NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 229
บทที่ 229 เพื่อนของหลี่ต๋าคาง
เมี๋ยวชุ่ยมองแววตาของหลินชิงชิง มีแววตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
บวกกับหัวข้อที่เมี๋ยวชุ่ยถามขึ้น
ทำให้หลินชิงชิงเข้าใจความหมายของเมี๋ยวชุ่ยทันที
“คุณน้า คุณน้าเข้าใจผิดแล้ว ฉันกับเสี่ยวฝางเป็นแค่พี่น้องกัน ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณน้าคิดนะคะ”ต่อหน้าผู้อาวุโส หลินชิงชิงก็หน้าแดงขึ้นมา
“อีกอย่าง ฉันก็จะยี่สิบห้าแล้ว โตกว่าเสี่ยวฝางตั้งห้าปี”
เมี๋ยวชุ่ยเอ่ยขึ้นอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ “โตกว่าห้าปีแล้วยังไง น้าเองก็โตกว่าพ่อของเสี่ยวฝางห้าปีเหมือนกัน”
ได้ยินคำพูดนี้ หลินชิงชิงรู้สึกตกใจจริงๆ
ผิวของเมี๋ยวชุ่ย ดูแล้วยังอ่อนเยาว์ บวกกับผ่านการทำศัลยกรรมยกดวงตา ทำให้ดูอ่อนเยาว์ไม่น้อย
“คุณน้า ถ้าคุณน้าไม่ใช่คุณแม่ของเสี่ยวฝาง ฉันคงจะเรียกคุณน้าว่าพี่สาวแล้ว”หลินชิงชิงพูด
เมี๋ยวชุ่ยได้ยินอย่างนี้ ก็ดีใจมาก“ปากเธอเนี่ย หวานซะจริง”
“น้าจะอายุน้อยอย่างที่เธอพูดได้ไงกัน”เมี๋ยวชุ่ยพูดกับหลินชิงชิงด้วยรอยยิ้ม
หลินชิงชิงพยักหน้า “น้อยสิคะ คุณน้าดูแลผิวได้ดีขนาดนี้ คุณน้าบอกว่าอายุสามสิบก็มีคนเชื่อ”
……
“เอางี้ดีไหมคะ ถ้ามีเสี่ยวฝางอยู่ด้วย ฉันจะเรียกคุณว่าคุณน้า แต่ถ้าเสี่ยวฝางไม่อยู่ ฉันจะเรียกคุณว่าคุณพี่ดีไหมคะ”หลินชิงชิงพูด
“ได้สิ ตกลงตามนี้”
……
ภายในรถเบนซ์G-Class หลี่ฝางกำลังคุยกับหลี่ต๋าคาง เรื่องที่จะประชุมของบริษัท
“พ่อ พ่อมีอะไรเสนอแนะหรือเปล่า”หลี่ฝางถามหยั่งเชิง
หลี่ฝางเอ่ยอย่างเรียบๆ “ลูกจะสร้างธุรกิจ มันเป็นเรื่องดี ฉันไม่มีข้อเสนออะไรหรอก อีกอย่างเรื่องอินเทอร์เน็ต ฉันก็ไม่ค่อยถนัด ยิ่งไม่รู้เรื่องที่ลูกพูดถึงสื่อสังคมใหม่อะไรนั่น แต่ว่าบริษัทสื่อของลูก ต้องใช้ดาราใช่ไหม”
“ใช่ ทั้งผู้ดำเนินรายการ นางแบบ ดารา ผมก็ต้องเชิญสักหน่อย”
หลี่ฝางพูด “ผมคิดไว้หมดแล้ว เมืองเอกเป็นเมืองของการศึกษาที่ใหญ่มาก มีนักเรียนเยอะที่สุด ผมจะหานักศึกษาหลายคนหน่อย เอาที่หน้าตาสวย เต้นได้ ร้องเพลงได้ แล้วก็มีความสามารถพิเศษด้วย ทำสัญญากับพวกเธอ ดูแลให้พวกเธอเข้าคลาสฝึกฝน คงต้องใช้เงินไม่น้อยเหมือนกัน”
