NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 274
บทที่ 274 ความน่าเกรงขามของหลี่ต๋าคาง
เมื่อสวีเถิงเฟยเงยหน้าขึ้นมาเห็นหลี่ฝางจังหวะนั้น เขาก็ตัวสั่นอย่างแรง
มีความรู้สึกร้อนตัวอย่างรุนแรง
หลี่ฝางหรี่ตาแล้วยิ้ม: “สวีเถิงเฟย พวกเราเจอกันอีกแล้ว”
“นั่นสิ ไม่เจอกันนาน……” สีหน้าของสวีเถิงเฟยผิดปกติเล็กน้อย
“ไม่กี่วันก่อนก็เจอกันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลี่ฝางยิ้มอ่อนพลางพูด: “ถ้าฉันจำไม่ผิด ตอนนั้นนายบอกกับฉันว่า ให้ตั้งตาคอย?”
“เหอะๆ ฉันคิดว่านายจะแก้แค้นฉันซะอีกนะ!” หลี่ฝางพูดหยอก
“จะเป็นไปได้ยังไง ฉันไม่ได้ใจแคบแบบนั้น ถึงยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน เรื่องที่ไม่ดีพวกนั้น ก็ปล่อยให้มันผ่านไปตามสายลมเถอะ” สวีเถิงเฟยยิ้มอย่างเลิ่กลั่ก
“นั่นสิ” หลี่ฝางพูดพลางยิ้ม: “ให้เรื่องไม่ดีพวกนั้นทั้งหมด ผ่านไปตามลมเถอะ”
พูดจบ หลี่ฝางก็หันไปทางหวางเฉิน: “สวีเถิงเฟย ท่านนี้คือ?”
“หวางเฉิน พี่น้องฉันเอง” สวีเถิงเฟยพูดแนะนำ
หลี่ฝางยื่นมือไปทางหวางเฉิน พูดพลางยิ้ม: “สวัสดีครับ ผมชื่อหลี่ฝาง”
หวางเฉินลังเลอยู่ครู่ แล้วจึงยื่นมือไปจับมือหลี่ฝาง
หลังจากทักทายเสร็จ หลี่ฝางก็จากมา
หลังจากที่หลี่ฝางไปแล้ว หวางเฉินกับสวีเถิงเฟยถึงจะโล่งอก
หวางเฉินมองสวีเถิงเฟย แล้วถามขึ้นอย่างอดไม่ได้: “นายแน่ใจเหรอว่าหมอนี่คือไอ้ขี้แพ้นั่น?”
“บ้าเหรอ ถ้ามันไม่ใช่ไอ้ขี้แพ้นั่น ฉันจะไปฆ่ามันทำไม?” สวีเถิงเฟยพูดขึ้น
“แต่ทำไมเขาถึงได้มีออร่าดูดีขนาดนี้ ออร่าเยอะว่าฉันอีก……” หวางเฉินรู้สึกหวาดกลัวในใจอยู่ตลอด โดยเฉพาะตอนที่มองสายตาของหลี่ฝางเมื่อครู่ ทำให้หวางเฉินรู้สึกผิดปกติ
“นายว่า พวกชุนเซิงทำความแตกแล้วมั้ย? ไอ้หมอนั่นมันรู้เรื่องที่พวกเราจะฆ่ามันหรือยัง?” หวางเฉินถามอย่างกลัวๆ
“เป็นไปไม่ได้ ถ้าหากเขารู้ เมื่อกี้ยังจะคุยกับฉันอย่างใจเย็นได้เหรอ? คงจะซัดฉันไปนานแล้วจริงมั้ย?” สวีเถิงเฟยพูดอย่างดูถูก: “ฉันบอกแล้ว ว่านายอ่ะร้อนตัวเกิน”
“งั้นก็แปลก ทำไมพวกชุนเซิงยังไม่ออกมา……แม่งเอ๊ย โทรศัพท์ก็โทรไม่ติด” หวางเฉินสบถขึ้นมาหนึ่งคำ
……
หลังจากที่เดินออกมาไกลแล้ว
ฉินวี่เฟยก็มองหลี่ฝางอย่างนับถือ แล้วพูด: “ยิ่งเห็นฉันยิ่งชื่นชมนายเลยจริงๆ”
“ทำไม?” หลี่ฝางถามพลางหัวเราะ
“ต่อคนที่ต้องการจะฆ่านาย แต่สีหน้านายกลับนิ่งได้ขนาดนี้ อย่างกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นแหละ เก่งจริงๆ นะเหนี่ย”
“คนรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเรา น้อยคนนักที่สามารถทำได้” ฉินวี่เฟยพูดขึ้น
“ถ้าหากฉันระเบิดอารมณ์ แล้วลงมือกับสวีเถิงเฟย……นั่นมีแต่จะทำให้สวีเถิงเฟยระวังตัวกับฉัน ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะทำอะไรเขาก็ยากแล้ว และตอนนี้ เขาคงจะวางใจและไม่ระวังฉันแล้ว”
หลี่ฝางหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วพูดอย่างอวดดี: “ฉินวี่เฟย เธอเคยได้ยินคำพูดประโยคนี้มั้ย?”
ฉินวี่เฟยถาม: “ประโยคไหน?”
“สู้กันซึ่งหน้ารับมือได้ง่ายแต่ลูกศรที่ยิงมาจากที่ลับนั้นยากต่อการระวัง” หลี่ฝางพูดขึ้น: “ฉันก็คือคนที่ยิงลูกศรจากที่ลับนั่นแหละ”
ฉินวี่เฟยไม่ได้พูดอะไร เธอแค่รู้สึกว่า ครั้งนี้สวีเถิงเฟยแพ้แน่ๆ
ถ้าหากเปรียบหลี่ฝางเป็นสิงโต งั้นสวีเถิงเฟย อย่ามากก็เป็นแค่เสือชีตาห์
ถึงแม้สิงโตจะแข็งแกร่ง แต่เสือชีตาห์นั้นไว สามารถวิ่งหลบหลีกสิงโตได้
แต่เกรงว่า หลี่ฝางสิงโตตัวนี้ จะรู้วิธีหักห้ามใจ
เป็นแบบนี้ เสือชีตาห์สวีเถิงเฟย ไม่ช้าก็เร็วมันก็จะกลายเป็นอาหารของสิงโต
หลังจากที่หลี่ฝางส่งฉินวี่เฟยเข้าห้องพักผ่อนแล้ว ก็ได้พบกับลุงเฉียน
หรือสามารถพูดได้ว่า ลุงเฉียนคอยตามหลี่ฝางอยู่ตลอด
“ลุงเฉียน” หลี่ฝางเดินไปยังด้านหน้าของลุงเฉียน แล้วทักทาย
“เรื่องที่บ่อน้ำพุร้อน เสี่ยวจางเล่าให้ฉันฟังแล้ว”
สีหน้าของลุงเฉียนดูเคร่งขรึมสุดๆ : “แล้วก็ ฉันบอกลูกพี่ใหญ่แล้วด้วย ลูกพี่ใหญ่กำลังเดินทางมาที่บ้านพักตากอากาศ”
“พ่อผมมาแล้วเหรอ?” หลี่ฝางถามขึ้น
“ใช่แล้ว ภายในครึ่งชั่วโมง ท่านก็คงถึง”
ลุงเฉียนมองหลี่ฝาง แล้วพูด: “เรื่องครั้งนี้ เป็นความเลินเล่อของฉันเอง ฉันคิดไม่ถึงว่าที่บ้านพักตากอากาศยังมีคนกล้าลงมือกับนาย”
“ตรวจสอบชัดเจนแล้วใช่มั้ย? เป็นฝีมือสวีเถิงเฟยใช่มั้ย?” ลุงเฉียนถามพลางขมวดคิ้ว
หลี่ฝางพยักหน้า: “ครับ”
“ตระกูลสวีกล้าดีจริงๆ ……” สีหน้าของลุงเฉียนเข้ม นัยน์แฝงไปด้วยความอาฆาต
“เขาไม่ได้กล้าหรอกครับ เขาก็แค่ไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของผม” หลี่ฝางพูด พลางหัวเราะ
“เสี่ยวฝาง ให้ลุงไปฆ่ามันให้มั้ย?” ลุงเฉียนพูดขึ้นอย่างเย็นชา
หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ : “ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องพูดถึงกลางวันแสกๆ แบบนี้ ถึงแม้จะฆ่าเขา ก็กลางคืนมืดๆ มันก็จะทำให้บ้านพักตากอากาศได้รับผลกระทบด้านลบ”
“ถึงยังไงสวีเถิงเฟยก็เป็นทายาทบริษัทสวีซื่อ ถ้าหากเขามาตายในบ้านพักตากอากาศนี้ คนทั้งเมืองเอกคงจะได้เอาไปพูดกัน”
“ตระกูลหลี่ของพวกเราลงทุนไปหลายหมื่นล้าน จะมาเสียหายเพราะเขาคนเดียวไม่ได้” หลี่ฝางพูดขึ้น
ได้ยินประโยคนี้ ลุงเฉียนก็ถอนหายใจ และส่ายหน้าด้วยความโกรธ
ถึงแม้จะฆ่าไอ้สารเลวสวีเถิงเฟยเลยไม่ได้ แต่ทำให้มันลำบาก หลี่ฝางก็ยังพอทำได้อยู่
ยังไงก็ตาม บ้านพักตากอากาศแห่งนี้เป็นที่ของเขา
“ฉันแจ้งส้าวส้วยแล้ว เดี๋ยวเขาก็มา ให้ส้าวส้วยคอยติดตามนาย ฉันก็วางใจแล้ว” ลุงเฉียนพูดขึ้น
ในตอนนี้ หลี่ฝางเพิ่งจะยืนยันตนตัวของส้าวส้วยได้
เมื่อก่อน หลี่ฝางแค่รู้สึกสงสัย
หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูด: “ที่แท้ส้าวส้วยคนนั้นเป็นคนที่พวกลุงส่งมาอยู่ข้างผม ให้เขาคอยปกป้องผม”
“ใช่แล้ว นั่นเป็นความต้องการของลูกพี่ใหญ่เขา”
ลุงเฉียนหัวเราะแห้งๆ : “ลูกพี่ใหญ่บอกว่า นายไม่ชอบอะไรที่มันโอเวอร์ หากให้บอดี้การ์ดติดตาม นายต้องปฏิเสธแน่ๆ”
“เพราะงั้นพวกเราจึงสร้างฐานะปลอมให้กับส้าวส้วย แล้วให้เขาเข้าร่วมสอบโอเน็ต และสอบเข้ามหาวิทยาลัยสุ่ยมู่” ลุงเฉียนพูด
“ส้าวส้วยสอบเข้าเหรอ?” หลี่ฝางถามอย่างแปลกใจ
“ใช่แล้ว นายอย่าเห็นว่าส้าวส้วยที่ปกติดูโง่ๆ ที่จริงแล้วเขาเป็นนักเรียนอันดับต้นๆ เลยนะ ตอนนั้นที่บ้านเขาลำบาก ไม่งั้นคงจะสอบติดมหาลัยอันดับต้นๆ ไปนานแล้ว……” ลุงเฉียนพูด
ขณะที่กำลังคุยกันอยู่ ส้าวส้วยก็เดินเข้ามา
หลังจากที่ส้าวส้วยมาถึง เขาก็สำรวจรอบตัวหลี่ฝาง แล้วถามขึ้น: “เจ้านาย ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ?”
“นายเห็นสภาพฉัน เหมือนคนเป็นอะไรมั้ย?” หลี่ฝางถาม
“ไม่เหมือน แต่ว่าเจ้านาย ทำไมที่คอของเจ้านายรอยดูดล่ะ?” ส้าวส้วยหัวเราะฮี่ๆ : “ไปโดนใครดูดมาเหรอ? คงไม่ใช่ฆาตกรหรอกใช่มั้ย”
หลี่ฝางหมดคำจะเอ่ย นี่มันเวลาไหนแล้วเหนี่ย ไอ้ส้าวส้วยคนนี้ ทำไมถึงยังไม่จริงจังที?
และขณะนั้นส้าวส้วยก็ถามขึ้น: “เจ้านาย สรุปแล้วใครต้องการฆ่านาย? ตระกูลมู่เหรอ?”
“ไม่ใช่”
หลี่ฝางฝืนหัวเราะ เห็นที ไม่ว่าใครก็ล้วนแต่สงสัยตระกูลมู่ ถึงยังไงตระกูลมู่ก็ดูน่าสงสัยที่สุด
“งั้นเป็นใคร?”
