NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 117
บทที่ 117 ตู้เฟยตกใจจนฉี่ราดกางเกง
เมื่อก่อน ที่บ้านตู้เฟยฐานะดี ทุกคนต่างก็กลัวเขา ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
แต่ตอนนี้ ตู้ต้าไห่ล้มละลายแล้ว ทุกคนก็ไม่กลัวกันแล้ว ต่างก็พูดเยาะเย้ยต่อหน้าตู้เฟยกันเลย
แม้กระทั่งจางเสี่ยวเฟิงกับเกาเสิ้งสองคนนี้ ก็ร่วมเยาะเย้ยกันด้วย
โดยเฉพาะเกาเสิ้ง เขาที่ได้รับความสูญเสียอย่างหนัก
“ตู้เฟย แม่งเอ๊ยทำให้ฉันลำบากแล้วรู้หรือเปล่า? พ่อฉันเพิ่งจะลาออกจากงานในเมือง เพื่อมาทำงานที่นี่ สุดท้ายบ้านนายล้มละลายแล้ว เย็ดแม่ เดี๋ยวพ่อฉันได้ฉันเอาฉันตายแน่!” เกาเสิ้งบ่น
จางเสี่ยวเฟิงสูดลมหายใจเข้า แล้วเหลือบมองตู้เฟย: “ฉันก็เหมือนกันปฏิเสธงานที่พ่อฉันแนะนำมา เมื่อกี้หัวหน้างานในโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ยังเรียกฉันไปรายงานตัว ฉันยังด่าเขาในโทรศัพท์ด้วย ตอนนี้เป็นไง หัวหน้างานไม่มีแล้ว งานที่พ่อฉันแนะนำมาก็ไม่มีแล้ว เดี๋ยวกลับไป ต้องโดนพ่อจัดการแน่เลย”
เชี่ยลู่นั้นดีใจอย่างมาก ตอนนี้ตู้ต้าไห่ล้มละลายแล้ว ดูว่าตู้เฟยจะโอ้อวดยังไงอีก
พูดถึงตู้เฟยคนนี้เป็นคนที่ตอแยไม่เลิกจริงๆ เลิกกันไปนานแล้ว ก็ยังไม่ยอมปล่อยเชี่ยลู่
ลูกสมุนของตู้เฟยก็วู่วามขึ้นมาทันที วิ่งไปถึงหน้าตู้เฟย: “เงินเดือนของเรายังไม่ได้เลย”
“ตู้ต้าไห่ล้มละลายแล้ว แล้วเงินเดือนของเราจะไปเอากับใคร” ลูกสมุนสองคนถามตู้เฟย
ตู้เฟยหายใจหอบ แล้วกล่าว: “เงินเดือนเท่าไรอีก พ่อฉันล้มละลายแล้ว จะเอาเงินที่ไหนให้นายสองคน”
“แบบนี้ไม่ได้นะ เราสองคนตามตูดนายมาหลายวันแล้ว จะมากจะน้อยนายก็ต้องให้หน่อย” ลูกสมุนพูดอย่างไม่พอใจ
“เหี้ย นายสองคนมันไม่มีน้ำใจเลยเหรอ ฉันซื้อเสื้อผ้าให้พวกนายตั้งเป็นพันๆ หยวน หรือว่ามันจะเทียบกับเงินเดือนไม่กี่วันของพวกนายไม่ได้เลยเหรอ?” ตู้เฟยไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
“นายอย่าไปพูดถึงเรื่องอื่นเลย กระเป๋าตังค์ค์นายยังมีเงินสดอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
พูดจบ ลูกสมุนทั้งสองคนก็ไปค้นตัวเขาโดยตรง ค้นจนเจอกระเป๋าตังค์ของตู้เฟย ลูกสมุนสองคนหยิบกันคนละสามร้อยหยวน: “แล้วกล่าว ดูนายก็น่าสงสารไม่น้อย เหลือไว้ให้นายหน่อยละกัน”
กระเป๋าตังค์ยังเหลือเงินหลายร้อยหยวน ลูกสมุนสองคนก็คืนกระเป๋าตังค์ให้ตู้เฟย
ตู้เฟยรู้สึกว่าตัวเองนั้นอัปยศมาก ตู้เฟยอย่างฉันไม่ต้องให้พวกนายมาสงสาร? พวกนายจะสักแค่ไหนเชียว ก็เป็นเพียงหมาที่ฉันเคยมีสองตัวเท่านั้นเอง
“นายพูดอะไรนะ นายว่าพวกเราเป็นหมา”
เดิมทีลูกสมุนสองคนนี้จะไปแล้ว ได้ยินตู้เฟยพูดประโยคนี้ก็ได้ย้อนกลับมาทันที ได้พุ่งเข้าไปทำร้ายตู้เฟยด้วยหมัดและเท้า
หนึ่งในลูกสมุนก็ได้พูดขึ้น: “เย็ดแม่ ไม่มีเงินแล้วปากยังเหม็นขนาดนี้ อยากกินหมัดจริงๆ ใช่มั้ย!”
