NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 265
บทที่ 265 เข้าสู่สถานตากอากาศ
ใบหน้าของฉินวี่เฟยเด็ดขาดมาก เธอไม่ลังเลเลยซักนิด
เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นเสร็จแล้ว หางตาของเธอกลับมีน้ำตาไหลออกมา
แม้ว่าเธอจะตัดสินใจไปแล้ว
แต่พอมาถึงตอนนี้ เธอกลับรู้สึกเสียทีหลังเล็กน้อย…
หรือเพราะว่า ไม่ยอม?
ฉินวี่เฟยหลับตา เธอนั่งอยู่บนตัวของหลี่ฝาง
เวลานี้หลี่ฝางไม่มีสติอะไรเหลืออยู่แล้ว
ไม่รู้ว่าต้องผ่านไปนานแค่ไหน มันถึงจะจบลง เธอเองก็ไม่รู้จะทำอะไร
ถ้าเกิดว่าไม่ทำแบบนี้ เธอก็จะต้องแต่งงานกับมู่เสี่ยวไป๋
เธอรู้ดีว่ามู่เสี่ยวไป๋เลวขนาดไหน
ไม่ใช่แค่เธอรู้ คนทั้งตระกูลมู่รู้ดีทั้งนั้น แต่จะทำยังไงได้
ต่อให้มู่เสี่ยวไป๋เลวขนาดไหน การตัดสินใจที่จะให้เธอแต่งงานกับเขาของตระกูลฉินก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
สำหรับตระกูลฉิน เธอเป็นแค่สะพานที่จะเชื่อมความสัมพันธ์และธุรกิจของตระกูลฉินกับตระกูลมู่เท่านั้น…
ทั้งตระกูลฉิน คนที่รักเธอมากที่สุดคือฉินจื่อยี่
แต่แม้กระทั่งก็ยังทำอะไรไม่ได้ เธอเองก็สิ้นหวังเหลือเกินแล้ว
จนเมื่อหลี่ฝางปรากฏตัวขึ้น เธอถึงได้รู้สึกว่าตัวเองยังพอมีความหวังอยู่บ้าง
เธอคิดว่ามีเพียงหลี่ฝางเท่านั้น ที่จะช่วยเธอให้รอดพ้นจากเงื้อมมือปีศาจอย่างมู่เสี่ยวไป๋ได้…
โดยเฉพาะการที่หลี่ฝางแทงมู่เสี่ยวไป๋จนเข้าโรงพยาบาล แต่ตระกูลมู่กลับไปแก้แค้นอะไรเลยสักนิด เหตุนี่ยิ่งทำให้เธอเชื่อมั่นมากขึ้น
เธอรู้ดีว่า ตระกูลมู่ไม่มีทางยอมรับคนที่มีมลทินแล้วแบบเธอเป็นแน่
ตอนที่สำคัญ เพียงแค่เอาเรื่องของหลี่ฝางกับตัวเองประกาศออกให้มู่เสี่ยวไป๋กับตระกูลมู่รับรู้ เช่นนั้นการแต่งงานของเธอกับมู่เสี่ยวไป๋ก็ต้องเป็นอันสิ้นสุดลงอย่างแน่นอน
พอพูดเช่นนี้ ฉินวี่เฟยก็เป็นคนน่าสงสารไม่น้อย
ตอนเช้าของวันต่อมา
หลี่ฝางตื่นขึ้นมาบนเตียง เขารู้สึกว่าหัวหนักๆ ยังไงไม่รู้
เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ดื่มเอยะไป?
หลี่ฝางขมวดคิ้ว จำได้แค่ว่าตอนนั้นกำลังดื่มกับเหล้ากับฉินวี่เฟย หลังจากนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“เฮ้ย?”
เมื่อลุกขึ้นนั่งดู ก็พบว่าเสื้อผ้าตัวเองถูกฉีกขาด เขาตกใจข้นมาทันที
“เฮ้ย!”
เมื่อมองไปข้างๆ ก็พบว่าฉินวี่เฟยนอนเงียบอยู่ตรงนั้น ทั้งตัวสวมแค่บราบางๆ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เขากลืนน้ำลายเอื๊อก ตอนนั้นก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
ตัวเองดื่มหนัก จนมีอะไรกับฉินวี่เฟยแล้วเหรอ?
เฮ้ย!
เวลานี้หลี่ฝางสับสนไปหมด…เหมือนว่าเรื่องบ้าบออะไรหลายอย่างกำลังพุ่งตรงมาหาเขา
เมื่อเห็นฉินวี่เฟยกำลังนอนหลับอย่าเงียบๆ หลี่ฝางค่อยๆ ลุกจากเตียง ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็แอบเดินออกมาจากห้อง
เขาไม่ได้อยากรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น
เพราะฐานของฉินวี่เฟยซับซ้อนเกินไป สำหรับตระกูลฉิน เขาเองไม่ค่อยจะรู้จักนัก
รับผิดชอบฉินวี่เฟย จะรับผิดชอบยังไง?
แต่งงานกับเธอ?
นี่เป็นไปไม่ได้
เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อย จะแต่งงานยังไง
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเองยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ เรื่องแต่งงานยังคงเป็นเรื่องที่เร็วเกินไป
หลี่ฝางเพิ่งจะเดินออกมาจากห้อง ก็พบเข้ากับโหจื่อ
โหจื่อปากคีบบุหรี่ มือถือชุดสูท ยืนอยู่ข้างนอก
“นายรอฉันอยู่เหรอ” เมื่อมองเห็นเศษบุหรี่ที่อยู่บนพื้น เขาก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
โหจื่อยิ้มกระหยิ่มมุมปาก “ใช่ไง ถ้าคุณไม่ออกมา ผมว่าจะเคาะประตูแล้ว”
“เจ้านาย รีบเปลี่ยนชุดนี้เถอะ ดูเสื้อตัวนี้สิ ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้า คงจะคิดว่าโดนหมาที่ไหนมากัดแน่ๆ”
หลี่ฝายมองเขม็งไปยังโหจื่อ หยิบชุดที่อยู่ในมือเขามา
“นายรู้ได้ไงว่าเสื้อฉันเป็นสภาพนี้” หลี่ฝางถามขึ้น
“ผมไม่ได้รู้ซักหน่อย แต่แค่นคุณต้องไปสถานตากอากาศ ยังไงก็คงใส่ชุดเล่นไปใช่ไหมล่ะ
โหจื่อพูดต่อว่า “พี่ใหญ่จัดหลายชุดไว้ให้พี่โดยเฉพาะ นอกจากชุดนี้ ชุดอื่นวางอยู่ที่สถานตากอากาศนะ”
หลี่ฝางเปิดห้องใหม่อีกห้อง อาบน้ำพร้อมเปลี่ยนชุดสูทชุดนั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใส่ชุดสูทเลย ตอนที่ไม่ได้ใส่ เขานึกว่าตัวเองจะปรับตัวให้เคยชินไม่ได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ชุดสูทนี้กลับพอดีตัวมาก หลังจากใส่ไป ยิ่งรู้สึกสบายมากกว่าเดิม
เขาพบว่าปกคอของเสื้อตัวนี้สลักชื่อภาษาอังกฤษไว้
ชื่อว่า ทอมส์…
เขาไม่ได้ระวังอะไรมาก พอเสร็จก็เดินออกจากห้องไป
พอออกมา เขาก็ถามโหจื่อทันทีว่า “เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เขาคิดในใจว่า เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงตัวเองจะจำไม่ได้ แต่โหจื่อต้องรู้แน่นอน
“เมื่อคืน?”
โหจื่อยิ้ม พร้อมตอบว่า “เจ้านาย เมื่อคืนคุณดื่มเยอะมาก โดนผู้หญิงคนนึงประคองขึ้นไปข้างบน ส่วนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่”
“ฉันดื่มเยอะเหรอ” หลี่ฝางรู้ว่าตัวเองดื่มได้ขนาดไหน เพราะงั้นเมื่อถึงตอนที่ใกล้จะเมา เขาก็จะไม่ดื่มแล้ว ต่อให้ดื่มเยอะขนาดไหน ก็ไม่ถึงขั้นไม่มีสติเลย
เมื่อเขาอยากถามต่อ ทันใดนั้นประตูบานหนึ่งก็เปิดออก
เหยนเสี่ยวน่าเดินออกมา มองไปที่หลี่ฝาง เธอสายตาวาวขึ้นมาทันที “หลี่ฝาง วันนี้นายจะแต่งงานเหรอ”
“เธอสิแต่งงาน” หลี่ฝางมองค้อน
“นายไม่แต่งงานแล้วใส่สูททำไม” เหยนเสี่ยวน่าหัวเราะจนต้องปิดปากตัวเองไว้
จากนั้น เหยนเสี่ยวน่าเดินเข้ามาหาเขา พร้อมมองไปทั้งตัว แล้วพูดถึงชุดว่า “แต่ว่า นายใส่สูทก็ดูดีเหมือนกันนี่”
เขาเองก็รู้สึกว่า อายุไม่เท่าไหร่อย่างเขาใส่สูทแล้วดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้
แต่เสื้อผ้าตัวเองโดนฉีกจนขาดหมดแล้ว…
ถ้าจะเปลี่ยนไปใส่ชุดตัวเอง คงโดนคนขำไม่หยุดแน่
“เรียกทุกคนมา”
เขามองไปที่นาฬิกา “ถึงเวลาเดินทางไปสถานตากอากาศแล้ว”
“โอเค งั้นนายเรียกผู้ชาย ฉันไปเรียกผู้หญิง” เหยนเสี่ยวน่ากล่าว
“อ่อใช่ วี่เฟยอยู่ห้องไหนเหรอ” พอหยุดไปสักพัก เหยนเสี่ยวน่าก็ถามต่อ
หลี่ฝางชี้มือไปยังห้องที่เขาเคยนอนเมื่อคืน
เหยนเสี่ยวน่าพูดด้วยความล้อเล่นว่า “นายรู้ได้ไงว่าวี่เฟยอยู่ห้องไหน หรือว่า เมื่อคืนนายกับวี่เฟย…”
“อย่าพูดมั่วซั่ว ฉันนอนอีกห้อง” เขารีบตัดบทเธอทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ
เหยนเสี่ยวน่าเบ้ปาก พร้อมพูดว่า “ล้อเล่นเฉยๆ ทำไมนายต้องจริงจังด้วย”
“นายก็ไม่คิดบ้าง วี่เฟยสวยยังกะนางฟ้า จะมามองนายได้ยังไง” เธอพูดไปหัวเราะไป
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ
เหยนเสี่ยวน่าเองก็ไม่ได้พูดผิดอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะฐานะของตนเอง ฉินวี่เฟยคงไม่สนใจเขาแน่นอน
อย่าว่าแต่จะมีอะไรกับเธอเลย แค่ปลายนิ้วแตะไปโดนตัว เธอคงด่าผมยับแน่
เวลานี้ใจของหลี่ฝางยังคงสับสนวุ่นวายไปหมด
ไม่รู้ว่าถ้าเธอตื่นขึ้นมา จะมาเอาเรื่องอะไรเขาไหม
วินาทีที่ฉินวี่เฟยเดินออกมาจากห้อง ในใจของเขาก็เต้นตุบตับด้วยความกระวนกระวาย
สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือการที่เธอเดินออกมาพร้อมตะโกนเสียงดังโวยวายไปทั่ว ด้วยสภาพที่เหมือนโดนคนทำอะไรมิดีมิร้ายมา
หรือไม่ก็เดินมาข้างหน้าเขา แล้วตบเข้าไปอย่างแรง
แต่ฉินวี่เฟยเดินออกมาจากห้องกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น สีหน้าราบเรียบ เหมือนปกติไม่มีผิด
หรือว่า เธอเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ
เป็นไปไม่ได้!
บนเตียงมีรอบเลือด แล้วอีกอย่างผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะเสียตัวไป จะไม่รู้เลยได้ยังไง
แต่ว่าในเมื่อเธอไม่ได้พูดอะไร เขาเองก็ไม่อยากไปถามให้ตัวเองดูโง่
หลี่ฝางขับไปพร้อมกับหวางเสี่ยวโก๋ หลี่ซ่วยซ่วย เลี่ยวข่าย หลี่เสี่ยวเสี่ยว
เหยนเสี่ยวน่าขับรถ พร้อมกับฉินวี่เฟยและรูมเมทอีก 2 คนของเธอ
หนึ่งชั่วโมงกว่า รถทั้ง 2 คันต่างก็เดินทางมาถึงสถานตากอากาศเป็นที่เรียบร้อย
พอลงจากรถ หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ฉินวี่เฟย
และฉินวี่เฟยเองก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน
ตาสองคู่สบตากันอย่างประจวบเหมาะ หลี่ฝางเรียบหันหนีด้วยความใจฝ่อ
หน้าสถานตากอากาศ มีคนพันกว่าคนกำลังเขาแถวอยู่ตรงนั้น
เมื่อมองเห็นผู้คนจำนวนมาก เหยนเสี่ยวน่าก็ขมวดคิ้วขึ้น “คนเยอะขนาดนี้เลยเหรอ แล้วเราต้องรอกันนานขนาดไหนเนี่ย”
หวางเสี่ยวโก๋ชี้ไปที่เส้นทางที่ไม่มีคนเดินอยู่ พร้อมพูดขึ้นว่า “มีทาง VIP ไม่ใช่เหรอ”
“น่าจะเป็นแบบนั้น เราก็คือ VIP นั่นแหละ” หวังเสี่ยวโก๋กระดกคิ้ว พูดด้วยความภูมิใจ
พวกเขาเดินไปในเส้นทาง VIP เพื่อเข้าสู่ด้านในสถานตากอากาศ
นักท่องเที่ยวเหล่านั้นเมื่อเห็นหลี่ฝางและพวกที่เดินเข้าไปโดยช่องทางนี้ ต่างก็มองด้วยความอิจฉา
“มีเงินมันดีอย่างนี้นี่เอง!”
“คนธรรมดาอย่างเรา เกรงว่าคงต้องต่อคิวรอ 2 ชั่วโมงเลยล่ะมั้งถึงจะเข้าไปในสถานตากอากาศได้” นักท่องเที่ยวคนนึงเบ่ปากไปพูดไป
เพิ่งจะเข้าในสถานตากอากาศได้ไม่นาน หลี่ฝางก็มองเห็นคนๆ นึงที่คุ้นเคยมาก