NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 302
บทที่ 302 เหยโก่วเหยสงขวางทาง
จากปากของตัวเอง หลังจากที่ได้รู้สถานะที่แท้จริงของหลี่ฝางแล้ว สวีจื่อเม่ยนอกจากจะตกใจแล้ว ก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
สวีจื่อเม่ยเคยเห็นรูปถ่ายของหลี่ฝาง และก็เคยสำรวจเขา จากตัวเขา มองไม่ออร่าของคุณชายเจ้าสำราญเลย ออร่าของลูกมหาเศรษฐีเลย
เขาทำไมถึงเป็นหลานของหลี่เจียเฉินละ?
เพียงแต่ว่าเมื่อคิดถึงตอนที่พ่อบ้านเฉียนตบบ้องหูของตัวเอง สวีจื่อเม่ยก็เชื่อแล้ว
“ฝ่ามือนั้นของพ่อบ้านเฉียน ไม่เพียงแต่ตบพี่ แต่มันเท่ากับตบตระกูลสวีทั้งตระกูล ทำให้ตระกูลสวีของเราทั้งตระกูลไม่มีทางลง เมื่อกี้พี่ยังคิด พ่อบ้านเฉียนทำไมต้องทำแบบนี้……เขาเป็นเพียงพ่อบ้านคนหนึ่งเท่านั้น ทำไมจึงกล้าลงมือกับพี่ ที่แท้ พี่ได้ล่วงเกินคนชายของตระกูลหลี่ไปแล้วนี่เอง”
“มิน่าล่ะซุนจิ้นไปแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ที่แท้……..”
ตอนนี้ สวีจื่อเม่ยก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
เพียงแต่ เมื่อเห็นน้องตัวเองที่ร้องไห้แบบนี้ สวีจื่อเม่ยก็ลูบไปที่ไหล่ของสวีเถิงเฟย อดไม่ได้จนร้องไห้ขึ้นมา: “ดูนายสิกลัวจนดูไม่ได้เลย ต่อให้เป็นหลานของหลี่เจียเฉินแล้วจะทำไม? เขาจะกินเนื้อพวกเราเหรอ?”
“เราก็ไม่ได้ทำอะไรเขานี่นา?”
“มากสุดตระกูลสวีกับตระกูลหลี่ ก็ไม่สามารถที่จะร่วมงานกันได้อีก มีอะไรน่าร้องไห้ละ? ตอนที่ตระกูลหลี่ไม่ปรากฏตัว ธุรกิจของตระกูลสวี ก็ดำเนินการได้อย่างราบรื่นไม่ใช่เหรอ?”
สวีจื่อเม่ยกล่าวอย่างไม่แยแส
สวีเถิงเฟยเช็ดน้ำตาจนแห้ง มองพี่สาวตัวเองแล้วกล่าว: “พี่ ถ้าหากผมจะบอกพี่ว่า ผมได้ส่งคนไปลอบฆ่าหลี่ฝางละ?”
“อะไรนะ!”
“เถิงเฟย นายพูดอีกครั้งซิ!” สวีจื่อเม่ยตกใจจนตัวหดลงไปสักพัก
“พี่ครับ ผมเข้าใจมาโดยตลอดว่าหลี่ฝางเป็นลูกคนธรรมดา ก่อนหน้านั้นเขาได้ล่วงเกินผมไปหลายครั้ง ครั้งนี้ผมก็ได้วางแผนกับหวางเฉินคิดอยากจะฆ่าเขาให้ตาย พอดีในมือของหวางเฉิน มีคนชื่อชุนเซิง เดือดร้อนเรื่องเงิน ผมให้ราคาสามแสน ซื้อชีวิตของหลี่ฝาง ไอ้ชุนเซิงก็ตกลง สรุป กลุ่มของชุนเซิง ไปแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ไม่มีข่าวคราวแม้แต่นิดเดียว โทรศัพท์ก็โทรไม่ติด” สวีเถิงเฟยพูดจบ ก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม
หลังจากฟังจนจบ ใบหน้าของสวีจื่อเม่ย ก็ซีดขาวทันที
ไม่เพียงแต่สวีเถิงเฟยที่ร้องไห้ เวลานี้ แม้แต่สวีจื่อเม่ยก็อยากจะร้องไห้
“จบแล้ว จบแล้ว เถิงเฟย ครั้งนี้นายได้ก่อเรื่องใหญ่แล้ว ตระกูลหลี่ ไม่มีทางที่จะปล่อยตระกูลสวีอย่างแน่นอน” สวีจื่อเม่ยกล่าวด้วยสีหน้าที่กลัวๆ
สวีเถิงเฟยหมายจะเอาชีวิตหลี่ฝาง ตระกูลหลี่ จะไม่แกล้งแค้นได้อย่างไร?