หลี่ฝางหัวเราะในใจ จริงๆ แล้วตู้เฟยก็พูดไม่ผิด ตอนที่ตู้เฟยมีเงิน ลูกสมุนสองคนนี้เป็นหมาที่เขาเลี้ยงไว้จริงๆ ตู้เฟยสั่งให้พวกเขากัดใคร พวกเขาก็ต้องกัดคนนั้น
แต่ตอนนี้ตู้เฟยไม่มีเงินแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องทนตู้เฟยที่พูดจาไม่ดีอีกต่อไป
ตู้เฟยที่ถูกทำร้าย ไม่กล้าพูดไปเรื่อยอีกแล้ว
ลูกสมุนสองคนจากไป หลี่ฝางก็นั่งลงข้างกายเขา แล้วยิ้ม: “ตู้เฟย นายจะตีขาฉันให้หักไม่ใช่เหรอ?”
“จะตีอยู่มั้ย?” หลี่ฝางมองเขาอย่างกวนตีน
หลี่ฝาง นายเคยได้ยินคำคำนี้หรือเปล่า ตู้เฟยพูดอย่างเย็นชา: “อูฐที่หิวตายยังไงมันก็ใหญ่กว่าม้า” (ถึงจะตกต่ำแต่ก็เคยยิ่งใหญ่มาก่อน)
“ต่อให้พ่อฉันจะล้มละลาย แต่ก็ยังแข็งแกร่งกว่าพ่อนาย”
หลี่ฝางคิดในใจ รอให้ตู้เฟยรู้ว่าพ่อของเขาก็คือหลี่ต๋าคาง ก็คือมหาเศรษฐีลึกลับที่เขาร่ำลือกัน แล้วเขาก็จะรู้ว่าคำพูดของเขาประโยคนี้มันตลกมากแค่ไหน
ตู้เฟยตบสะบัดก้น ลุกขึ้นก็คิดจะหนี แต่กลับถูกพี่หมาจื่อจับตัวเอาไว้
หลี่ฝางกล่าว: “ตู้เฟย ฉันให้นายไปแล้วเหรอ?”
“หลี่ฝาง นายชนรถของฉัน ยังไม่ให้ฉันไปอีก นายจะเกินไปหน่อยมั้ย?” ตู้เฟยหันหน้ากลับไป ขมวดคิ้วแล้วมอง
“เรื่องรถเราทั้งคู่ต่างมีความผิด ฉันชนรถนายฉันผิด แต่ว่านายจอดรถในที่ห้ามจอด ไม่อย่างนั้นเราก็แค่ช่วยกันซ่อมรถ นายว่าไง?”
