้งนี้ ทั้งสองคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?” ส้าวส้วยรู้ว่าหลี่ฝางต้องดึงเรื่องเข้ามาหาตน จึงมองบ่นใส่หลี่ฝาง
“ห่วงเรื่องของตัวนายให้ดีก็พอ ไปญี่ปุ่นก็ยังจะเนื้อหอม หากฉันเป็นฉินวี่เฟยกับหยางฉง ฉันคงถลกหนังนายไปแล้ว”
เรื่องของหลี่ฝางกับชิราอิชิ ฮานาซากินับว่าไม่ใช่ความลับแล้ว พวกส้าวส้วยก็ได้เห็นข่าวบนอินเทอร์เน็ตนั่นแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพอเดาออกว่าเป็นไปได้มากที่หลี่ฝางจะแสดงความสามารถที่มีอยู่ออกมาให้เห็น แต่นี่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการที่ส้าวส้วยจะพูดตอกใส่หลี่ฝาง
เมื่อเห็นส้าวส้วยพูดถึงชิราอิชิ ฮานาซากิ สีหน้าของหลี่ฝางก็แย่ลงมาทันที และใช้ข้อศอกกระทุ้งไปที่ตัวเขา ไม่คิดที่จะพูดถึงเรื่องนี้ต่อไป
ไป๋หลินที่อยู่ด้านข้างมองไปทางกู่ยี่เทียนกับหงส์แดง ในดวงตาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงให้เห็นถึงความอิจฉา จากนั้นก็ค่อยๆ หันหน้ามามองส้าวส้วย อยากจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่ยังไม่ทันได้พูดออกมา ส้าวส้วยก็จากไปอย่างรวดเร็ว
พลางมองแผ่นหลังของเขา บนหน้าของไป๋หลินก็มีความเหงาหงอยแวบขึ้นมา แต่ว่าไม่นานเธอก็จัดการคุมอารมณ์ตัวเองได้ และเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
“ชิ……ขี้งอนอีกคนแหละ” หลี่ฝางมองแผ่นหลังของพวกเขาทั้งสอง พลางอดไม่ได้ที่จะชิเบาๆ ขึ้นมาคำนึง
“ไท่ซาง!รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว!หลิงฮุ่ยจะคลอดแล้ว!”
ขณะที่ทุกคนกำลังจมอยู่กับเสียงหัวเราะยินดีอยู่นั้น ฉินวี่เฟยก็รีบวิ่งหน้าตั้งเข้ามา พลางลากไท่ซางไป
“อะไร? จะคลอดแล้ว? ไม่ใช่ว่ายังไม่ถึงกำหนดคลอดเหรอ?” เมื่อไท่ซางได้ยินฉินวี่เฟยบอกว่าหยูหลิงฮุ่ยจะคลอดแล้ว ก็ตกใจมาก และถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เรื่องคลอดลูกจะไปเอาแน่เอานอนขนาดนั้นได้ที่ไหน!นายอย่ามั่วอ้ำอึ้ง รีบพาหลิงฮุ่ยไปโรงพยาบาลเร็ว!”
ไท่ซางทำฉินวี่เฟยโมโหจะตายอยู่แล้ว วันเวลาที่หยูหลิงฮุ่ยมาที่บ้านพักตากอากาศ เขาไม่ได้ทำหน้าที่พ่อกับสามีเลยสักนิด
ตอนนี้คนจะคลอดอยู่แล้ว เขากลับยังโวยวายอยู่นี่
“อ๋อๆๆ ฉันไปเดี๋ยวนี้”
ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากได้ยินข่าวว่าหยูหลิงฮุ่ยจะคลอดแล้ว ในใจของไท่ซางก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใส่ใจลูกคนนี้มากมาย แต่เขาก็มีโอกาสที่จะเป็นลูกคนแรกของตน ความรู้สึกที่จะได้เป็นพ่อคนครั้งแรกนี้เขาไม่รู้ว่าอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร
ทุกคนต่างลนลานพาหยูหลิงฮุ่ยไปส่งโรงพยาบาล นี่คือชีวิตใหม่คนที่สองของครอบครัวใหญ่ของพวกเขา ความหมายมันจึงค่อนข้างพิเศษ
“นี่……ทำไมตั้งนานแล้วยังไม่ออกมาสักทีล่ะ? คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกนะ?”
ไท่ซางเดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน พลางจ้องมองไปทางประตูห้องฉุกเฉินตลอด เขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาดันขึ้นมาจนถึงคอหอยแล้ว หยูหลิงฮุ่ยเข้าไปสองชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย มันทำให้ใจเขาเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
“นี่ นายหยุดเดินจะได้มั้ย!นายทำฉันมึนไปหมดแล้วเหนี่ย!” ฉินวี่เฟยตบไปที่หลังของเขาหนึ่งทีอย่างไม่สบอารมณ์ และบังคับเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง
“นายคิดว่าคลอดลูกมันง่ายหรือไง? บอกว่าให้คลอดก็คลอดออกมา? ตอนนั้นที่เสี่ยวฉงคลอดผิงอัน คลอดตั้งหกเจ็ดชั่วโมง หลิงฮุ่ยเพิ่งเข้าไปได้นานเท่าไหร่เอง นายนั่งรอตรงนี้นิ่งๆ ไปเถอะ!”
