NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 183
“หลี่ฝาง นายคงไม่ได้กำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหม?”
นาทีนี้ โจวหยางรู้สึกไม่อยากจะเชื่อแล้ว
โดยเฉพาะที่หลี่ฝางบอกว่าเงินสิบล้านเป็นค่าขนม นี่ก็ฟังดูเกินจริงไปหน่อย……
แต่ว่าโจวหยางกับหลี่ฝางรู้จักกันมาหลายปี เขารู้สึกว่าหลี่ฝางไม่เหมือนคนที่ชอบคุยโม้โอ้อวด วันนี้เป็นอะไรไป?
“ทำไม ไม่เชื่อฉัน?” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ
“หลี่ฝาง ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อนาย แต่นายพูดเกินจริงไปหน่อย การเปิดบริษัทถือเป็นเรื่องใหญ่ ทำไมมาถึงปากนายแล้ว อย่างกับแค่เปิดร้านสะดวกซื้อ บอกจะเปิดก็เปิดเลย เหมือนเด็กเล่นขายของเกินไปแล้วมั้ง?”
“ยังมีอีก นายไปเอาเงินสิบล้านมาจากไหน?”
โจวหยางพูดด้วยความสงสัย
ตอนนี้โจวหยางรู้แล้ว หลี่ฝางไม่ได้ถูกลอตเตอรี่เลย เขาก็แค่ขายที่ดินไปผืนหนึ่ง ทำกำไรได้สามล้านกว่าในทันที
สามล้านกว่า หักรถเบนซ์ G-Class คันนั้นออก ก็เหลือแค่ล้านกว่าแล้ว
โจวหยางไม่เชื่อว่าหลี่ฝางมีเงินสิบล้าน
หลี่ฝางกดเสียงให้ต่ำลง แล้วยิ้มออกมา: “โจวหยาง นายน่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับมหาเศรษฐีลึกลับของตงไห่อยู่บ้างใช่ไหม?”
“ฉันเป็นคนตงไห่ จะไม่รู้ได้อย่างไร? ล่าสุดเขาเพิ่งลงทุนไปหลายหมื่นล้านในตงไห่ ข่าวดังมาถึงเมืองเอกแล้วด้วย” โจวหยางพูด
“ความจริงแล้ว ฉันเป็นลูกชายเขา” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ
“นายพูดอะไรน่ะ?” โจวหยางอึ้งไปครู่หนึ่ง มองไปที่หลี่ฝางด้วยความประหลาดใจ: “นายว่านายเป็นลูกชายของมหาเศรษฐีลึกลับ?”
หลี่ฝางพยักหน้า
โจวหยางยิ้มเจื่อนๆแล้วพูดว่า: “หลี่ฝาง คำล้อเล่นนี้ของแกใหญ่ไปแล้วนะ”
โจวหยางรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ถึงอย่างไร มหาเศรษฐีลึกลับมีเงินมากเกินไป เฉพาะตงไห่เมืองเล็กๆแห่งนี้ ก็ลงทุนไปสองหมื่นกว่าล้านแล้ว
เงินจำนวนมหาศาลขนาดนั้น เศรษฐีทั่วไป ใครกล้าเล่น?
แม้แต่มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองจีนยังไม่กล้าทำอย่างนี้เลยมั้ง?
โจวหยางประมาณการ มูลค่าสินทรัพย์ของมหาเศรษฐีลึกลับคนนี้ เกรงว่าอย่างน้อยคงต้องมีหลายแสนล้าน
หลี่ฝางบอกว่าเขาเป็นลูกชายของมหาเศรษฐีท่านนี้ โจวหยางรู้สึกว่ามันเป็นภาพลวงตาในความฝันมากเกินไป ไม่มีความรู้สึกของความเป็นจริงเลยสักนิด
“นายไม่เชื่อ?” หลี่ฝางถาม
“ไม่เชื่อ” โจวหยางส่ายหน้า
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ พูดว่า: “นายรู้ไหมว่าพ่อของตู้เฟย ตู้ต้าไห่ล้มละลายอย่างไร?”