นี่มันเป็นตระกูลที่มีทรัพย์สินหลายแสนล้าน ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่ทั้งสี่ตระกูล ก็คงไม่อาจจะสู้ได้มั้ง?
“เรารีบกลับบ้านกันเถอะ ไปบอกเรื่องนี้กับคุณปู่ ให้คุณปู่หาวิธีถึงจะถูก” สวีจื่อเม่ยกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“พี่ครับ เรื่องนี้หากคุณปู่รู้เข้า ท่านจะตีผมมั้ย?” สวีเถิงเฟยเช็ดน้ำตา แล้วถาม
สวีจื่อเม่ยไม่ได้ตอบ
แม้ว่าท่านปู่สวีจะเอ็นดูสวีเถิงเฟย แต่ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ เกรงว่าต่อให้เอ็นดู ก็คงมีลงไม้ลงมือบ้างละ
ไม่ตีให้ตาย ก็นับว่าบุญแล้ว
ถึงอย่างไร พฤติกรรมครั้งนี้ของสวีเถิงเฟย มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะทำให้ตระกูลสวีเข้าสู่ทางตัน
……
หน้าประตูวิลล่า
เหยโก่วกับเหยสงทั้งคู่ยืนอยู่ตรงนั้น
“ใครที่ใจกล้าขนาดนี้ กล้าทำร้ายหนุ่นน้อยของตระกูลสวีจนแบบนี้? ไม่กลัวว่าท่านปู่สวีจะไปเอาเรื่องที่บ้านกันเหรอ” เหยโก่วพลางสูบบุหรี่ พลางกล่าว
ช่วงก่อน ท่านปู่สวีเรียกเหยสงเข้าไปพบ ได้ให้เช็คสิบล้านกับเขาหนึ่งใบ
สำหรับเรื่องดอกเบี้ย เหยสงไม่กล้าที่จะเอ่ยถึงมันเลย…….
เหยสงรู้ดี หากสวีส้าวชิวโกรธแล้ว หากตัวเองกล้าขอดอกเบี้ยกับตาแก่คนนี้ เกรงว่าตาแก่คนนี้ อาจจะลงมือจัดการตัวเอง
แม้ว่าสวีส้าวชิวจะไม่พูด แต่ว่าเขาต้องโกรธอย่างแน่นอนเรื่องที่เหยสงยืมเงินให้กับสวีเถิงเฟย
ถึงอย่างไรเรื่องการกู้ยืมเงินนอกระบบ ไม่ใช่เรื่องที่ดี
ก็เพราะหลังจากเรื่องนี้แล้ว เหอสงเหอโก่วสองพี่น้อง จึงรู้ว่าไอ้หนุ่มอย่างสวีเถิงเฟยนั้น เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของสวีส้าวชิวมาก
“แปลกอยู่นะ”
เหยสงดับบุหรี่ที่อยู่ในมือ: “เมื่อกี้ตอนที่สวีเถิงเฟยจากไปนั้น ลุกลี้ลุกลน ท่าทางเหมือนกับว่ากลัวมาก”
“อีกอย่าง บนใบหน้าของสวีจื่อเม่ย ยังมีรอยฝ่ามือ”
“ใครนะที่ช่างใจกล้าขนาดนั้น กล้าทำร้ายสวีจื่อเม่ยกับสวีเถิงเฟยทั้งสองคน?”
