NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 154
บทที่ 154 ตามหาหลินชิงชิง
หลี่ฝางมองไปที่เจ้าหัวแบนด้วยสีหน้าไม่คาดคิด
เจ้าหัวแบนรู้ได้ยังไง?
หลี่ฝางไม่กล้าที่จะยอมรับ นั่นเพราะหลี่ฝางไม่แน่ใจว่าเจ้าหัวแบนเป็นคนดีหรือคนเลวกันแน่
ถ้าเกิดว่าเจ้าหัวแบนถูกมู่เสี่ยวไป๋ส่งมา เพื่อทดสอบตนเองกันล่ะ?
แบบนี้ หากตนยอมรับ ก็เท่ากับเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาหรอกหรือ?
หลี่ฝางหัวเราะ “เจ้าหัวแบน คุณพูดอะไร ทำไมผมถึงไม่เข้าใจสักนิด? หลี่เจียเฉินคือใคร ผมไม่รู้จักมาก่อน”
“เสี่ยวฝาง ต่อหน้าฉันนายไม่ต้องแกล้งทำซื่อ”
เจ้าหัวแบนส่ายหัวยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันไม่ได้คิดจะทำร้ายนาย นายวางใจได้”
หลี่ฝางได้ฟังก็พูดไม่ออก เมื่อครู่ในวิลล่ายังแทบจะหักขาเขาไปแล้ว แบบนี้ยังเรียกว่าไม่คิดจะทำร้ายหรือไง?”
หลี่ฝางยิ้มเยาะในใจ แต่ปากกลับไม่ได้พูดอะไร
“พวกเราจะไปที่ไหน? เมืองเอก หรือตงไห่?” หลี่ฝางถาม
แม้ว่ารีสอร์ตจะตั้งอยู่ในตงไห่ แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากเมืองเอกของจังหวัด
“เมืองเอกเถอะ” เจ้าหัวแบนเอ่ย
ทันใดนั้น ในใจของหลี่ฝางก็เพิ่มความระมัดระวังขึ้นมาหลายส่วน
ยังไงเสีย เมืองเอกของจังหวัดก็คืออาณาเขตของมู่เสี่ยวไป๋
ในขณะที่ขับรถไปหลี่ฝางก็เอ่ยถามอย่างกังวล “เจ้าหัวแบน นายไม่ได้จับมือกับมู่เสี่ยวไป๋มาหลอกฉันใช่ไหม?”
เจ้าหัวแบนพูดไม่ออกอยู่บ้าง “นายไม่เชื่อใจฉันมากขนาดนี้เชียว”
“ถ้านายกังวลว่าจะเป็นกับดักจริงๆ อย่างนั้นนายก็จอดรถแล้วปล่อยฉันลงก็ได้” เจ้าหัวแบนเอ่ย
“ช่างเถอะ ลืมมันไปเถอะ”
หลี่ฝางคิดในใจ เจ้าหัวแบนไม่เหมือนฉลาดแกมโกงแบบนั้น ถ้าเขาจะจัดการกับตน ก็ไม่ต้องใช้วิธีขี้โกงแบบนี้
ตามคำแนะนำของเจ้าหัวแบน หลี่ฝางมาถึงร้านบาร์บีคิวชื่อร้านตี้ตี้เต้าเต้า
หลังจากจอดรถ หลี่ฝางและเจ้าหัวแบนก็เข้าไปในร้านด้วยกัน
“มาแล้วหรือ เสี่ยวโจว”
เจ้าของร้านเป็นชายชราคนหนึ่ง เมื่อเห็นเจ้าหัวแบนเข้ามา เขาก็ต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม
“ใช่ เจ้าพาน เอาเนื้อแกะย่างหนึ่งกิโล กับ…..” เจ้าหัวแบนสั่งไปไม่น้อย
“อ้อใช่ เอาเบียร์มาสองลัง”
หลังจากสั่งปิ้งย่างเสร็จ เจ้าหัวแบนก็สั่งเบียร์เพิ่ม
“เจ้าหัวแบน ฉันยังต้องขับรถ” หลี่ฝางขมวดคิ้ว แค่สองคน เบียร์สองลัง นี่ไม่เท่ากับว่าหนึ่งคนหนึ่งลังหรือไง?
