NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 148
บทที่ 148 ทวงความยุติธรรมให้หลี่ฝาง
สายตาที่ลุงเฉียนมองบอดี้การ์ด ช่างน่ากลัวมาก
บอดี้การ์ดถูกสายตาของลุงเฉียนทำให้กลัว เขารีบปล่อยมือออกจากคอของหลี่ฝาง วางหมัดลง
ในสายตาของบอดี้การ์ด ลุงเฉียนเป็นคนใจดีมากมาโดยตลอด เขาไม่เคยแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดแบบนี้
แต่วันนี้ทำไมเป็นแบบนี้?
ก็เพราะเจ้าหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนจนนอกคอกคนหนึ่งเหรอ?
ลุงเฉียนที่สุขุมหนักแน่น ทำไมจึงร้อนรนขนาดนี้
บอดี้การ์ดมองแจกันลายครามที่แตกอยู่บนพื้น รีบร้อนพูดขึ้นมา: “ลุงเฉียน แจกันลายครามนี้ไม่ใช่ผมทำแตกครับ”
“เขาครับ เขาเป็นคนโยนครับ”
บอดี้การ์ดชี้ไปที่หลี่ฝาง แล้วกล่าว: “ลุงเฉียน หากลุงไม่เชื่อ พวกคุณชายหยูเป็นพยานให้ผมได้นะครับ”
เวลานี้พวกหยูเถิงไม่มีใครพูดเลย
ลูกมหาเศรษฐีอย่างหยูเถิง ความสามารถของเขา อาจจะเป็นการสังเกตสีหน้าคน
คนโง่ยังสามารถดูออก ลุงเฉียนไม่ได้มองไปที่พื้นเลย สายตาของเขา ห่วงใยหลี่ฝางตลอดเวลา
ลุงเฉียนไม่ได้สนใจแจกันลายคราม สิ่งที่เขาสนใจคือหลี่ฝาง
“เสี่ยวฝาง นายไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” ลุงเฉียนมองหลี่ฝาง ถามด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง
หลี่ฝางส่ายหัว แล้วกล่าว: “ไม่เป็นไรครับ”
“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี” ลุงเฉียนจึงได้โล่งอก
หากหลี่ฝางเป็นอะไรขึ้นมา ความรับผิดชอบของตัวเองต้องมากเป็นเท่าตัว
จากนั้น สีหน้าลุงเฉียนก็เปลี่ยนทันที หันหน้ามองไปที่บอดี้การ์ด
แม่ว่าลุงเฉียนดูแล้วจะเป็นคนมีอายุแล้ว แต่จู่ๆ ที่เขาโกรธ ร่างกายก็ได้แผ่รังสีความโหดร้ายออกมา
เสียงดังเพี้ย
ลุงเฉียนได้ใช้ฝ่ามือตบไปที่หน้าของบอดี้การ์ด แล้วสั่งสอนด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ: “ไอ้สารเลว แกอยากตายใช่มั้ย?”
“ลุงเฉียน แจกันลายครามพวกนี้ไม่ใช่ฝีมือของผมจริงๆ เจ้าหนุ่มคนนี้มันอาละวาด แล้วเป็นคนโยน” บอดี้การ์ดพูดอย่างน้อยใจ
ถึงตอนนี้แล้วเขายังคิดว่า ที่ลุงเฉียนตบเขา เพราะเรื่องแจกันลายคราม
“นายรู้มั้ยว่าเขาเป็นใคร?” ลุงเฉียนชี้ไปที่หลี่ฝาง แล้วถาม
บอดี้การ์ดเพิ่งจะเข้าใจ แล้วรีบถาม: “ลุงเฉียน เขาคือ?”
หลี่ฝางสะดุ้ง นึกว่าลุงเฉียนจะเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของเขาเสียแล้ว
ปรากฏลุงเฉียนบอกว่า: “เขาคือเพื่อนของนายน้อยของพวกเรา!”
