NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 152
บทที่ 152 หลี่ฝางตีมู่เสี่ยวไป๋อย่างแรง
เจ้าหัวแบนคิดจะต่อต้าน แต่กลับถูกโหจื่อขู่ด้วยรอยยิ้ม “พี่โจว คุณต้องการให้ผมหักคอของคุณหรือไง?”
พูดจบ สีหน้าของโหจื่อก็เยียบเย็นขึ้นมาทันที ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด
“ยอดฝีมือที่มู่เสี่ยวไป๋พามาแพ้แล้ว?”
“คาดไม่ถึงจริงๆ เลยนะเนี่ย คิดไม่ถึงว่าเจ้าหนุ่มผอมแห้งนั่นจะเอาชนะเจ้าหัวแบนได้”
“ติงเฟิง เมื่อกี้นายไม่ได้บอกว่าเจ้าหัวแบนเก่งเสียยิ่งกว่าเก่งหรือไง? ทำไมถึงได้ถูกคนเล่นงานลงเอาง่ายๆ แบบนี้ เมื่อครู่ตอนนายเล่าเรื่องกษัตริย์แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คงจะเป็นเรื่องแต่งของนายรึเปล่า? ” มีคนสงสัยขึ้นมา
“ไม่เชื่อก็ลองกลับไปสืบดูเอง คนรุ่นเก่าล้วนรู้กันดีทั้งนั้น นายท่านมู่ในตอนนั้น พาคนแค่เพียงคนเดียวไปเจอกับกษัตริย์แห่งตะวันออกเฉียงเหนือจริงๆ”
ลูกเศรษฐีอย่าง ติงเฟิงยังคงกล่าวด้วยความไม่แน่ใจอยู่บ้าง “บางทีนายท่านมู่อาจจะพาคนอื่นไป”
เจ้าหัวแบนเองก็ไม่คาดคิดว่า ตนเองจะพ่ายแพ้ลงในเงื้อมมือของโหจื่อเช่นกัน
แต่เจ้าหัวแบนในตอนนี้เองก็ไม่กล้าจะขัดขืนอะไรมาก จึงทำได้แค่มองดูมู่เสี่ยวไป๋ถูกหลี่ฝางจัดการตาปริบ ไม่มีทางยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้
เจ้าหัวแบนในตอนนี้ อย่าว่าจะไปปกป้องใครเลย แม้กระทั่งตนเองยังแทบเอาตัวไม่รอด
โหจื่อบีบคอเจ้าหัวแบนเอาไว้แบบนี้ ไหนเลยที่เจ้าหัวแบนจะกล้าขยับตัวมั่วซั่ว?
ลำคอ คือจุดตาย!
เมื่อถูกคนจับได้ ก็เหมือนถูกคนจับตายแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างโหจื่อ เขาสามารถบีบคอคนคนหนึ่งลงและฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย
แม้ในใจของเจ้าหัวแบนจะคิดว่าต่อหน้าผู้คนจำนวนมากแบบนี้ โหจื่อคงจะไม่เอาชีวิตของเขา แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะเสี่ยงอย่างบุ่มบ่าม
หากโหจื่อกล้าขึ้นมาล่ะ?
แบบนั้นเขาก็ตายไม่ใช่หรือไง?
ดังนั้น เจ้าหัวแบนจึงไม่กล้าเสี่ยง
เมื่อมู่เสี่ยวไป๋เห็นว่าเจ้าหัวแบนถูกโหจื่อบีบคอเอาไว้แน่น อีกทั้งยังมีท่าทียอมรับชะตาและหยุดดิ้นรนแล้ว
มู่เสี่ยวไป๋กัดฟันเอ่ย “หลี่ฝาง แกตีพอแล้วหรือยัง?”
เสียงเพี๊ยะดังขึ้น หลี่ฝางตบลงบนหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ “แกจะร้องหาพระแสงอะไร แม่งเอ้ย เสียงดังขนาดนี้ ฉันตกใจเข้าใจไหม?”
หลังจากมู่เสี่ยวไป๋ถูกตบต่อหน้ากลุ่มคน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมา
เสียงตบดังขึ้นอีกครั้ง เป็นหลี่ฝางที่ตบหน้ามู่เสี่ยวไป๋เข้าอีกรอบ “แม่งเอ้ย อย่ามาใช้สายตานี่มองหน้าฉัน ฉันกลัว เข้าใจรึเปล่า?”