“เหยโก่ว แกไปสืบดูหน่อย” เหยสงกล่าว
พอดีเวลานี้ มีคุณชายท่านหนึ่งเดินออก
เหยโก่วเดินเข้าไป ไปสอบถาม ก็ได้รู้ความจริง
หลังจากกลับมาเล่าให้เหยสงฟังแล้ว เหยสงก็หัวเราะเห่อๆ: “คุณชายสวีคนนี้ ไม่รู้ว่าทำเรื่องผิดศีลธรรมอะไร กลับถูกส้งเคอ หวงเจ๋จางเฉียงและพวกทำร้ายเอา”
“ตอนนี้ คุณชายสวีคงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มีความลำบากแต่พูดออกไม่ได้ ต่อให้ท่านปู่สวีจะเอ็นดูเขามากแค่ไหน ก็คงไม่สามารถที่จะไปคิดบัญชีตามแต่ละบ้านได้มั้ง?”
“ก็ไม่รู้ว่าคุณชายสวีไปก่อเรื่องอะไรเข้า”
เหยโก่วกับหวงสง หัวเราะอยู่ในลำคอ ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ต่อ
“ไอ้หมอนั่น ทำไมยังไม่ออกมา?”
เหยโก่วกำลังรอให้ส้าวส้วยออกมา
เพราะว่า เหยสงจะแก้แค้นให้กับลูกชายของตัวเอง
เขาไม่กล้าลงมือข้างในวิลล่า ทำได้เพียงรออยู่ด้านนอกวิลล่า รอไปเรื่อยๆ
ในวิลล่า หลังจากที่สวีเถิงเฟยกับสวีจื่อเม่ยโดนล่าออกไปแล้ว หลี่ฝางอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
หลี่ฝางก็ได้ดื่มเหล้ากับพวกส้งเคอ ดื่มไปหลายแก้ว
รอจนกระทั่งฉินหยีหรันจากไปแล้ว หลี่ฝางจึงได้ลุกขึ้น แอบๆไปถึงด้านหน้าของฉินวี่เฟย
“แผลเธอคงไม่เป็นอะไรนะ? ถูกพี่สาวเธอกระชากมาทั้งวัน แผลคงไม่ปริใช่นะ” หลี่ฝางกล่าวด้วยความเป็นห่วง
ฉินวี่เฟยส่ายหัว แล้วกล่าว: “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อกี้พี่สาวฉันจับฉันไปหลายครั้ง เจ็บไม่เบาเลย ไม่งั้นนายก็ช่วยฉันดูหน่อยสิ”
“ดูยังไงละ?” หลี่ฝางถามกลับไปหนึ่งประโยค
“โง่เหรอ ก็ต้องหาที่ที่ไม่มีคนไง” ฉินวี่เฟยทำท่ามองบนใส่หลี่ฝาง
หลี่ฝางคิดๆ แล้วกล่าว: “ไป ไปวิลล่าของฉันเถอะ”
ฉินวี่เฟยพยักหน้าตกลง
“ดู คนนั้นคุณหนูฉินใช่มั้ย? ไปกับคุณชายหลี่แล้ว” ส้งเคอเห็นภาพนี้ ก็หัวเราะเห่อๆ
เฝิงจื่อหลินมองดูฉินวี่เฟย แววตาแฝงไว้ด้วยความชื่นชม: “สมกับที่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองจริงๆ รูปร่างหน้าตาช่างสวยงามหรือเกิน”
“นายว่าเธอจะมีอะไรกับคุณชายหลี่หรือเปล่า? เมื่อกี้เห็นพวกเขาสองคนคุยกัน เหมือนกิ๊กกันเลย ดูแล้วต้องมีอะไรอย่างแน่นอน” ส้งเคอหัวเราะ
หวงเจ๋พยักหน้า แล้วกล่าว: “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
“พวกนายเข้าใจผิดแล้ว”
ในเวลานี้ จางเฉียงก็กล่าวขึ้น: “ฉันจะบอกความลับพวกนายอย่างหนึ่ง แต่พวกนายห้ามไปเล่าต่อโดยเด็ดขาด”
“ความลับอะไร?” ตาหลายคู่ จ้องไปที่จางเฉียงพร้อมกัน
จางเฉียงหัวเราะ แล้วกล่าว: “คุณหนูฉินคนนี้ เป็นดอกไม้ที่มีเจ้าของแล้ว”
“ใคร?” ทุกคนถามพร้อมกันด้วยความแปลกใจ หวงเจ๋
“มู่เสี่ยวไป๋มั้ง จางเฉียงหัวเราะเสียงดัง ในเมืองเอกนอกจากมู่เสี่ยวไป๋แล้ว ยังมีใครที่เหมาะสมกับคุณหนูฉินอีก?”
“ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ตระกูล ลึกลับมาโดยตลอด มู่หรงฉางเฟิงที่เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นมา ก็ถูกท่านปู่ฉินดึงตัวไป กลายเป็นลูกเขยที่รักใคร่เอ็นดูของพ่อตาแม่ยาย วันนี้ ฉินวี่เฟยคนนี้ก็โตเป็นสาวแล้ว ได้เวลาที่จะแต่งงานแล้ว”
“จางเฉียง ข้อมูลของนายเชื่อถือได้หรือเปล่า?” ส้งเคอถามอย่างสงสัย
“ไร้สาระ ฉันได้ยินมากับหู คุณปู่ของฉันเป็นพยานในงานแต่งงาน สองสามวันก่อนท่านปู่ฉินได้ไปบ้านฉัน ถามปู่ของฉันว่าอีกสองสามวันมีเวลาว่างมั้ย ฉันที่แอบเดินผ่าน ก็ฟังไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวที่ฮอตระเบิดแบบนี้”
“เฮ้ย น่าเสียดายจริงๆ”
“พวกนายว่าไง หากตอนนี้คุณชายหลี่กับฉินวี่เฟยได้เสียกันแล้ว มันจะกลายเป็นเรื่องสนุกหรือเปล่า?” จู่ๆหวงเจ๋หัวเราะ แล้วกล่าว
“ฉันก็ว่าน่าสนุก”
“ก็ว่านะ มู่เสี่ยวไป๋ไอ้หมอนี่มันโอหังมากขนาดนั้น ก็สมควรที่จะมีคนมากำราบมันเสียบ้าง ส้งเคอกล่าว
พวกส้งเคอแล้ว จริงๆแล้วไม่ค่อยถูกกับมู่เสี่ยวไป๋
หลี่ฝางกับวี่เฟย ไหล่ชนไหล่เดินไปที่วิลล่าด้วยกัน ก็ไม่ได้เจาะจงที่จะปกปิดคนอื่นๆ
เวลานี้ ฉินวี่เฟยอยากที่จะให้คนอื่นเห็นเธออยู่กีบหลี่ฝางมาก และฝั่งหลี่ฝาง หลังจากที่ฉินวี่เฟยรับมีดแทนตัวเองแล้ว ก็เต็มใจที่จะให้เธอหลอกใช้
ออกมาจากวิลล่า ก็เห็นเหยสงกับเหยโก่ว
เหยโก่วมองหลี่ฝางไปแวบหนึ่ง ใบหน้าก็แสดงความโหดออกมา
“พี่ใหญ่ มันก็คือหลี่ฝาง” ใช้คางชี้ไปที่หลี่ฝาง เหยโก่วกล่าว
หลี่ฝางเห็นเหยโก่ว ใจก็กลัวขึ้นมาทันที
“ยอดฝีมือคนนั้นละ?” เหยสงพยักหน้า แล้วถาม
“เหมือนจะไม่ได้ออกมา” เหยโก่วส่ายหัว
เหยสงส่งสายตาให้กับเหยโก่ว แล้วกล่าว: “แกไปเรียกไอ้หมอนั่นมานี่สิ ถามมันดู”
เหยโก่วเดินไปทางหลี่ฝาง และหลี่ฝางเห็นว่าไม่ดีแล้ว ก็อยากจะหนี
แต่เมื่อคิดๆดูแล้ว ฉินวี่เฟยบาดเจ็บอยู่ หากวิ่งหนีขึ้นมา มันง่ายต่อที่แผลจะฉีกขาด
ช่างเหอะ หลี่ฝางคิดในใจ อยู่ที่นี่ เหยโก่วยังจะกล้าลงมือกับตัวเองเหรอ?
“ไอ้หนุ่ม พี่ใหญ่ฉันเรียกนาย” เหยโก่วเดินเข้ามา กล่าวกับหลี่ฝางอย่างเย็นชา