“แกมันไอ้สารเลว กินดีหมีดีเสือเข้าไปหรือไง ถึงกล้าไล่เพื่อนของนายน้อย?” ลุงเฉียนกล่าวอย่างเย็นชา
“นายน้อย?”
“หรือว่าจะเป็นหลานชายของคุณท่านหลี่?”
“คิดไม่ถึงเลย เจ้าหนุ่มที่สารรูปดูไม่ได้คนนี้ กลับมีหัวนอนปลายเท้า”
หลายคนแอบตกใจ ภาวนาอยู่เงียบๆ ในใจ โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ล่วงเกินหลี่ฝาง ไม่อย่างนั้น ก็เท่ากับว่าได้ล่วงเกินคนชายตัวจริงไปด้วย
“เสี่ยวฝาง นายบอกลุงมาสิ ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง?” ลุงเฉียนกล่าว
หลี่ฝางได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ให้ลุงเฉียนฟังโดยละเอียด
หลังจากที่ลุงเฉียนฟังจบ ก็ถีบบอดี้การ์ดล้มลงบนพื้นโดยตรง: “ฉันจ้างแกมาปกป้องดูแลคน ไม่ได้ให้แกมาทำร้ายคน”
“ในเมื่อนายรู้สึกว่าตัวเองเก่งขนาดนั้น มา มาสู้กับฉัน!”
ลุงเฉียนพูดอย่างเสียงดัง การถีบของเขา ทำให้บอดี้การ์ดกระเด็นไปไกลหลายเมตร
พวกหยูเถิง ล้วนตกใจกันหมด
ตาแก่คนนี้ ดูแล้วไม่ธรรมดาจริงๆ!
บอดี้การ์ดตกใจมาก รีบกล่าวขึ้น: “ลุงเฉียน ผมผิดไปแล้ว”
เล่นตลกอะไรกัน ตอนที่คัดเลือกบอดี้การ์ดนั้น เขาได้เคยปะทะฝีมือกับลุงเฉียนมาแล้ว
คุณสมบัติของบอดี้การ์ดที่ได้อยู่ต่อ ต้องสามารถต่อสู้กับลุงเฉียนเกินสิบกระบวนท่า ตอนนั้นทหารที่ปลดประจำการมาสมัครตั้งหลายร้อยคน แต่คนที่ผ่านกันคัดเลือกมีเพียงยี่สิบคน
คนที่ถูกเลือกมีไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์
บอดี้การ์ดรู้สึกว่า ถือว่าลุงเฉียนยังออมมือให้แล้ว ยังไม่ได้ลงมือจริงๆ
หากลงมือจริงๆ อย่าว่าแต่สิบกระบวนท่าเลย ตัวเองนั้นคงไม่สามารถสู้กับลุงเฉียนเกินสิบวินาที
แบบนี้ถึงจะเป็นยอดฝีมือจริงๆ
“ใครอนุญาตให้บอดี้การ์ดทำร้ายคน?” ใบหน้าของลุงเฉียนดุร้ายมา ถามไปหนึ่งประโยค
สีหน้าของตู้เฟยกับหยูเถิง เปลี่ยนไปจนดูไม่ได้เลย
หลี่ฝางหัวเราะเห่อๆ มองไปที่ตู้เฟยกับหยูเถิง: “ทำไม กล้าทำไม่กล้ารับเหรอ? แบบนี้คือเตรียมตัวจะเป็นเต่าหัวหดแล้วใช่มั้ย?”