“เจ้าหนุ่มหลี่ฝางนี่ก็ออกจะเก่งไปหน่อยแล้วมั้ง? แม้แต่มู่เสี่ยวไป๋ยังกล้าตี!”
“เกรงว่าทั่วมั้งจังหวัดนี้ คนที่กล้าตีมู่เสี่ยวไป๋ คงมีอยู่นับมือ”
“คนที่กล้าตบมู่เสี่ยวไป๋ในที่สาธารณะแบบนี้ เกรงว่าอายุแบบนี้ ทั้งเมืองหลวงของจังหวัดคงไม่มีใครกล้า”
“นี่มันถอดเขี้ยวจากปากเสือชัดๆ หาเหาใส่หัว รนหาที่ตายไปหน่อยแล้ว”
พวกเหล่าลูกเศรษฐี ต่างพากันเหงื่อตกแทนหลี่ฝาง
แม้แต่ ฉินวี่เฟยเองก็ยังมองหลี่ฝางอย่างประเมินขึ้นและลงที่ และมีความสนใจในตัวเด็กหนุ่มขึ้นมาไม่น้อย
ฉินวี่เฟยได้เห็นความเย่อหยิ่งอวดดีของพวกเหล่าคุณชายมานับไม่ถ้วน แต่เขากลับไม่เคยเห็นคนแบบหลี่ฝางมาก่อน ทั้งเหี้ยมโหด ทั้งเลวร้าย อีกทั้งยังไร้ยางอาย
มู่เสี่ยวไป๋เสียงดัง ปากบอกว่าตัวเองตกใจ แต่กลับตบหน้ามู่เสี่ยวไป๋เข้าไปฉาดหนึ่ง
มู่เสี่ยวไป๋จ้องใส่หน่อย ปากบอกว่ากลัว แต่กลับตบเข้าไปเพิ่มอีกฉาด
ถ้ากลัวขนาดนั้นจริง ทำไมถึงได้กล้าตบตีคน
ทุกคนล้วนพูดไม่ออก หลี่ฝางคนนี้ คิดจะแหย่มู่เสี่ยวไป๋ก็พูดมาตรงๆ เถอะ?
มู่เสี่ยวไป๋แทบจะกระอักตาย เขาต่อยตีไม่ชนะหลี่ฝาง เจ้าหัวแบนก็ถูกโหจื่อบีบคอเอาไว้ เขาทำได้แค่เพียงหันไปขอความช่วยเหลือจากลูกเศรษฐีอย่างติงเฟิง
“พวกนายมัวแต่ยืนนิ่งทำไม ยังไม่รีบเข้ามาช่วยอีก?” มู่เสี่ยวไป๋ตะโกนใส่ฝูงชน
พวกติงเฟิงมองหน้ากันไปมา พวกเขากำลังลังเล
นั่นเพราะ ก่อนที่มู่เสี่ยวไป๋จะมา พวกที่ไปหาเรื่องหลี่ฝาง ล้วนถูกไล่ออกจากผู้รีสอร์ตไปจนหมดแล้ว
ตัวตนของหลี่ฝางคนนี้ ลึกลับเกินไป
ผู้คนต่างก็สงสัย ว่าเขาเป็นหลานชายของคุณท่านหลี่หรือไม่?
ไม่อย่างนั้น ทำไมรีสอร์ตถึงได้ปกป้องเขาขนาดนี้กัน?
“ติงเฟิง เฉาฮั๋ว รีบเข้ามาช่วยฉัน!”
มู่เสี่ยวไป๋เห็นว่าทุกคนไม่ขยับ ดังนั้นจึงเริ่มเรียกชื่อ
พอเรียกชื่อขึ้นมา ก็ได้ผลจริงๆ
ติงเฟิงและเฉาฮั๋วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้า
ยังไงเสียมู่เสี่ยวไป๋ก็เรียกพวกเขาแล้ว หากพวกเขายังแสร้งทำเป็นหูหนวก และเพิกเฉยต่อไป มู่เสี่ยวไป๋จะต้องมาเอาคืนพวกตนในวันหลังแน่
แม้ว่าพวกเขาจะมีสีหน้าไม่เต็มใจ แต่ก็ยังฝืนเดินเข้าไป
“แม่งเอ้ย มู่เสี่ยวไป๋ แกนี่มันชาติชั่วจริงๆ!”
