NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 286
บทที่286 พี่สาวของฉินวี่เฟย
ส้าวส้วยในตอนนี้ ถึงแม้มองดูแล้วแค่ยี่สิบต้นๆ แต่คำพูด การกระทำ เหมือนกับรุ่นพี่ของซุนจิ้น
ซุนจิ้นออกไป เขาไม่ทักทายสวีจื่อเม่ยสักนิด ก็ออกไปจากสถานตากอากาศเลย
ถ้าส้าวส้วยไม่เหลาะแหละมากๆ วันๆเอาแต่ทำตัวไม่เคารพ บอกว่าเขาสี่สิบ หลี่ฝางก็เชื่อ
เพราะยังไงฝีมือเขา ก็ดีมาก
บางที นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับประสบการณ์เขา
หลายปีนี้ ส้าวส้วยตามหลี่ต๋าคางไปต่างประเทศนาน ผ่านความเป็นความตายมานับไม่ถ้วน ……
มีชีวิตอยู่ได้ จะฝีมือดีทั้งที่ไม่ได้ฝึกได้ไง?
ซุนจิ้นแค่เอามวยสิงอี้เป็นเทคนิคชกมวยมาฝึก แต่ส้าวส้วย เขาเอามาใช้กับการต่อสู้ชีวิตและความเป็นความตายมานานแล้ว ……
บวกกับซุนจิ้นหลายปีมานี้ เขาไม่ได้สู้จริงๆ ช่องว่างก็มากขึ้นเรื่อยๆ
คนหนึ่งเอามาเป็นศิลปะ อีกคนเอามาเป็นเทคนิคฆ่าคน ผลที่ฝึกออกมา จึงต่างกันโดยสิ้นเชิง
พอส้าวส้วยออกไป ก็หัวเราะเหอะๆไปที่หลี่ฝาง:“เจ้านาย ผมปล่อยเขาไปเช่นนี้ คุณคงไม่ว่าผมใช่ไหม?”
“ชิบหายละ คุณปล่อยเขาไปไม่เป็นไรหรอก แต่คุณตบโต๊ะทำไม?”หลี่ฝางมองส้าวส้วย พูดอย่างหมดคำพูดหน่อยๆ:“คุณรู้ไหมโต๊ะนี้ราคาเท่าไหร่?”
ที่จริงหลี่ฝางก็ไม่รู้เท่าไหร่
แต่หลี่ฝางคิดว่า ทุกอย่างในห้องนี้ น่าจะไม่ถูกทั้งนั้น
ดังนั้นหลี่ฝางเห็นโต๊ะที่ถูกส้าวส้วยทุบจนหัก ก็รู้สึกปวดใจ ถ้าเป็นของมีค่าทางวัฒนธรรมจะทำไง?
ส้าวส้วยพูดด้วยใบหน้าตื่นตระหนก:“ผมแค่ทำเขาตกใจเฉยๆ”
หลี่ฝางนั่งขึ้นจากโซฟา:“ช่างเถอะ ไม่คิดบัญชีกับคุณละ”
“ผมรู้ คุณทำเพื่อตอบแทน ดังนั้น ผมจะไปโทษคุณได้ไง”หลี่ฝางเข้าไป โอบไหล่ของส้าวส้วย แล้วพูด:“ดูเหมือน วัยเด็กของคุณก็ไม่เท่าไหร่นะ”
เมื่อกี๊หลี่ฝางได้ยินชัดเจนดี วัยเด็กของส้าวส้วยนั้น ก็ตกอับใช้ชีวิตข้างถนน
พ่อของซุนจิ้น ให้ข้าวส้าวส้วยกินอยู่หลายมื้อ ส้าวส้วยจึงไม่หิวตาย
ดังนั้น ส้าวส้วยไม่ลงมือโหดกับซุนจิ้น หลี่ฝางจึงเข้าใจได้
ยังไง ซุนจิ้นก็แค่ถีบตัวเอง ไม่ได้ทำอะไร
เข้าใจคนบงการที่อยู่เบื้องหลังของซุนจิ้นดี ก็พอแล้ว
ตระกูลสวี ให้คนมาแก้แค้นแล้ว
ต่อไป ก็เป็นฝั่งเหยสงแล้วสินะ?