ฉินวี่เฟยรู้สึกว่าไท่ซางเหมือนเด็กน้อยคนนึงจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือว่าอะไรก็ตามยังมัวแต่ห่วงเล่น
“อะไรนะ? คลอดลูกต้องนานขนาดนั้นเลย? นั้นไม่เจ็บมากเลยเหรอ!” ไท่ซางได้ยินฉินวี่เฟยพูด ก็ตกใจจนเสียงเพี้ยนเลย
เขาไม่เคยเรียนรู้เรื่องการคลอดลูกของผู้หญิงเลยจริงๆ คิดมาตลอดว่าเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ
“เอาล่ะ นายนั่งเถอะ เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้” หลี่ฝางมองบนใส่ไท่ซางอย่างไม่สบอารมณ์ ให้เขารออย่างอดทน
พี่ใหญ่พี่สะใภ้ต่างก็ออกปากพูดแล้ว ไท่ซางจึงทำได้แค่นั่งลงอย่างเชื่อฟัง เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละน้อย ไม่ทันรู้ตัวหยูหลิงฮุ่ยก็เข้าไปอยู่ในห้องฉุกเฉินเป็นเวลาแปดชั่วโมงแล้ว
นานขนาดนี้ ฉินวี่เฟยก็เริ่มร้อนรนแล้ว ตอนที่ตรวจหยูหลิงฮุ่ยก็ปกติดีทุกอย่าง ทำไมถึงได้คลอดนานขนาดนี้นะ?
“ใครคือญาติของคุณแม่คะ? คุณแม่ตอนนี้เสียเลือดมาก ต้องให้เลือดเดี๋ยวนี้!กรุณามาเซ็นชื่อด้วยค่ะ!”
จู่ๆ ก็มีพยาบาลวิ่งออกมาจากในห้องฉุกเฉิน ถือเอกสารแผ่นนึงออกมา ในปากก็ตะโกนเรียกให้คนเซ็นชื่อ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงได้เสียเลือดมาก? ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไง? เด็กกับแม่ยังอาการดีอยู่มั้ย?”
ฉินวี่เฟยเมื่อได้ยินว่าเสียเลือดมากก็นั่งไม่ติด รีบวิ่งเข้าที่ตรงหน้าของพยาบาล และคว้ามือหล่อนพลางถาม
“โอ๊ย!คุณทำดิฉันเจ็บแล้ว!ตอนนี้สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก พวกคุณเร็วหน่อยอย่าลีลา รีบเซ็นเถอะค่ะ ดิฉันยังต้องไปที่คลังเลือดเอาเลือดนะคะ!”
พยาบาลสะบัดมือของฉินวี่เฟยออกอย่างโมโหเล็กน้อย จากนั้นก็ยื่นเอกสารใส่มือฉินวี่เฟย และเร่งให้เธอเซ็นชื่อ
“ผมเอง!ผมเอง!ผมเป็นพ่อของเด็ก!” ไท่ซางลนลานจนเหงื่อแตกพลั่ก และรับเอกสารมามือสั่น จากนั้นก็เซ็นชื่อตัวเองลงบนนั้น
นางพยาบาลก็อดไม่ได้ที่จะมองไท่ซาง รู้สึกว่าเขาจะร้อนรนมากเกินไป แต่ก็กลับไม่ได้พูดอะไรมาก และรับเอกสารมาเตรียมจะจากไป
“เดี๋ยวก่อน!พยาบาล ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมต้องการให้รักษาชีวิตแม่เอาไว้!ขอแค่แม่!เด็กจะเป็นยังไงก็ได้!”
ขณะที่พยาบาลกำลังจะจากไป จู่ๆ ไท่ซางก็คว้าแขนหล่อนไว้อีกครั้ง จากนั้นก็พูดด้วยท่าทีที่เด็ดขาดสุดๆ
“คุณนี่……จริงๆ เลย” นางพยาบาลได้ยินคำพูดของไท่ซางก็ขำ ไม่รู้จริงๆ ว่าควรว่าเขายังไงดี ดึงแขนตัวเองออกจากมือของเขา จากนั้นก็พูดขึ้น
“สถานการณ์ไม่ได้หนักหนาขนาดนั้น คุณวางใจเถอะ แล้วก็พวกเราต้องพยายามให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่หรือลูกพวกเราจะพยายามรักษาไว้ให้ได้มากที่สุด คุณวางใจเถอะค่ะ”
ฉินวี่เฟยได้ยินประโยคนี้ของหลี่ฝาง ทัศนคติในใจก็ถือว่าได้มองคนเจ้าชู้อย่างเขาเปลี่ยนไป อดไม่ได้ที่จะตบไหล่เขาและพูดอย่างชื่นชม
“ได้นี่หว่าไท่ซาง อย่างน้อยนายก็ยังรู้ว่าให้รักษาแม่เอาไว้ การกระทำของนายนี่เรียกคะแนนสุดๆ รอให้หยูหลิงฮุ่ยคลอดลูกแล้ว ฉันจะต้องชมนายต่อหน้าเธอดีๆ สักหน่อย”
ไท่ซางชะงักเล็กน้อยพลางมองฉินวี่เฟย ราวกับเอ๋อไป และก็ไม่ได้พูดตอบรับคำเธอ
ที่จริงแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อกี้ถึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกไป ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างแรกของเขานั่นก็คือหยูหลิงฮุ่ยจะตายไม่ได้ เด็กจะเป็นยังไงเขาไม่สนใจ หยูหลิงฮุ่ยจะต้องมีชีวิตอยู่ถึงจะโอเค
หลี่ฝางมองท่าที่เอ๋อๆ ของไท่ซาง ก็รู้สึกหมดคำพูด นี่ก็ชัดเจนแล้วว่าไท่ซางมีความรู้สึกต่อหยูหลิงฮุ่ย แต่กลับดันทำให้ความรู้สึกของคนสองคนกลายเป็นแบบนี้ ตอนนี้เด็กก็คลอดแล้ว ก็น่าจะควรใช้ชีวิตด้วยกันดีๆ แล้วมั้ง