NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 189
เพิ่งกลับมาถึงหอพัก ไฟก็สว่างขึ้นมา
“พวกนายทำไมยังไม่นอนอีก?” หลี่ฝางมองไปที่เพื่อนร่วมห้อง ถามออกมาคำหนึ่ง
“เรากำลังฟังหวางเสี่ยวโก๋เล่าเรื่องให้เราฟังอยู่น่ะ ได้ยินว่าเมืองเอกเพิ่งจะมีวีรบุรุษปรากฏขึ้นมาคนหนึ่ง ชื่อจางกงหมิงอะไรนี่แหละ เก่งมากเลยนะ เพิ่งจะเข้าวงการไม่กี่วัน ก็ปลดลูกพี่ใหญ่คนหนึ่งของเมืองเอกออกแล้ว” เลี่ยวข่ายพูดอย่างออกรส
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ คิดในใจ ข่าวนี้แพร่กระจายได้เร็วพอสมควร
เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ถึงสองวัน หวางเสี่ยวโก๋ก็รู้แล้ว
“เขาถือเป็นวีรบุรุษแบบไหนกัน วีรบุรุษที่แท้จริงคือนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ คือบุคคลที่ทำผลงานโดดเด่นให้กับประเทศชาติ” หลี่ซ่วยซ่วยกลอกตามองเลี่ยวข่ายแวบหนึ่ง รู้สึกว่าเขาใช้คำไม่ถูกต้อง
เป็นจริงเช่นนั้น จางกงหมิงก็เป็นแค่นักเลงคนหนึ่ง ถึงแม้จะปักธงสำเร็จ ก็เป็นได้แค่ลูกพี่ใหญ่ในวงการมาเฟียเท่านั้นแหละ
จะเรียกว่า ‘วีรบุรุษ’ ได้อย่างไรกัน?
หรือแค่เพราะเขาโค่นล้มห้าวหนานได้? ห้าวหนานก็ไม่ใช่คนชั่วร้ายเลวทรามต่ำช้า ถึงแม้จะใช่ เจตนาของจางกงหมิงก็ไม่ใช่การลงโทษคนเลวขจัดความชั่วร้าย เขาก็แค่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น
เรียกว่าวีรบุรุษ ไม่ค่อยเหมาะสมจริงๆนั่นแหละ
เวลานี้ หวางเสี่ยวโก๋สวมใส่กางเกงขาสั้น ลุกขึ้นออกมาจากผ้าห่ม
“หลี่ฝาง เกิดอะไรขึ้นกับหน้านาย ถูกใครตี?” หวางเสี่ยวโก๋มาถึงหน้าหลี่ฝางในไม่กี่ก้าว ถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“หลิวเสี่ยวเทา” หลี่ฝางพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ไอ้หมาเย็ดนั่นอีกแล้วเหรอ ฉันรู้อยู่แล้วว่าไอ้หมาเย็ดตัวนี้มันไม่ยอมวางมือจากเรื่องนี้แน่” หวางเสี่ยวโก๋ขมวดคิ้วขึ้นมา
“เขาหาหลิวเหล่าซานมาใช่ไหม?” หวางเสี่ยวโก๋ถามออกมาคำหนึ่ง
หลี่ฝางพยักหน้า: “ใช่ ฉันเห็นหลิวเหล่าซานแล้ว”
หวางเสี่ยวโก๋มองไปที่หลี่ฝางด้วยสายตาที่ซับซ้อน ไม่นานเท่าไหร่ กลับหัวเราะขึ้นมา
“งั้นนายแค่โดนทุบตี ยังถือว่าโชคดีแล้ว ปกติขอแค่หลิวเสี่ยวเทาให้อาสามเขาออกหน้า เมื่อนั้นอีกฝ่ายก็จะโชคร้ายมาก ไม่โดนซ้อมจนนอนโรงพยาบาล ก็โดนซ้อมจนพิการ นายสามารถกลับมาที่หอพักได้อย่างปลอดภัย ถือว่าไม่เลวแล้วจริงๆ”
หวางเสี่ยวโก๋รู้สึกว่า แค่โดนทุบตีเท่านั้น จะเป็นอะไรไป?