หยูเถิงลังเลไปสักพัก จากนั้นก็ก้าวออกมา เขาคิดในใจ ถึงอย่างไรด้านหลังของตัวเองก็เป็นตระกูลหยูทั้งตระกูล
รีสอร์ตแห่งนี้คงไม่เพราะคนนอกคนหนึ่ง แล้วจะมาทำให้ตระกูลหยูทั้งตระกูลต้องลำบาก
หยูเถิงก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พูดกับลุงเฉียน: “ลุงเฉียน ผมเอง”
“ลุงเฉียน ลุงน่าจะจำผมได้ใช่มั้ย? ผมคือหยูเถิง คนของตระกูลหยู ชุดฟร์อมที่รีสอร์ตสั่งทำเป็นหมื่นชุดนั้น ตระกูลหยูเป็นผู้ผลิตเอง” หยูเถิงเริ่มพูดอย่างสนิทสนม
ลุงเฉียนมองสำรวจหยูเถิง แล้วพยักหน้า: “ลุงจำนายได้”
“ความจำลุงเฉียนดีมากเลย” หยูเถิงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อ: “เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ คนหนุ่มที่ชื่อหลี่ฝางคนนี้ ไม่มีการ์ดเชิญ ดังนั้นผมสงสัยว่าเขาจะแอบเข้ามา ก็เลยให้บอดี้การ์ดไล่เขาออกไป”
“ใครจะไปรู้ว่าเขาจะมีท่าทางที่แข็งกร้าวมาก ไม่ยอมออกไป ดังนั้นผมจึงให้บอดี้การ์ดลงมือ”
“แอบเข้ามา?” คิ้วของลุงเฉียนขมวดเข้าหากัน: “หยูเถิง นายกำลังสงสัยความสามารถของบอดี้การ์ดในรีสอร์ตของเราเหรอ?”
“ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”
“แล้วนายหมายความว่ายังไง? สีหน้าของลุงเฉียนเย็นชา ยังมีอีก ต่อให้มีคนแอบเข้ามา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย นายคือใคร ถึงกล้าสั่งบอดี้การ์ดของรีสอร์ต ยังให้บอดี้การ์ดทำร้ายคนอีกด้วย!”
“เจ้าของรีสอร์ตแห่งนี้แซ่หลี่ ไม่ใช่แซ่หยู!” ลุงเฉียนจ้องมองหยูเถิงอย่างเยือกเย็น
ร่างกายของหยูเถิงแข็งทื่อทันที เขานึกว่าเพียงเพราะตัวเองเป็นคนตระกูลหยูในเมืองเอก ลุงเฉียนคนนี้ก็จะไว้หน้าเขาบ้าง คงไม่ทำให้เขาลำบากใจมาก
แต่ใครจะไปรู้ ลุงเฉียนกลับสั่งสอนเข้าอย่างไม่ไว้หน้าเลย
“ในเมื่อนายเป็นคนสั่งให้บอดี้การ์ดทำร้ายคน สิ่งที่เกิดความเสียหายจากการที่บอดี้การ์ดทำร้ายคน” นายต้องเป็นคนรับผิดชอบ ลุงเฉียนกล่าวด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว
“แจกันลายครามแตกไปทั้งหมดหกอัน อันละสองล้านหยวน ทั้งหมดก็เป็นสิบสองล้านหยวน”
“พรุ่งนี้ตอนเช้า ลุงจะให้คนส่งบิลไปเก็บที่บ้านนาย”
“แน่นอน ถ้าบ้านนายปฏิเสธที่จะชดใช้ ก็ไปต่อสู้กันในชั้นศาล” ลุงเฉียนกล่าวอย่างไร้ความปรานี
เพียงคำพูดเดียวของลุงเฉียน สีหน้าของหยูเถิงก็ซีดไปทันที
อะไรนะ?
สิบสองล้าน?
ไม่ให้ก็เจอกันในศาล?
หยูเถิงรู้สึกมึนมาก ใครจะกล้าฟ้องร้องกับรีสอร์ตแห่งนี้ ฟ้องร้องกับรีสอร์ต ไม่เท่ากับว่าเป็นศัตรูกับคุณท่านหลี่หรอกเหรอ?
หลี่เจียเฉินเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของดูไบ มีทรัพย์สินหลายแสนล้าน!
เป็นศัตรูกับมหาเศรษฐีแสนล้าน ไม่เท่ากับหาที่ตายเหรอ?