เมื่อหลี่ฝางเห็นมู่เสี่ยวไป๋เรียกกำลังเสริมก็ร้อนรนขึ้นมา ตนเองสามารถเอาชนะมู่เสี่ยวไป๋ได้ก็จริง แต่เขาไม่สามารถรับมือกับคนสามคนได้ อีกทั้งเขายังไม่ใช่ยอดฝีมือแบบโหจื่อด้วย!
เพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะ!
ในขณะที่ติงเฟิงและเฉาฮั๋วกำลังเดินมา หลี่ฝางก็ตบมู่เสี่ยวไป๋ไปสามครั้งติด
เสียงสูดลมหายใจดังขึ้น
ทุกคนกำลังสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ นี่มันก็ช่างไม่กลัวตายไปหน่อยแล้วมั้ง? กล้าที่จะปฏิบัติต่อนายน้อยรองของตระกูลมู่แบบนี้!
ในเวลานั้นเอง ลุงเฉียนก็เดินเข้ามาตรงหน้ามู่เสี่ยวไป๋อย่างช้าๆ ลุงเฉียนไอออกมา ดวงตามองไปที่ติงเฟิงและเฉาฮั๋ว
เมื่อเห็นลุงเฉียน ทั้งสองคนก็ราวกับเห็นปีศาจไม่ปาน จากนั้นจึงรีบก้าวกลับไปแทบไม่ทัน
จุดจบของหยูเถิงและจ้าวเสี่ยวตาว ยังคงอยู่ในความทรงจำอย่างชัดเจน
พวกเขาไม่อยากเข้าไปอยู่ในบัญชีดำของรีสอร์ต และสร้างศัตรูกับตระกูลหลี่
หากพวกเขาต้องเลือกระหว่างตระกูลหลี่และตระกูลมู่ พวกเขาก็ยังคงเลือกที่จะไม่ทำให้ตระกูลหลี่ขุ่นเคือง
ยังไงเสีย คุณท่านหลี่ก็ถือเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุด
“ไอ้เวรเอ้ย! ” เมื่อมู่เสี่ยวไป๋เห็นพวกเขาหนีไป ก็โกรธจนกำหมัดแน่น
หลี่ฝางมองไปที่ดวงตาสิ้นหวังของมู่เสี่ยวไป๋และพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาเถอะ วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน”
หลี่ฝางลุกขึ้นยืนเหนือมู่เสี่ยวไป๋ “เพียงแต่ถ้าจากนี้ไปแกยังคิดจะมาหาเรื่องฉันอีก ฉันจะไม่ปล่อยแกไปง่ายๆ เหมือนวันนี้แน่”
มู่เสี่ยวไป๋ลุกขึ้นนั่งและมองไปที่หลี่ฝางอย่างเย็นชา “ไร้สาระ ความแค้นวันนี้ แกว่ายังไงก็เป็นอย่างนั้นหรือไง?”
“ไอ้เวร ฉันจะปล่อยแกไปสักครั้งแล้วเชียว แต่นี่แกยังคิดจะแก้แค้นอีก! ”
หลี่ฝางโกรธขึ้นมาทันที เขามู่เสี่ยวไป๋กดลงบนพื้น “มู่เสี่ยวไป๋ ฉันถามแกอีกครั้ง ความแค้นของเราสองคน ยังไม่ปล่อยไปอีกใช่ไหม?”
มู่เสี่ยวไป๋ถูกกดลงกับพื้นแน่นจนไม่สามารถขยับได้เลย
เสียงฝ่ามือดังขึ้นอีกครั้ง หลี่ฝางเอ่ยถาม “ฉันถามแกอยู่นะ แกยังคิดจะมาหาเรื่องฉันอยู่ใช่ไหม?”
หลี่ฝางคิดในใจ ยังไงก็หาเรื่องไปแล้ว ตนจะต้องมากลัวอะไรอีก?
ทำไมไม่ตบเขาอีกสักหน่อย ให้คลายความโมโห
เมื่อเทียบกับการถูกแทง การตบมู่เสี่ยวไป๋ไม่กี่ฝ่ามือนี่ ถือว่าเอาเปรียบตนเองไปมากแล้ว
มู่เสี่ยวไป๋มีสีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่อยากตอบและทำเพียงนิ่งเงียบ
ต่อหน้าผู้คนมากมาย หากไม่เอ่ยปากออกไป ทีหลังหากเขาคิดจะแก้แค้น ก็แค่หาช่องทางลับๆ ลงมือ ยังไงในแวดวงนี้เขาก็ค่อนข้างมีเครดิตที่ดีไม่น้อย
แวดวงลูกเศรษฐี ให้ความสำคัญมากกับความซื่อสัตย์ หากคำพูดไม่เป็นคำพูด ต่อไปใครกันจะกล้าทำธุรกิจหรือเจรจากับคุณ?