หลี่ฝางมั่นใจ ตอนนี้แม้กระทั่งเงินซ่อมรถตู้เฟยยังไม่มีเลย
“ฉันยอมซวย ไม่ต้องให้นายมาซ่อม” ตอนนี้ตู้เฟยเพียงอยากจะไปหาพ่อให้เจอ แล้วถามเรื่องที่เกิดขึ้นว่ามันยังไงกันแน่
เวลานี้ เชี่ยลู่ก็ก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว พูดต่อหน้าตู้เฟย: “ตู้เฟย ทางที่ดีที่สุดนายไปเก็บสร้อยคอของฉันที่อยู่บนหัวจระเข้กลับมา ไม่อย่างนั้น ฉันก็จะแจ้งตำรวจ”
ตู้เฟยมองหน้าเชี่ยลู่อย่างเย็นชา: “เธอมันนางแพศยา ก็แค่สร้อยเส้นเดียว กูให้มึงอีกเส้นก็ได้”
“สร้อยเส้นนั้นราคาสามหมื่นกว่าหยวนนะ พ่อนายล้มละลายแล้ว นายยังมีเงินซื้อสร้อยอีกเหรอ?” เชี่ยลู่ยิ้มอย่างชั่วร้าย: “ฉันว่าทางที่ดีนายไปเก็บสร้อยมาคืนให้ฉันดีกว่า!”
“เย็ดแม่เอ๊ย เธออยากตายเหรอ”
ตู้เฟยมองลงไปในบ่อน้ำ สร้อยคอตอนนี้ยังอยู่บนหัวของจระเข้อยู่เลย
“ใครใช้ให้นายมือบอนละ” เชี่ยลู่เหลือบมองตู้เฟย
เวลานี้ ตู้เฟยมองเห็นไม้ที่เขี่ยจระเข้ตั้งวางอยู่ข้างบ่อ ก็กล่าวขึ้น: “ได้ กูจะไปเก็บกลับมาให้มึง!”
ตู้เฟยหยิบไม้ขึ้นมา มาถึงข้างบ่อน้ำ
ข้างราวกั้น ตู้เฟยอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายด้วยความกลัว
จระเข้ตัวนั้นแม้ว่าจะเล็ก แต่หางมันยาวจนน่ากลัว จระเข้แค่ยกหาง ก็ทำให้ตู้เฟยกลัวจนหัวหด
“นายมัวชักช้าอยู่ทำไม เร็วๆ หน่อยดิ” เชี่ยลู่ที่อยู่ข้างๆ เร่งเขา
ตอนนี้พนักงานต้อนรับในโรงแรมก็มาห้าม: “คุณอยากเข้าใกล้บ่อน้ำค่ะ แบบนี้มันอันตรายนะคะ”
“ไสหัวไปให้ไกลๆ เลย”
ตู้เฟยจ้องเขม็งพนักงานต้อนรับไปหนึ่งที ก็ด่าอย่างหยาบคาย: “เธอไม่ให้ฉันเข้าใกล้บ่อน้ำ งั้นเธอจะชดใช้สร้อยให้อีกะหรี่คนนี้เหรอ”
“หากคุณถูกจระเข้กัด ก็จะไม่เกี่ยวกับทางโรงแรมนะคะ” พนักงานต้อนรับพูดอย่างเอือมระอา
ตู้เฟยก็ด่ายับ อยู่ดีๆ ทำไมต้องเลี้ยงจระเข้ด้วย!
ตอนนี้ในตัวตู้เฟยไม่มีเงินแม้แต่หยวนเดียว ไม่มีปัญญาจะชดใช้สร้อยราคาสามหมื่นหกพันหยวนหรอก
สร้อยเส้นนี้ราคาแพงขนาดนี้ หากเชี่ยลู่แจ้งความจริงๆ ตู้เฟยคิดในใจตัวเองก็ต้องติดคุกอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อกี้เขายังได้ทำร้ายเชี่ยลู่ หากตัวเองไม่เก็บสร้อยกลับมาให้เธอ เชี่ยลู่ก็คงจะไม่ไว้หน้าเขาอีกต่อไป ต้องแจ้งความอย่างแน่นอน
คิดแบบนี้แล้ว ตู้เฟยเลยตัดสินใจจะเก็บสร้อยกลับมาให้ได้ ต่อให้ต้องเสี่ยงกับการถูกจระเข้กัดก็ตาม
ตู้เฟยยื่นไม้ออกไป เกี่ยวสร้อยขึ้นมากลางอากาศ แต่ในเวลานี้ จระเข้ตัวนี้ก็กระโดดขึ้น พุ่งมาทางตู้เฟย
ตู้เฟยตกใจจนหงายหลัง ล้มลงบนพื้น ตกใจจนกางเกงเปียกไปเลย
เห็นกางเกงที่เปียกของตู้เฟย เพื่อนนักเรียนก็อดหัวเราะกันไม่ได้
“เธอดูนั่น ตู้เฟยตกใจจนฉี่ราดแล้ว ฮ่าๆ!”