หลี่ฝางยิ้มออกมา พูดว่า: “ใช่ ถือว่าฉันโชคดีมากแล้ว”
หลี่ฝางคิดในใจ หากไม่ใช่หวงหวางโก๋ออกหน้า ขาของตัวเองก็หักไปแล้ว
เมื่อเป็นแบบนั้น ตัวเองก็กลับมาหอพักไม่ได้แล้ว คงได้แต่ไปนอนอยู่ในโรงพยาบาลเท่านั้นแล้ว
“หลี่ฝาง วงการมาเฟียเมืองเอกเรามีบุคคลที่มีอำนาจขึ้นมาใหม่คนหนึ่ง ชื่อว่าจางกงหมิง ฉันได้ยินเพื่อนบอกว่า จางกงหมิงคนนี้ก็มาจากตงไห่ หรือฉันจะลองหาเส้นสายดู ช่วยนายเชื่อมต่อเส้นสาย นายไปพึ่งพาขอหลบภัยกับจางกงหมิงคนนี้”
“ถึงเวลามีจางกงหมิงคุ้มครองนาย ฉันรับประกันว่าหลิวเหล่าซานไม่กล้าแตะต้องนายอีก” หวางเสี่ยวโก๋พูดกับหลี่ฝาง
หลี่ฝางถามด้วยสงสัยเล็กน้อยคำหนึ่ง: “นายสามารถเป็นเชื่อมโยงเส้นสายกับจางกงหมิงได้?”
“ฉันทำไม่ได้หรอก แต่ฉันรู้จักเพื่อนสองสามคนในวงการ ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะพอคุยกับจางกงหมิงได้” หวางเสี่ยวโก๋พูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
“เพียงแต่ไม่รู้ว่า จางกงหมิงเก็บค่าคุ้มครองแพงหรือเปล่า” หยุดไปครู่หนึ่ง หวางเสี่ยวโก๋ก็พูดขึ้นมาอีก
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆออกมา รับผลประโยชน์จากคนอื่น ทำตัวเป็นเกราะป้องกันให้คนอื่น เรื่องแบบนี้ก็มีแต่นักเลงเท่านั้นแหละที่ทำ
เมื่อถึงระดับของจางกงหมิงแล้ว เขาจะคิดเกี่ยวกับการทำธุรกิจเพื่อสร้างรายได้
ถึงแม้จะทำตัวเป็นเกราะป้องกัน ก็จะทำตัวเป็นเกราะป้องกันให้เฉพาะทายาทเศรษฐี นักธุรกิจที่ร่ำรวยเท่านั้น
แน่นอนว่า หลี่ฝางก็เป็นทายาทเศรษฐี แต่เขามีหวางเห้าคุ้มครองแล้ว
และด้านหน้าของหลี่ฝาง ยังมีหลี่ต๋าคางที่ลึกลับจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง
บวกกับตอนนี้จางกงหมิงติดตามมู่เสี่ยวไป๋แล้ว หลี่ฝางจะไปขอความคุ้มครองจากจางกงหมิงได้อย่างไร?
เวลานี้หลี่ฝางยิ้มออกมา พูดว่า: “ความจริงฉันไม่ได้เสียเปรียบหรอก”
“หลิวเสี่ยวเทาตบฉันไปแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่ฉันตีขาเขาจนหัก” หลี่ฝางยิ้มออกมา พูดว่า: “และยังทำต่อหน้าหลิวเหล่าซานด้วย”
“อะไรนะ?!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ไม่เพียงแค่หวางเสี่ยวเทาเท่านั้นที่ตะลึงอยู่กับที่ไปเดี๋ยวนั้น แม้แต่เลี่ยวข่ายก็สะดุ้งตกใจไปเหมือนกัน
หลิวเหล่าซานเป็นใคร เลี่ยวข่ายได้ยินมาแล้ว เขาเป็นถึงงูเจ้าถิ่นในแถบของสุ่ยมู่นี้
แล้วหลิวเสี่ยวเทา ก็เป็นหลานชายแท้ๆของหลิวเหล่าซาน ได้ข่าวว่าหลิวเสี่ยวเทาสามารถเข้ามหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ได้ ก็เพราะหลิวเหล่าซาน
อาจารย์ใหญ่สุ่ยมู่เกรงกลัวการดำรงอยู่ของหลิวเหล่าซาน ดังนั้นจึงแหกกฎรับหลิวเสี่ยวเทาที่เป็นนักเรียนที่ผลการเรียนไม่ดีคนนี้
ตีขาของหลิวเสี่ยวเทาจนหัก ต่อหน้าหลิวเหล่าซาน?