“เห้อ”ส้าวส้วยถอนหายใจ:“คุณว่า ถ้าไม่ใช่ซุนจิ้น จะดีแค่ไหน”
“ถ้าแบบนั้น พวกเราก็จับเขาได้เลย แล้วไปเอาผิดได้ที่ตระกูลสวี!”ส้าวส้วยพูด
“ไม่มีประโยชน์ พวกเขาไม่ยอมรับ”หลี่ฝางพูด
“ชิบหายละ เชิ้ตสีขาวด้านใน ถูกซุนจิ้นเตะจนสกปรก ไม่ได้ ผมต้องไปเปลี่ยน”หลี่ฝางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนเป็นเชิ้ตสีขาวใหม่
หลี่ฝางสวมสูท
นี่ก็เป็นครั้งแรกที่หลี่ฝางสวมชุดสูท ร่วมปาร์ตี้
ในใจของหลี่ฝาง ตื่นเต้นหน่อยๆ
ถึงแม้เป็นลูกคนรวยมาตั้งนาน แต่ หลี่ฝางใช้ความเป็นคนจนธรรมดา เป็นหมาป่าสวมหนังแกะทั้งวัน
หลี่ฝางคิดในใจ ครั้งนี้ น่าจะไม่มีใครขำตัวเองแล้ว?
ที่ใจกลางสถานตากอากาศ มีวิลล่าที่ใหญ่โตอลังการและสวยงามที่หนึ่ง ……
ในวิลล่า รวมถึงในรัศมีสิบกว่าเมตร มีไฟสว่างไสว คึกคักผิดปกติ
“คุณผู้ชาย กรุณาแสดงตั๋ววีไอพีด้วยครับ”
พอเข้ามาในวิลล่า หลี่ฝางก็ถูกคนขวางไว้
“ตั๋ววีไอพี?”หลี่ฝางขมวดคิ้ว คิดในใจ แย่แล้ว ตัวเองมีตั๋ววีไอพีอะไรที่ไหนกัน!
ตัวเองมีแค่บัตรวีไอพีสุดพิเศษ
ส่วนบัตรนี้ ถูกหวางเสี่ยวโก๋เอาไปแล้ว
เวลานี้ ส้าวส้วยหยิบบัตรหนึ่งออกมาจากกระเป๋า บนบัตร มีเลข 03
มองไปที่ส้าวส้วย หลี่ฝางก็ถาม:“ทำไมคุณก็มีอีกใบ?”
“ลูกพี่ให้ผมมา”ส้าวส้วยหัวเราะ พูด
เมื่อก่อน หลี่ฝางคิดว่าส้าวส้วยคือพนักงานเสิร์ฟธรรมดาๆ ตอนนี้ดูแล้ว ตำแหน่งที่ส้าวส้วยอยู่ในตระกูลหลี่ กลัวว่าเป็นรองแค่ลุงเฉียนสินะ?
“ทุกคนก็แยกย้ายไปที่ตัวเองสนใจเถอะ”หลี่ฝางมองส้าวส้วย พูดว่า:“อยู่นี่แล้ว ผมน่าจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม?”
ถ้ามีคนกล้าส่งคนมาป่วน นั่นก็กล้ามากแล้วจริงๆ
ส้าวส้วยพยักหน้า พูด:“ครับ”
ส้าวส้วยออกไป หลี่ฝางก็รีบวิ่งไปทางฉินวี่เฟย
ฉินวี่เฟยในตอนนี้ ในมือถือแชมเปญแก้วหนึ่ง อยู่ท่ามกลางฝูงคน
“คุณมาได้ไง?หมอไม่ได้บอกคุณเหรอ คุณต้องพักผ่อน ไม่ใช่ว่าผมให้คุณนอนพัก คืนนี้อย่าออกมาเหรอไง?”หลี่ฝางขมวดคิ้ว พูดอย่างโกรธๆเล็กน้อย
“อยู่ในห้องคนเดียว น่าเบื่อจะตาย”
“อีกอย่าง ถ้าฉันไม่มา พี่สาวฉันจะสงสัยฉันได้”
ฉินวี่เฟยพูด:“ในฐานะคนตระกูลฉิน โอกาสในวันนี้ ฉันต้องเข้าร่วม ไม่ใช่แค่ฉัน แต่ยังมีพี่ชายฉัน พี่สาวฉัน พวกเขาต่างมาหมด”
“เหอะๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ตระกูลฉิน?”