“โตขนาดนี้แล้ว กลับตกใจจนฉี่ราด ช่างขายหน้าเสียจริง”
ผู้หญิงบางคนเอียงหน้าหนี แม้ว่าจะไม่ดู แต่ก็หัวเราะเยาะเย้ย
เชี่ยลู่รีบวิ่งเข้าไป หยิบสร้อยที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา เธอตรวจเช็ดดู เมื่อแน่ใจว่าสร้อยคอไม่ได้เสียหาย จึงได้ปล่อยตู้เฟยไป
“หุบปากกันเดี๋ยวนี้ หัวเราะอะไรกัน!” ตู้เฟยตะโกนใส่ทุกคน
หากเป็นเมื่อก่อน ของเพียงเสียงของตู้เฟยดังขึ้น ก็จะไม่มีใครกล้าหัวเราะอีกเลย
แต่ตอนนี้ตู้ต้าไห่ล้มละลายแล้ว ใครยังกลัวตู้เฟยอีกล่ะ?
ทุกคนไม่เพียงแต่ไม่หยุดหัวเราะ ตรงกันข้ามเขากลับหัวเราะเสียงดังมากกว่าเดิม ใช้นิ้วชี้ไปที่กางเกงของตู้เฟย หัวเราะจนตัวหงิกตัวงอ เหมือนกำลังดูละครตลกยังไงอย่างนั้น
“ตู้เฟย นายยังนึกว่าตัวเองยังเป็นคุณชายอยู่อีกเหรอ? ตอนนี้นายก็เหมือนกับพวกเรา เป็นคนจนเหมือนกัน ทำไมพวกเราต้องฟังนายด้วยล่ะ”
“ใช่ไง คำพูดนาย ไม่มีคนฟังแล้ว”
แม้กระทั่งจางเสี่ยวเฟิงกับเกาเสิ้งก็หัวเราะเยาะเหมือนกัน ไม่ได้เห็นตู้เฟยเป็นลูกพี่ของตัวเองอีกแล้ว
“เกาเสิ้ง จางเสี่ยวเฟิง พวกนายสองคนนี้ช่างเนรคุณจริงๆ เสียแรงที่ฉันมีเรื่องดีๆ อะไรก็คิดถึงนายสองคนตลอด” ตู้เฟยกัดฟันมองเขาสองคน
“ตู้เฟย พอได้แล้วมั้ง สามปีมานี้นายใช้พวกเรายังไงบ้าง พวกเราก็อดทนมามากแล้ว” จางเสี่ยวเฟิงพูดอย่างเย็นชา
“ปากก็พูดว่าเราเป็นเพื่อนของนาย แต่นายเคยเห็นเราเป็นเพื่อนจริงๆ มั้ย? ด่าเราทุกวี่ทุกวัน แบบนี้เหรอที่เห็นเราเป็นเพื่อน ยังใช้พวกเราอย่างกับทาสอีก?” เกาเสิ้งพูดเสริม
“อีกอย่างที่นายเป็นเพื่อนกับเรา ก็เพราะอยากให้พวกเราเป็นเกราะกันกระสุนหรอกเหรอ ให้พวกเราช่วยนายจัดการหลี่ฝาง นายคิดว่าพวกเราโง่เหรอ?”
ตู้เฟยหมดคำพูด ลุกขึ้นมาเพื่อจะหนี
แต่เขาเพิ่งจะลุกขึ้นมา ก็ถูกพี่หมาจื่อถีบจนล้มลงไปอีกครั้ง
เวลานี้หลี่ฝางได้หัวเราะกล่าว: “เรื่องรถนั้น ก็ให้มันแล้วไปเถอะ เรามาคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า”
“ยังมีเรื่องอะไรอีก?”
“ตู้เฟย หัวสมองนายมีปัญหาหรือไง? นายทำให้ฉันไม่ได้สอบตั้งหลายวิชา บัญชีนี้ฉันยังไม่ได้คิดกับนายเลย” สีหน้าของหลี่ฝางเย็นชาลง