“รู้”
โจวหยางพยักหน้า: “ได้ยินว่าตู้ต้าไห่ถูกมหาเศรษฐีลึกลับหลอกเอา การลงทุนทั้งหมดที่ทำ กลายเป็นฟองอากาศไปหมด……”
“แล้วทำไมมหาเศรษฐีลึกลับคนนั้นถึงต้องกลั่นแกล้งตู้ต้าไห่ล่ะ?” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ
“ฉันสอบเอนทรานซ์ได้คะแนนแค่สี่ร้อยกว่า แต่กลับเข้าสุ่ยมู่ได้ นายไม่รู้สึกแปลกใจสักนิดเลยเหรอ?” หลี่ฝางถามต่อ
“เพราะอะไรฉันถึงกล้าผลาญเงินเหมือนผลาญดิน ซื้อรถหรูราคาสองล้านกว่า เลี้ยงข้าวพวกนายมื้อหนึ่งกล้าใช้จ่ายเงินเป็นแสนๆ หรือนายคิดจริงๆว่าฉันเป็นคนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำพอมีเงินนิดหน่อยก็ทำตัวโอ้อวด?”
หลี่ฝางหยิบกุญแจรถปอร์เช่ดอกนั้นขึ้นมา: “รู้ไหมว่านี่รถอะไร?”
“ปอร์เช่” โจวหยางตอบ
เขาเป็นถึงทายาทเศรษฐี เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จักปอร์เช่
“พูดเจาะจงหน่อย นี่คือปอร์เช่ 918 ราคาขายของมันอยู่ที่ประมาณสิบห้าล้าน แต่ซื้อขึ้นมาจริงๆ ราคามันเกือบจะถึงยี่สิบล้าน” หลี่ฝางพูด
“รถคันนี้ไม่ใช่ของถังหยู่ซวนเหรอ?” โจวหยางเหลือบมองไปที่ถังหยู่ซวน
ถังหยู่ซวนยิ้มอย่างอายๆ: “ความจริงรถคันนี้เป็นของหลี่ฝาง หลี่ฝางรู้สึกว่ารถคันนี้ดูเด่นเกินไป ก็เลยโอนเป็นชื่อฉันชั่วคราว”
“จากนั้นก็ซื้อรถเบนซ์ G-Class คันหนึ่ง”
ถังหยู่ซวนพูดจบ โจวหยางมองดูหลี่ฝางด้วยความประหลาดใจ: “กลัวว่าจะเด่นเกินไป ดังนั้นเลยซื้อรถเบนซ์ G-Class?”
แล้วรถเบนซ์ G-Class ไม่เด่นเหรอ?
เบนซ์ G-Class ก็ราคาสองล้านกว่านะ!
ทายาทเศรษฐีทั่วไป ยังไม่มีปัญญาซื้อเบนซ์ G-Class เลยไหม?
โจวหยางกลืนน้ำลาย มองดูหลี่ฝาง: “นายเป็นลูกชายของมหาเศรษฐีลึกลับจริงๆเหรอ?”
นาทีนี้ โจวหยางเริ่มรู้สึกเชื่อขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
หลี่ฝางพยักหน้า
“งั้นก็หมายความว่า สาเหตุที่ตู้ต้าไห่ล้มละลาย เป็นความคิดของนาย?” โจวหยางมองดูหลี่ฝางแล้วถาม
“ไม่ใช่ความคิดของฉัน แต่ก็เป็นเพราะฉัน เพราะตู้เฟยหาเรื่องฉันหลายครั้งหลายหน พ่อฉันทนดูไม่ได้ เลยจัดการทำลายตู้ต้าไห่”
หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “เพราะถึงอย่างไรสาเหตุที่ตู้เฟยคุยโม้โอ้อวดที่ตงไห่ได้ ก็เพราะอาศัยว่าตัวเองมีพ่อรวยไม่ใช่เหรอ?”
“เมื่อพ่อของเขาล้มละลาย เขายังนับเป็นตัวอะไร?”
หลังจากที่หลี่ฝางพูดจบ ก็มองไปที่โจวหยาง แล้วถามอีกรอบ: “ตอนนี้เชื่อแล้วใช่ไหม?”
