NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 172
บทที่172 ไม่มีเหตุผลแบบนี้ในโลก
หลี่ฝางหันไปมองผู้จัดการ “ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมว่า ใครเป็นคนที่คุณไม่สามารถล่วงเกินได้? ”
ในที่สุดผู้จัดการก็ได้ตระหนักแล้วว่า หนุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าเขา เป็นคนที่เขาไม่สามารถล่วงเกินได้
มีความกล้าที่สามารถทุ่มเงินล้านเพื่ออาหารแค่มื้อเดียว?
“รู้แล้วครับ รู้แล้วครับ” ผู้จัดการล็อบบี้ผงกศีรษะต่อเนื่อง
ชิวหย่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด รู้สึกประหลาดใจ ปกติผู้จัดการเป็นคนหยิ่งยโส วันนี้เป็นอะไรไป ที่อ่อนน้อมถ่อมตนกับลูกค้าเช่นนี้?
มันอาจจะเป็นเพราะว่าลูกค้าคนนี้เป็นคนใหญ่คนโต
ซึ่งชิวหย่าไม่รู้ว่า คำพูดคำหนึ่งของหลี่ฝาง ก็จะทำให้ผู้จัดการล็อบบี้ต้องเสียเงิน ถ้าคิดเป็นค่าแรงก็เป็นค่าแรงทั้งปีของเขาเลย
“งั้นดี ผมจะให้โอกาสคุณสักครั้ง”
หลี่ฝางยิ้ม แล้วพูดว่า“ตอนนี้ คุณไปไล่สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงไอ้สองคนนั้นออกไปจากห้องส่วนตัว”
“แล้วก็ทำความสะอาดห้อง คืนห้องนั้นให้กับพวกเรา แล้วผมจะคืนไวน์ขาวที่เหลือทั้งหมด
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น ผู้จัดการล็อบบี้ก็ยืนตัวแข็งทื่อ
ไล่สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงออกไปจากห้องส่วนตัว?
ใครจะมีความกล้าเช่นนั้น ถึงแม้ว่าตัวเองจะเป็นเจ้าของ ก็ไม่กล้าทำเช่นนั้นเหมือนกัน?
นี่เท่ากับว่าเป็นการล่วงเกินตระกูลสวีและตระกูลหยูพร้อมกันเลย
“คุณน้องครับ นี่คุณต้องการให้ฉันตายเลยหรือครับ”
ผู้จัดการแสดงสีหน้าเศร้า “หากผมไล่สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงคุณชายสองคนนั้นออกไปจากห้องส่วนตัว หากเจ้านายผมรู้ จะต้องไล่ผมออกอย่างแน่นอน”
หลี่ฝางพูดอย่างไม่แยแสว่า “งั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมแล้ว เพราะเรื่องมาถึงจุดนี้ เดิมทีก็ผิดที่ตัวคุณเองแหละ”
“ห้องส่วนตัวนั้น เดิมก็เป็นของพวกเราอยู่แล้ว แต่คุณกลับให้คนอื่นเองต่างหาก….” หน้าตาของหลี่ฝางแสดงความโกรธเล็กน้อย
เหยนเสี่ยวน่ามองหน้าหลี่ฝางแวบหนึ่ง คิดในใจ ไอ้หมอนี้มันเจ้าคิดเจ้าแค้นจริง อาหารและเครื่องดื่มก็เสิร์ฟแล้ว ยังจะคิดถึงเรื่องห้องส่วนตัวนั้นอีก
“คุณน้อง เอาอย่างนี้ไหมครับ ให้เวลาผมอีก5นาที ผมจะรีบหาห้องส่วนตัวให้พวกคุณหนึ่งห้อง ให้พวกคุณทานอาหารในห้องส่วนตัวดีไหม?” ผู้จัดการล็อบบี้คิดสักครู่ จึงกล่าวเช่นนั้น
ถึงแม้ว่าไม่สามารถไล่สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไล่คนอื่นไม่ได้
ผู้จัดการล็อบบี้คิดในใจ ขอแค่ตัวเองออกหน้า พูดจาดี ๆ หากใครยินยอมย้ายจากห้องส่วนตัวไปยังห้องโถงแล้ว อาหารที่สั่งหลังจากนั้นจะฟรีไม่คิดเงิน ต้องมีคนยินยอมเต็มใจแน่นอน
แต่ใครจะไปรู้ หลี่ฝางพูดเสียงแข็งว่า “นอกจากห้อง888 ห้องที่สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงอยู่ ห้องอื่นไม่เอา ก็ไม่ต้องมาคุยแล้ว”
หลี่ฝาง ใช้มือจับตะเกียบ กินไปด้วยดื่มไปด้วย ปล่อยให้ผู้จัดการยืนอยู่ข้างๆ อย่างไม่สนใจไยดี
ผู้จัดการล็อบบี้พึมพำในใจ นี่มันอะไรกันนี่?