คำพูดนี้ของหลี่ฝาง ใครก็ไม่เชื่อทั้งนั้น
หวางเสี่ยวโก๋ถึงกับพูดว่า: “หลี่ฝาง นายขี้โม้อะไรของนาย ถ้าหากนายตีขาของหลิวเสี่ยวเทาจนหักต่อหน้าหลิวเหล่าซาน นายยังจะสามารถกลับหอพักได้?”
“ตอนนี้นายคงจะนอนในโรงพยาบาลนานแล้วมั้ง!” หวางเสี่ยวโก๋พูดและหัวเราะฮึๆ
ตอนนี้ หวางเสี่ยวโก๋รู้สึกว่าหลี่ฝางวิ่งรถไฟด้วยปาก(คุยโม้โอ้อวด) ไม่มีความจริงเลยสักคำ
ตอนนี้หวางเสี่ยวโก๋ยังรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยแล้วว่า หลี่ฝางไม่ได้พบกับหลิวเหล่าซานเลยด้วยซ้ำ
หวางเสี่ยวโก๋คิดว่า ถ้าหากว่าหลี่ฝางพบกับหลิวเหล่าซานจริง เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาอย่างสมบูรณ์โดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
“ไม่เชื่อก็ช่างเถอะ” หลี่ฝางขี้เกียจจะอธิบาย กลับไปที่เตียงของตัวเอง หัวถึงหมอนก็หลับไป
ตื่นขึ้นมาวันที่สอง หลี่ฝางก็ไม่ได้ไปฝึกทหาร แต่ไปถามหาและมาถึงห้องเรียนของสวีเถิงเฟย
ถึงแม้สวีเถิงเฟยจะเป็นนักเรียนใหม่ แต่กลับเป็นคนดังของสุ่ยมู่ไปแล้ว
ทายาทเศรษฐีบวกกับหนึ่งในคณะกรรมการบริหารโรงเรียน แสงเรืองรองเป็นรัศมีสองวงแหวนอยู่บนศีรษะคนคนหนึ่ง ไม่อยากมีโด่งดังยังยากเลย
สาวสวยสุ่ยมู่ไม่น้อยต่างก็อยากจะเห็นหน้าตาของสวีเถิงเฟย เพื่อที่จะได้กลายเป็นสาวงามในอ้อมแขนของเขา
หลี่ฝางมาถึงชั้นเรียนของสวีเถิงเฟย แต่กลับไม่เห็นสวีเถิงเฟย
เวลานี้ ฉินวี่เฟยก็เดินเข้ามา
ทันทีที่ฉินวี่เฟยเดินออกมา ก็สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ขึ้นในชั้นเรียน
“ไอ้สัตว์ ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันน่ะ? ขี้เหร่ขนาดนี้ แต่กลับรู้จักดาวมหาลัยฉินได้”
“คงไม่ใช่แฟนของดาวมหาลัยฉินหรอกนะ?” มีคนพูดด้วยความสงสัย
“ถ้าเป็นแฟนของดาวมหาลัยฉินจริง แบบนั้นก็เป็นดอกไม้งามปักอยู่บนขี้วัวจริงๆ”
ฉินวี่เฟยมาถึงหน้าหลี่ฝาง ถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า: “ทำไมถึงมาที่ชั้นเรียนเราได้ล่ะ?”
“ผมมาหาคน” หลี่ฝางก็ยิ้มตาม
ฉินวี่เฟยนึกว่าหลี่ฝางมาหาเธอ ในใจของเธอเพิ่งจะมีความสุขเพิ่มขึ้นมา หลี่ฝางกลับถามว่า: “ผมมาหาสวีเถิงเฟย เขาไม่อยู่เหรอ?”
ใบหน้าของฉินวี่เฟยมีความรู้สึกอับอายเล็กน้อย
เธอส่ายหน้า พูดว่า: “สวีเถิงเฟยไม่ได้มาเข้าร่วมการฝึกทหาร เขาขอลาหยุด”
“ขอลาหยุด?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว การฝึกทหารนี่ยังมีการขอลาหยุด?
“เขาไม่สบายหรือว่า?” หลี่ฝางสบถด่าในใจ ไอ้สารเลวนี่คงไม่ได้เป็นโรคที่รักษาไม่หายหรอกนะ?