แต่มู่เสี่ยวไป๋เองก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ หากเขาพูดไป หลี่ฝางจะต้องคอยมาเอาชนะเขาต่อไปแน่
ให้ตาย มาถึงตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง หากตอนนั้นเขาเหมือนพี่ชายของตน ร่ำเรียนเทควันโดและศิลปะการต่อสู้ วันนี้เขาจะมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?
ถึงกับถูกเด็กหน้าเหม็นรังแก!
มู่เสี่ยวไป๋รู้สึกว่าตนโมโหจนแทบจะหายใจไม่ออก
“ไม่พูดใช่ไหม?”
หลี่ฝางยิ้มเบาๆ “แกมันวอนหาเรื่องเองนะโว้ย!”
ยังคิดจะตีต่อ?
ทุกคนพูดไม่ออกไปแล้ว เจ้าหลี่ฝางนี่คิดจะหาเอาเป็นเอาตายกับมู่เสี่ยวไป๋แล้ว
ไม่ไว้หน้าสวีเถิงเฟยและหยูเถิงก็เป็นเรื่องน่าตกใจแล้ว
แต่ใครจะรู้ว่ายิ่งหลี่ฝางอยู่ยิ่งหาเรื่องใหญ่ขึ้นไปอีก ถึงกับไปทำให้ตระกูลมู่ขุ่นเคือง
หลี่ฝางง้างแขนขึ้นมา ในขณะที่กำลังจะตบหน้ามู่เสี่ยวไป๋เมื่อ จู่ๆ มู่เสี่ยวไป๋ก็พูดขึ้น “พอได้แล้ว ฉันยอมแล้ว!”
“กูแทงมึงไปมีดหนึ่ง มึงตบกูสองสามครั้ง ก็ถือว่ากูไม่ได้เสียเปรียบแล้ว!” มู่เสี่ยวไป๋เอ่ยเสียงดัง
“มิน่าหลี่ฝางถึงได้ลงมือรุนแรงขนาดนี้ ที่แท้เขากับคุณชายมู่มีความบาดหมางกันมาก่อน”
เมื่อมู่เสี่ยวไป๋พูดแบบนี้ ทุกคนก็เข้าใจขึ้นมาทันที
หลังจากรู้ว่ามู่เสี่ยวไป๋แทงหลี่ฝาง ทุกคนก็ลดท่าทีเยาะเย้ยที่มีต่อเขาลงไปบ้าง
เสียงเพี๊ยะดังขึ้น หลี่ฝางง้างมือขึ้นมา ก่อนจะตบลงไปอีกครั้ง “ต่อหน้าฉัน แกกล้าเในที่สุด หลี่ฝาง ก็ดึงแขนออกด้วยการตบ: “ต่อหน้าฉัน แกกล้าเรียกตัวเองว่ากู ให้ตายเถอะแกนี่มันวอนจริงโว้ย!”
“เยี่ยมจริงๆ! ” ในใจของทุกคนมีความนับถือหลี่ฝางขึ้นมา
มู่เสี่ยวไป๋ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีกสักคำ เขากลัวว่าหากตนเอ่ยปากอะไรผิดไป จะถูกตบอีกครั้ง
มู่เสี่ยวไป๋ในวันนี้แทบจะเรียกได้ว่าตนพลิกเรือนในท่อระบายน้ำ
ในเวลานี้เอง โหจื่อเอ่ยถามหลี่ฝาง “จะจัดการกับเขายังไง? ”
“ปล่อยเขาไปเถอะ” หลี่ฝางเหลืองมองเจ้าหัวแบน สีหน้าของเขาซับซ้อนอยู่บ้าง
“ปล่อยเขาไป? เมื่อกี้เขายังคิดจะหักขายคุณอยู่เลย” โหจื่อจุ๊ปาก ท่าทางไม่ค่อยพอใจอยู่บ้าง
“เจ้าหัวแบนเคยช่วยฉันเอาไว้หลายครั้ง ก่อนหน้านี้ฉันเป็นหนี้เขา”
หลี่ฝางขมวดคิ้วและเอ่ย “จากนี้ไป ไม่ติดค้างกันอีก”