NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 213
บทที่ 213 มู่เสี่ยวไป๋ก้มหัวขอโทษ
สายตาของพวกเขา จ้องไปที่ร่างของหลี่ฝาง
ขณะนั้น ท่านจวนก็มองไปยังหลี่ต๋าคาง แล้วหัวเราะเหอะๆ ถาม: “นายไม่เป็นห่วงลูกชายนายหน่อยเหรอ?”
“ไอ้หนุ่มที่อุ้มลูกชายฉันอยู่ คือเพื่อนของลูกชายฉัน”
หลี่ต๋าคางยิ้มอย่างนิ่งๆ : “เขาเคย ช่วยลูกชายของฉันไว้”
“ฉันเชื่อว่าไอ้หนุ่มนั้น เขาไม่ทำอันตรายลูกชายฉันหรอก” หลี่ต๋าคางพูดอย่างมั่นใจ
หลี่ต๋าคางมองจางกงหมิงกับหลี่ฝางอย่างเชื่อมั่น
หน้าของเขา ใจเย็นมากๆ
“นายเหนี่ยนะ ยังใจเย็นเหมือนเดิมเลย” ท่านจวนยิ้มอย่างซับซ้อน: “ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดี หรือไม่ดีกันแน่”
“ที่จริงแล้วฉันก็มีเวลาที่ไม่ใจเย็นอยู่นะ แค่นายไม่เคยเห็นเท่านั้น” หลี่ต๋าคางพูดพลางยิ้ม
“เหรอ? งั้นถ้ามีโอกาสฉันก็อยากจะเห็นบ้าง” ท่านจวนยิ้มอย่างสนอกสนใจ
เมี๋ยวชุ่ยหึขึ้นมา: “ลุงจวน หนูขอแนะนำว่าอย่าเจอจะดีกว่าค่ะ”
ในขณะนั้น ข้างใต้สะพาน ก็มีคนผู้นึงปรากฏตัวขึ้น
คนผู้นั้น ก็คือส้าวส้วย
ส้าวส้วยรออยู่ใต้สะพานนานแล้ว รอช่วยอยู่ทุกเมื่อ
นี่ก็คือเหตุผลที่หลี่ต๋าคางยังใจเย็นอยู่
เขารู้ว่า ลูกชายของตนไม่เป็นอะไรแน่
ถ้าหากจางกงหมิงโยนหลี่ฝางลงจากสะพาน งั้น หลี่ต๋าคางก็จะมองจางกงหมิงเป็นศัตรูทันที
นอกจากมู่เสี่ยวไป๋ หลี่ต๋าคางก็กำลังลองใจจางกงหมิงเช่นกัน
เมื่อทุกคนลงจากรถ ขณะที่มองไปทางหลี่ฝาง
ใจของมู่เสี่ยวไป๋ ก็เต้นเร็วขึ้น
วินาทีนั้น มู่เสี่ยวไป๋ก็เหมือนจะสังเกตอะไรขึ้นมาได้
“จางกงหมิง อย่าเพิ่งลงมือ!” มู่เสี่ยวไป๋รีบพูดขึ้น
มู่เสี่ยวไป๋ทำหน้าตาสงสัย พลางมองไปที่บุคคลกลุ่มนี้
คนมีอายุกลุ่มนี้ มู่เสี่ยวไป๋เคยไปเยี่ยมพวกเขา
“นั้นมันหลานของมู่เจิ้งถังไม่ใช่เหรอ?”
“เห็นทีตระกูลมู่คงเจอปัญหาซ่ะแล้ว”
“มู่เจิ้งถังดั้นด้นมาทั้งชีวิต หรือว่าจะมาพังเอาตอนนี้?”