จะให้เป็นศัตรูกับสวีเถิงเฟยกับหยูเถิงเหรอ?
นี่เป็นการแกล้งทำให้เขาลำบากใจชัด ๆ เลย?
“หลี่ฝาง ฉันว่าคุณปล่อยเขาสักครั้งได้ไหม?
ขณะนั้น เหยนเสี่ยวน่าก็ได้ขอร้องแทนผู้จัดการล็อบบี้ “เป็นผู้จัดการมันก็ไม่ง่ายน่ะ หากคุณจะเหมาไวน์ขาวของโรงแรมไปหมด ผู้จัดการก็เหนื่อยฟรีทั้งปีเลย”
เมื่อได้ยินเหยนเสี่ยวน่าขอร้องแทนตนเอง ผู้จัดการล็อบบี้ก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที
เพราะว่าเหยนเสี่ยวน่ากับหลี่ฝางเป็นพวกเดียวกัน ถ้าคนกันเองพูดขอร้อง มันดีกว่าคนภายนอกพูดอยู่แล้ว
ใครจะคิดว่าหลี่ฝางจะเป็นคนดื้อรั้นขนาดนี้ เขายิ้มเฮือก ๆ แล้วพูดว่า “มันเกี่ยวอะไรกับผม?”
“ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมแค่ทวงคืนของที่มันเป็นของผม” หลี่ฝางพูดจบ ก็มองไปที่หวางเสี่ยวโก๋แวบหนึ่ง แล้วพูดต่อไปว่า “ใช่ไหม เสี่ยวโก๋”
หวางเสี่ยวโก๋ดื่มเหล้าจนมึนเมา เขาก็ผงกศีรษะ แล้วพูดว่า “ใช่ พี่สาว(ลูกพี่ลูกน้อง) ผมว่าเรื่องนี้พี่อย่ายุ่งจะดีเสียกว่า”
“ไอ้ผู้จัดการหมาคนนี้ ดูหมิ่นพวกเราชัด ๆ ปล่อยให้หลี่ฝางสั่งสอนมัน ก็สมควรแล้ว”
“พี่สาว จะไปเห็นใจมันทำไมกัน ไอ้หมอนี่เป็นผู้จัดการในโรงแรมว่างโก๋ ไม่รู้ว่าแต่ล่ะปีได้ผลประโยชน์ไปมากมายเท่าไหร่ เพียงแค่ตระกูลเหยนของพี่ก็ให้ค่าชักเปอร์เซ็นต์การขายให้มันปีล่ะหลายหมื่นแล้ว?” หวางเสี่ยวโก๋กล่าว
หวางเสี่ยวโก๋ไม่รู้ว่า ผู้จัดการล็อบบี้ได้ยืนอยู่ที่ข้างหลังเขา
คำพูดของหวางเสี่ยวโก๋ ผู้จัดการล็อบบี้ได้ฟังชัดเจน
ผู้จัดการล็อบบี้เป็นคนรับผิดชอบจัดซื้อของเข้าโรงแรม บุหรี่ เหล้าไวน์ รวมทั้งวัตถุดิบในครัว แต่ล่ะปีเขาได้ผลประโยชน์จากพวกนี้อย่างต่ำไม่น้อยกว่าหนึ่งแสน
ฉะนั้น ไม่สมควรเห็นใจ
เหยนเสี่ยวน่ามองผู้จัดการล็อบบี้แบบไม่รู้จะทำยังไง แสดงให้เห็นว่าตนเองไม่สามารถช่วยอะไรได้อีก
และขณะที่ผู้จัดการล็อบบี้ถอนหายใจ เตรียมที่จะยอมแพ้
สวีเถิงเฟยกับหยูเถิง ก็เดินลงมาจากชั้นบน
ผู้จัดการล็อบบี้ดีใจเป็นอย่างมาก ที่สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงทานข้าวอิ่มกันแล้ว?
