NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 278
บทที่ 278 ยาจกในบ้านพักตากอากาศ
ที่จริงแล้ว หลี่ฝางไม่กล้าที่จะแชร์รูปของสวีเถิงเฟยกับตู้เฟยเข้ากลุ่มหรอก
เพราะถ้าทำแบบนั้น นั่นก็ผิดกฎหมายแล้ว
พี่เขยของสวีเถิงเฟยหูเฟย เป็นผู้บัญชาการตำรวจนะ
หลี่ฝางไม่ได้โง่ทำผิดให้สวีเถิงเฟยเอาผิด และจับเขาได้หรอก
ที่จริงหลี่ฝางแค่อยากทำให้สวีเถิงเฟยกลัวเฉยๆ
เขารู้ ว่าสวีเถิงเฟยไม่กล้าเล่น ถึงยังไงรูปพวกนั้น สามารถทำให้ชีวิตเขาพังได้
หลี่ฝางมองสวีเถิงเฟย ถาม: “ทำไม ตกลงล่ะ?”
สวีเถิงเฟยทำหน้าบึ้ง: “นายจะนั่งนานแค่ไหน? คงจะไม่นั่งแล้วไม่ลุกหรอกนะ”
“ถ้านั่งแป๊บๆ ก็โอเค” สวีเถิงเฟยพูดอย่างไม่เต็มใจ
ในตอนนี้ส้าวส้วยก็พูดขึ้น: “เจ้านาย ให้ผมนั่งดีกว่าครับ”
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูดอย่างไม่สนใจ: “โอเค”
เป้าหมายของหลี่ฝาง คือทำให้สวีเถิงเฟยอับอาย
ส่วนใครจะเป็นคนทำให้เขาอับอาย จะเป็นใครก็ได้
เมื่อมาถึงมุมๆ นึง สวีเถิงเฟยค่อยๆ ย่อตัวลงนั่ง แล้วพูด: “ฉันพูดแล้วนะ ว่าให้นั่งแค่แป๊บเดียว”
“นั่งแป๊บเดียวฉันก็ลุก” สวีเถิงเฟยพูด
ส้าวส้วยไม่พูดอะไร แล้วนั่งลงไปดื้อๆ
“แม่ง ทำไมหนักแบบนี้?” สวีเถิงเฟยพูดด้วยสีหน้าทรมาน
สวีเถิงเฟยพูดจบ ก็เตรียมจะลุกขึ้น
แต่ไม่ว่าเขาจะใช้แรงขนาดไหน ก็ลุกไม่ขึ้น
ส้าวส้วยราวกับภูเขาลูกใหญ่ ที่นั่งทับหลานชายสวีเถิงเฟย
หลี่ฝางหยิบนิยายมาสองเล่ม แล้วยื่นให้ส้าวส้วยหนึ่งเล่ม
ส่วนเล่มของหลี่ฝาง มีชื่อว่า《ปู่ฉันเป็นคนที่รวยเป็นอันดับหนึ่งดูไบ》หลี่ฝางอ่านไปแล้วหลายบท รู้สึกสนุกดี
หวางเฉินได้เห็นภาพนี้ ก็มีสีหน้าตกใจ
ในมือของหลี่ฝาง กุมอะไรของสวีเถิงเฟยไว้กันแน่……
ถึงกับทำให้สวีเถิงเฟยยอมจำนนนั่งลงเป็นเก้าอี้ให้เขานั่ง?
สวีเถิงเฟยที่อยู่บนพื้น ก็ร้องโอดโอย เขาอยากจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกส้าวส้วยนั่งทับไว้อยู่
สวีเถิงเฟยที่หมดความอดทน ทำได้แค่มองหวางเฉิน ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
หวางเฉินพยักหน้า และจะออกไปทันที
“นายจะไปไหน?” ขณะที่หวางเฉินกำลังจะออกจากห้องสมุด ก็ถูกหลี่ฝางขว้างไว้
หวางเฉินมองหลี่ฝาง แล้วหัวเราะเหอะๆ : “ทำไม ไม่ให้ฉันออกไปเหรอ? ”
“หลีกไป!”