“ฉันว่าโทรไปหามู่เจิ้งถัง แล้วเตือนเขาหน่อยดีกว่านะ”
ในฐานะที่มู่เสี่ยวไป๋เป็นผู้สืบทอดตระกูลมู่ เป็นธรรมดาที่จะมีคนรู้จัก
โดยเฉพาะหลังจากที่มู่เหวินตงพิการ มู่เสี่ยวไป๋ก็เป็นบุคคลที่ผู้คนให้ความสนใจ
เพราะงั้น คนมีอายุกลุ่มนี้จึงรู้จักมู่เสี่ยวไป๋ นั่นก็เป็นเรื่องธรรมเรื่องนึง
ในตอนนี้มู่เจิ้งถัง กำลังนอนอยู่บนเตียงของเขา ฟังเพลง แล้วปากก็ฮัมเพลง
คาดไม่ถึง โทรศัพท์สายนึงจะทำให้การพักผ่อนของเขาหยุดชะงัก
มู่เจิ้งถังลืมตาขึ้น แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เบอร์ของมู่เจิ้งถัง น้อยคนนักที่จะรู้
และทุกคนที่สามารถโทรเข้าได้ ล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญในเมืองเอกทั้งนั้น
และทุกครั้งที่โทรเข้ามา ก็หมายความว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
แค่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดี หรือเรื่องร้ายกันแน่
“เสิ่นหยุนหลิน?”
มู่เจิ้งถังลืมตา แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ทำไมถึงเป็นไอ้หมอนี่?”
มู่เจิ้งถังไม่ได้ติดต่อกับเสิ่นหยุนหลินมาหลายปีแล้ว
มู่เจิ้งถังสงสัยอยู่ครู่ จากนั้นก็กดรับโทรศัพท์
เมื่อสายติด เสิ่นหยุนหลินก็พูดขึ้น: “เฮียมู่ เฮียอาจจะเจอเรื่องยากแล้ว”
คำสั้นๆ ก็ทำให้มู่เจิ้งถังลุกขึ้นยืนจากที่นอน
สีหน้าของเขาดูรีบร้อน: “น้องเสิ่น นายไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน?”
“เฮ้อ มีบางเรื่อง ผมก็ไม่สะดวกจะบอกเฮีย”
“แต่ว่าผมสามารถบอกเฮียได้ว่า หลานเฮีย กำลังทำเรื่องบางอย่างที่จะทำให้ตระกูลมู่ของเฮียเจอภัยพิบัติได้”
“ผมขอละ เฮียรีบโทรหาหลานเฮียเถอะนะ”
ชื่อของท่านจวน เสิ่นหยุนหลินไม่กล้าเอ่ยถึง
เพราะว่าท่านจวนเอาแต่ถามเรื่องภายนอก
เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ท่านจวนฝากฝังมา เพราะงั้น เขาจึงไม่สามารถบอกความจริงกับมู่เจิ้งถังได้
เกี่ยวกับท่านจวน ที่จริงแล้วเขาไม่ได้แซ่จวน เรื่องเกี่ยวกับชื่อจริงของท่าน น้อยคนนักที่จะรู้
แค่ เขาเคยเป็นจักรพรรดิของเมืองเอกนี้
คำว่าจวนนี้ ที่จริงแล้วหมายถึงตระกูลจวน
เขาควบคุมกองกำลังทั้งหมดของเมืองเอก เกือบทุกคนในที่นี้ เคยได้รับความกรุณา และการสนับสนุนจากท่านจวน
เพราะงั้น แม้ว่าท่านจวนจะหายเข้ากลีบเมฆไปแล้วก็ตาม แต่ขอแค่เขาเอ่ยปาก ทุกคนก็จะให้เกียรติเขา
หลังจากวางสาย สีหน้าของมู่เจิ้งถัง จู่ๆ ก็ย่ำแย่ลงไปมาก
แต่เสี้ยวนาที บนหัวของมู่เจิ้งถัง ก็มีผมงอกขึ้นมาอีกหลายเส้น
ตระกูลมู่ เป็นน้ำพักน้ำแรงทั้งชีวิตของมู่เจิ้งถัง
แต่เสิ่นหยุนหลินบอกเขา หลานของเขามู่เสี่ยวไป๋ กำลังทำเรื่องที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติกับตระกูลมู่
นาทีนั้น จะไม่ให้มู่เจิ้งถังกลัว และโกรธได้ยังไง?