“สวีเถิงเฟย” หลี่ฝางพูดขึ้น
“เป็นเขา?” สีหน้าของส้าวส้วย เย็นชาลงทันที
“เป็นมันนี่เอง เมื่อกี้ผมเจอมันด้วย แต่ว่าพอมันเห็นผม ก็เหมือนกันหนูเห็นแมว วิ่งหนีไปทันที”
ส้าวส้วยพูดจบ ก็มองไปที่หลี่ฝางกับลุงเฉียน: “พวกท่านพูดเถอะ อยากให้มันตายยังไงดี?”
“รอก่อนค่อยลงมือ พ่อฉันกำลังมา”
หลี่ฝางพูดอย่างนิ่งๆ : “รอพ่อฉันมาก่อน แล้วค่อยปรึกษากัน”
“ก็แค่แมลงตัวนึง ยังต้องปรึกษาลูกพี่ใหญ่? แค่ผมกระดิกนิ้ว ก็ฆ่ามันได้แล้ว” ส้าวส้วยพูดอย่างอวดเก่ง
“งั้นตระกูลสวีล่ะ? นายอย่าลืมสิ ด้านหลังสวีเถิงเฟย มีตระกูลใหญ่หนุนอยู่”
“ถ้าสวีเถิงเฟยตาย ตระกูลสวีคงต้องกล่าวโทษบ้านพักตากอากาศของพวกเรา ถึงตอนนั้นบ้านพักตากอากาศของพวกเรา ก็ซวยน่ะสิ” หลี่ฝางพูดอย่างรู้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
ส้าวส้วยเบ้ปาก ไม่พูดอะไร
ทั้งสามมายังร้านกาแฟ ดื่มกาแฟ แล้วรอครึ่งชั่วโมง
ในที่สุด หลี่ต๋าคางก็มาถึง
หลี่ต๋าคางมาถึงอย่างรวดเร็ว พอเห็นหลี่ฝางนั่งดื่มกาแฟอย่างใจเย็น ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หลี่ต๋าคางเรียกหลี่ฝางออกมาในที่ที่ไม่มีคน แล้วควักบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งซอง จากนั้นก็หยิบให้หลี่ฝางหนึ่งมวน: “รับไปเถอะ ฉันรู้ว่าแกสูบ”
หลี่ฝางลังเลอยู่ครู่ แล้วก็รับมา
“เรื่องนั้น ฉันรู้แล้ว”
หลี่ต๋าคางจุดบุหรี่ให้ตน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ: “ที่จริง ฉันอยากจะไปหาไอ้สวีเถิงเฟย แล้วฆ่าไอ้เด็กนั่นเลย”
“แต่ว่า ฉันเห็นเหมือนว่าแกมีวิธีอื่น?” หลี่ต๋าคางถาม
“พ่อ ผมอยากให้ตระกูลสวี……ถูกกำจัดให้สิ้นซาก” หลี่ฝางพูด
หลี่ต๋าคางพยักหน้า แล้วพูดอย่างนิ่งๆ : “ฉันเข้าใจความหมายของแก”
“ให้เดาก็พอรู้ ถ้าฆ่าสวีเถิงเฟย ก็จะนำมาซึ่งความโกรธของตระกูลสวี……แน่นอน ว่าความโกรธนั้น ฉันทำอะไรนิดหน่อย ก็ดับไฟโกรธพวกนั้นได้แล้ว ไม่ต้องคิดให้มากความ”
“แต่แค่ มันจะมีผลกระทบต่อบ้านพักตากอากาศ และการพัฒนาในอนาคตของตระกูลหลี่ของเรา”
หันกลับมา หลี่ต๋าคางมองไปที่หลี่ฝาง แล้วพูด: “เสี่ยวฝาง พ่อมีทางเลือกให้แกสองทาง”
“ถ้าหากแกอดทนไหว ก็ปล่อยให้ไอ้เด็กตระกูลสวีนั่นกระโดดโลดเต้นไปอีกสองวัน พ่อรับประกัน ว่าพ่อจะกำจัดตระกูลสวีให้ถึงรากถึงโคน”
“แต่ถ้าหากแกทนไม่ไหว งั้นพ่อจะไปฆ่าไอ้เด็กนั่นเดี๋ยวนี้ จากนั้นก็พาคน ไปที่ตระกูลสวี แล้วฆ่าล้างโคตรให้หมด”