NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 2
บทที่ 2 เลี้ยงข้าว
อย่าว่าแต่มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของดูไบเลย แค่เศรษฐีในอำเภอหนึ่ง หลี่ฝางยังยากที่จะยอมรับได้
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตูๆ สายหลุดไป หลี่ฝางโทรกลับไปอีกครั้ง แต่โทรศัพท์ทางโน่นก็ปิดเครื่องแล้ว
จากนั้นกดเงินออกมาสองหมื่น หลี่ฝางมองเงินแล้ว อดใจไม่ไหวจนร้องไห้
นึกถึงสิ่งที่เจอมาสามปีนี้ ก็เพราะตนเองจน ในวันนี้รวยแล้ว ความลำบากก็ควรจะจบสิ้นและได้อยู่อย่างสบายสักที
หลี่ฝางยืนอยู่หน้าตู้เอทีเอ็มตั้งนาน นานมาก……
มีเงินเยอะแยะมากมายขนาดนี้อย่างกะทันหัน หลี่ฝางกำลังคิดว่าตนเองควรทำอะไรสักหน่อย?
ถ้าไม่มีเรื่องเมื่อคืน หลี่ฝางต้องวิ่งไปหาเซี่ยลู่เป็นคนแรก แล้วบอกเซี่ยลู่ว่าตนเองชอบเธอและบอกกับเธอว่าตนเองเป็นหลานของมหาเศรษฐี แต่มาวันนี้คงทำได้แค่เพียงช่างมันเถอะ
หรือว่าจะหาที่ไหนสักแห่ง แล้วสละบริสุทธให้ตัวเองก่อนดี?
ไม่ได้ ตนเองรวยขนาดนี้แล้ว จะไปหาหญิงโสเภณีได้ไง ไม่มีรสนิยมสักเลย
คิดไปคิดมา ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว หลี่ฝางกลับไปถึงห้องเรียน
“หลี่ฝาง เมื่อกี้นายเป็นอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า? ” เห็นตาของหลี่ฝางแดงๆ โจวหยางถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก ก็แค่ซื้อลอตเตอรี่มาหนึ่งใบ ถูกรางวัล” หลี่ฝางยิ้มๆ และพูด
ตอนที่เดินกลับเข้าไปในโรงเรียน หลี่ฝางได้คิดแผนการไว้แล้ว ตนเองรวยขึ้นมาอย่างกะทันหัน คนอื่นต้องถามแน่นอน ตอนนี้พ่อแม่ก็ยังไม่กลับมา หลี่ฝางไม่อยากเปิดเผยว่าตนเองเป็นหลานมหาเศรษฐี ดังนั้นจึงคิดแนวทางไว้ บอกว่าตนเองถูกรางวัลลอตเตอรี่
เสียงของหลี่ฝางดังมาก หลายๆ คนในห้องเรียนต่างก็ได้ยิน
“หลี่ฝาง นายถูกลอตเตอรี่จริงๆ เหรอ? ”
“รีบบอกมาซิ ถูกเท่าไหร่? ”
เพื่อนๆ คนอื่นๆ ล้อมเข้ามา ส่วนเกาเสิ้งทำเสียงฮึ่ม พูดอย่างไม่แคร์: “หน้าซวยๆ อย่างเขาเนี่ยนะ อย่างมากก็ถูกแค่ไม่กี่ร้อย”
เพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา: “มันก็ไม่แน่ บางทีหลี่ฝางโชคดีขึ้นมา อาจจะถูกเป็นล้านก็ได้”
เกาเสิ้งหัวเราะฮ่าๆ : “ไม่เคยได้ยินนิทานเรื่องฟ่านจิ้นจ้งจู่(ในสมัยเก่ามีผู้ชายคนจนคนหนึ่งไปสอบเข้าเป็นผู้รัฐบาล หลังจากนั้นกลายเป็นบ้าเพราะดีใจเกินไป)เหรอ? คนจนๆ อย่างหลี่ฝาง อย่าว่าแต่หลายล้าน แม้แต่ถูกสักสองสามหมื่น ก็เป็นบ้าได้ทันที”
“แล้วถ้าหลี่ฝางถูกหลายหมื่นจริงๆ ล่ะ? ” มีคนถามขึ้นมาอีก
“งั้นฉันยกกะละมังใส่น้ำล้างเท้าให้เลย” เกาเสิ้งพูดด้วยสีหน้าที่มั่นใจ แน่ใจว่าหลี่ฝางไม่ถูกรางวัลใหญ่