“พิธีกรคนไหนดังๆหน่อย ผมจะทุ่มเงินมากหน่อย เพื่อให้เขาเข้าร่วมรายการวาไรตี้โชว์ ให้เขาได้มีโอกาสออกอากาศทางทีวี เพื่อเพิ่มชื่อเสียง”
“ผ่านไปช่วงหนึ่งผมยังคิดจะสร้างแพลตฟอร์มหนึ่ง คล้ายๆกับแอพKwai”
“แต่พวกแพลตฟอร์มใหม่จะไม่ค่อยมีคนดูนัก ผมจะเตรียมดาราที่มีผู้ติดตามมากๆ อย่างลู่หาน อู๋อี้ฝาน ให้พวกเขาช่วยโปรโมทแอพของผม”
พูดถึงตรงนี้ หลี่ฝางก็ขมวดคิ้วขึ้น “แต่ว่าหนุ่มละอ่อนพวกนี้ ค่าตัวไม่น้อยเลย”
“หนุ่มละอ่อนพวกนั้น”หลี่ต๋าคางหัวเราะหึๆ รู้สึกดูถูกอยู่บ้าง
“เสียเงินฉันไม่ว่า เพราะบ้านเรา ไม่ได้ขาดแคลนเงิน แต่ฉันไม่ค่อยสนใจหนุ่มละอ่อนพวกนี้สักเท่าไหร่ หนึ่งไม่มีฝีมือในการแสดง สองไม่มีความสามารถพิเศษอะไร ส่วนเรื่องร้องเพลง ก็ไม่ได้น่าฟังอะไร ก็มีแต่หน้าตาที่ดีหน่อย มีบริษัทคอยสร้างภาพให้ ทำให้ดัง พวกเขาก็เลยกลายเป็นไอดอล”
“ไอ้ลูกชาย พวกเราไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินอย่างไม่คุ้มค่าเลย”
“แกจะเชิญดาราใช่ไหม ฉันมีเพื่อนอยู่หลายคน ไม่กี่วันก็จะมาที่รีสอร์ตของเราด้วย เอาอย่างนี้ ฉันจะให้พวกเขาช่วยแกโปรโมทเป็นไง”หลี่ต๋าคางถามหลี่ฝาง
หลี่ฝางถามขึ้นว่า “พวกเขาเป็นดาราเหรอ”
“มีคนหนึ่งจะลาวงการแล้ว แต่ฉันมั่นใจ เขายังมีแฟนคลับอยู่ไม่น้อย”หลี่ต๋าคางพูด
“ใคร”หลี่ต๋าฝางรีบถามขึ้น
“ดารากังฟูรุ่นใหญ่หลี่เหลียนแจ๋ ก็คนที่ให้จี้ฉันนั่นแหละ เขาหน่ะ แก่แล้ว ไม่แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน จะแสดงบู๊เตะตีอย่างแต่ก่อนก็ไม่ไหวแล้ว ฉะนั้นก็เลยสร้างมูลนิธิขึ้น เพื่อสร้างกุศลให้สังคม เจอเขาหลายครั้งแล้ว ก็คุ้นเคยกับเขาดี”
“นี่พวกเราก็จะเปิดรีสอร์ตอย่างเป็นทางการแล้ว เขาบอกว่าจะมาสัมผัสดู ถึงตอนนั้นก็ให้เขาช่วยโปรโมทสักหน่อย”
“ดีเลย เขาเป็นดาราระดับประเทศ แม้จะลาวงการไปหลายปี แต่ยังมีชื่อเสียงอยู่ ให้เขาช่วยผมโปรโมทแพลตฟอร์ม ทำโฆษณา คงต้องดึงดูดธุรกิจระดับโลกหันมาสนใจแน่”
“น่าจะขึ้นพาดหัวใหญ่ในข่าวได้”หลี่ฝางถูฝ่ามืออย่างตื่นเต้น
“ยังมีอีกคน เขาผันตัวไปเป็นเบื้องหลัง เป็นผู้กำกับแล้ว ไม่ได้แสดงมาเกือบสิบปีแล้ว”
