NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 147
บทที่ 147 ลุงเฉียนมาแล้ว
เครดิตการ์ดทั้งหมด ล้วนมีวงเงินที่จำกัดของมัน นอกจาก Global black cardเท่านั้น
Global black cardไม่จำกัดวงเงิน สามารถรูดได้อย่างไม่จำกัด ซื้อเครื่องบิน ยังได้เลย
ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ Global black cardนี้มันเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะ ทั้งประเทศจีน มีไม่กี่คนที่มีGlobablack cardนี้
สิ่งนี้มันเกี่ยวข้องกับสิทธิ์และคุณสมบัติ
ถึงอย่างไรGlobal black card ไม่ใช่ว่าไปทำเรื่องยืดขอ แต่ธนาคารเป็นคนที่ส่งมอบให้
จะมีเฉพาะผู้ที่อยู่ในการจัดอันดับของ Forbesที่อยู่ในทั่วโลก จึงจะได้สิทธิ์จากธนาคาร
“ของปลอม!” ตู้เฟยกล่าว
“พี่ครับ พี่ว่ามันจะเป็นไปได้เหรอ? ผู้หญิงบ้านนอกแบบนี้ จะมี Global black cardได้อย่างไรกัน?” ตู้เฟยหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
“ใช่ มันจะเป็นของจริงได้อย่างไร คงมีแต่มหาเศรษฐีอย่างหวางซือชงที่มีเท่านั้นมั้ง?”
“ประเทศจีนจะมีสักกี่ใบกัน Global black cardของผู้หญิงคนนั้น ต้องเป็นของปลอมอย่างแน่นอน”
ได้ยินผู้คนต่างพากันสงสัย สีหน้าของหยูเถิงกับจ้าวเสี่ยวตาว ในที่สุดมีเลือดขึ้นมาเล็กน้อย
หากมันเป็นของจริง พวกเขาต้องจบเห่อย่างแน่นอน
ฐานะคนที่มี Global black card สามารถทำให้ครอบครัวของพวกเขาจบเห่ได้ในพริบตา
เวลานี้ หลี่ฝางได้โทรไปหลี่ต๋าคาง
“พ่อครับ”
หลังจากที่โทรติด หลี่ฝางก็กล่าวขึ้น: “ตอนนี้ผมอยู่ที่รีสอร์ตของพ่อ”
หลี่ต๋าคางหัวเราะอยู่ที่ปลายสาย: “ตั้งแต่แกเดินเข้ามาในรีสอร์ต พ่อก็เห็นแกแล้วล่ะ”
“ห๊า?”
“แกเงยหน้ามองดู มุมทางซ้ายสี่สิบห้าองศา” หลี่ต๋าคางกล่าว
หลี่ฝางเงยหน้าขึ้น มองไปทางด้านซ้ายสีสิบห้าองศา ก็พบเห็นตรงนั้นมีกล้องวงจรปิดขนาดเล็กอันหนึ่ง หากไม่สังเกตดีๆ ไม่มีทางเห็นอย่างแน่นอน
“พ่อครับ บอดี้การ์ดที่หามานี่มันยังไง ผมก็ถือเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่งของที่รีสอร์ตแห่งนี้ แต่ว่าบอดี้การ์ดจะเชิญผมออกไป” หลี่ฝางเกือบจะพูดคำว่าแม่งเอ๊ยออกมาแล้ว
“ลุงเฉียนกำลังไปแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานคงถึง” หลี่ต๋าคางกล่าว
“อดทนรออีกห้านาทีละกัน”
หลี่ต๋าคางพูดจบ ก็วางสายไปเลย
หลี่ฝางโทรไปอีกครั้ง ทางหลี่ต๋าคางนั้นไม่รับสายแล้ว
หลี่ฝางจ้องกล้องวงจรปิดอย่างโมโห เขารู้ว่า หลี่ต๋าคางกำลังมองตัวเองอยู่
เวลานี้ บอดี้การ์ดได้เดินเข้ามา เขายังคงพูดกับหลี่ฝางอย่างสุภาพ: “คุณผู้ชาย คุณคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วใช่มั้ยครับ?”