“กระชับความสัมพันธ์ พบหน้าคนรู้จัก ก็ต้องทักทายกัน มีความสุภาพ เพื่อสะดวกในการร่วมมือกันในอนาคต”ฉินวี่เฟยพูดอย่างทำอะไรไม่ได้:“คุณคิดว่าจะเหมือนกับพวกคุณตระกูลหลี่เหรอ?รวยมหาศาล ไม่จำเป็นต้องเห็นแก่หน้าใคร”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ
พูดถึงตรงนี้ หลี่ฝางก็อิจฉาตัวเองสุดๆ
ถึงแม้ตัวเองก็เป็นลูกคนรวย แต่กลับไม่เหมือนอย่างพวกฉินวี่เฟย ที่ถูกผูกไว้กับครอบครัว ทำอะไร ก็ต้องคิดถึงผลประโยชน์ของครอบครัว
แม้ในเวลาที่จำเป็น และยังต้องเสียสละกับความรัก การแต่งงานของตัวเอง ……
ลูกคนรวยแบบนี้ บางครั้งก็ใช้ชีวิตอย่างน่าเศร้า
ในหัวของหลี่ฝาง คิดย้อนถึงคำพูดของตัวเองอีกครั้ง
แค่หลี่ฝางพูด หลี่ต๋าคางก็จะยกพวกคน มาจัดการตระกูลสวีให้พินาศ ฆ่าล้างโหดร้ายตายเป็นโศกนาฏกรรม
ส่วนสถานตากอากาศ สวนสนุก ผับ รวยถึงทุกอย่างที่ช่วงนี้หลี่ต๋าคางลงทุนไป อย่างมากก็แค่ทิ้งไป
แต่คนอย่างฉินวี่เฟย จะต้องได้รับความหลงใหลและความรักอย่างไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้แน่
อย่างคุณท่านของตระกูลฉิน คุณท่านของตระกูลมู่ ต่างเห็นตระกูลสำคัญที่สุด
มู่เจิ้งถังบังคับให้มู่เสี่ยวไป๋ขอโทษหลี่ฝาง
นายท่านฉินบังคับให้ฉินวี่เฟยแต่งกับมู่เสี่ยวไป๋
แม้กระทั่งครอบครัวอย่างหลินชิงชิง ก็พบเจอแบบนี้เช่นกัน
คิดๆดูแล้ว หลี่ฝางก็เห็นใจลูกคนรวย ลูกของพวกผู้มีอิทธิพลกลุ่มนี้มาก ที่ใช้ชีวิตเจ๋งไปกว่าตัวเองทีไหนกัน?
“เรื่องที่ห้องสมุด ฉันได้ยินมาหมดแล้ว”
เอื้อมตัวไปที่ข้างหูหลี่ฝาง ฉินวี่เฟยพูดเบาๆ:“คุณกับส้าวส้วย ไม่ใช่แค่เอาสวีเถิงเฟยเป็นม้านั่ง นั่งใต้เป้าสร้างความละอายให้ แต่ยังหักขาลูกชายของเหยสงอีก”
“พวกคุณรู้ไหมเหยสงเป็นใคร เขาเป็นลูกพี่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเอกในเวลานี้”
“แม้แต่คนตระกูลใหญ่เจอเขา ก็ยังต้องไว้หน้าเขาเลย”ฉินวี่เฟยพูดด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน
เขามองสายตาของหลี่ฝาง เต็มไปด้วยความกังวล
หลี่ฝางพูดแก้ไป:“นั่นส้าวส้วยทำหมด เกี่ยวอะไรกับผม?”