หลี่ฝางไม่สามารถดื่มได้มากขนาดนั้น
เจ้าหัวแบนยิ้ม เขาเอ่ย “ไป ฉันจะพานายไปพบคนคุ้นเคย”
เจ้าหัวแบนเดินเข้าไปในครัวด้านหลัง และเรียกผู้หญิงคนหนึ่งออกมา
เมื่อเห็นเธอ ในใจของหลี่ฝางก็ขมวดแน่นขึ้นอย่างอธิบาย “พี่สาว ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่!”
หลินชิงชิงกำลังสวมชุดทำงาน ในมือมีเนื้อย่างถืออยู่ ตอนแรกที่เห็น หลี่ฝางยังคิดว่าตนมองผิดไป
แต่หลังจากมองอย่างละเอียด หลี่ฝางก็จำได้ขึ้นมา นี่ไม่ใช่หลินชิงชิงหรอกหรือ?
หลินชิงชิงซึ่งเคยเป็นคนหยิ่งผยองและมีอำนาจเหนือกว่าใคร ตอนนี้ถึงกับลงมาทำงานในร้านบาร์บีคิว
ในใจของหลี่ฝางรู้สึกแตกสลายในทันที ทำไมเธอถึงไม่ยอมบอกตนว่าขาดแคลนเงิน
หลินชิงชิงเห็นหลี่ฝาง ก็ประหลาดใจเช่นกัน เธอเงยหน้าขึ้นมองเจ้าหัวแบนและพูดว่า “เสี่ยวโจว ทำไมนายถึงได้พาเสี่ยวฝางมาที่นี่?”
เจ้าหัวแบนเอ่ย “แค่ประโยคสองประโยคคงอธิบายได้ไม่ชัด”
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ พวกเราไปคุยในห้องส่วนตัว”
หลินชิงชิงพูดติดตลก “เปลี่ยนเสื้อผ้าอะไร ตัวนี้ออกจะดี”
“พวกนายสองคนไปหาห้องส่วนตัวก่อน ฉันไปขอลากับเจ้าพาน” หลินชิงชิงพูดจบและออกไป
เจ้าหัวแบนพาหลี่ฝางเข้าไปในห้องส่วนตัวเล็กและเอ่ย “ยังคิดว่านี่เป็นกับดักรึเปล่า?”
หลี่ฝางส่ายหัวอย่างเก้อเขิน “เจ้าหัวแบน ชายตัวโตอย่างนาย ทำไมถึงได้คิดเล็กคิดน้อยเสียจริง”
“อ้อใช่ ทำไมพี่ชิงชิงถึงได้อยู่ที่นี่? ”
“เธอทำงานที่นี่ ฉันแนะนำให้เธอเอง”
เจ้าหัวแบนเอ่ย “ที่แบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่มู่เสี่ยวไป๋จะมา”
“คุณแอบติดต่อกับพี่ชิงชิงลับหลังมู่เสี่ยวไป๋มาโดยตลอดงั้นหรือ?” หลี่ฝางมองเจ้าหัวแบนไม่ออกอยู่บ้าง
เจ้าหัวแบนคนนี้ สรุปแล้วเป็นฝ่ายไหนกันแน่
ที่รีสอร์ต หลี่ฝางได้ยินมู่เสี่ยวไป๋พูดว่าเจ้าหัวแบนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์ของตระกูลมู่
แต่ในขณะนี้ เจ้าหัวแบนกลับแอบติดต่อหลินชิงชิงลับหลังมู่เสี่ยวไป๋
ถ้าเรื่องนี้ถูกมู่เสี่ยวไป๋รู้เข้า เขาคงจะโกรธแทบตายแน่!
คนที่มู่เสี่ยวไป๋กำลังตามหาแทบตาย กลับถูกคนของเขาเองซ่อนเอาไว้….