“คุณชายหยูต้องการให้คุณออกไปโดยเร็ว” บอดี้การ์ดกล่าว
“มันเป็นคุณชายเหี้ยอะไร” หลี่ฝางขมวดคิ้ว เผยสีหน้าที่ดูถูก
หลี่ฝางคิดในใจ รอให้ลุงเฉียนมาก่อน ฉันจะดูว่านายจะอวดเก่งยังไงอีก
และสิ่งที่หลี่ฝางปวดหัวที่สุดก็คือ ลุงเฉียนจะมาเมื่อไหร่ หากตัวเองไม่สามารถต้านทานถึงตอนที่ลุงเฉียนมา ก็ถูกไล่ออกไปเสียก่อน แล้วจะทำยังไง?
เวลานี้ตู้เฟยก็ได้กล่าวขึ้น: “อย่าไปเสียเวลากับคนนอกคอกคนนี้เลย ผมว่าจับมันโยนออกไปเลยดีกว่า”
“ผมได้ยินมาว่าบอดี้การ์ดของที่นี่ ล้วนเคยเป็นทหารที่ปลดประจำการมาก่อน แต่ละคนฝีมือไม่เบาทั้งนั้น นายโชว์ฝีมือ ให้พวกเราดูเป็นบุญตาหน่อย”
ตู้เฟยกล่าวด้วยสีหน้าที่ชั่วร้าย ความหมายของเขาก็คืออยากให้บอดี้การ์ดลงมือกับหลี่ฝาง
บอดี้การ์ดมีความลังเล แต่สีหน้ากลับเข้มขรึม: “เจ้าหนุ่มน้อย ฉันไม่อยากที่จะลงมือทำร้ายเด็ก แต่นายอยากบังคับให้ฉันต้องทำ”
“ฉันบีบนาย? เป็นพวกเขาที่บีบนายมั้ง” หลี่ใช้คางชี้ไปที่พวกหยูเถิง
ขณะนี้หยูเถิงได้เดินเข้ามา มองบอดี้การ์ดคนนี้แล้วกล่าว: “ในมือน้องชายฉันอยากจะดูฝีมือของนาย นายก็แสดงหน่อยละกัน”
“หากน้องชายฉันพอใจละก็ จะมีรางวัลให้อย่างงาม” หยูเถิงหัวเราะแล้วกล่าวอย่างเย็นชา
“คุณชายหยู คุณพูดจริงเหรอ?” บอดี้การ์ดเกิดหวั่นไหวขึ้นมาแล้ว
“อะไร แม้แต่ฉันหยูเถิงนายก็ไม่เชื่อเหรอ? ตระกูลหยูอย่างฉัน จะโกหกบอดี้การ์ดเล็กๆ อย่างนายทำไม?” สีหน้าหยูเถิงมืดมนไปสักพัก
บอดี้การ์ดได้ฟัง ก็วางใจแล้ว
มีคนตั้งมากมายอยู่ตรงนี้ บอดี้การ์ดคิดในใจ หยูเถิงคนนี้คงไม่เบี้ยวอย่างแน่นอน
เพียงแต่บอดี้การ์ดก็ยังคงได้ถามไปอีกหนึ่งประโยค: “คุณชายหยู ผมสามารถถามได้มั้ยครับว่า รางวัลคืออะไร?”
“เงินเดือนนายเท่าไหร่?” หยูเถิงถามกลับไปหนึ่งประโยค
“เงินเดือนหนึ่งหมื่นห้าพันหยวน” บอดี้การ์ดยิ้มๆ
สีหน้าหยูเถิงเปลี่ยนทันที บอดี้การ์ดคนนี้ เงินเดือนตั้งหนึ่งหมื่นพันหยวน?
สถานที่ห่วยๆ แบบตงไห่ ปีละหนึ่งหมื่นห้าพันหยวนก็หาคนได้แล้ว
หยูเถิงคิดในใจ คุณท่านหลี่คนนี้ไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปใช่ที่ไหนหรือเปล่า?
หยูเถิงกล่าวอย่างเรียบเฉย: “ให้รางวัลนายเท่ากับเงินเดือนนายหนึ่งเดือน เป็นยังไง?”
