NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 220
บทที่ 220 บ้านหลังนี้เล็กเกินไป
“นายพูดอะไร?” เมื่อจ้าวเสี่ยวตาวฟังประโยคนี้จบ สีหน้าเขาก็ขรึมขึ้นทันที
“ฟังไม่ชัดใช่มั้ย? งั้นฉันพูดอีกครั้งก็ได้ ฉันคิดว่า ตามสถานการณ์ของบ้านนาย ซื้อคฤหาสน์บ้านซาน น่าจะรับไม่ค่อยไหวนะ”
หลี่ฝางหัวเราะ แล้วก็ทวนคำพูดเมื่อกี้ ให้จ้าวเสี่ยวตาวฟังอีกรอบ
จ้าวเสี่ยวตาวฟังจบ ทั้งรู้สึกดี และรู้สึกน่าขำ
“ความหมายของนาย คือฉันซื้อคฤหาสน์บ้านซานไม่ไหวเหรอ?” จ้าวเสี่ยวตาวมองหลี่ฝาง แล้วหึออกมาอย่างเย็นชา
“ซื้อ นายคงจะซื้อไหว แต่จากที่ได้เห็นปฏิกิริยาของนายเมื่อกี้ ฉันก็รู้ ว่ายี่สิบกว่าล้าน มันเกินกว่าที่นายคาดไว้อย่างเห็นได้ชัด” หลี่ฝางพูดพลางหัวเราะ
เมื่อกี้ที่ชิงชิงบอกราคากับจ้าวเสี่ยวตาว ปฏิกิริยาของจ้าวเสี่ยวตาว เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างรุนแรง
เฉียนเป่าเอ๋อก็ดูออก ว่าจ้าวเสี่ยวตาวตกใจกับราคานี้
จนกระทั่ง เฉียนเป่าเอ๋อที่ไม่ขาดแคลนเงิน ต้องพูดว่าให้ตระกูลตนออกค่าบ้านให้
จ้าวเสี่ยวตาวขมวดคิ้ว นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าตัวเองลืมตัวไปชั่วขณะจริงๆ
แต่จ้าวเสี่ยวตาวก็ยังคงรักษาท่าทีของเขาไว้อยู่ ไม่ได้โมโห ถ้าหากโมโหใส่หลี่ฝาง นั้นก็หมายความว่าเขาโกรธเพราะอับอายไม่ใช่เหรอ?
ถ้าเป็นแบบนั้น ความรู้สึกดีที่เฉียนเป่าเอ๋อมีให้เขาก็คงจะลดน้อยลง
“ฉันยอมรับ ราคายี่สิบล้าน มันเกินที่ฉันคาดไว้ แต่ว่า ถ้าฉันกลับบ้านไปหารือกันนิดหน่อย ที่บ้านฉันก็ต้องยอมจ่ายเงินจำนวนนั้นให้ฉัน”
“แล้วนายล่ะ นายซื้อไหวเหรอ? ถึงแม้นายจะไปพูดกับพ่อแม่ พ่อแม่นายมีปัญญาซื้อให้นายเหรอ?”
“หลี่ฝาง บ้านที่นี่ ราคาบ้านเป็นยี่สิบกว่าล้าน ไม่ใช่เสื้อผ้าสองพันเหรียญนะ ฉันแนะนำนะ อย่ามาเทียบกับฉันเลย นายเทียบฉันไม่ได้หรอก” จ้าวเสี่ยวตาวมองหลี่ฝาง แล้วยิ้มอย่างซะใจ
“เหรอ?”
“ยังไม่เคยเทียบกัน นายรู้ได้ไงว่าฉันเทียบนายไม่ได้น่ะ?” หลี่ฝางยิ้มอ่อนพลางพูด
“ฉันล่ะเอือมนาจริงๆ หลี่ฝาง ทำไมนายหน้าด้านแบบนี้เหนี่ย ตระกูลจ้าวของพวกเรา ถึงแม้ในเมืองเอกจะไม่ใช่ตระกูลชั้นที่หนึ่งชั้นที่สอง แต่ธุรกิจของตระกูลจ้าวของพวกเรา ก็ทำได้ดีอยู่ ส่วนนายล่ะ พ่อแม่นาย เป็นแค่เกษตรกร ปลูกผักเป็นปี รายได้มากสุดก็คงได้แค่กี่หมื่น”
“จะมาเทียบกับฉัน? นายจะเอาอะไรมาเทียบกับฉัน? หรือว่าบ้านนายปลูกต้นเงินหรือไง?” จ้าวเสี่ยวตาวพูดอย่างหมดคำพูดแล้วหัวเราะขึ้นมา
เฉียนเป่าเอ๋อมองจ้าวเสี่ยวตาว อย่างผิดหวังแล้วส่ายหน้า
หลี่ฝางคนนี้ ก็อวดดีจริงๆ
อย่างที่จ้าวเสี่ยวตาวพูด ถึงแม้คฤหาสน์บ้านซาน สำหรับตระกูลจ้าวแล้ว ราคาจะแพงไปหน่อย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อไม่ไหวนี่?
ตัดใจ กัดฟัน ก็ยังสามารถซื้อได้สักหลัง
ยิ่งไปกว่านั้น บุคคลที่พักในคฤหาสน์บ้านซานแบบนี้ ล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลและมีเงินในเมืองเอกทั้งนั้น เป็นเพื่อนบ้านกับพวกเขา ไม่แน่อาจจะกลายเป็นเพื่อนกันก็ได้
ถ้าหากจ้าวเสี่ยวตาวสามารถเข้าหาตระกูลมู่ หรือว่าตระกูลที่มีสองพยางค์นั่นได้ แค่ให้ทั้งสองตระกูลนี้ช่วย งั้นธุรกิจของตระกูลจ้าว คงจะกระเถิบขึ้นมาอยู่ชั้นที่หนึ่งก็เป็นได้
เฉียนเป่าเอ๋อเข้าใจว่า ตระกูลจ้าวคงจะยินยอมที่จะซื้อคฤหาสน์บ้านซานราคายี่สิบกว่าล้านนี้
อีกอย่าง อสังหาริมทรัพย์มีแต่จะเพิ่มมูลค่า ถึงแม้มูลค่าจะไม่เพิ่ม ขายเปลี่ยนมือไป ยังไงก็ไม่ขาดทุน
หลี่ฝางนั้นไม่เหมือนกัน เกษตรกรเพิ่งการปลูกผักซื้อบ้าน นั่นมันเป็นแค่ความฝัน อีกอย่าง นี่มันคฤหาสน์บ้านซานนะ? เป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดในเมืองเอกเลยนะ
นอกจากวิลล่าเขาหลงที่ท่านจวนอาศัยอยู่ ก็มีแต่ที่นี่แล้ว
ขณะนั้น ถิงถิงก็ถือกุญแจเดินเข้ามา
“คุณชายจ้าว คุณหนูใหญ่เฉียน พวกเราไปดูบ้านกันเถอะค่ะ นี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว” ถิงถิงพูดกับจ้าวเสี่ยวตาวและเฉียนเป่าเอ๋อ ด้วยสีหน้าเคารพ
ส่วนหลี่ฝางกับหลินชิงชิง ถิงถิงไม่ได้มองพวกเขาเลยสักนิด
ถ้าไม่ใช่เพราะเฉียนเป่าเอ๋อพูดเมื่อกี้ ถิงถิงก็คงเรียกรปภ. มาลากหลี่ฝางกับหลินชิงชิงออกไปนานแล้ว
“เสี่ยวฝาง พวกเราจะตามไปมั้ย?”
เฉียนเป่าเอ๋อกับจ้าวเสี่ยวตาวตามหลังถิงถิงไป หลินชิงชิงจึงเอ่ยปาก
ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขายถิงถิง หรือว่าจ้าวเสี่ยวตาว ก็พูดดูถูกเขาแล้ว
เป็นแบบนี้แล้ว หากยังตามไปดูบ้าน นั่นคงจะไม่ฉลาดสักเท่าไหร่
อีกอย่าง ตอนที่ถิงถิงเดินไป ไม่ได้ใส่ใจหลี่ฝางกับหลินชิงชิงเลย
หลี่ฝางลังเลอยู่ครู่ แล้วพูดขึ้น: “กว่าจะมาได้ไม่ง่าย ไปดูหน่อยเถอะ”
หลี่ฝางคิดในใจ ว่าแค่ไปดู หากชอบจริง ก็ไม่ซื้อกับถิงถิง
ถ้าหากไม่ชอบ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาแล้ว
“งั้นพวกเรารีบตามไปเถอะ” หลินชิงชิงพยักหน้า แล้วพูด
หลี่ฝางกับหลินชิงชิงเร่งฝีเท้า ไม่นานก็ตามพวกจ้าวเสี่ยวตาวทัน
“พวกคุณตามมาด้วยจริงๆ เหรอเหนี่ย” ถิงถิงมองหลี่ฝางกับหลินชิงชิง ด้วยสีหน้ารังเกียจแล้วส่ายหน้า
“ถ้าพวกเขาอยากตาม ก็ให้พวกเขาตามไปเถอะ ถึงยังไงพวกเขาก็ซื้อไม่ไหว ทำได้แค่จ้องเท่านั้น” จ้าวเสี่ยวตาวหัวเราะอย่างดูถูก
จ้าวเสี่ยวตาวคิดว่าหลี่ฝางซื้อคฤหาสน์บ้านซานไม่ไหวหรอก ตามมามีแต่ทำให้ตัวเองอับอาย
“งั้นก็ได้ค่ะ ให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตา ดูที่ที่คนมีเงินอาศัย ว่าเป็นแบบไหน”
จ้าวเสี่ยวตาวกับเฉียนเป่าเอ๋อต่างยินยอมแล้ว ถิงถิงก็ไม่กล้าจะพูดอะไรอีก
ถิงถิงขับรถกอล์ฟ พาหลี่ฝางกับจ้าวเสี่ยวตาวและคนอื่น ขึ้นไปบนเขา
เส้นทางบนภูเขา ไม่ได้ขรุขระเกินไป สูงชันน้อยกว่าเขาหมาป่าเยอะเลย
บนภูเขานี้มีพืชพันธุ์สีเขียวอยู่มากมาย ทุกๆ สิกว่าเมตร ก็จะมีบ้านอยู่สองหลัง แบ่งเป็นฝั่งซ้ายและฝั่งขวา เรียงกันเป็นระเบียบ
มีเพียงหลังเดียวที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ที่เป็นบ้านที่ตั้งอยู่หลังเดียว
บ้านที่อยู่บนยอดเขา ราคาสูงเฉียดฟ้า ไม่ต้องพูดถึงตระกูลจ้าวของจ้าวเสี่ยวตาว หรือตระกูลเฉียนของเฉียนเป่าเอ๋อ แม้แต่ตระกูลมู่ของมู่เสี่ยวไป๋ หรือตระกูลสองพยางค์นั่น ก็ยังไม่กล้าที่จะไปอยู่
นอกจากจะราคาแพงแล้ว นอกจากนี้ก็ยังจะต้องมีฐานะอีกด้วย
ก็เหมือนกับเขาหลง บนเขาหลงมีบ้านอยู่เป็นสิบหลัง แต่บ้านบนยอดเขา เป็นบ้านของท่านจวน
คนที่อาศัยอยู่บนเขาหลง ส่วนมากจะเป็นคุณท่านของแต่ละตระกูล แต่ละท่านอยู่อย่างน่านับถือ เงินของพวกเขาไม่ขาด ไม่ว่ากี่พันล้าน ก็สามารถควักออกมาได้
แต่ว่า ยอดเขา มีแค่ท่านจวนที่สามารถกล้าขึ้นไปอยู่
ถ้าหากท่านจวนพักอยู่ด้านล่าง ด้านบนก็ไม่มีใครกล้าขึ้นไปอยู่หรอก
ใครจะกล้าเหยียบหัวท่านจวนขึ้นไปกันล่ะ?
