NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 197
บทที่197 คุณชายใหญ่ของเมืองหลวงมา
สายตาของฉินจื่อยี่ดีจริงๆ อยู่ห่างกันไกลขนาดนั้น ก็มองออกว่าเป็นเบนท์ลีย์ของสวีเถิงเฟย
“ในที่สุดก็มาแล้ว”หลี่ฝางกัดฟันพูด
สองวันนี้ ถือว่าทำเอาหลี่ฝางอัดอั้นมาสุดๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคืน ถ้าไม่ใช่หวงว่างโก๋มาช่วย ขาของตัวเองได้ถูกหลิวเหล่าซานตัดขาดแน่
และผู้ร้ายของทั้งหมดนี้ ก็คือไอ้ระยำสวีเถิงเฟยนี่
“อย่าใจร้อน เขาหมาป่ามีกฎของเขาหมาป่า ตอนนี้คุณจัดการเขาไม่ได้”
ฉินจื่อยี่พูดกับหลี่ฝาง:“ก่อนที่การแข่งรถที่เขาหมาป่าจะจบ ใครก็ตามลงมือทำร้ายคนอื่นไม่ได้”
“นั่นคือกฎของพวกคุณนักแข่งรถ ไม่ใช่กฎของผม”หลี่ฝางขมวดคิ้วพูด
ตามองรถของสวีเถิงเฟยที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ หลี่ฝางระงับความโมโหของตัวเองไว้ไม่อยู่
สวีเถิงเฟยลงจากรถ หลี่ฝางก็จะพุ่งเข้าไป
เวลานี้ ส้าวส้วยก็ดึงแขนของหลี่ฝางไว้ ส่ายหน้าให้เขา:“เจ้านาย เคารพกฎของเขาหมาป่าเถอะ”
ไม่รู้ทำไม คำพูดของฉินจื่อยี่ หลี่ฝางถึงไม่เอามาใส่ใจเลย
แต่ตอนที่ส้าวส้วยพูดประโยคนี้ หลี่ฝางกลับฟังอย่างไม่รู้ตัว
ใบหน้าที่ไม่จริงจังของส้าวส้วย จู่ๆก็ซีเรียสขึ้นมา
จากใบหน้าของส้าวส้วยหลี่ฝางก็รู้สึกได้ ตัวเองอย่าไปทำอะไรบุ่มบ่ามดีกว่า
เขาหมาป่าไม่ใช่ถิ่นของคนๆหนึ่ง แต่เป็นถิ่นของคนกลุ่มหนึ่ง
ทำลายกฎของเขาหมาป่า เท่ากับว่าเป็นศัตรูกับทุกคนในที่นี้
หากแบบนั้น ก็เท่ากับว่าดึงดูดความเกลียดชังของทุกคน
ด้านหลังของสวีเถิงเฟย ตามมาด้วยเบนซ์Coupeคันหนึ่ง
ตู้เฟยก็มาแล้ว ด้านหลังเขา ยังมีเซี่ยลู่ตามมาด้วย
นอกจากเซี่ยลู่ จางเชี่ยนกับหลิวเฉียวเฉียวก็มาด้วย
จางเชี่ยนตามโจวเจ๋มา หลิวเฉียวเฉียวตามส้งเสียงมา
ผู้หญิงสามคน แต่ละคนต่างอ่อยลูกเศรษฐีคนหนึ่งได้ทั้งนั้น
พอหลี่ฝางมองเห็น ก็ยิ้มเบาๆ
มองสวีเถิงเฟย หลี่ฝางก็ถามอย่างดูถูก:“เบนท์ลีย์ก็เข้าร่วมแข่งรถได้เหรอ?”
“สวีเถิงเฟยไม่ได้มาร่วมแข่งรถ มองเห็นรถด้านหลังเขาไหม?”ฉินจื่อยี่ชี้ไปที่ลัมโบร์กีนีคันนั้น
“สวีเถิงเฟยมาเป็นเพื่อนเขา”ฉินจื่อยี่พูด
ลัมโบร์กีนี?
หลี่ฝางมองรถคันนี้ที่ราคาไม่ใช่ถูกๆ ก็คิ้วขมวดหน่อยๆ:“เขาคือใคร?”