“ได้ๆๆ” บอดี้การ์ดหัวเราะอย่างดีใจ
บอดี้การ์ดมีความสุขมาก อย่างไรเสียหลี่ฝางก็แค่เด็กเมื่อวานซืนคนหนึ่ง ทำร้ายเด็กเมื่อวานซืน ก็ได้รางวัลหนึ่งหมื่นห้าพันหยวน เงินนี้ก็ได้มาง่ายไปมั้ย
บอดี้การ์ดกล่าวรับประกันกับหยูเถิง: “คุณชายหยู รับรองว่าจะไม่ทำให้คุณและน้องชายคุณผิดหวังอย่างแน่นอน”
หยูเถิงพยักหน้า แล้วกล่าว: “งั้นก็อย่าพูดมากอีกเลย รีบลงมือเถอะ”
“อีกสักพักคุณชายมู่ก็จะถึงแล้ว” หยูเถิงกล่าวไปประโยคหนึ่ง
และตู้เฟยก็พูดกำชับ: “ลงมือเต็มที่เลย หากมีปัญหาอะไร พวกเราเป็นคนรับผิดชอบเอง”
บอดี้การ์ดได้ยินคำพูดนี้ของตู้เฟย ใจก็ผ่อนคลายลงมาก
เดิมทีเขายังกังวล ถ้าลงมือเบาเกินไป แล้วหยูเถิงไม่พอใจจะทำยังไง?
ถ้าลงมือหนักเกินไป เกิดหลี่ฝางเป็นอะไรขึ้นมา เงินหมื่นห้านี้ยังไม่พอที่จะชดใช้ค่ารักษาพยาบาลอีก
บอดี้การ์ดหันหน้า มองไปทางหลี่ฝาง ใบหน้าปรากฏด้วยความดุร้าย: “เจ้าหนุ่มน้อย อย่าโทษฉันเลย เหมือนอย่างที่นายพูดเมื่อกี้ ฉันก็ถูกบังคับเหมือนกัน”
“แค่ทำร้ายนายก็ได้เงินหมื่นห้าแล้ว เมื่อเทียบกับที่ฉันต้องทำงานทั้งเดือนสบายกว่ากันเยอะเลย” บอดี้การ์ดยิ้มที่มุมปากอย่างเยือกเย็น
หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วกล่าว: “นายไม่ต้องลงมือ ฉันไปก็ได้”
“ไปเหรอ? นายรู้สึกว่าเวลานี้ นายยังจะไปได้อีกมั้ย?” บอดี้การ์ดยิ้มอย่างชั่วร้าย
“หากนายไปแล้ว เงินหมื่นห้านี้ฉันจะไปเอากับใคร?”
บอดี้การ์ดพูดจบ ก็ยกหมัดขึ้น ชกไปทางหลี่ฝางโดนตรง
ดีที่หลี่ฝางเตรียมพร้อมไว้แล้ว รีบถอยไปหลายก้าว
“เย็ดแม่!” หลี่ฝางกัดฟัน หมัดของนายคนนี้ ดูแล้วไม่ธรรมดาเลย หากชกโดน ตัวเองคงจะแย่แน่ๆ
นี่มันอะไรกัน ทำไมลุงเฉียนยังไม่มา?
“หนี? ฉันดูสิว่านายจะหนีไปไหน!” บอดี้การ์ดคนนี้จู่โจมเข้ามา หลี่ฝางหยิบแจกันยักษ์ขึ้นมา ทุ่มมันออกไปโดยตรง
“แม่ง นี่มันแจกันลายครามเลยนะ!”
