NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 280
บทที่ 280 ไอ้คนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
กลับมาที่ห้องสมุดอีกครั้ง สีหน้าของหวางเฉิน ราวกับเป็นไปเป็นคนละคน
สีหน้าดูเย่อหยิ่ง และมั่นใจสุดๆ
เขาเดินนำหน้าเข้ามา จนไปถึงด้านหน้าของส้าวส้วย
ส้าวส้วยที่กำลังก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ ขณะนั้น สวีเถิงเฟยก็ยังคงคุกเข่าเป็นเบาะรองนั่งอยู่ ยังไม่ได้ลุกขึ้น
เมื่อหวางเฉินเห็นภาพนี้ นอกจากจะตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือโมโห
พี่น้องของตน กลับโดนคนอื่นนั่งทับอยู่ตั้งนาน จะไม่ให้หวางเฉินโมโหได้ยังไง!
หวางเฉินมองส้าวส้วยอย่างเย็นชา แล้วพูดขึ้น: “นายยังไม่รีบลุกขึ้นอีก? ”
ส้าวส้วยค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แล้วมองหวางเฉิน: “โอ้ นายกลับมาแล้วเหรอ? ”
“นายมันไอ้ชั่ว เอาพี่น้องฉันเป็นเบาะรองนั่งตั้งนาน!” หวางเฉินคิดว่า อย่างสวีเถิงเฟยก็ถูกนั่งทับแค่แป๊บเดียว
ใครจะรู้ ตั้งแต่ตนออกไป จนกลับมา ผ่านไปตั้งนานแล้ว……
พี่น้องของตนยังคงคุกเข่าและถูกนั่งทับอยู่!
“ลุงเหยโก่ว ไอ้หมอนี่แหละ มันไม่ใช่แค่เตะผม แล้วยังนั่งทับคุณชายสวีอีก”
หวางเฉินหันหน้ากลับ แล้วพูดกับเหยโก่วที่อยู่ด้านหลัง
เหยโก่วเดินเข้ามา แล้วพูด: “ไหนดูสิว่าใครมันบังอาจ……”
สองตาของเหยโก่วมองไป เห็นว่านั่นคือส้าวส้วย……
ต่อมา เหยโก่วก็กลืนน้ำลาย ความโอหังบนหน้า ก็หายวับไปทันที……
แถมยังมี ความกลัว และความระแวงมากอีก……
เหยโก่วขมวดคิ้ว แล้วมองหวางเฉิน และส่งสายตา: “เรื่องนี้ พวกเราอย่าเข้าไปยุ่งดีกว่า”
หวางเฉินชะงักอยู่ครู่ ต่อมาก็พูดอย่างโกรธ: “อะไรนะ? อย่ายุ่ง? ลุงเหยโก่ว ลุงพูดอะไรเหนี่ย ถึงแม้ตระกูลสวีกับตระกูลหวางของพวกเราถึงแม้จะไม่ใช่ญาติกัน แต่ก็ช่วยตระกูลหวางของพวกเราไว้ไม่น้อย……นี่คุณชายสวีลำบาก ลุงจะนั่งดูเฉยๆ ได้ยังไง? ”
เหยโก่วหน้าซีด
ใช่ว่าเหยโก่วไม่อยากยุ่ง
แต่เขาช่วยอะไรไม่ได้
ส้าวส้วยเป็นใคร นั่นคือคนที่สามารถหิ้วเขาได้ด้วยมือข้างเดียวนะ
เหยโก่วทำหน้าเข้ม มองหวางเฉิน แล้วพูดเสียงเบา: “เฉินเฉิน เรื่องนี้ ฉันช่วยไม่ได้”
“ลุงเหยโก่ว ก็แค่ไอ้เด็กอ่อนคนนึง ลุงบอกว่าลุงทำอะไรไม่ได้?” หวางเฉินไม่เชื่อ รู้สึกว่าเหยโก่วแค่ไม่อยากเข้ามายุ่ง
“ลุงเหยโก่ว ลุงอย่างได้ดีใช่มั้ย? รอลุงช่วยคุณชายสวีแล้ว คุณชายสวีจะปฏิบัติต่อลุงไม่ดีเหรอ?” หวางเฉินคิดอยู่ครู่ แล้วพูด
เข้าจะไปรู้ได้ยังไง ว่าลุงเหยโก่วของตน ฝีมือจะด้อยกว่าส้าวส้วยน่ะ
หวางเฉินคิดว่า ลุงเหยโก่วของตนแค่ไม่อยากช่วย แค่อยากจะต่อรองผลประโยชน์กับสวีเถิงเฟย
ส่วนสวีเถิงเฟยที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น เมื่อเขาเห็นการมาถึงของหวางเฉิน และก็เงยหน้ามองเหยโก่วอยู่ครู่
เมื่อเห็นว่าคนที่มาคือเหยโก่ว ใจของสวีเถิงเฟย ก็รู้สึกเย็นวูบวาบ
ในวันนั้นที่ภูเขาหมาป่า เหยโก่วคนนี้ เรียกส้าวส้วยว่าท่านปู่
เขามาแล้ว จะช่วยอะไรได้ล่ะ?
สวีเถิงเฟยนึกว่า หวางเฉินจะเรียกพ่อของตนเหยสงมา
เฮ้อ!
สวีเถิงเฟยถอนหายใจ แล้วเข้าโหมดสิ้นหวังอีกครั้ง
หวางเฉินย่อตัวลง มองสวีเถิงเฟย แล้วถาม: “สวีเถิงเฟย นายรีบพูดอะไรหน่อยสิ!”
ตอนนี้ หวางเฉินรู้สึกลนลานเล็กน้อย: “สวีเถิงเฟย นายรีบตกลงว่าจะดีกับลุงเหยโก่วเร็ว ไม่งั้น ลุงเหยโก่วของฉันคงไม่ออกมือช่วยนาย”
ที่จริงแล้ว หวางเฉินรู้จักลุงเหยโก่วของตนดี
เหยโก่วคนนี้ เป็นคนที่ถ้าไม่มีผลตอบแทนก็จะไม่ลงมือ
หากไม่มีผลประโยชน์หรือสิ่งดีๆ เขาก็จะไม่ยุ่งด้วย
แต่ว่าพูดไปพูดมา ความสัมพันธ์ของตระกูลสวีกับตระกูลหวาง ถึงแม้สวีเถิงเฟยจะไม่ให้ผลประโยชน์กับเหยโก่ว ถ้าเหยโก่วเห็นสวีเถิงเฟยถูกรังแก เขาก็จะออกตัวช่วยอยู่ดี
จะให้พูดอีกอย่าง พี่เขยของสวีเถิงเฟยคือหูเฟย
เหยโก่วคนนี้ คงหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ในกำมือของหูเฟยไม่ได้
สำหรับเรื่องของสวีเถิงเฟย เหยโก่วไม่กล้าเมินหรอก
แต่ประเด็นก็คือ เหยโก่วสู้ส้าวส้วยไม่ได้ไง
“สวีเถิงเฟย นายหูหนวกเหรอ ฉันเรียกลุงเหยโก่วมาแล้ว แค่นายเอ่ยปาก ลุงเหยโก่วก็ช่วยนายออกมาแล้ว”
“ทำไม นายยอมให้ไอ้หมอนี่มันนั่งทับนายเหรอ?”
ในตอนนี้ หวางเฉินเริ่มโมโหแล้ว
ตอนนี้หวางเฉินอึดอัดมาก ไม่ง่ายเลยที่ตนจะเรียกลุงเหยโก่วออกมา ถึงห้องสมุดนี่
ที่จริงหวางเฉินคิดว่า เมื่อลุงเหยโก่วของตนมา ก็สามารถช่วยสวีเถิงเฟย จากนั้นก็สั่งสอนส้าวส้วย……
ใครจะไปรู้ ลุงเหยโก่วของตนมาแล้ว แต่กลับมายืนโง่อยู่นี่ รอแต่ ‘ผลประโยชน์’ ……
ส่วนสวีเถิงเฟย ก็อย่างกับคนเป็นใบ้ อะไรก็ไม่ยอมให้เหยโก่ว
“แม่งเอ๊ย!”
จู่ๆ หวางเฉินก็ตัดสินใจ หลังจากลุกขึ้นยืน เขาก็ยกขาขึ้นอย่างแรง แล้วเตะไปทางส้าวส้วย
ในตอนนั้นในใจของหวางเฉิน คิดแบบนี้
สวีเถิงเฟยถูกรังแก เหยโก่วไม่ยุ่งก็ได้
แล้วตนล่ะ?
ตนเป็นหลานชายแท้ๆ ของเขา หากตนตีกับส้าวส้วยแล้ว ลุงแท้ๆ ของตน ยังทำเป็นมองไม่เห็นได้เหรอ?
ฉันเป็นหลายชายแท้ๆ ของลุงนะ ลุงคงไม่คิดหาผลประโยชน์จากฉันหรอกจริงมั้ย?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวางเฉินก็คิดว่าตนฉลาดสุดๆ
ลูกเตะของเขา ทำเอาเหยโก่วตกใจ จนหน้าซีด
แต่ส้าวส้วย แค่หันหน้ากลับมา นัยน์ตาเย็นชา จ้องไปที่หวางเฉิน ปากก็เอ่ยออกมา: “รนหาที่ตาย!”
มือสองข้างของส้าวส้วยกำหมัดแน่น แล้วทุบไปที่ ขาของหวางเฉินที่เตะเข้ามา
ได้ยินแค่เสียงดังก๊อก
หมัดนี้ของส้าวส้วย ทุบขาของหวางเฉิน จนเขาเซถอยหลังไปหลายก้าว
และบนใบหน้าของหวางเฉิน ก็แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดทันที
เขาเอามาวางลงบนขาของตน แล้วลูบ……
หวางเฉินเจ็บจนจะร้องไห้ ไม่นาน หวางเฉินก็รู้สึกว่า ขาของตน เดินไม่ได้แล้ว
หักแล้วเหรอ?
