NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 145
บทที่ 145 พบเห็นตู้เฟยอีกครั้ง
จี้หยกหลายสิบล้าน ให้กันง่ายๆ แบบนี้เลย………
ภายในใจของสวีเถิงเฟย เวลานี้มีคลื่นยักษ์ลูกใหญ่
สวีเถิงเฟยหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรออกไปยังหมายเลขหนึ่ง: “คุณลุงครับ ผมอยากให้ลุงช่วยสืบประวัติคนคนหนึ่ง เขาเป็นคนตงไห่ ชื่อหลี่ฝาง จบจากมัธยมตงไห่ ใช่ ผมอยากได้ข้อมูลที่ละเอียดของเขา ยิ่งละเอียดยิ่งดี…….”
สวีเถิงเฟยสงสัยฐานะของหลี่ฝางแล้ว เขาเชื่อว่า ฐานะของหลี่ฝาง ต้องไม่ธรรมดาอย่างที่ส้งเสียงและโจวเจ๋พูด
ตรงพื้นที่ขนมเค้กขนมหวาน ไม่ค่อยมีคนเข้ามา……..
ผู้หญิงกลัวอ้วน พวกเธอต้องรักษารูปร่างกัน ดังนั้นจึงปฏิเสธของหวาน และผู้ชาย ยิ่งไม่ชอบใหญ่เลย
ข้างในวิลล่ามีสาวสาวสวยไฮโซตั้งมากมาย น้อยมากที่หน้าตาจะไม่ดี ส่วนใหญ่เป็นสาวสวยอันดับต้นๆ
อีกอย่างไฮโซสาวสวยกลุ่มนี้ เข้าใจการคบค้าสมาคมเป็นอย่างดี ในงานเลี้ยงสังสรรค์ของเหล่าคนรวย ก็แค่ทักทายกันง่ายๆ พยักหน้าให้กัน ไม่มีทางที่จะไปสนิทสนมใกล้ชิดกับคุณชายเหล่านั้น
ยังไงก็แล้วแต่หลี่ฝางก็ยังคงชอบลู่หลุ่ยที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า จริงใจ เรียบง่าย ไม่มีความอิจฉา…….
ในเวลานี้ หลี่ฝางเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเดินผ่านสายตาตัวเอง
“ตู้เฟย?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว มองไปที่ศัตรูเก่าคนนี้
หลี่ฝางคิดในใจ ตาแก่อย่างตู้ต้าไห่ล้มละลายแล้ว ตู้เฟยยังมีสิทธิ์มาร่วมงานแบบนี้อีกเหรอ?
ตู้เฟยเดินไปตรงหน้าของโจวเจ๋และส้งเสียง ทักทายพวกเขา
“ตู้เฟย นายมาได้ไง?” โจวเจ๋เห็นตู้เฟย ก็สงสัยเหมือนกัน
“ตู้เฟย เงินที่พ่อนางติดหนี้บ้านฉัน จะคืนเมื่อไหร่เหรอ?” ส้งเสียงถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ก่อนที่ตู้ต้าไห่ล้มละลาย ได้ยืมเงินกับพ่อของส้งเสียงส้งกงหมิงยี่สิบกว่าล้าน และเงินยี่สิบกว่าล้านนี้ ตระกูลส้งกำลังเครียดที่ไม่รู้จะไปทวงกับใคร
อย่างที่ว่ากันหนี้ของพ่อลูกต้องชดใช้แทน ส้งเสียงเห็นตู้เฟยที่ปรากฏตัวในงานเลี้ยงไฮโซอย่างสดใส ไม่มีทางที่จะปล่อยเขาไปง่ายๆ อย่างแน่นอน
“ส้งเสียง เงินนั่นเป็นเงินที่พ่อฉันยืมกับพ่อนาย หนี้ก้อนนี้ เป็นเรื่องของคนรุ่นก่อน นายไม่ต้องมาทวงที่ฉัน” ตู้เฟยตอบกลับมาเฉยชา เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะชดใช้
“พี่เสียง พี่ก็อยากไปบีบตู้เฟยมันอีกเลย บ้านตู้เฟยเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะเอาเงินที่ไหนมาใช้พี่ละ?” โจวเจ๋พูดเสริม
ส้งเสียงถลึงตาใส่โจวเจ๋: “โจวเจ๋ บ้านนายนี้ฉลาดน้อ”
“ฉันว่าบ้านของนายมีญาณทิพย์หรือเปล่า……..” ส้งเสียงขมวดคิ้ว พูดอย่างสงสัย: “ฉันได้ยินมาว่าก่อนที่ตระกูลตู้จะเกิดเรื่องหนึ่งวัน จู่ๆ พ่อนายก็ไปหาตู้ต้าไห่ ได้ทวงเงินลงทุนทั้งหมดกลับมา โดยไม่กลัวที่ทั้งสองตระกูลจะผิดใจกัน”
ส้งเสียงพูดจบ สายตาของตู้เฟยก็ได้จ้องมองไปที่โจวเจ๋ แววตาเต็มไปด้วยความเป็นศัตรู
การกระทำของตระกูลโจวในวันนั้น ผิดปกติไม่น้อย ตอนนั้นนักลงทุนทุกคนในตงไห่ ทุกคนล้วนอยากที่จะเอาเงินส่งมอบให้กับมือของตู้ต้าไห่ ช่วยเขาลงทุน แต่ตระกูลโจวละ จู่ๆ ก็เปลี่ยนใจ ได้ไปขอเงินที่เอาไปให้ตระกูลตู้ลงทุนกลับมาทั้งหมด!
ถึงขั้น ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลเกิดรอยร้าว………
ตู้เฟยจ้องมองโจวเจ๋ อย่างต้องการคำตอบ
โจวเจ๋ตอบแบบขอไปที: “ตอนนั้นเงินทุนของตระกูลโจวมีปัญหา”
ส้งเสียงยิ้มอย่างมีเลศนัย: “บริษัทมีเดียของนาย ก็ราบรื่นดี ทำไมถึงเกิดปัญหาได้ละ?”
“ด้านลุงโจวยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ธุรกิจที่ท่านทำนั้นมีแต่ได้กำไล แล้วจะเกิดปัญหาด้านการเงินได้อย่างไร?” ส้งเสียงกล่าว
สีหน้าของตู้เฟยนั้นมืดมนทันที: “พี่เจ๋ พี่บอกผมมาตามตรง พี่ได้รับพวกข่าวสารอะไรมาล่วงหน้าใช่มั้ย?”
สีหน้าของโจวเจ๋อึดอัดมาก เวลานี้ ก็เห็นหลี่ฝางที่อยู่ตรงพื้นที่ขนมหวาน ก็เลยชี้ไปทางนั้น: “ตู้เฟย นายดูนั่นสิว่าเป็นใคร?”
“หลี่ฝาง?!!”
เมื่อเห็นหลี่ฝาง หมัดของตู้เฟยก็ถูกกำขึ้นมาอย่างแน่นๆ
วันนั้นหากไม่ใช่เพราะการขัดขวางของหลี่ฝาง ไม่แน่ตู้ต้าไห่อาจจะหนีไปพร้อมกันตู้เฟยแล้ว
ก็เพราะหลี่ฝางขับรถพุ่งชน หลี่ฝางทำให้ตู้ต้าไห่สูญเสียขาทั้งสองข้าง กลายเป็นคนพิการคนหนึ่ง
“แม่ง ไอ้คนนอกคอกคนนี้ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?” ตู้เฟยกล่าวอย่างโมโห
“ตู้เฟย นายคงยังไม่รู้มั้ง ตั้งแต่บ้านนายล้มละลายแล้ว โจวเจ๋ก็สนิทกับไอ้หมอนั่น ที่เขาสามารถมาร่วมงานปาร์ตี้นี้ได้ ก็เพราะ ‘ฝีมือ’ ของโจวเจ๋” ส้งเสียงกล่าวด้วยสีหน้าที่ชั่วร้าย
“โจวเจ๋ นาย!” ตู้เฟยมองโจวเจ๋อย่างโกรธเคือง โกรธจนพูดอะไรไม่ออก
พี่ชายที่แสนดีของตัวเองทั้งสองคน คนหนึ่งอ้าปากก็ทวงหนี้ อีกคนก็ไปสนิทสนมกับศัตรูของตัวเอง
เวลานี้ในใจตู้เฟย เหมือนกับว่าได้กินขี้แมลงวันเข้าไปยังไงอย่างนั้น ทรมานมาก
“ถือว่าตู้เฟยอย่างฉันไม่เคยรู้จักพวกนายสองคน” ตู้เฟยพูดทิ้งท้ายอย่างเย็นชา แล้วเดินไปตรงพื้นที่ขนมหวาน
เวลานี้ ผู้ชายที่สวมแว่นดำได้ขวางทางตู้เฟยเอาไว้
“น้องชาย เป็นอะไรเหรอ?”
ผู้ชายที่ใส่แว่นดำคนนี้ เป็นพี่ชาย (ลูกพี่ลูกน้อง) ของตู้เฟย ชื่อว่าหยูเถิง ที่บ้านทำธุรกิจเสื้อผ้า อีกอย่างกิจการกำลังไปได้สวยมาก
“เมื่อกี้นายบอกว่าจะไปหาเพื่อนไม่ใช่เหรอ? ทำไม พวกเขาเห็นว่าบ้านนายล้มละลายแล้ว ดังนั้นจึงรังแกนายเหรอ?” เห็นสีหน้าที่ดูไม่ดีของตู้เฟย หยูเถิงจึงกล่าวอย่างคาดเดา
ตู้เฟยยิ้มอย่างขมขื่น แล้วพยักหน้า: “ใช่ครับ พวกเขาอีกคนทวงหนี้ผม อีกคนก็ไปเป็นเพื่อนกับศัตรูของผม”
“ช่างตลกสิ้นดี” ตู้เฟยหัวเราะเจื่อนๆ : “พวกเขาไม่เหมาะที่จะเป็นเพื่อนกับผมเลย”
“ในเมื่อไม่ใช่เพื่อน ก็เป็นศัตรูละกัน”
หยูเถิงตบที่บ่าของตู้เฟย แล้วกล่าว: “ไป พี่จะช่วยนายสั่งสอนพวกมัน”
“พี่ พี่จะสั่งสอนพวกเขายังไง?” ตู้เฟยถามอย่างสงสัย
“ง่ายนิดเดียว? นายมองพวกเขาดีๆ สิ มองก็รู้ว่ามาหาผลประโยชน์ และคนในที่นี้ ครึ่งหนึ่งเป็นคนที่พี่รู้จัก ขอเพียงพี่ผิดใจกับพวกเขา นั่นก็แปลว่า คุณชายครึ่งหนึ่งในงานนี้ก็จะรักษาระยะห่างกับพวกเขา”
“ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง ก็จะเลือกระหว่างพี่กับพวกเขา”
หยูเถิงหัวเราะอย่างลำพองใจ: “น้อง ถ้าหากเราสองคนไม่เกี่ยวข้องกัน ให้นายเลือก พี่กับพวกมัน นายจะเลือกใครละ?”