พูดจบ หวางเฉินก็ยื่นมือขึ้นมา แล้วผลักหลี่ฝางออกไปอีกข้าง และตนก็วิ่งออกไป
หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วพูด: “ไอ้หมอนั่น ต้องไปเรียกคนมาช่วยแน่ๆ ”
ส้าวส้วยทำสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว: “ปล่อยให้มันเรียกไป”
“ฉันล่ะอยากจะรู้ว่าไอ้หมอนั่นมันจะไปตามใครมา”
หลี่ฝางรู้ฐานะของหวางเฉิน เหยสง
ทางฝั่งเหนือของเมืองเอก เป็นพื้นที่ของเหยสงคนเดียว
มีอิทธิพลมาก มีพื้นที่มากกว่าเสือ ห้าวหนานและคนอื่นๆ ทั้งหมดมารวมกันมากกว่าเกินเท่า
หลี่ฝางคิดๆ ก็ปวดหัว
หวางเฉินคนนี้ก็มีส่วนร่วมที่ต้องการฆ่าเขา หลี่ฝางไม่อยากปล่อยเขาไป แต่ก็ไม่อยากไปยั่วบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างเหยสง
ในขณะนั้น ก็มีคนเดินผ่านมาทางนี้
“โห นี่มันสถานการณ์ไหนเหนี่ย เขาไม่ยอมนั่งเก้าอี้ แต่ไม่นั่งบนคน?” หลังจากเห็นส้าวส้วยนั่งอยู่บนสวีเถิงเฟย ทันใดนั้นก็ทำให้คนหลายคนสนใจ
“พี่คนมีตังค์ เพื่อนพี่นี่เจ๋งจริงๆ มีเก้าอี้ไม่นั่ง นั่งบนคนเฉย?”
เมื่อเห็นหลี่ฝาง ผู้คนก็เข้ามาทักทายเขา
“ก็งั้นๆ แหละ ใช่แล้ว เรียกเพื่อนพวกนาย มาให้หมด ฉันจะสร้างกลุ่มใหม่ แล้วจะแจกอั่งเปาอีกสองหมื่น” หลี่ฝางพูด: “แต่ว่าครั้งนี้ไม่ใช้รหัสเข้ากลุ่มนะ แต่จะสแกนคิวอาร์โค้ดเข้า”
“ให้ทุกคนมาสแกนคิวอาร์โค้ดเข้ากลุ่มแชทกับฉัน แต่ว่าจำกัดแค่ร้อยคนนะ”
เมื่อพูดออกไป ผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด
พวกเขานอกจากจะมาสแกนคิวอาร์เข้ากลุ่มแชทแย่งอั่งเปา สิ่งที่น่าสนใจยิ่งมาก ก็คือส้าวส้วยกับสวีเถิงเฟย
สวีเถิงเฟย ก้มหน้าต่ำมาก กลัวว่าคนอื่นจะเห็นหน้าเขา
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีคนจำเขาได้
“นี่……คนที่คลานอยู่ที่พื้น เหมือนกับคุณชายของบริษัทสวีซื่อเลย”
“ไม่ใช่มั้ง? นายมองผิดแล้ว คุณชายสวีเหนี่ยนะจะมาเป็นเก้าอี้ให้คนอื่นนั่ง ล้อเล่นอะไรน่ะ”
“ไม่เชื่อนายก็ดูเอง ปกติแล้วคุณชายสวีชอบอวดรวย อวดรถเบนท์ลีย์ อวดชีวิตของเขาบนโซเชียล บนTikTok”
“นายดูสิ แม้แต่ชุดยังใส่เหมือนกันเลย!”
ในเวลานี้ สวีเถิงเฟยไม่มีที่ให้หลบแล้ว
สวีเถิงเฟยถูกคนอื่นจำได้แล้ว
“โห มีอะไรผิดพลาดเปล่าเหนี่ย นี่คุณชายสวีนะ ทำไมถึงมาเป็นเบาะรองนั่งให้คนอื่นล่ะ?”