สีหน้าของหวางเฉิน เปลี่ยนเป็นหวาดกลัวทันที
เขาลองเดินดู แต่เขาก็ล้มลงไปกองกับพื้นทันที
“เ**ดแม่มึง แกทำฉันขาหัก……” หวางเฉินเงยหน้ามองส้าวส้วย ด้วยสีหน้า โกรธสุดขีด
เหยโก่วตกใจกลัวมาก แล้ววิ่งเข้ามา พยุงหวางเฉินให้ลุกขึ้น
“ไอ้เด็กโง่ รีบหุบปากซะ!” เหยโก่วจะไม่กลัวได้ยังไง เขารู้ว่าส้าวส้วยไม่ธรรมดา
ส้าวส้วยไม่ใช่แค่แข็งแกร่ง เขาต่อสู้เก่งด้วย
แรงเตะ เมื่อเทียบกับหมัด ปกติมันแรงกว่าเป็นสิบเท่า……
แต่หมัดของส้าวส้วยนี้ กลับทุบจนขาของหวางเฉิน……
ประเด็นคือไม่ได้ทุบลงตรงข้อต่อ แต่ทุบลงตรงใต้เท้า ก็สามารถทำให้ข้อเข่าของหวางเฉินหักได้
นี่มันทำให้เหยโก่ว กลัวส้าวส้วยเข้าไปอีก
ส้าวส้วยลงมือ โหดร้ายเกินไป
“นายกล้าด่าฉัน?” ส้าวส้วยมองหวางเฉิน แล้วหรี่ตา
“ด่านายแล้วไง? นายมันชั่ว นายกล้าทุบฉันจนขาหัก นายรู้มั้ยว่าพ่อฉันเป็นใคร?” หวางเฉินตะคอกเสียงดัง ใส่ส้าวส้วย
“พ่อฉันคือเหยสงผู้โด่งดัง รอให้พ่อฉันมาก่อน ฉันจะให้พ่อฉันเล่นแกให้ตาย!” หวางเฉินพูดว่าด้วยความโกรธ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของเหยโก่ว ก็เข้มขึ้น
“ไอ้เด็กโง่ ฉันบอกให้แกหุบปาก!” เหยโก่วมองหวางเฉิน แล้วพูดเตือนอย่างเย็นชา
เมื่อหวางเฉินได้ยินลุงเหยโก่วของตนตะคอกเตือน ก็ชะงักไป
“ลุงเหยโก่ว วันนี้ลุงเป็นอะไรไป? คุณชายสวีถูกคนอื่นคร่อมหัว ลุงไม่สนใจก็ช่างเถอะ ตอนนี้ผมโดนทุบจนขาหักลุงก็ไม่สนใช่มั้ย? ลุงเป็นลุงผมหรือเปล่าเหนี่ย?”
“ทำไมลุงถึงได้ลำเอียงฝั่งคนนอกล่ะ ผมด่ามันไม่กี่คำแล้วมันทำไม? มันทุบขาผมหัก ผมด่ามันไม่ได้เหรอ?”
“ลุงเหยโก่ว ถ้าลุงยังเห็นผมเป็นหลานแท้ๆ ลุงต้องฆ่าไอ้เลวนี่แทนผม!” หวางเฉินชี้ไปที่ส้าวส้วย แล้วพูดอย่างเย็นชา
เหยโก่วเอือมระอา
เขาไม่ให้หวางเฉินด่าส้าวส้วย เพราะไม่อยากไปยั่วโมโหส้าวส้วยไง
เหยโก่วอดที่จะด่าในใจไม่ได้ ไอ้โง่เอ๊ย หรือว่าแกดูไม่ออกหรือไง ว่าลุงของแกกลัวเขาเหนี่ย?
ฉันให้แกหุบปาก เพื่อตัวแกเอง
ในตอนนี้ จู่ๆ ส้าวส้วยก็ลุกขึ้น จากร่างของสวีเถิงเฟย
เขาค่อยๆ เดินเข้ามาทางหวางเฉินกับเหยโก่ว
ในตอนนั้นเหยโก่ว ใจเต้นแรงขึ้น……
เรื่องที่เขากังวลที่สุด ได้เกิดขึ้นแล้ว
ส้าวส้วย ถูกยั่วให้โมโหแล้ว
เหยโก่วสุดหายใจเข้าลึก หันไปหาส้าวส้วย แล้วพูด: “ท่านปู่ ท่านเป็นผู้ใหญ่ อย่าไปสนใจเด็กมันเลยนะ”
“เขาอายุเท่าไหร่แล้ว?” ส้าวส้วยชี้ไปที่หวางเฉิน แล้วถามอย่างนิ่งๆ
“ยี่สิบเอ็ด……” เหยโก่วพูดขึ้น
“นั่นสิ เขายี่สิบเอ็ดแล้ว ทำไมถึงถือว่าเป็นเด็กอยู่ล่ะ”
ส้าวส้วยมองบนใส่เหยโก่ว แล้วพูด: “ฉันเพิ่งยี่สิบเอง”
“ลุงเหยโก่ว ลุงบ้าไปแล้วเหรอ ทำไมลุงไปเรียกมันว่าท่านปู่ล่ะ!” หวางเฉินมองเหยโก่ว ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