ถ้าเป็นเช่นนั้น ห้องส่วนตัวนั้นก็ว่างแล้ว?
สวีเถิงเฟยเดินมาหาผู้จัดการล็อบบี้ แล้วพูดว่า “ผู้จัดการ พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงไม่มีไวน์ขาว?”
หยูเถิงหน้าบึ้ง แล้วพูดว่า“ว่างโก๋เป็นถึงโรงแรมระดับห้าดาว แค่ไวน์ขาวก็ไม่มี ผมดูแล้ว พวกคุณอย่าเปิดเลย ปิดกิจการไปเลยดีกว่า”
ชิวหย่ารีบวิ่งมา แล้วพูดว่า “คุณชายทั้งสองอย่าเพิ่งอารมณ์เสีย ไม่ใช่ว่าโรงแรมว่างโก๋ของเราไม่มีไวน์ขาว เพียงแต่ว่า ไวน์ขาวของเราทั้งหมด ถูกลูกค้าคนหนึ่งเหมาไปหมดเลยค่ะ”
“อะไรน่ะ?”
สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงตกใจโดยพร้อมเพรียงกัน
“ใครเหรอที่มันแน่ขนาดนี้ ที่เหมาไวน์ขาวทั้งหมดของโรงแรมว่างโก๋?”
“ฮ่า ๆ ยังมีคนที่แน่ขนาดนี้ ผมหยูเถิงอยากจะเห็นว่าเขาเป็นใคร”
“น้อง ไอ้หมอนั้นอยู่ที่ไหน?” หยูเถิงถามชิวหย่า
ชิวหย่ายกมือชี้ไปที่หลี่ฝาง และในตอนนี้เอง หลี่ฝางก็หันหน้ามองมาพอดี
“เป็นแกเอง?!”
สวีเถิงเฟยกับหยูเถิง ก็ตกใจพร้อมกันอีกครั้ง
“เป็นไอ้หมอนี้อีกแล้ว?” หยูเถิงพูดเสียงลอดไรฟัน คราวก่อนที่รีสอร์ต หลี่ฝางทำให้เขาเสียหายไม่ใช่น้อย
หลี่ฝางทำเครื่องลายครามของรีสอร์ทเสียหายหกชิ้น แต่สุดท้ายทางรีสอร์ตกลับให้ตระกูลหยูรับผิดชอบค่าเสียหายนี้
เครื่องลายครามหกชิ้น มูลค่าสิบสองล้าน
ด้วยเหตุนี้ ปู่ตระกูลหยูตีเขาจนขาเกือบหัก
จนถึงวันนี้ ตระกูลหยูก็ยังชดใช้ค่าเสียหายให้รีสอร์ตยังไม่หมด
ไม่ใช่ว่าตระกูลหยูไม่มีเงินจำนวนนี้ เพียงแต่ว่า หากนำเงินออกมาสิบสองล้านพร้อมกันทั้งหมด มันก็จะทำให้ธุรกิจของตระกูลขาดสภาพคล่องได้ง่าย
“บังเอิญ พบหน้ากันอีกแล้ว” หลี่ฝางยิ้มบาง ๆ ไม่ได้แสดงสีหน้าที่เป็นศัตรูใด ๆ
หยูเถิงกำหมัดแน่น เขาอยากจะชกหลี่ฝางให้ตายไปเลย
ผู้จัดการล็อบบี้มองสองคนนี้ด้วยความประหลาดใจ
เขาพอจะเข้าใจว่า สองคนนี้รู้จักกัน และดูท่าแล้วยังมีความแค้นต่อกันอีกด้วย
หลี่ฝางมองสวีเถิงเฟยกับหยูเถิง แล้วพูดว่า “อะไร ไม่มีเหล้าแล้วเหรอ?”
“มา เรียกพี่ใหญ่สักคำ ผมจะให้เหล้าสักจอก” หลี่ฝางพูดแหย่
หวางเสี่ยวโก๋กลืนน้ำลาย ขยิบตาให้หลี่ฝาง แล้วพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “หลี่ฝาง นายจะทำอะไร นายรู้หรือไม่ว่าพวกเขาเป็นใคร?”
หลี่ฝางผงกศีรษะ “รู้แน่นอน คือคุณชายสวีกับคุณชายหยูไม่ใช่เหรอ?”
“รู้แล้วนายยัง…….ทำให้พวกเขาอับอาย?” หวางเสี่ยวโก๋พูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง
ทั่วทั้งเมืองเอก ไม่มีใครกล้าสามหาวแบบนี้!
เห็นทีก็มีแต่หลี่ฝางเท่านั้นที่กล้า
“แม่งมึงฉิบหาย”
ขณะนั้น หยูเถิงทนไม่ไหวแล้ว เขายกขาถีบไปที่หลี่ฝาง
เพราะหลี่ฝางทำให้เขาเดือดร้อน ต้องสูญเสียเงินสิบสองล้าน แล้วยังทำให้เขาถูกรีสอร์ตขึ้นบัญชีดำอีกด้วย
คุณชายหยูผู้ร่ำรวย ทำไมถึงชกต่อยคนอื่นเหมือนนักเลงข้างถนน
วันนี้ดื่มเหล้า บวกกับความแค้นที่ฝังอยู่ในใจของเขาที่มีต่อหลี่ฝาง ทำให้หยูเถิงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
หลี่ฝางขมวดคิ้ว ใบหน้าแสดงสีหน้าไม่เป็นมิตรเล็กน้อย
ก่อนที่ขาของหยูเถิงจะถึงตัว เขาลุกขึ้นอย่างกะทันหัน ในมือถือเหล้าขวดหนึ่ง ตีไปที่ศีรษะของหยูเถิง
ขณะนี้ ทุกคนอึ้งไปหมด
นี่คือคุณชายตระกูลหยู เขากล้าตี?
แล้วก็ลงมือได้อย่างเหี้ยมโหด?
หยูเถิงถูกขวดเหล้าตีที่ศีรษะ ก็ล้มลงไปที่พื้นทันที
“เลือด เลือด……”
หยูเถิงใช้มือจับไปที่ศีรษะ เมื่อจับถูกเลือด เขาตื่นตระหนก ตะโกนออกไปว่า “เรียกรถพยาบาล เร็ว ๆ!”
ผู้จัดการล็อบบี้รีบหยิบโทรศัพท์ เพื่อจะโทรเรียกรถพยาบาล
หากหยูเถิงเกิดเป็นอะไรขึ้นมาในโรงแรมว่างโก๋ เกรงว่าผู้จัดการล็อบบี้จะรับผิดชอบไม่ไหว
“ไม่ต้องเรียกรถพยาบาลแล้ว หยูเถิง ฉันจะส่งนายไปโรงพยาบาลตอนนี้เลย”
สวีเถิงเฟยหยิบกระดาษชำระหนึ่งปึก ยื่นให้กับหยูเถิง แล้วดึงมือเขาออกจากโรงแรมไป
ก่อนออกไป สวีเถิงเฟยบอกแก่ผู้จัดการว่า “ลงบัญชีตระกูลสวี คราวหลังผมค่อยมาจ่ายเงิน”
“หลี่ฝาง นายจะบ้าเหรอ ขนาดหยูเถิงนายยังกล้าทำร้าย นายไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วใช่ไหม!” เหยนเสี่ยวน่ามองหลี่ฝางด้วยสายตาตกใจ
คนอื่น ๆ ปาดเหงื่อแทนหลี่ฝาง
“เขาเป็นคนลงมือก่อนไม่ใช่เหรอ?” หลี่ฝางยิ้มบาง ๆ แล้วพูดแบบไม่แยแส
“ถึงแม้ว่าหยูเถิงจะลงมือก่อน นายก็ไม่ควรทำร้ายเขา….” เหยนเสี่ยวน่ากล่าว
หลี่ฝางหัวเราะฮ่า ๆ ขึ้นมา แล้วพูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ทำไมหยูเถิงเขาเป็นราชาสวรรค์เหรอ? เป็นพระราชาเหรอ?”
“ให้เขาทำร้ายผมฝ่ายเดียว ผมสวนกลับคืนไม่ได้เหรอ?”
“ไม่มีเหตุผลแบบนี้ในโลกหรอก” หลี่ฝางกล่าวพร้อมส่ายหัว