บอดี้การ์ดเบิกตากว้าง รีบคว้าแจกันเอาไว้
“แจกันลายคราม?” จู่ๆ หลี่ฝางก็หัวเราะขึ้นมา แล้วกล่าว: “ฉันไม่สนหรอกว่ามันจะใช่แจกันลายครามหรือเปล่า”
ระยะห่างสองเมตรยังมีอีกอัน หลี่ฝางวิ่งไปอุ้มขึ้นมา แล้วทุ่มไปที่บอดี้การ์ดอีกครั้ง
บอดี้การ์ดวางแจกันที่อยู่ในมือ แล้วรีบไปรับอีกอัน
เวลานี้ จู่ๆ หลี่ฝางก็วิ่งเข้าไป แล้วถีบไปที่เป้ากางเกงของบอดี้การ์ด
ถึงอย่างไรผู้ชายทุกคนก็มีจุดอ่อน
หลังจากที่ถูกหลี่ฝางถีบโดนแล้ว บอดี้การ์ดก็ใช้สองมือกุมเป้าของตัวเองเอาไว้ เจ็บจนต้องนั่งลงไป
แจกันลายครามใบนั้น หล่นตู้มลงบนพื้น
“นาย…….นายตายแน่”
“นายรู้หรือเปล่าว่าแจกันลายครามใบนี้ราคาเท่าไหร่?” บอดี้การ์ดมองไปที่เศษแจกัน ชี้ไปที่หลี่ฝางแล้วกล่าว
“นายเป็นทหารที่ปลดประจำการไม่ใช่เหรอ?” ทำไมไร้ประโยชน์เช่นนี้? ตู้เฟยด่าอย่างโมโห
บอดี้การ์ดรีบลุกขึ้นมา กลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง
หลี่ฝางหยิบเศษแจกันลายครามที่อยู่บนพื้นขึ้นมา คิดที่จะใช้แผนการเดิม
ตู้เฟยก็ได้พูดขึ้น: “ไม่ต้องกลัว ต่อให้แจกันใบนี้จะตกแตกไปแล้ว ก็เป็นเขาที่ทำแตก ไม่เกี่ยวกับนาย เดี๋ยวถ้ามีคนถาม พวกเราทุกคนจะเป็นพยานให้นาย”
บอดี้การ์ดพยักหน้า จากนั้นก็จ้องมองหลี่ฝางด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ: “โยนสิ ขอแค่นายมีปัญญาชดใช้ ก็โยนเลย!”
หลี่ฝางคิดก็ยังไม่คิด ก็หยิบแจกันลายคราม ทุ่มไปทางบอดี้การ์ดทันที
เสียงตูมดังขึ้น แจกันลายครามก็ได้แตกไปอีกหนึ่งใบ
บอดี้การ์ดคนนี้ ก็ไม่ได้เข้าไปรับ ให้แจกันลายครามตกลงไปบนพื้น
“เห่อๆ ทุกคนก็เห็นแล้ว นายมันเป็นคนโยนเอง” บอดี้การ์ดหัวเราะเย็นชาแล้วกล่าว
“ฉันโยนแล้วจะทำไม?” หลี่ฝางไม่สะทกสะท้าน วิ่งไปไกลๆ มือแต่ละข้างได้หยิบแจกันลายครามขึ้นมา แล้วโยนไปทางบอดี้การ์ดอีกครั้ง
โยนต่อเนื่องไปสี่อัน หลี่ฝางพบว่าทางนี้ไม่มีแจกันลายครามแล้ว
บอดี้การ์ดนี้ได้ค่อยๆ เดินเข้าไปทางเขา
“เจ้าหนุ่ม แกตายแน่!” สีหน้าของบอดี้การ์ดยิ่งอยู่ยิ่งโหด
แจกันลายครามตกแตกไปหกอัน ต่อให้มีคนเป็นพยานให้เขา บอดี้การ์ดก็รู้ว่าตัวเองนั้นยากที่จะหลุดพ้นเรื่องนี้
บอดี้การ์ดใช้มือข้างหนึ่งบีบคอของหลี่ฝางเอาไว้ เตรียมตัวที่จะลงมือแล้ว ทันใดนั้น เสียงที่ดุดันก็ดังมาจากไกลๆ
“หยุดนะ!”
คนคนนี้ ก็คือลุงเฉียน
ลุงเฉียนวิ่งมาอย่างร้อนใจ เห็นบอดี้การ์ดบีบคอของหลี่ฝางไว้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“รีบปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!”
ลุงเฉียนกัดฟันพูด: “ไอ้สารเลว นายรู้มั้ยว่าเขาเป็นใคร?”