“ใช้ได้นี่คุณ วันๆคุณตัวติดกับส้าวส้วยไม่ไปไหน แล้วคุณยังเป็นเจ้านายเขาอีก คุณคิดว่าจะหลุดพ้นเรื่องที่ทำ?”ฉินวี่เฟยพูด:“ฉันบอกให้นะ เมื่อกี๊ฉันเพิ่งเจอเหยสงล่ะ”
“คุณระวังหน่อย อย่าไปเจอหน้าเขาเข้าให้ล่ะ”ฉินวี่เฟยพูดเตือน
“เจอเขาแล้วทำไม?หรือว่าเขากล้าลงมือผมในปาร์ตี้?”หลี่ฝางพูดอย่างเหยียดหยาม
“นั่นก็ไม่แน่ คนอย่างเหยสง ไม่ค่อยรอบคอบ……แม้แต่มู่เสี่ยวไป๋ เขาอาละวาดขึ้นมา ก็ไม่ไว้หน้า”ฉินวี่เฟยพูด:“กลัวว่าอย่างเดียวในเมืองเอกที่จะควบคุมเหยสงได้ น่าจะเป็นสี่ตระกูลใหญ่นะสิ”
“สี่ตระกูลใหญ่?”หลี่ฝางเลิกคิ้ว
“สี่ตระกูลใหญ่อะไร?”หลี่ฝางถาม
“นี่คุณไม่รู้เหรอ?สี่ตระกูลใหญ่เมืองเอก ต่างมีประวัติศาสตร์มาเป็นร้อยปี พื้นเพของพวกเขา ลึกซึ้งยิ่งกว่าครอบครัวเศรษฐีของเรามาก แต่ สี่ตระกูลของพวกเขา เทียบกันแล้วค่อนข้างสมถะ คุณไม่เคยได้ยิน ปกติออก”ฉินวี่เฟยหัวเราะ พูด:“และพวกเขาก็เหมือนกับคุณ ชอบปิดบังตัวตน ใช้ชีวิตอยู่ในมุมของเมือง”
“นอกจากตกอยู่ในช่วงวิกฤต ไม่อย่างนั้น พวกเขาก็ไม่เปิดเผยตัวตนของตัวเอง ใช้อำนาจของตระกูลตัวเอง”
พอหลี่ฝางได้ยิน ก็หัวเราะเหอะๆ:“ลึกลับขนาดนี้เชียว?”
“ฟังดูแล้วน่าสนใจ”
หลี่ฝางกับฉินวี่เฟยกำลังพูดคุยอย่างมีความสุข ทันใดนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายกับฉินวี่เฟย ก็เดินเข้ามา
เธอสวมกระโปรงยาวขนห่านสีขาว ขาวสะอาดและบริสุทธิ์
มาตรงหน้าฉินวี่เฟย เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดเสียงเบา:“วี่เฟย คุณทำอะไรน่ะ?หรือคุณลืมไปแล้วว่า ไม่กี่วันนี้มู่เสี่ยวไป๋ออกจากโรงพยาบาล พวกคุณจะหมั้นกันอยู่แล้ว เวลานี้ โอกาสแบบนี้ คุณยังจะพูดคุยสนิทชิดเชื้อกับชายอื่นได้ไง?”
“หรือว่าคุณไม่กลัวตกเป็นคำนินทาของคนอื่น?”
“ถ้าวันข้างหน้าเข้าหูมู่เสี่ยวไป๋ ผลที่ตามมาจะต้องร้ายแรงแน่ๆ”
พอโดนผู้หญิงคนนี้ดุไป สีหน้าของฉินวี่เฟย ก็ดูละอายใจขึ้นมาทันที
ส่วนหลี่ฝาง ในเวลานี้กลับเดินขึ้นไปมองผู้หญิงคนนี้ หัวเราะ พูดว่า:“คุณคือพี่สาวของฉินวี่เฟย ฉินหยีหรันสินะ?”
“คุณรู้จักฉัน?”
คิ้วของฉินหยีหรันขมวดแน่นขึ้น เธอหันไปมองฉินวี่เฟย ถามอย่างโกรธๆ:“คุณบอกเขาเหรอ?คุณกับเด็กนี่ เป็นอะไรกันแน่?”
ฉินวี่เฟยขยับปาก แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร
หลี่ฝางกลับพูดก่อน ว่า:“ผมกับฉินวี่เฟย คือเพื่อนที่ดีต่อกันมาก”
“ในเมื่อคุณคือพี่สาวของฉินวี่เฟย งั้นผมเรียกคุณว่าพี่สาวละกัน”
“พี่ ฉินวี่เฟยนี้ไม่ใช่ว่ายังไม่หมั้นกับมู่เสี่ยวไป๋เหรอ?ถึงหมั้นแล้วจะทำไม?หรือว่าฉินวี่เฟยคบเพื่อนไม่ได้?”หลี่ฝางพูด
ฉินหยีหรันมองหลี่ฝาง มุมปากเหยียดหยาม แต่ยังโกรธหน่อยๆ:“คุณมีสิทธิ์อะไร มาเรียกฉันว่าพี่สาว?”