หลี่ต๋าคางพูดขึ้นอีก “ฉันจำได้แกชอบดูหนังเขามากที่สุด ฉันเลยเรียกเขามาด้วย”
“คงไม่ใช่ดาวตลกที่ผมชอบที่สุดโจวจุ้นฉ่ายมั้ง”ตอนที่พูดชื่อออกไป ดวงตาของหลี่ฝาง ก็รื้นขึ้นมา
เพราะว่า โจวจุ้นฉ่ายคือเทวรูปของหลี่ฝาง
โดยเฉพาะช่วงที่พ่อแม่หายตัวไปสามปี ชีวิตของหลี่ฝาง นำไปสู่หายนะครั้งใหญ่
หลี่ฝางหนีไปถึงสถานีรถไฟ แอบไปเป็นขอทานน้อย ได้รับการดูถูกเหยียบหยาม ความสงสาร กับการหัวเราะเยาะ
ตอนนั้นเอง หลี่ฝางก็คิดถึงนางเอกในหนังของโจวจุ้นฉ่ายอยู่เสมอ ตอนนั้น
หลี่ฝางดูตัวละครในหนังแล้วก็หัวเราะฮ่าฮ่า
แต่คิดไม่ถึงว่า วันหนึ่งตัวเองจะกลายเป็นคนที่ถูกหัวเราะเยาะคนนั้น
หลี่ฝางได้เรียนรู้ผ่านหนังของโจวซิงฉือ จึงฝืนยิ้มออกมาได้
ทุกครั้งที่กลับไปที่โรงเรียน หลีฝางจะแสร้งทำเป็นมีความสุข แม้ว่าคนอื่นจะยื่นถุงเท้าหรือรองเท้าเหม็นให้เขา เขาก็จะเอ่ยขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ
หลี่ฝางเรียนรู้จากคนในหนัง ใช้หน้ายิ้ม เพื่อปิดบังความน้อยเนื้อต่ำใจของตัวเอง
หลี่ฝางชอบคำพูดหนึ่งในหนังของราชาตลกคำหนึ่งที่พูดว่า
ตรงหน้ามีแต่ความมืด มองไม่เห็นอะไรเลย
ไม่ว่ายังไง ฟ้าสว่างแล้วก็จะสวยมาก
คำพูดนี้ เหมาะกับการใช้พูดถึงลักษณะของหลี่ฝาง มากที่สุด
ชีวิตสามปีนั้นของหลี่ฝาง พูดได้ว่ามืดมนมาก มองไม่เห็นอนาคตเลย แต่เขาเชื่อหมดใจว่า ชีวิตของตัวเองต้องดีขึ้นแน่นอน
ป้าต้องสว่างสักวัน
แต่ตอนนี้ ถือเป็นวันของหลี่ฝางแล้ว ฟ้าสีครามสดใส ไม่มีเมฆมาบดบัง
“เขานั่นแหละ”หลี่ต๋าคางพยักหน้ารับ
น้ำตาในดวงตาของหลี่ฝาง ไหลรื้นลงมาก
โจวจุ้นฉ่าย คนนั้นที่เรียกได้ว่าเป็นพ่อของเขา เป็นคนที่หลี่ฝางฝากชีวิตจิตใจด้วย
ตอนนี้เขากำลังจะมาอยู่ข้างกายหลี่ฝางแล้ว หลี่ฝางจะไม่ตื้นตันได้ยังไง
“ฉันรู้ว่าแกชอบเขามาก ตอนที่พบเขาครั้งที่แล้ว ก็เลยขอวิธีการติดต่อแบบส่วนตัวเอาไว้ การเปิดตัวรีสอร์ตครั้งนี้ มีการประมูลการกุศลครั้งใหญ่ ฉันให้เขามาเป็นทูตการกุศล เขาก็ตอบรับแล้ว”
“แฟนคลับของเขา ไม่น้อยนะ”หลี่ต๋าคางพูดพลางหัวเราะ
“ใช่แล้ว คนที่ชื่นชอบเขามีเยอะมาก มีช่องที่คอยถ่ายทอดหนังมากมาย หนังของเขา มีการถ่ายทอดมากที่สุด”หลี่ฝางพูดอย่างตื่นเต้น