เจ้าหัวแบนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่างเถอะ ฉันพูดไปนายก็คงไม่เชื่อ รอให้ชิงชิงมา ค่อยให้เธอบอกนายเองแล้วกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
หลังจากนั้นไม่นาน หลินชิงชิงก็นำเบียร์สองลังเข้ามา ในขณะที่เจ้าพานผู้จัดการร้านก็นำเนื้อแกะย่างมาให้
หลินชิงชิงหยิบขึ้นมาไม้หนึ่งแล้วส่งให้หลี่ฝาง “ลองดูสิ นี่เป็นเนื้อแกะแท้ๆ ไม่ปลอมปนอะไรเลย”
หลี่ฝางหัวเราะและมองไปที่หลินชิงชิง “พี่ ไหนบอกผมหน่อย ว่าทำไมพี่ถึงได้มาทำงานอยู่ที่นี่?”
“ถ้าพี่ขาดเงิน ก็บอกผมก็ได้แล้วนี่”
“เด็กหน้าเหม็น พี่สาวมีมือมีเท้า ทำไมต้องให้นายมาเลี้ยงด้วย!” หลินชิงชิงกลอกตาใส่หลี่ฝาง “ตอนนี้พี่สาวมีชีวิตไม่เลว เลี้ยงตัวเองได้”
“อ้อใช่ เสี่ยวโจว นายยังไม่ได้บอกเลย ว่าทำไมถึงพาเสี่ยวฝางมาที่นี่?” หลินชิงชิงถามอีกครั้ง
“ชิงชิง เธอบอกตัวตนของฉันกับเสี่ยวฝางเถอะ” เจ้าหัวแบนเอ่ย
หลินชิงชิงหัวเราะ “เสี่ยวฝาง นายกำลังเข้าใจผิดเสี่ยวโจวอยู่ใช่รึเปล่า?”
“อันที่จริง เสี่ยวโจวเป็นคนของตระกูลมู่มาโดยตลอด”
หลินชิงชิงกล่าว “สองปีที่ผ่านมาเขาถึงค่อยมาที่ตระกูลหลินของเรา เขามาที่ตระกูลหลิน ก็เป็นความตั้งใจของมู่เสี่ยวไปเช่นกัน”
“นอกจากจะช่วยพ่อของฉันรักษาตำแหน่งลูกพี่ในตงไห่เอาไว้ได้ เขายังรับผิดชอบในการปกป้องฉันด้วย”
“ดังนั้น เรื่องพวกนี้ นายอย่าได้โทษเสี่ยวโจว เสี่ยวโจวเองก็เลือกไม่ได้ ชีวิตนี้ เขาติดค้างตระกูลมู่มากเกินไป” หลินชิงชิงกล่าว
หลี่ฝางค่อยเข้าใจขึ้นมา ว่าที่แท้เป็นแบบนี้
“เสี่ยวฝาง ชีวิตของฉัน เป็นของตระกูลมู่ ตระกูลมู่ให้ทำอะไร ฉันก็ทำแบบนั้น”
พูดจบ เจ้าหัวแบนหยุดไปชั่วขณะ “อย่างไรก็ตาม ฉันจะไม่ทำร้ายนายกับชิงชิง “เรื่องนี้นายมั่นใจได้”
“เมื่อกี้ในวิลล่า นายแทบจะขาหักฉัน…” หลี่ฝางอดพูดขึ้นไม่ได้
หลี่ฝางจำได้ชัดเจนว่าดวงตาของเจ้าหัวแบนในเวลานั้นเต็มไปด้วยความเป็นปรปักษ์
ถ้าไม่ใช่เพราะโหจื่อมาได้ทันเวลา เกรงว่าเจ้าหัวแบนจะลงมือกับตนเองจริงๆ
“หรือว่านั่นก็เป็นเรื่องโกหกด้วย?” หลี่ฝางถาม
“นั่นเป็นเรื่องจริง ฉันไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของมู่เสี่ยวไป๋ได้” เจ้าหัวแบนเอ่ย “แต่ฉันรู้ ว่าจะมีคนมาช่วยนาย”
“ถึงแม้ฉันจะไม่คาดคิดว่าเป็นโหจื่อ แต่ฉันรู้ ว่านายจะไม่เป็นอะไร”
เจ้าหัวแบนเอ่ย “ลุงเฉียนของนาย กังฟูของเขา อยู่เหนือกว่าฉันเช่นกัน”
“ฉันคิดว่าเขาจะเข้ามา แต่กลับไม่คาดคิดว่าเขาจะส่งโหจื่อมาแทน โหจื่อเป็นคนรู้จักเก่าของฉัน เอาจริงๆ ฉันก็ไม่คาดคิดว่า สามปีที่ไม่เจอกัน กังฟูของเขาจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้”
“ช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริงๆ เมื่อสามปีก่อน โหจื่อตัวนี้เป็นแค่ขโมยชื่อดังคนหนึ่งเท่านั้น” เจ้าหัวแบนเอ่ย
“นายแน่ใจแล้วว่าจะมีคนมาช่วยฉัน?” หลี่ฝางกล่าว
“ใช่” เจ้าหัวแบนเอ่ย
“ทำไม นายยังคงไม่เชื่อฉัน?” สีหน้าของเจ้าหัวแบนมีร่องรอยของความไม่พอใจ “ถึงแม้ว่าฉันจะติดค้างตระกูลมู่ แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีศีลธรรม”
“ไม่อย่างนั้น ฉันคงจะไม่ปกปิดมู่เสี่ยวไป๋และซ่อนชิงชิงไว้ที่นี่”
เจ้าหัวแบนถามหลี่ฝาง “นายว่าใช่ไม่ใช่?”