“งั้นเขาเป็นใครล่ะ? ถึงกลับกล้านั่งบนตัวคุณชายสวี กล้ามากไปมั้ยเหนี่ย” ทุกคนมองส้าวส้วย และสงสัยถึงฐานะของเขา
ถึงยังไง ทั้งเมืองเอกนี้ มีกี่คนที่กล้าทำแบบนี้กับสวีเถิงเฟยกัน?
“อยากถ่ายแล้วเอาไปลงโซเชียลจัง แต่ก็ไม่กล้า หากทำให้คุณชายสวีเดือดร้อน เดี๋ยวจะซวย”
……
ห่างออกไปไม่ไกล
หลี่ซ่วยซ่วยกับผู้หญิงใส่แว่นคนนึงกำลังอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ
หญิงสวมแว่นอ่านเรียนรู็วิทยาการข้อมูล ส่วนหลี่ซ่วยซ่วยอ่านความลับในโลกที่ยังคำอธิบายไม่ได้
ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกัน……เป็นภาพที่กลมกลืนกันมาก แต่ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ในห้องสมุดเป็นจำนวนมาก ทำให้วุ่นวาย
“ดูนั่น นั่นมันหลี่ซ่วยซ่วยไม่ใช่เหรอ? เขาก็มาที่บ้านพักตากอากาศเหมือนกันเหรอเหนี่ย”
“หลี่ซ่วยซ่วย นายไปเอาบัตรเข้าบ้านพักตากอากาศมาจากไหนกัน? ขโมยมาเหรอ?”
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คนจนๆ อย่างนายควรจะมาหรอกนะ แหมๆ คนในนี้ แต่งตัวดูดี สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนม ดูนายสิ ใส่เสื้อผ้าที่ซื้อจากข้างทางมากี่ปีแล้ว ยังทิ้งไม่ลงสินะ?”
“หลี่ซ่วยซ่วย นายนี่อกตัญญูจริงๆ เลย พ่อนายลำบากทำงาน วันๆ นึงหาเงินได้แค่ร้อยเหรียญ บัตรผ่านเข้าบ้านพักตากอากาศ อย่างต่ำก็ใบละสามพัน ออกมาเที่ยวครั้งนึง ก็ต้องใช้เงินเดือนทั้งเดือนของพ่อนายเลยนะ นายไม่รู้สึกว่าตัวเองแย่บ้างเหรอ?”
“ให้พูด ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายควรจะมา ฉันว่านายรีบไสหัวไปเถอะ”
“แล้วก็รู้จักหาแฟนแล้วนะ?”
คนกลุ่มนี้เอาหญิงสวมแว่นมาพูดว่าเป็นแฟนของหลี่ซ่วยซ่วย และพูดถากถาง: “เห็นที่แฟนนายก็ไม่ใช่คนมีเงินอะไรนี่น่า? ”
“ฉันว่า พวกนายสองคนคงไม่ใช่ปีนเขาขึ้นมาจากด้านหลังหรอกนะ?”
หญิงสวมแว่นลุกขึ้น แล้วพูดปฏิเสธความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ซ่วยซ่วย: “ฉันไม่ใช่แฟนเขา พวกนายอย่าเข้าใจผิด”
พูดจบ หญิงสวมแว่นก็เดินไปอีกทาง แล้วนั่งลงอ่านหนังสือต่อ
สีหน้าของหลี่ซ่วยซ่วย ค่อยๆ เข้มขึ้น
เขาคิดไม่ถึง ว่าจะมาเจอคนบ้านเดียวกันที่บ้านพักตากอากาศ
เขาว่ากันว่าเจอคนบ้านเดียวกัน ทั้งสองน้ำตาจะไหล แต่ถึงคราวหลี่ซ่วยซ่วย ทำไมถึงเป็นภาพแบบนี้?