ทันใดนั้นมู่เจิ้งถังก็โทรหามู่เสี่ยวไป๋ทันที และเมื่อมู่เสี่ยวไป๋เห็นว่ามีสายเรียกเข้า ก็ตกใจในทันที
“โทรศัพท์จากคุณปู่?” มู่เสี่ยวไป๋หวาดกลัวเล็กน้อย เขามีความรู้สึกบางอย่าง คุณปู่โทรหาเขาตอนนี้ คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ
หลังจากมู่เสี่ยวไป๋กดรับสาย สติก็เริ่มหลุดเล็กน้อย: “คุณปู่”
“บอกฉันมา แกกำลังทำอะไรอยู่?”
น้ำเสียงเย็นชาของมู่เจิ้งถังดังออกมาจากปลายสาย: “บอกฉันมาให้หมดตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าแกปิดบังฉันแม้แต่นิดเดียว ฉันจะให้เสี่ยวโจวฆ่าแกซ่ะ!”
ฉันจะให้เสี่ยวโจวฆ่าแกซ่ะ!
เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ก็ซีดลงไปทันที
เขารู้ ว่าปู่ของเขาไม่เคยล้อเล่นกับเขา
ทุกวันนี้ มู่เหวินตงได้กลายเป็นผักแล้ว
ตระกูลมู่เหลือแค่ตัวเขามู่เสี่ยวไป๋แล้ว
แต่มู่เจิ้งถังกลับพูด ว่าจะฆ่ามู่เสี่ยวไป๋ นี่ก็เท่ากับตัดอนาคตของตระกูลมู่เลยนะ
มู่เสี่ยวไป๋ตัวสั่นไปหมด สรุปแล้วตัวเขาไปทำผิดอะไรกันแน่ ปู่ของตัวเอง ถึงกับขู่เขา ว่าจะฆ่าเขาเลย!
มู่เสี่ยวไป๋ไม่กล้าปิดบังแม้แต่เล็กน้อย แล้วบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ที่เกิดขึ้นบนสะพานให้มู่เจิ้งถังฟัง
หลังจากมู่เจิ้งถังฟังจบ ก็ตกใจจนเกือบจะเป็นลม
ไม่ต้องพูดถึงมู่เสี่ยวไป๋ แม้แต่มู่เจิ้งถัง ก็ยังไม่เคยเจออะไรอลังการแบบนี้มาก่อน
มู่เจิ้งถังหายใจหอบ พลางพูด: “ปล่อยผู้หญิงคนนั้น กับผู้ชายคนนั้น แล้วขอโทษเขา หลังจากได้รับการให้อภัยจากพวกเขาแล้ว ค่อยกลับมาหาฉัน!”
เมื่อครู่ มู่เจิ้งถังสงสัยเล็กน้อย สงสัยว่าเสิ่นหยุนหลินพูดโอเว่อร์
ด้วยฐานะอย่างตระกูลมู่ ในเมืองเอกจะมีใครทำอะไรเขาได้?
แต่หลังจากฟังที่มู่เสี่ยวไป๋เล่าจนจบ มู่เจิ้งถังก็เชื่อแล้ว
เสิ่นหยุนหลิน จ้าวโหย่วฉาย เฉียนโตโต สวีส้าวชิว มีใครที่ไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันกับเขา?
บุคคลบิ๊กๆ สี่คนนี้ ไม่เคยมารวมตัวกัน
โดยเฉพาะเฉียนโตโตกับจ้าวโหย่วฉาย พวกเขาสองคนมีความแค้นกัน
แต่วันนี้ พวกเขาสองคนกับออกมายืนฝ่ายเดียวกัน
นี่แสดงว่า บุคคลที่อยู่เบื้องหลัง ต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ
คนฉลาดอย่างมู่เจิ้งถัง ทันใดนั้นก็นึกถึงคนผู้นึง จวน
“ต้องเป็นท่านจวนที่ปรากฏตัวออกมาแน่ๆ นอกจากเขา ก็ไม่มีใครจะรวมพลคนพวกนี้ได้แล้ว” มู่เจิ้งถังพูดกับตัวเอง
และในตอนนั้น ก็ถอนหายใจเฮือกยาวๆ
เสือมองไปที่มู่เสี่ยวไป๋ แล้วถาม: “เจ้านาย เกิดอะไรขึ้นครับ?”