“ก็ใช่” หลี่ฝางพยักหน้ากล่าว “เห็นแก่หน้าของพี่ชิงชิง ครั้งนี้ฉันจะเชื่อนาย”
“แต่ว่าฉันแค่อยากรู้ ว่าสรุปแล้วนายติดค้างอะไรตระกูลมู่” หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะถาม
“หนึ่งชีวิต ชีวิตของแม่ฉัน”
เจ้าหัวแบนเอ่ยด้วยสีหน้าหนักอึ้ง “ปู่ของมู่เสี่ยวไป๋ มู่เจิ้งถังไม่เพียงแต่เป็นนักธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นหมอที่มีชื่อเสียงอีกด้วย”
“ในตอนแรก แม่ของฉันเป็นโรคประหลาดและไม่มีใครสามารถรักษาได้ แต่มู่เจิ้งถังเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยแม่ของฉันได้”
“กว่าที่ฉันจะหามู่เจิ้งถังได้ไม่ง่ายเลย แต่มู่เจิ้งถังกลับบอกว่า เขาไม่ใช่หมอแล้ว”
“ต่อมา มู่เจิ้งถังเห็นความสามารถในตัวฉัน ก็เลยทำข้อตกลงกับฉัน ข้อตกลงนั่นก็คือเขาช่วยแม่ของฉัน ชั่วชีวิตฉันเป็นคนรับใช้ของเขา เขาให้ฉันทำอะไร ฉันก็ต้องทำ ไม่ว่าจะฆ่าคนเผาไฟอะไรก็ตาม ล้วนห้ามขัดคำสั่ง”
“นายตกลง?” หลี่ฝางถาม
เจ้าหัวแบนพยักหน้า “จากนั้นมู่เจิ้งถังก็พาฉันไปตะวันออกเฉียงเหนือ และพบกับกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่นั่น เขารู้ว่ากษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพวกคลั่งศิลปะต่อสู้ ก็เลยพนันกับเขาไปตาหนึ่ง”
“ฉันแข่งขันกับกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถ้าฉันชนะ ธุรกิจยาของกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะถูกแบ่งให้มู่เจิ้งถังส่วนหนึ่ง”
“ถ้าฉันแพ้ ทั้งฉันและมู่เจิ้งถังจะตายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”
เจ้าหัวแบนพูดด้วยรอยยิ้ม “ในที่สุด ฉันกับกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็เสมอกัน”
“หลังจากเสร็จธุระแล้ว เมื่อฉันกลับไปที่เมืองเอกของจังหวัด มู่เจิ้งถังก็ช่วยแม่ของฉัน หลังจากนั้นฉันก็กลายเป็นสุนัขของตระกูลมู่”
เจ้าหัวแบนเล่าเรื่องของเขาเสร็จแล้วก็มองไปที่หลี่ฝาง “เรื่องของฉันจบแล้ว เสี่ยวฝาง เล่าเรื่องของนายมาเถอ