ในเวลานี้อาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้องเรียนพอดี ทุกคนต่างวิ่งกลับไปนั่งที่ของตนเอง นักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ชอบเม้าท์มอย ยังกำลังคุยกันอยู่ว่าหลี่ฝางถูกรางวัลเท่าไหร่กันแน่
ส่วนหลี่ฝางนั้น ทั้งหัวคิดแต่ว่า รวยแล้วควรทำอะไรดี กระทั่งอาจารย์สอนอะไร เขาฟังไม่เข้าหูเลยสักคำ
“ดูแล้วหลี่ฝางไม่น่าจะถูกรางวัลใหญ่จริงๆ ถ้าถูกรางวัลใหญ่จริง เขาคงลุกขึ้นมาชกหน้าเกาเสิ้งตั้งนานแล้ว”
“ใช่สิ ถ้าเขาถูกรางวัลใหญ่จริงๆ ทำไมยังนิ่งเฉยขนาดนี้”
“ถูกรางวัลใหญ่ยังไม่ยอมซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ๆ ให้ตนเองสักชุด? ”
“ดูๆ กางเกงเขาสิ ซักจนสีซีดหมดแล้ว” จางเสี่ยวเฟิงหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ไม่แน่ไอ้ยาจกนี่คงจะถูกแค่ไม่กี่สิบหยวน”
“กี่สิบหยวนเขาก็ดีใจแย่แล้ว ได้เงินค่าซักเสื้อให้พวกเราได้หลายวันแล้ว”
หลังจากนั้นสักพัก เพื่อนนักเรียนในห้องก็ไม่ได้พูดคุยเรื่องที่หลี่ฝางถูกรางวัลอีก
ทั้งวัน หลี่ฝางแสดงอาการเงียบสงบเกินไป มองไม่ออกว่าเขาเหมือนถูกรางวัล
จนถึงเวลาเลิกเรียน หลี่ฝางเพิ่งจะเอ่ยปาก: “หัวหน้าครับ คืนนี้ให้ผมเลี้ยงข้าวนายนะ”
ตั้งแต่เปิดเทอมมา โจวหยางจะคอยช่วยเหลือหลี่ฝางตลอด ดังนั้นรวยแล้ว หลี่ฝางอยากจะตอบแทนเขาบ้าง
โจวหยางยังไม่ทันตอบ เกาเสิ้งก็ยืนขึ้นมา: “หลี่ฝาง นายถูกรางวัลจริงๆ ดิ”
“นายจะลำเอียงแบบนี้ไม่ได้นะ เราพักหอห้องเดียวกัน ไหนๆ นายก็จะเลี้ยงข้าวหัวหน้าแล้ว ก็เลี้ยงผมกับจางเสี่ยวเฟิงด้วยสิ” เกาเสิ้งยิ้มด้วยหน้าตาร้ายๆ
“ใช่ๆ ปกติผมกับเกาเสิ้งก็ดูแลนายไม่น้อย” จางเสี่ยวเฟิงรีบช่วยกันพูดขึ้นมา
ในใจของหลี่ฝางแอบหัวเราะ สิ่งที่จางเสี่ยวเฟิงและเกาเสิ้งทำกับตนเอง นั่นมันไม่เรียกว่าดูแล แต่มันคือการดูถูก
แต่ถ้าปฏิเสธ ก็จะถูกพวกเขารังแก
ก็แค่เลี้ยงข้าวมื้อหนึ่ง หลี่ฝางไม่แคร์หรอก: “งั้นไปด้วยกันก็ได้”
เกาเสิ้งพูด: “คงไม่ใช่กินที่โรงอาหารนะ? ”
“ไม่ใช่แน่นอน Lotusเป็นไง? ” หลี่ฝางลองถามดู
“อะไรนะ? Lotus นั่นมันเป็นโรงแรมระดับห้าดาวเลยนะ” เกาเสิ้งตกตะลึง
“หลี่ฝาง ตกลงนายถูกรางวัลเท่าไหร่กันแน่? ” หลี่เสี่ยวเสี่ยวเดินมาใกล้ๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในห้อง แต่ก็เป็นคนที่ชอบเงินมากที่สุด
เมื่อก่อนหลี่เสี่ยวเสี่ยววันๆ คอยตามตูดตู้เฟย แต่ในตอนนี้ตู้เฟยมีเซี่ยลู่เป็นแฟนแล้ว ดังนั้นหลี่เสี่ยวเสี่ยวเตรียมตัวจะหาแฟนใหม่สักคน
เห็นหลี่ฝางถูกรางวัลลอตเตอรี่ หลี่เสี่ยวเสี่ยวก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับหลี่ฝางมากยิ่งขึ้น
“ไม่เยอะ แค่ไม่กี่หมื่นหยวน” หลี่ฝางหยิบเงินที่กดออกมาจากตู้เอทีเอ็มเมื่อเช้าออกมาให้ดู
“เห็นแบงค์ใหญ่สีแดงๆ แล้ว ทุกคนในห้องเรียนก็ตื่นเต้นนั่งไม่อยู่กับที่
“ว้าว!” ในห้องมีเสียงว้าวดังออกมาหลายครั้ง
“หลี่ฝาง นายถูกรางวัลจริงๆ ดิ!”