ดังนั้นบัญชีก้อนนี้ ไม่ว่ายังไงตระกูลหยูก็ต้องรับ
“แน่นอน ก่อนที่จะชดใช้ นายสามารถหักเงินค่าชุดเอาไว้ ลุงเฉียนกล่าวอย่างเย็นชา: “ตระกูลหลี่ ก็ไม่ติดหนี้บุญคุณตระกูลหยูแม้แต่นิดเดียว”
คำพูดของลุงเฉียนประโยคนี้ กำลังได้บอกกับทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย รีสอร์ตกับตระกูลหยูนั้นไม่เกี่ยวข้องกันอีก
เดิมที ตระกลูหยูอาศัยโอกาสนี้มอบชุดพนักงาน เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีเล็กน้อย แต่เป็นเพราะหยูเถิง ไมตรีน้อยนิดนี้ก็ไม่มีแล้ว
ทำให้ตระกูลหยูเสียเงินสิบสองล้านยังไม่พอ แถมทำเสียสัมพันธไมตรีกันอีกด้วย
เวลานี้ หยูเถิงรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนั้นไร้เรี่ยวแรงไปหมด ตัวเองกลับถึงบ้าน จะโดนตีจนตายหรือเปล่า!
ตู้เฟยนั้นยิ่งแล้วใหญ่กลัวจนหดหัวอยู่ข้างๆ ไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว
“ใช่แล้ว ผมก็ประกาศหน่อย ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ต หรือสวนสนุกที่เรายังไม่เปิดเป็นทางการ ห้ามคนของตระกูลหยูเข้ามาเด็ดขาด”
ลุงเฉียนกล่าวอย่างเรียบเฉย
เมื่อคำพูดนี้ประกาศออกมา หยูเถิงถึงกับทรุดลงกับพื้น
ลุงเฉียนตั้งใจบอกให้ทุกคนได้ทราบ รีสอร์ตกับตระกูลหยู เป็นตายก็ไม่เกี่ยวข้องกัน แบ่งแยกความสัมพันธ์อย่างชัดเจนแล้ว
เป็นศัตรูกันแล้วเหรอ!
“ดังนั้น หยูเถิง ขอให้นายออกไปจากรีสอร์ตแห่งนี้ด้วย”
ลุงเฉียนหัวเราะอย่างเย็นเฉียบแล้วกล่าว: “หากนายไม่ยอมออกไป ฉันจะให้บอดี้การ์ด โยนนายออกไป”
ตู้เฟยพยุงหยูเถิงขึ้นมา: “พี่ครับ เราไปกันเถอะ”
หยูเถิงเหลือบมองหลี่ฝาง เขาไม่เข้าใจ หลี่ฝางเป็นเพียงคนนอกคนหนึ่ง ทำไมถึงทำให้ลุงเฉียนถึงโมโหขนาดนี้?
ขณะที่หยูเถิงกับตู้เฟยจะจากไปนั้น หลี่ฝางก็ได้ตะโกนขึ้น: “รอก่อน!”
ตู้เฟยหันหน้ากลับไป มองไปที่หลี่ฝาง: “นายจะทำอะไรอีก?”
“ฉันจะหาเพื่อนให้พวกนาย”
หลี่ฝางยิ้มๆ ยื่นมือชี้ไปที่จ้าวเสี่ยวตาว: “นายก็ออกไปจากรีสอร์ตแห่งนี้ด้วย”
นายชื่ออะไร? ลุงเฉียนถามจ้าวเสี่ยวตาว
“ผมชื่อจ้าวเสี่ยวตาว ปู่ผมชื่อจ้าวเจิ้งเฟิง” จ้าวเสี่ยวตาวรีบยกปู่ของตัวเองออกมาอ้าง
ลุงเฉียนพยักหน้า แล้วกล่าวอย่างเรียบเฉย จดไว้หน่อย นอกจากตระกูลหยูแล้ว ตระกูลของจ้าวเจิ้งเฟิง ก็เป็นบัญชีดำของรีสอร์ตแห่งนี้
“อะไรนะ!” จ้าวเสี่ยวตาวเอ๋อไปทันที
“ตอนนี้ เชิญนายออกไปจากที่นี่ รีสอร์ตของเรา ไม่ต้อนรับคนตระกูลจ้าว” ลุงเฉียนกล่าวอย่างเย็นชา