“พี่ครับ ยังต้องถามอีกเหรอ ก็ต้องเลือกพี่อยู่แล้ว บ้านของเขาทั้งสองคน ธุรกิจยังสู้ครึ่งหนึ่งของพี่ไม่ได้” ตู้เฟยหัวเราะ ทันใดนั้นก็เข้าใจทันที
“แบบนี้ก็โอเคแล้ว”
หยูเถิงหัวเราะ แล้วก็เดินไปทางโจวเจ๋และส้งเสียง
โจวเจ๋และส้งเสียงเมื่อเห็นหยูเถิงเดินมา กำลังคิดจะไปตีสนิท แต่หยูเถิงที่ถือแก้วแชมเปญอยู่ในมือ ให้สาดไปที่ร่างกายของพวกเขาทันที แล้วก็โวยวายขึ้นมา
โจวเจ๋กับส้งเสียงอึ้งไปก่อน จากนั้นก็โมโหทันที
อยู่ในสถานที่ตรงนี้ เพื่อนของหยูเถิง มีมากกว่าของโจวเจ๋และส้งเสียง
การวิวาทนี้ ทำให้บอดี้การ์ดต้องเข้ามาจัดการ
ตู้เฟยมองภาพนี้ แล้วหัวเราะอย่างเย็นชา
จากนั้น ตู้เฟยก็เดินไปที่พื้นที่ขนมหวาน
“อ้อ มากินฟรีดื่มฟรีอีกแล้วเหรอ” เมื่อเห็นหลี่ฝาง ตู้เฟยก็หัวเราะอย่างดูถูก
“คนจนก็คือคนจน ไม่ว่าไปถึงไหน ร่างกายก็อบอวลไปด้วยกลิ่นสาบ”
เวลานี้ หยูเถิงเดินเข้ามา
“น้องชาย ไอ้สองคนนั้นถูกบอดี้การ์ดไล่ออกไปแล้ว” หยูเถิงกล่าวอย่างลำพองใจ
“พี่ชาย พี่รู้จักคนที่ดูแลรีสอร์ตแห่งนี้?” ตู้เฟยถามอย่างประหลาดใจ
“พนักงานบริกรนับพันที่อยู่ในรีสอร์ตแห่งนี้ ชุดพนักงานทั้งหมดตระกูลหยูเป็นคนจัดการให้ นายว่าจะรู้จักมั้ยละ?” หยูเถิงเลิกคิ้ว
“สุดยอดไปเลย พี่ครับ พี่ให้บอดี้การ์ดมาไล่พวกเขาออกไปด้วยได้มั้ยครับ?”
ตู้เฟยชี้ไปที่หลี่ฝาง: “แล้วกล่าว พี่ครับ พี่ยังจำคนที่ผมเคยพูดกับพี่ได้หรือเปล่า? ไอ้หมอนั่นที่เป็นปรปักษ์กับผมโดยตรง ก็คือมัน”
“มันก็คือหลี่ฝางคนนั้นเหรอ? แต่นายบอกว่ามันเป็นคนจนไม่ใช่เหรอ คนจนทำไมถึงมาสถานที่แบบนี้ได้ละ?” หยูเถิงถามอย่างสงสัย
“โจวเจ๋เป็นคนพาเขามา” ตู้เฟยยิ้มอย่างเย็นชา: “ไอ้หมอนี่ มานี่เพื่อกินฟรีดื่มฟรี”
“คนแบบนี้ ต้องไล่มันออกไป”
หยูเถิงกวักมือ รีบบอดี้การ์ดสองคนเข้ามา
“คุณชายหยู มีอะไรให้พวกเรารับใช้ครับ?” บอดี้การ์ดถามไปหนึ่งประโยค
“ช่วยเอาสองคนนี้ออกไปที” หยูเถิงกล่าวอย่างเย็นชา
“แบบนี้…………มันคงไม่ดีมั้ง คุณชายหยู?” บอดี้การ์ดรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
“ไม่ดียังไง สองคนนี้มาที่นี่เพื่อกินฟรีดื่มฟรี หรือว่าพวกแกดูไม่ออกเลยเหรอ?” หยูเถิงขมวดคิ้วถาม
บอดี้การ์ดหันหน้า มองที่หลี่ฝาง: “คุณผู้ชาย คุณช่วยหยิบการ์ดเชิญออกมา ให้พวกเราดูหน่อยได้มั้ยครับ?”
“นี่คือจะตรวจการ์ดเชิญเหรอ?” หลี่ฝางหัวเราะถาม
“ใช่ครับ คุณผู้ชาย” บอดี้การ์ดพยักหน้าอย่างสุภาพ
“แล้วทำไมไม่ตรวจสอบของพวกเขาก่อนละ?” หลี่ฝางชี้ไปที่ตู้เฟยและพวก