“เกาเสิ้ง นายยังจำคำพูดที่นายพูดได้ไหม? ” หลี่ฝางจ้องหน้าเกาเสิ้ง
สีหน้าของเกาเสิ้งน่าเกลียดไม่น่าดูมาก เขากัดฟัน: “ฉันพูดว่าอะไรเหรอ? ”
“นายบอกว่าถ้าผมถูกรางวัลเป็นหมื่น นายจะยกกะละมังใส่น้ำล้างเท้าให้ผมไง” หลี่ฝางตอบ
“ตอนที่นายพูด ทุกคนก็ได้ยิน นายคงไม่คิดจะล้อเล่นกันหรอกนะ? ”
“แก!” เกาเสิ้งจ้องหน้าหลี่ฝางอย่างเยือกเย็น พูดอะไรไม่ออก
เกาเสิ้งไม่อยากจะเชื่อ หลี่ฝางคนที่ตนเคยสั่งให้ทำโน่นทำนี่ กล้าท้าทายกับตนเองซะแล้ว?
ในเวลานี้ จางเสี่ยวเฟิงที่ชอบเล่นด้วยกันกับเกาเสิ้งมาตลอด ก็รีบเข้ามาช่วยและเปลี่ยนเรื่องพูดไปเป็นเรื่องอื่น: “พวกเรามาคุยเรื่องเลี้ยงข้าวกันต่อดีกว่า”
“หลี่ฝาง นายถูกรางวัลตั้งเยอะขนาดนั้น งั้นก็เลี้ยงข้าวเพื่อนๆ ในห้องด้วยเลยสิ” จางเสี่ยวเฟิงยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย
“ก็ดี” หลี่ฝางไม่คิดอะไร ตอบรับทันที
ทุกคนในห้องต่างโห่เสียงร้องดีใจและยังตะโกนต่อหน้าหลี่ฝางว่า พี่ฝางใจดี พี่ฝางหล่อเท่……
ทันใดนั้น โจวหยางก็รีบร้อนพูดตักเตือน: “หลี่ฝาง นายบ้าไปแล้วเหรอ ห้องเรามีคนเยอะขนาดนี้ นายจะเลี้ยงทั้งหมด มันต้องใช้เงินมากขนาดไหน? ”
“โจวหยาง แค่ทานข้าวมื้อเดียวเอง จะใช้เงินมากแค่ไหน? อีกอย่าง ไม่ได้ใช้เงินนายสักหน่อย นายจะกลัวอะไร” มีคนรีบพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ
หลี่เสี่ยวเสี่ยวก็รู้สึกเสียดาย ตอนที่เธอเห็นเงินสองหมื่นนั้น ในใจรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก แม้กระทั่งคิดอะไรบางอย่างที่กล้าหาญ นั่นก็คือเป็นแฟนกับหลี่ฝางสองสามวัน รอเงินใช้จนหมดก็รีบเลิกกันทันที
แต่มาวันนี้ หลี่ฝางกลับจะเลี้ยงข้าวทุกคนทั้งห้องเรียน ยังจะไปโรงแรมห้าดาวอีก แค่ข้าวมื้อนี้ เงินสองหมื่นนั่นคงไม่เหลือเท่าไหร่แล้ว
ถ้าเป็นอย่างนั้น ยังจะไปตามจีบทำไมล่ะ
“ฮาๆ ในเมื่อหลี่ฝางตกลงแล้ว งั้นพวกเราไปกันเถอะ” จางเสี่ยวเฟิงรีบยุ่งๆ ขึ้นมาทันที เริ่มช่วยหลี่ฝางชักชวนคน มีหลายคนคิดว่าจะไม่ไป ก็ถูกจางเสี่ยวเฟิงชักชวนให้ไปจนได้