ฉินวี่เฟยพูดว่า: “ทายาทเศรษฐีจำนวนมาก ก็ไม่เข้าร่วมการฝึกทหาร พวกเขาแค่ต้องแจ้งต่อโรงเรียน ขอลาหยุดก็พอ”
หลี่ฝางได้ยินก็เข้าใจทันที การฝึกทหารลำบากขนาดนั้น คุณชายที่คาบช้อนทองมาเกิดอย่างสวีเถิงเฟย ก็ต้องไม่อยากทนกับความยากลำบากแน่นอนอยู่แล้ว
“แล้วคุณล่ะ?” หลี่ฝางมองไปที่ฉินวี่เฟย ยิ้มและพูดด้วยความสนใจ: “คุณก็เป็นทายาทเศรษฐีเหมือนกัน ทำไมคุณถึงมาฝึกทหารล่ะ”
“มีน้อยคนที่รู้ฐานะที่แท้จริงของฉัน” ฉินวี่เฟยมองดูหลี่ฝางแวบหนึ่ง: “ฉันเหมือนกันกับคุณ ปกปิดสถานะทางครอบครัว เลือกที่จะใช้ชีวิตในฐานะคนธรรมดา”
ฉินวี่เฟยเงยหน้าขึ้นมองดูหลี่ฝาง จู่ๆก็พูดว่า: “ถังหยู่ซวนคือของปลอมใช่ไหม?”
“อะไรนะ?”
“คุยกันที่นี่ไม่สะดวก ตามฉันมา” ฉินวี่เฟยก้าวเท้าเดินออกไป พาหลี่ฝางขึ้นไปบนดาดฟ้า
เห็นภาพนี้แล้ว คนในชั้นเรียนก็ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
“โอ้พระเจ้า เขาสองคนขึ้นไปบนดาดฟ้าแล้ว”
“ดูจากการท่าทางการสนทนาของพวกเขา เขาสองคนคงไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆใช่ไหมเนี่ย?”
“อ๊าย ดาวมหาลัยฉินตาบอดไปเหรอ? ทำไมถึงหาแฟนธรรมดาๆแบบนี้
เด็กผู้ชายในชั้นเรียนของฉินวี่เฟย ทั้งหมดแสดงสีหน้าท่าทางเหงาหงอยออกมา เหมือนกับกำลังอกหัก
ตามฉินวี่เฟยมาถึงดาดฟ้าหลี่ฝางขมวดคิ้วขึ้นมาถามด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย: “คุณตรวจสอบผม?”
“คุณโกรธเหรอ?”
ฉินวี่เฟยหัวเราะเหอะๆออกมา: “ความจริงฐานะของคุณ ไม่ได้มีแต่ฉันที่ตรวจสอบ คนที่ปรากฏตัวในรีสอร์ตวันนั้น น่าจะตรวจสอบฐานะของคุณกันหมด”
“ไม่ว่าจะเป็นตงไห่ หรือว่าเมือกเอก แม้แต่คนทั้งประเทศ ใครจะไม่ให้ความสนใจกับหลานชายของคุณท่านหลี่?”
“วันนั้นคุณอยู่ที่รีสอร์ตดึงดูดความสนใจของผู้คนขนาดนั้น ผู้จัดการของรีสอร์ตลุงเฉียน เพื่อปกป้องคุณแล้ว ไม่ลังเลที่จะล่วงเกินตระกูลสวี ตระกูลหยู……แม้กระทั่งตระกูลมู่”
“คนที่ฉลาดเล็กน้อย ก็ต้องรู้แล้วฐานะของคุณไม่ธรรมดา”
“คนภายนอกตอนนี้ ต่างก็คิดว่าถังหยู่ซวนเป็นหลานชายของคุณท่านหลี่ รถปอร์เช่ 918 ที่เขาขับคันนั้น แสดงถึงฐานะของเขา ขณะเดียวกันเขายังบริหารบาร์ Recalling the past ร้านนั้นอีกด้วย ซึ่งก็ยิ่งยืนยันถึงฐานะของเขา”
“แต่ฉันรู้ ถังหยู่ซวนคือของปลอม”
“ถังหยู่ซวนเป็นเพื่อนสมัยก่อนของคุณเขาไม่ใช่หลานชายของคุณท่านหลี่ คุณต่างหากที่เป็นตัวจริง” มองดูหลี่ฝาง ฉินวี่เฟยพูดอย่างมั่นใจ
หลี่ฝางมองไปที่ฉินวี่เฟย ยิ้มเรียบๆขึ้นมา: “คุณเดาถูกแล้ว แต่มีประโยชน์อะไรล่ะ?”