“เชื่อแล้ว” โจวหยางพยักหน้า
จากนั้น โจวหยางก็หัวเราะเหอะๆ: “พี่ชายฉันคิดมาตลอดว่าลูกชายของมหาเศรษฐีลึกลับคือถังหยู่ซวน ดูท่า พี่ชายฉันถูกพวกนายหลอกซะแล้ว”
“ใช่ เราจงใจหลอกเขาเอง” หลี่ฝางพูด
“ตอนนี้ เราจะร่วมมือกันเปิดบริษัทได้แล้วใช่ไหม?” หลี่ฝางถามใหม่อีกครั้ง
โจวหยางพยักหน้า
ในตอนนี้ โจวหยางรู้สึกว่าคำพูดของหลี่ฝางไม่เกินจริง
แล้ว
สิบล้านสำหรับหลี่ฝางแล้ว อาจจะเป็นแค่ค่าขนมจริงๆ
เอาเงินค่าขนมของหลี่ฝางมาเปิดบริษัท ความรู้สึกกดดันในใจของโจวหยางลดลงไปมากในทันที
ถึงแม้จะขาดทุนแล้วอย่างไร อย่างไรหลี่ฝางก็มีเงินอยู่แล้ว
แน่นอนว่า โจวหยางจะไม่ถือว่าการเปิดบริษัทเป็นเรื่องการละเล่นของเด็กเพราะสาเหตุนี้ เขาจะบริหารจัดการด้วยความตั้งใจอย่างมาก
โจวหยางรู้ว่า หลี่ฝางทำแบบนี้ ทั้งหมดเพื่อช่วยตัวเองทั้งนั้น
“งั้นเราทำแบบนี้ ในเมื่อฉันเป็นคนออกเงิน เรื่องหุ้น ฉันจะเป็นคนถือหุ้นห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ โจวหยาง นายถือหุ้นยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออีกยี่สิบสี่เปอร์เซ็นต์ ก็ให้ถังหยู่ซวนเป็นคนถือ” หลี่ฝางพูด
“พวกนายมีความเห็นอะไรไหม?”
หลังจากที่หลี่ฝางพูดจบ ก็มองโจวหยางกับถังหยู่ซวน
“ฉันไม่มีความคิดเห็น” ถังหยู่ซวนแบมือและพูด
“โจวหยาง นายล่ะ?” หลี่ฝางหันกลับไปมองโจวหยาง
โจวหยางส่ายหน้า พูดว่า: “เยอะเกินไปแล้ว หลี่ฝาง ฉันรู้ว่านายอยากตอบแทนฉัน แต่นายไม่คิดว่าการตอบแทนนี้มันมากเกินไปเหรอ?”
“นี่เป็นยี่สิบสามเปอร์เซ็นต์ของหุ้นเชียวนะ นายรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร? ในระยะแรกบริษัทลงทุนไปสิบล้าน ซึ่งก็หมายความว่า นายให้เงินฉันสองล้านสามแสนแล้วทันที”
“นี่ก็เท่ากับว่านายให้รถเบนซ์ G-Class ฉันคันหนึ่งเลย”
“ยังมีอีก อนาคตถ้าหากบริษัทรุ่งเรืองขึ้นมา แม้ว่ามันจะพัฒนาไปถึงระดับพี่ชายฉัน มูลค่าของหุ้นนี้ ก็จะสูงขึ้นเป็นห้าเท่า ถึงเวลานั้น ก็จะไม่ใช่แค่สิบล้านแล้ว”
โจวหยางพูด: “นายให้ฉันน้อยลงหน่อยเถอะ ให้ฉันแค่สิบเปอร์เซ็นต์ก็พอแล้ว”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ พูดว่า: “พอแล้ว มัธยมปลายสามปี นายไม่ได้ช่วยฉันแค่เล็กน้อยนะ”
ในเวลานี้ อาหารก็ถูกเสิร์ฟเข้ามาแล้ว
“คุณชายหลี่ นี่คือสิ่งที่เจ้านายเรามอบให้คุณโดยเฉพาะ……”
ผู้จัดการล็อบบี้นำไวน์แดงสองขวดมาให้ด้วยตัวเอง มันคือLafite(ลาฟีต)
“ไม่ถูกนะ โรงแรมของพวกคุณมีLafite(ลาฟีต)เหลือแค่เก้าขวดไม่ใช่เหรอ แล้วเมื่อวานก็ถูกเราดื่มไปจนหมด แล้วนี่ไปเอามาจากไหนอีก?” หลี่ฝางถามด้วยความสงสัย
เมื่อคำพูดนี้ออกมา หวางเหยาก็เงยหน้าขึ้นมา
อะไรนะ?