ตู้เฟยเห็นแล้ว ส่ายหัวและทำหน้าดูถูก: “คนจนแกล้งทำเป็นรวยจริงๆ ”
ตู้เฟยจ้องมองหลี่ฝางที่ทำหน้าท่าทางได้ใจ รู้สึกโมโห แล้วก็ลุกขึ้นมาเดินออกไปนอกห้อง แต่ว่าถูกจางเสี่ยวเฟิงขวางไว้: “พี่เฟย จะไปไหนครับ หลี่ฝางเลี้ยงข้าว ไปด้วยกันสิ”
“ไม่ไป ผมนัดกับเซี่ยลู่ไว้” ตู้เฟยเพิ่งจะพูดจบ เซี่ยลู่ก็เดินมา
“ไม่เห็นเป็นไร ไปด้วยกันเลยสิ” จางเสี่ยวเฟิงพูดจบ หันไปเชิญชวนเซี่ยลู่ที่กำลังเดินมา: “ซ้อ คืนนี้ห้องเราจะไปงานเลี้ยงที่Lotus ไปด้วยกันไหม? ”
“ไปสิ ทำไมไม่ไป” เซี่ยลู่ตอบตกลงด้วยความดีใจ
เซี่ยลู่นึกว่าจางเสี่ยวเฟิงเลี้ยง จึงถามกลับไปว่า: “ฉันพาเพื่อนสนิทไปด้วยสองสามคนได้ไหม? ”
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว” จางเสี่ยวเฟิงไม่ถามหลี่ฝางเลยสักคำ ก็ตอบปากรับคำแล้ว
“เดี๋ยวจะกินให้เต็มที่ เอาให้เงินสองหมื่นนั้นหมดไปเลย” เกาเสิ้งนึกถึงหลี่ฝางทำให้เขาเสียหน้าเมื่อสักครู่นี้ ในใจรู้สึกโมโหอย่างมาก
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว จุดมุ่งหมายของเราคือเอาให้เกินที่เขาจะจ่ายได้ ทำให้เขาจ่ายไม่ไหวในที่สุด ถึงตอนนั้น ฉันจะดูว่าไอ้ยาจกจนๆ นั่นจะหาใครมาช่วย” จางเสี่ยวเฟิงพูดอย่างเยือกเย็น
หลี่ฝางไม่เคยทำอะไรให้จางเสี่ยวเฟิง ที่ถูกจางเสี่ยวเฟิงทำตัวเป็นศัตรู ก็เพราะว่าอิจฉา
ก็เหมือนปกติคุณดูถูกขอทาน แล้วจู่ๆ ขอทานนั่นก็รวยขึ้นมากะทันหัน ในใจต้องรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว
“ใช่ ไปถึงภัตตาคารแล้ว เรากินให้อิ่มหนำสำราญ กินให้มันล่มจมไปเลย” เกาเสิ้งพูด
ตู้เฟยเหลือบไปมองเกาเสิ้ง: “นายจะกินได้เยอะแค่ไหน? ”
“กินไม่ได้เยอะ แต่เราดื่มได้นิ Lotusเป็นโรงแรมระดับห้าดาวนะ ที่นั่นมีแต่เหล้าดีๆ ทั้งนั้น แค่เหล้าเหมาไถขวดเดียว ก็ราคาเป็นพันแล้วไม่ใช่เหรอ? ” สายตาของตู้เฟยเต็มไปด้วยความโหดร้าย: “คืนนี้ พวกเราต้องให้หลี่ฝางเดินยิ้มเข้าไป ร้องไห้ออกมา”