“ได้ยินว่าเป็นทางเมืองหลวงมา เป็นคนใหญ่โต แต่ว่าเป็นใครนั้น ผมก็ไม่รู้”ฉินจื่อยี่ส่ายหน้า พูด
สีหน้าหลี่ฝางเปลี่ยนไป พูด:“เขาคือใครก็ยังสืบไม่ได้?”
ฉินจื่อยี่พูด:“ใช่ สืบไม่ได้”
หลี่ฝางมองลัมโบร์กีนี จ้องอยู่สักพัก
อำนาจของตระกูลฉินที่เมืองเอก ไม่เป็นสองรองใคร
ฉินจื่อยี่ดันสืบไม่ได้ว่าคนในรถนั้นคือใคร ก็หมายความว่าตัวตนของคนๆนี้ นั้นพิเศษมาก
“ถึงจะสืบไม่ได้ว่าใคร ชื่ออะไร แต่ก็เดาออกว่าเขาคือคุณชายสักคนของสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง”ฉินจื่อยี่พูด:“ส่วนเป็นใครนั้น ก็ไม่รู้สิ”
“ผมให้คนไปสืบมา ก็สืบไม่ได้ว่าตระกูลสวีกับตระกูลใดในเมืองหลวงมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน”
“อีกอย่าง รถนี้ไม่มีถ่ายรูปไว้ ก็ไม่สามารถไปตามสืบที่มาที่ไปของรถได้”
ฉินจื่อยี่พูด คิ้วก็ขมวด:“ไม่ใช่แค่ผม ทุกคนในที่นี้ ต่างไม่รู้จักเขา”
“ความเป็นไปได้ที่จะรู้ว่าเขาคือใคร ก็น่าจะมีแค่สวีเถิงเฟยแหละ”
“สวีเถิงเฟยไปเกี่ยวข้องกับคนที่สุดยอดคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”พูดไป ฉินจื่อยี่ก็อิจฉาหน่อยๆ
ยังไงคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลวง ก็เป็นคุณชายที่มีชื่อเสียงที่สุดของทั้งประเทศ
ไม่ใชแค่รวย แต่ยังมีอำนาจ
แค่ออกมาสักคน ก็ข่มบรรดาลูกคนรวยทุกคนของเมืองเอกไว้ได้หมด
“เขามาแข่งรถเหรอ?”หลี่ฝางถาม
“ใช่ เขาไม่ใช่แค่มาร่วมแข่งรถธรรมดาๆแบบนั้น แต่ยังมีรางวัลใหญ่ด้วย ถ้าใครชนะเขาได้ ลัมโบร์กีนีของเขา ก็เป็นของคนนั้น”ฉินจื่อยี่หัวเราะ ใบหน้าของเขาแสดงถึงความมั่นใจ
ยังไง เทคนิคขับรถของเขา ก็ไม่เป็นสองรองใครในเมืองเอก
เมื่อก่อนยังมีมู่เหวินตงอีกคนที่เทียบกับเขาได้ ตอนนี้มู่เหวินตงพิการไปแล้ว ดังนั้น ฉินจื่อยี่ก็มั่นใจสุดๆว่า จะชนะลัมโบร์กีนีของชายลึกลับได้
หลี่ฝางตะลึงหน่อยๆ คุณชายของเมืองหลวงที่มานี้ร่ำรวยเอาแต่ใจจริงๆ
นี่เป็นถึงลัมโบร์กีนีเชียว บอกจะให้ก็ให้เลย?
หรือพูดอีกอย่างว่า เขามั่นใจสุดๆ กับเทคนิคขับรถของตัวเอง?
ตอนนี้เอง จู่ๆส้าวส้วยก็พูด:“ผู้ชายคนนี้เป็นนักแข่งรถมืออาชีพ”
“อะไร?”
ได้ยินคำนี้ ฉินจื่อยี่กับหลี่ฝางก็มองไปที่ส้าวส้วยพร้อมกัน
ส้าวส้วยหัวเราะ พูดอย่างดูถูก:“ที่เขาปิดบังตัวตนของตัวเอง ไม่ใช่เพราะถ่อมตัวอะไร แต่ไม่กล้าให้คนอื่นรู้”
“ถ้าผมไม่เดาผิดล่ะก็ เขาน่าจะเป็นนักแข่งรถมืออาชีพ นักแข่งรถมืออาชีพมีกฎของตัวเอง เขาไม่สามารถร่วมกิจกรรมแข่งรถแบบนี้ของเขาหมาป่าได้ ถ้าถูกคนค้นพบ ก็จะถูกปลดจากคุณสมบัตินักแข่งรถมืออาชีพ”
“ไม่ต้องสนที่เขาเป็นคุณชายใหญ่ทั้งสี่ของเมืองหลวง หรือว่าใคร สมาคมแข่งรถต่างประเทศพวกนั้น ไม่รู้จักสิ่งนี้”
“ถูกปลดเป็นนักแข่งรถมืออาชีพ เขาก็ไม่มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมแข่งรถระหว่างประเทศแล้ว ถ้าผมเดาไม่ผิด รถของเขา พวกคุณใครก็ชนะไม่ได้ทั้งนั้น”
ส้าวส้วยมองลัมโบร์กีนีคันนั้น แล้วหัวเราะอย่างน่าสนใจ:“ลัมโบร์กีนีคันนี้ เคยปรับแต่งมาแล้ว”
“ถึงจะไม่แพงเท่าเฟอร์รารี่คุณ แต่ความเร็วไม่ช้าไปกว่าเฟอร์รารี่ของคุณ”
“ความเร็วรอบที่สองของคุณคือเก้านาทียี่สิบห้าวินาที แต่ห่างจากสถิติของเขาหมาป่าอีกเยอะ”
ส้าวส้วยพูดอย่างเด็ดเดี่ยว:“ผมกล้ามั่นใจได้เลย ความเร็วของผู้ชายคนนั้น ต้องเร็วแน่ๆ เขาสามารถขับรอบเขาหมาป่าไปรอบหนึ่งได้ภายในเก้านาที”
“คุณรู้ได้ไง?”ฉินจื่อยี่มองส้าวส้วยอย่างไม่อยากจะเชื่อ
อย่าว่าแต่ฉินจื่อยี่ไม่ค่อยเชื่อคำพูดส้าวส้วยเลย แม้แต่หลี่ฝางก็ยังสงสัยหน่อยๆ
ยังไงเจ้าของรถลัมโบร์กีนีลึกลับคนนี้ ก็ลึกลับจนทุกคนไม่รู้จักชื่อเขา
แต่ส้าวส้วยไม่ใช่แค่บอกตัวตนของอีกฝ่าย แต่ยังเอาความเร็วของอีกฝ่ายมาพูดด้วย
“ลัมโบร์กีนีนี้ คุณไม่ได้ดูสักนิด จะไปตัดสินว่าเขาเคยปรับแต่งได้ไง?อีกอย่าง เรื่องอะไรคุณต้องพูดด้วยว่ารถเขาเร็วกว่าผม?”ฉินจื่อยี่ไม่ค่อยพอใจนัก
“เมื่อก่อนผมช่วยคนอื่นปรับแต่งรถโดยเฉพาะ ดังนั้นรถคันหนึ่งปรับแต่งหรือไม่นั้น แค่มองผมก็รู้แล้ว หรือจะพูดว่า แค่ฟังเสียงเครื่องยนต์ มองระดับความสมดุลที่เขาเลี้ยว ก็ตัดสินได้แล้ว”
ส้าวส้วยพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
“คุณบอกว่าเขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของตัวเอง เพราะว่าอาชีพนักแข่งรถ จุดนี้ ผมค่อนข้างเชื่อ”
“คุณบอกว่ารถของเขาเคยปรับแต่ง รถน่าจะเร็วกว่าผม ตรงนี้ ผมก็ไม่อยากตอบโต้
“แต่เรื่องอะไรที่คุณต้องคิดว่าเทคนิคขับรถของเขาดีกว่าผมล่ะ?”
“ความเร็วที่เขาขึ้นเขาเมื่อกี๊ ไม่เร็วเลยสักนิด”ฉินจื่อยี่พูดอย่างไม่พอใจ
“ความเร็วที่เขาขึ้นภูเขามาไม่เร็ว แต่ความเร็วที่เขาเลี้ยวโค้ง ว่องไวผิดปกติ หมายความว่าความสามารถในการบังคับรถของเขาแข็งแกร่งมาก”
“ส่วที่ผมพูดเมื่อกี๊ อย่างน้อยเขาน่าจะขับทั่วเขาหมาป่าเสร็จภายในเก้านาที นั่นก็เป็นข้อสันนิษฐานของผมจริงๆ”
ส้าวส้วยมองฉินจื่อยี่ หัวเราะ:“เขามาจากเมืองหลวงมาที่เมืองเอก คุณคิดว่าเขาจะทำให้ตัวเองน่าละอายเหรอ?”
“หมายความว่าไง?”
“ทุกการแข่งรถที่เขาหมาป่า อันดับหนึ่งอยู่ในเวลาเก้านาที หรือว่าอยู่ตอนเก้านาทีพอดี ถ้าเขาไม่สามารถขับรอบเขาหมาป่าในเวลาเก้านาทีได้ คุณว่า เขาจะขับมาที่เมืองเอก ในระยะทางหลายร้อยไมล์จากเมืองหลวง เพื่อมาทำให้ตัวเองขายหน้าไหม?”
“แล้วยังต้องเสียลัมโบร์กีนีคันหนึ่งที่ราคาเป็นสิบล้านเนี่ยนะ”
ส้าวส้วยพูดจบ ฉินจื่อยี่ก็คิด ก็จริง สถิติของเขาหมาป่าถึงแม้จะมีน้อยคนที่ทำลายได้
แต่หลายปีมานี้ แชมป์ของทุกครั้ง รับรถสปอร์ต ความเร็วส่วนมากจะควบคุมให้อยู่ในเก้านาที
ดังนั้น ถ้าเวลาเกินเก้านาที ก็ไม่มีทางชนะได้
คนลึกลับคนนี้ถ้าคะแนนอยู่เกินเก้านาที มาที่นี่ก็ต้องขายขี้หน้าแน่นอน
ไม่มีใครโง่มาที่นี่หลายร้อยไมล์ เพื่อให้ตัวเองไม่มีความสุขหรอก
เวลานี้ ฉินจื่อยี่ก็ยอมรับความคิดของส้าวส้วย
“จากที่คุณพูดแบบนี้ เขามาเพื่อฉีกหน้าเรา?”ฉินจื่อยี่ขมวดคิ้วไม่พอใจ
“ก็ใช่แหละ”
ส้าวส้วยักไหล่พูดว่า:“ยังไงซะ ถ้าให้ผมพนัน ผมก็จะพนันว่า ลัมโบร์กีนีคันนั้นชนะ”
“เจ้านาย เดี๋ยวการพนันก็จะจบแล้ว ไม่งั้น เราไปกันหน่อยไหม”ส้าวส้วยพูดกับหลี่ฝาง
“การพนัน?การพนันอะไร?”
“การแข่งขันของเขาหมาป่ามีการพนัน เหมือนกับแข่งม้า คุณพนันได้ว่ารถของใครเร็วสุด”ฉินจื่อยี่พูด
“โอกาสที่จะเป็นไปได้ของลัมโบร์กีนีเท่าไหร่?”ส้าวส้วยมองฉินจื่อยี่ ถามไป
“หนึ่งต่อสิบ”ฉินจื่อยี่ขมวดคิ้วพูด
เวาลนี้ สีหน้าของฉินจื่อยี่ก็ซีเรียส
เดิมที ฉินจื่อยี่คิดว่าตัวเองชนะ แต่พอได้ยินคำพูดของส้าวส้วยแล้ว เขาก็คิดว่าโอกาสในการชนะของตัวเองอยู่ที่ห้าสิบห้าสิบ
ฉินจื่อยี่เล่นได้ดีที่สุด ใช้ไปแค่แปดนาทีห้าสิบห้าวินาที
มู่เหวินตงไม่อยู่ ฉินจื่อยี่เรียกได้ว่าเป็นผู้เข้าแข่งขันที่คาดว่าจะได้เข้ารอบสุดท้ายของแชมป์ โอกาสที่จะเป็นไปได้ของเขา มีแค่หนึ่งต่อหนึ่ง
“เมื่อกี๊มีคนเพิ่งเดิมพัน เดิมพันแชมป์ลัมโบร์กีนี สามสิบล้าน!”ฉินจื่อยี่มองหน้าจอโทรศัพท์ ทันใดนั้นก็พูด
ส้าวส้วยทำเสียงเย็นชา:“แม่เอ๊ย ผู้ชายคนนี้มาเพื่อเอาเงินสินะ