ฟังความหมายนี้ กินข้าวมื้อหนึ่งก็ดื่มLafite(ลาฟีต)ไปเก้าขวด
ถ้างั้นข้าวมื้อนี้ไม่ใช่ว่าต้องจ่ายหลายแสนอย่างนั้นเหรอ?
หวางเหยารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ชีวิตของคนรวยฟุ่มเฟือยขนาดนี้เลยเหรอ? กินข้าวมื้อเดียวก็ใช้จ่ายไปหลายแสนหยวน?
ช่างน่ากลัวมากจริงๆ
“คุณชายหลี่ พูดอย่างไม่ปิดบังคุณ ความจริงเจ้านายเราเป็นนักสะสมไวน์แดง ในห้องใต้ดินของเขา มีไวน์ดีๆเก็บสะสมไว้มากมาย Lafite(ลาฟีต)สองขวดนี้ มีอายุยาวนานมากกว่า ราคาตลาดก็แพงกว่ามาก ถ้าอย่างไร คุณลองชิมดูก่อนไหม?” ผู้จัดการล็อบบี้พูด
หลี่ฝางพยักหน้า: “ถ้าอย่างนั้นผมก็ยากที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญได้แล้ว”
หวางเหยาก็แบ่งได้หนึ่งแก้ว เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงเอ่ยปากถามขึ้นมา: “Lafite(ลาฟีต)ขวดนี้ ราคาประมาณเท่าไหร่เหรอ?”
“ราคาขายอยู่ที่ประมาณห้าหมื่นหยวนต่อหนึ่งขวด แต่ว่ามีราคาไม่มีตลาด ในท้องตลาดหาซื้อได้ยากมากแล้ว” ผู้จัดการล็อบบี้ยิ้มแล้วก็พูดออกมา
“ขวดละห้าหมื่นกว่า ขวดหนึ่งรินได้แค่สามแก้ว งั้นก็หมายความว่า แก้วนี้ราคาหมื่นกว่าหยวนเลย?”
หวางเหยาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
สำหรับคนที่เชี่ยวชาญการดื่มไวน์แดงโดยเฉพาะแล้ว ทุกครั้งจะรินแค่หนึ่งนิ้วเท่านั้น จะไม่รินจนเต็มแก้วเด็ดขาด
แต่หลี่ฝางและคนอื่นๆล้วนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ดื่มเล่นกันล้วนๆ ดังนั้นเลยรินเต็มแก้วอย่างไม่สนใจอะไร
หวางเหยามองดูไวน์แดงในแก้ว ยังรู้สึกเสียดายที่จะดื่มเล็กน้อยแล้ว
หลังจากกินข้าวเสร็จ หลี่ฝางลงไปจ่ายเงินข้างล่าง
แต่เพิ่งจะเดินไปถึงแผนกต้อนรับ หลี่ฝางก็เห็นหวงว่างโก๋ยืนอยู่ตรงนั้น
หลี่ฝางเข้าไปทักทาย: “พี่หวง ขอบคุณมากที่คุณส่งไวน์แดงราคาแพงขนาดนี้ให้ผม”
“ที่ไหน ที่ไหน เมื่อคืนข้าวมื้อหนึ่งคุณใช้จ่ายไปหกแสนกว่า ผมให้ไวน์แดงคุณสองขวดจะเป็นไรไป?” หวงว่างโก๋หัวเราะเหอะๆขึ้นมา
ข้าวหนึ่งมื้อหกแสนกว่าหยวน?
ครั้งนี้ไม่ใช่แค่หวางเหยา แม้แต่โจวหยางกับถังหยู่ซวน ก็ตะลึงไป
“ใช่แล้ว วันหยุดสุดสัปดาห์มีเวลาไหม? ผมอยากเลี้ยงข้าวคุณมื้อหนึ่ง” หวงว่างโก๋พูดเชิญชวน
หลี่ฝางไม่ได้คิดอะไรมาก พยักหน้าก็ตอบตกลงเลย
พูดทักทายเสร็จ หลี่ฝางก็ออกจากโรงแรมว่างโก๋
ห่างออกไปไม่ไกลจากโรงแรมว่างโก๋ รถตู้สองสามคัน ก็เตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหวในการก่อการร้ายในเวลานี้แล้ว