มู่เสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไร
มู่เสี่ยวไป๋รู้ ว่าตัวเองเกิดเรื่องแล้ว
และก็เป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆ ด้วย
ปู่ของตน โมโหได้ขนาดนี้
เบื้องหน้าตน มีคนบิ๊กๆ ยืนอยู่เยอะขนาดนี้!
กลุ่มคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตน สามารถพลิกเมืองเอกทั้งเมืองได้เลย!
ในตอนนี้ มู่เสี่ยวไป๋สิ้นหวังเล็กน้อย
มู่เสี่ยวไป๋เปิดประตูรถ และปล่อยหลินชิงชิงออกมา
“ชิงชิง เธอไปเถอะ” มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรง
ตอนที่ได้ยินประโยคนี้ หลินชิงชิงรู้สึกแค่ว่าตัวเองกำลังเกิดภาพหลอน
มู่เสี่ยวไป๋ โง่ไปแล้วเหรอ
เขาตามหาเธอมาตั้งนาน กว่าจะจับตนได้ก็ไม่ง่าย ตอนนี้กลับมาปล่อยตนไป?
หลินชิงชิงมองมู่เสี่ยวไป๋อย่างสงสัย: “นี่นายทำบ้าอะไรอยู่?”
“คิดตกแล้ว? หรือว่าอะไร?” หลินชิงชิงถามขึ้น
มู่เสี่ยวไป๋ส่ายหน้า: “ชิงชิง เรื่องที่ฉันรักเธอ เรื่องนี้ไม่เปลี่ยน”
“ฉันจะไม่ยอมแพ้เรื่องเธอ” มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
หลินชิงชิงฟังประโยคนี้จบ ก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่
นั่นเขายังคิดไม่ตกนี่!
งั้นทำไมถึงปล่อยเธอล่ะ?
หลินชิงชิงยิ้มมุมปาก มองไปทางมู่เสี่ยวไป๋ และพูดอย่างชมเชยเขาเล็กน้อย: “ต้องแบบนี้สิ จะจีบผู้หญิง จะใช้วิธีบังคับขู่เข็ญได้ยังไงใช่มั้ย”
“ขอโทษนะ ชิงชิง หวังว่าเธอจะยกโทษให้ฉัน” มู่เสี่ยวไป๋พูดขึ้น
ยังไงมู่เสี่ยวไป๋ก็เคยช่วยตระกูลหลิน เพราะงั้น หลินชิงชิงในตอนนี้ก็ไม่อยากทำให้มู่เสี่ยวไป๋ลำบากใจอะไรมากมาย
“ขอแค่ต่อไปนายอย่าบังคับฉันอีก ฉันก็ยกโทษให้นายแล้ว” หลินชิงชิงพูดอย่างใจกว้างสุดๆ
หลังจากได้รับการให้อภัยการหลินชิงชิงแล้ว มู่เสี่ยวไป๋ก็เดินไปทางหลี่ฝาง
“ปล่อยเขาเถอะ” มู่เสี่ยวไป๋พูดกับจางกงหมิง
จางกงหมิงชะงักอยู่ครู่ มองมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ: “ให้ปล่อยจริงๆ เหรอ?”
“เออ รีบปล่อยเถอะ” มู่เสี่ยวไป๋พูด
หลังจากจางกงหมิงปล่อยหลี่ฝางแล้ว มู่เสี่ยวไป๋ก็พูดขึ้นทันที: “หลี่ฝาง ขอโทษนายด้วย”