“พ่อ เขาจะมาเมื่อไหร่”หลี่ฝางถามขึ้นพร้อมปาดน้ำตาบนใบหน้า
“เขาจะมาวันที่เราเปิดรีสอร์ต แต่ว่า ดารากังฟูรุ่นใหญ่จะถึงคืนพรุ่งนี้แล้ว”
“ที่จริงนะ การมาของพวกเขา ฉันไม่ได้คิดว่าจะประกาศออกไป เพราะถ้าประกาศแล้ว แน่นอนว่าต้องมีสื่อมากมายมาสังเกตการณ์ ถึงตอนนั้นเป็นข่าวขึ้นมา ต้องมีแฟนคลับทั่วประเทศแห่กันมาแน่”
“แต่เพื่อแกแล้ว ฉันเตรียมจะสร้างภาพให้พวกเขาสักหน่อย”
“ใช่แล้ว นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ยังมีดาราอีกคน แกเองก็คงจะรู้จัก”
หลี่ต๋าคางพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
“ใคร”
“เป็นนักดนตรี แซ่โจว เพลงจี๋ฮัวไถของเขาร้องได้เพราะมาก ส่วนเพลงอื่นๆ ฉันก็ไม่ค่อยชอบฟังเท่าไหร่ โดยเฉพาะเพลงอะไรก๊วนๆนะ ฟังแล้วก็ปวดหัว”หลี่ต๋าคางพูด
หลี่ต๋าคางเป็นคนวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าแล้ว แน่นอนว่าต้องฟังเพลงสมัยใหม่ไม่คุ้น
“แซ่โจว ”หลี่ฝางมองหลี่ต๋าคางอย่างไม่อยากเชื่อหู
“พ่อ พ่อรู้จักเขาด้วยเหรอ”ณ ตอนนี้ หลี่ฝางอึ้งตะลึงไปแล้ว
พ่อของตนเอง ก็แค่เศรษฐีคนหนึ่งเท่านั้น
ไปรู้จักดาราเยอะอย่างนี้ได้ยังไง
“ใช่น่ะสิ ครั้งที่แล้วเขาไปเที่ยวที่ดูใบ เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ฉันก็เลยยื่นมือเข้าไปช่วยเอาไว้ ฉะนั้นเขาเลยติดหนี้บุญคุณฉัน”
“ครั้งนี้เขาได้ข่าว ว่าฉันจะจัดงานประมูลการกุศล ก็เลยติดต่อฉันมาเอง บอกว่าจะมาให้ได้”
“ฉันได้ยินมาว่าเขาไม่ได้จะมาคนเดียวนะ ”
หลี่ต๋าคางมองหลี่ฝาง หัวเราะขึ้น “เขาคงจะพาเพื่อนดาราของเขามาด้วย ล้วนเป็นดาราที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น”
“ถึงตอนนั้น พ่อจะเชิญเขากินข้าวด้วยกัน ให้พวกเขาช่วยโปรโมทอีกทาง”
หลี่ต๋าคางพูด
หลี่ฝางเหลือบตามองพ่อของตนเอง รู้สึกไร้คำพูด “พ่อ พ่อก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ดาราพวกนี้ เวลาโปรโมทพวกเขาต้องได้รับค่าตอบแทนนะ พ่อแค่เชิญเขากินข้าว ก็อยากให้พวกเขาโปรโมทให้ผมฟรีๆ จะเป็นไปได้ยังไง”
“หรือว่าข้าวมื้อเดียว จะเทียบได้กับเงินค่าพรีเซนเตอร์หลายล้านเหรอ”หลี่ฝางพูด