ยิ่งเป็นคนที่โดดเด่นมากเท่าไหร่ ก็ต้องให้ความสำคัญมากเท่านั้น
เหมือนกับคฤหาสน์บ้านซาน คนที่อาศัยส่วนมากจะเป็นคนหนุ่มสาว เลยไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ อยากอยู่หลังไหนก็ซื้อหลังนั้น แต่ต้องนอกจากหลังที่หนึ่งเท่านั้น
มาถึงบ้านหลังที่หก หลี่ฝางก็เห็นเสี่ยวโจวกำลังเข็นรถเข็นมู่เหวินตง กำลังเดินเล่นในบ้านของตน
“บ้านหลังที่หกตอนบ่ายเพิ่งจะขายออกไป ตอนนี้มีคนเข้าอยู่แล้ว?” หลี่ฝางพูดอย่างตกใจเล็กน้อย
“บ้านที่คฤหาสน์บ้านซาน ทั้งหมดตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากซื้อ ก็สามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย เพียงแค่ต้องซื้อของใช้ส่วนตัวในชีวิตประจำวันมาก็พอ” ถิงถิงไม่ได้ตอบ แต่เป็นเฉียนเป่าเอ๋อที่อธิบายให้หลี่ฝางฟัง
เฉียนเป่าเอ๋อคนนี้ ไม่เหมือนคุณหนูใหญ่เลย
หลี่ฝางยิ้ม แล้วพูดกับเฉียนเป่าเอ๋อ: “ขอบคุณ”
“ไม่ต้องเกรงใจ” เฉียนเป่าเอ๋อยิ้มบางๆ
เฉียนเป่าเอ๋อไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงเอาแต่คิดว่าหลี่ฝางไม่ได้กระจอกอย่างที่เห็น บางทีอาจเป็นเพราะหน้าที่มั่นใจของหลี่ฝางมั้ง
ดูเหมือนว่า เขาไม่ได้มีความกลัวเลย
ความมั่นใจแบบนี้ คนจนจะแสดงยังไงก็แสดงออกมาไม่ได้แบบนี้หรอก
หลังจากมาถึงบ้านหลังที่แปด รถกอล์ฟก็หยุดลง
“คุณชายจ้าว คุณหนูใหญ่เฉียน ช้าๆ นะคะ ระวังศีรษะค่ะ” ถิงถิงเตือนอย่างใส่ใจ
ส่วนหลี่ฝางกับหลินชิงชิง ก็ถูกเมินตามสภาพ
หลังจากเดินผ่านสวนไปหลายสิบเมตร ก็มาถึงหน้าบ้านหลังที่แปด
สถาปัตยกรรมสไตล์นี้ รูปร่างภายนอก ทำให้หลี่ฝางหลงใหลในทันที
“เข้าไปดูด้านในเถอะ” จ้าวเสี่ยวตาวมองอยู่ครู่ แล้วพูดขึ้น
หลังจากเข้าไป หลี่ฝางก็ยิ่งพอใจ เมื่อเดินเข้าประตูมา ก็ทำให้รู้สึกถึงความสบาย
สีพื้นและผนัง เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายในห้อง ทั้งหมดดูเข้ากันเป็นอย่างดี
“ไม่เลว แต่มันใหญ่ไป ถ้าอยู่กันสองคน” จ้าวเสี่ยวตาวยิ้มอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ใหญ่หน่อยไม่ดีเหรอ? สุดสัปดาห์ พวกเราสามารถเชิญเพื่อนมาpartyได้นะ” เฉียนเป่าเอ๋อพูด
“” ถ้าหากนายคิดว่าบ้านนี้พื้นที่ใหญ่ไป แล้วราคาแพงไป ฉันกลับไปคุยกับพ่อได้นะ ให้ตระกูลเฉียนออกเงินส่วนนึง” เฉียนเป่าเอ๋อพูดอย่างไม่รู้สึกอะไร
“ทำแบบนั้นได้ไง เรื่องซื้อบ้านเป็นเรื่องของตระกูลจ้าวนะ จะให้ตระกูลเฉียนของพวกเธอออกเงินได้ยังไงกัน” จ้าวเสี่ยวตาวพูด
“ยังไงก็ได้ ยังไงตระกูลเฉียนของพวกเราสิ่งที่ไม่ขาดมากที่สุดนั่นก็คือเงิน” เฉียนเป่าเอ๋อยิ้มอ่อนพลางพูด
ขณะนั้น จ้าวเสี่ยวตาวก็หันหลัง ไปมองหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง บ้านนี้เป็นยังไง?”
หลี่ฝางพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูด: “ใช้ได้นะ แต่ว่าเล็กไปหน่อย”
หลี่ฝางหันหน้า มองไปทางถิงถิง แล้วถามขึ้นอย่างจริงจัง: “มีหลังใหญ่กว่านี้มั้ย?