ที่จริงแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลี่ซ่วยซ่วยเคยคบกับผู้หญิงคนนึง ชื่อว่าไห่เย่น
เขาคบกับไห่เย่นอยู่หลายวัน จากนั้นไห่เย่นก็ไม่ชอบที่เขาจนเกินไป แม้แต่โทรศัพท์ก็ให้ไม่ไหว ก็เลยเลิกกับเขา
หลังจากนั้น ไห่เย่นก็ไปคบกับลูกคนรวย
และคนกลุ่มนี้ ก็คือเพื่อนของลูกคนรวยคนนั้น
เพราะว่าเรื่องของไห่เย่น ดังนั้นพวกเขาจึงรังแกหลี่ซ่วยซ่วยไว้ไม่น้อย
“เอาล่ะ ไม่ต้องดูแล้ว คิดว่าในจักรวาลนี้มีมนุษย์ต่างดาวอยู่จริงๆ หรือไง? ปัญญาอ่อนหรือเปล่า รีบไสหัวไป!”
ผู้ชายคนนึงพูดขึ้น พลางหยิบหนังสือในมือของหลี่ซ่วยซ่วย เขวี้ยงลงพื้น
ในตอนนั้น หลี่ฝางก็เดินเข้ามา เห็นฉากนั้นพอดี
“ซ่วยซ่วย เกิดอะไรขึ้น?” หลี่ฝางเดินมาข้างหน้าหลี่ซ่วยซ่วย แล้วถามขึ้น
“อั๊ยย่ะ เพื่อนนายเหรอ?”
“หลี่ซ่วยซ่วย คิดไม่ถึงแหะ ว่านายจะมีเพื่อนด้วย”
“นี่ ไอ้น้อง ฉันจะบอกนายให้ หลี่ซ่วยซ่วยมันเป็นขโมย ชอบขโมยของ นายต้องระวังเอาไว้นะ”
ชายสวมแจ็คเก็ตสีดำคนนึง พูดเตือนหลี่ฝาง
หลี่ซ่วยซ่วยเงยหน้าขึ้น แล้วรีบพูดกับหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง ฉันไม่ใช่ขโมยนะ นายอย่าไปเชื่อพวกเขา พวกนั้นใส่ร้ายฉัน”
“นายบอกว่านายไม่ใช่ขโมย งั้นนายไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อบัตรเข้าบ้านพักตากอากาศห้ะ?”
“เงินแต่ละเดือนของนาย อย่างมากก็สามร้อยถึงห้าร้อย นี่เพิ่งจะเปิดเทอมได้แค่ไม่กี่วัน บ้านนายจำให้เงินนายสามพันกว่าเหรียญได้ยังไง?”
“หรือว่า นายไม่ยอมจ่ายค่าเทอม แล้วเอามาซื้อบัตรเข้าบ้านพักตากอากาศเหรอ?”
ชายสวมแจ็คเก็ตสีดำคนนั้นหัวเราะอย่างดูถูก
ในตอนนั้น สีหน้าของหลี่ฝาง ก็ค่อยๆ เข้มขึ้น
หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วมองชายสวมแจ็คเก็ตสีดำ: “นายมีเงินเยอะเหรอ? ”
“ก็ธรรมดา อย่างน้อยที่บ้าน ก็มีอยู่หลายล้าน”
ชายสวมแจ็คเก็ตสีดำคนนี้สวมรองเท้าAJ แจ็คเก็ตท่อนบน ก็ยี่ห้อJack&Jones
หลี่ฝางหัวเราะอย่างดูถูก: “ตอนนี้ที่บ้านมีอยู่ไม่กี่ล้าน ก็กล้ามาหัวเราะเยาะคนอื่นแล้วเหรอ? ”
“น่าขำสิ้นดี”
หลี่ฝางควักโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาเสี่ยวจาง
“มานี่หน่อย ที่บ้านพักตากอากาศมียาจกปนเข้ามา ไล่พวกมันออกไปที” หลี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“นายเป็นใคร? เมื่อกี้นายโทรหาใคร?” ชายสวมแจ็คเก็ตดำมองหลี่ฝาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา