NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 303
บทที่303 ศัตรูที่น่ากลัวของส้าวส้วย
หลี่ฝางมองเหยสงไปแวบหนึ่ง เห็นว่ามันกำลังจ้องมองตัวเองอยู่
หลบยังไงมันก็หลบไม่พ้นอยู่แล้ว ความหมายนี้ หลี่ฝางก็เข้าใจอยู่
ในเมื่อเหยสงกับเหยโก่วต่างก็รู้จักตัวเอง วันนี้หลบไปแล้ว เกรงว่าวันข้างหน้ามันก็ต้องยุ่งยากกว่านี้อย่างแน่นอน
เข้าไปมันคงทำอะไรไม่ได้มั้ง?
อยู่ในถิ่นของตัวเอง เขาคงไม่กล้าที่จะลงมือหรอกมั้ง?
พูดตามตรง แม้ว่าเหยสงจะเป็นมาเฟียที่มีอำนาจ แต่ตอนนี้ หลี่ฝางก็ไม่ได้มีความกลัวเลย
หลี่ฝางก็เบ่งเหมือนกัน เลิกคิ้วแล้วกล่าว: “เขาหาฉัน ทำไมไม่มาด้วยตัวเอง ทำไมต้องให้ฉันไปหาเขา ทำไม หน้าเขาใหญ่เหรอไง?”
ระยะห่างของหลี่ฝางกับเหยสง จริงๆแล้วก็ไม่ไกล เดินแค่ไม่กี่ก้าวเอง บวกกับเหยสงเป็นคนหูไว คำพูดของหลี่ฝาง ได้เข้าไปในหูของเหยสงแล้ว ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
จึงได้มองทอดสายตาไป นอกจากผู้หลักผู้ใหญ่ของตระกูลในเมืองแล้ว ยังมีใครกล้าที่จะพูดแบบนี้กับตัวเองเลย
เหยสงหัวเราะเบาๆ ก้าวเท้าออกไป เดินไปทางหลี่ฝาง: “ตรงนี้คุยกันไม่สะดวก คนเดินไปเดินมา มีใครเขาคุยกันตรงหน้าประตูของคนอื่นกันละ นายว่ามั้ย? น้องชาย?”
น้ำเสียงของเหยสงเรียบเฉยมาก มองไม่ออกว่าเป็นมาเฟียเลยแม้แต่นิดเดียว
“ได้ งั้นก็ขยับถอยหลังไปหน่อย”
หลี่ฝางก็ไม่กล้าไปไกล กระซิบบอกฉินวี่เฟย: “เธอรอฉันอยู่ตรงนี้แป๊บนึงนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันไปกับนาย ฉินวี่เฟย” ยิ้มพร้อมกับกล่าว
“เธอไม่กลัวเหรอ?” หลี่ฝางหัวเราะเห่อๆ
“มีอะไรน่ากลัวเหรอ?” ฉินวี่เฟยหัวเราะเบาๆ
หลี่ฝางคิดในใจ มันก็ใช่ ฉินวี่เฟยเป็นคุณหนูของตระกูลฉิน ต่อให้เหยสงไม่มีตา ก็คงไม่กล้าที่จะทำร้ายคุณหนูของตระกูลฉินหรอกมั้ง?
ก่อนหน้านั้น แม้ว่าฉินวี่เฟยจะปกปิดฐานะของตัวเองมาโดยตลอด
แต่บัดนี้ ก็ได้เปิดเผยตัวตนแล้ว
เดินไปทางสวนป่า เดินไปประมาณสิบกว่าเมตร หลี่ฝางก็หยุดเดิน: “มีเรื่องอะไร ก็คุยกันตรงนี้แหละ”
“เดินไปข้างหน้าอีกหน่อย” เหยโก่วกล่าว
“ไม่ไปแล้ว พูดตรงนี้แหละ” หลี่ฝางยืนยันคำเดิม
เหยโก่วหัวเราะเห่อๆ ใบหน้าเผยให้เห็นด้วยรอยยิ้มที่ดูถูก” ทำไม กลัวเหรอ?”
เหยโก่วพูดไม่ผิด หลี่ฝางมีความกลัวจริงๆ
เดินไปข้างหน้าอีก มันก็เกือบจะถึงสวนป่าแล้ว ถ้าหากเหยโก่วหรือเหยสงลงมือ ฉุดตัวเองเข้าไปในสวนป่า เมื่อถึงตอนนั้นตัวเองจะทำยังไง?
หลี่ฝางก็เป็นตรงไปตรงมา พยักหน้ากล่าว: “ใช่ เดินไปข้างหน้าอีก ฉันกลัว ตรงนี้แหละ มันเป็นขีดจำกัดของฉัน”
“พวกนายอยากคุยอะไร ก็คุยตรงนี้แหละ ไม่อยากคุย ฉันก็จะกลับไปนอนแล้ว”
หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูดเสริม: “หากพวกนายกล้าแตะต้องฉันแม้แต่ปลายเล็บ ฉันก็จะตะโกนขอความช่วยเหลือ ฉันคิดว่าพวกนายคงไม่ได้โง่ขนาดนั้น ที่จะลงมือตรงนี้มั้ง?”
สีหน้าของเหยโก่วจมดิ่งลงไป จ้องมองหลี่ฝาง: “หากเราอยากทำร้ายแก โอกาสนั้นมีตั้งมากมาย ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรอก”
“ไอ้เด็กน้อย นายฉลาดมาก”
เหยสงมองไปที่หลี่ฝาง แล้วยิ้มอย่างกวนๆ
เหยสงอยู่ในสังคมมาสิบกว่าปี คนแบบไหนก็เคยเจอมาหมดแล้ว แต่ว่าประเภทแบบหลี่ฝาง ยังเป็นครั้งแรกที่เหยสงเจอ
หากจะบอกว่าเขาใจเสาะ เขาก็ไม่ได้เห็นตัวเองอยู่ในสายตา
หากจะบอกว่าเขาใจกล้านั้น แม้แต่เดินไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าวเขาก็ไม่กล้า
ยังมีอีกนิดหนึ่ง หลี่ฝางเป็นคนซื่อตรง วัยรุ่นที่อายุอย่างไอ้เด็กนี่ ต่อให้ในใจจะกลัว ก็คงจะไม่กล้ายอมรับออกมา
ใครจะไปเหมือนหลี่ฝาง พูดออกมาตรงๆ ใช่ ฉันก็คือกลัว
เมื่อเป็นแบบนี้ แผนการข่มขู่ที่เหยโก่ววางไว้ตั้งแต่ต้น มันก็ใช้ไม่ได้เลย
เหยสงดูดบุหรี่ไปหนึ่งที แล้วกล่าว: “ขอแนะนำตัวหน่อย ฉันชื่อหวางข่ายสวน เป็นพ่อของหวางเฉิน”
หลี่ฝางคิดในใจ ก็บอกว่าตัวเองเป็นเหยสงก็สิ้นเรื่องแล้ว นี่มันกำลังเล่นตัวถ่อมตนกับตัวเองอยู่เหรอ?
“ที่ฉันหานายมา ก็เพียงแค่อยากจะถามเรื่องของคนคนหนึ่ง คนที่ทำร้ายลูกชายของฉัน มันอยู่ไหน? นายมีเบอร์โทรของเขาหรือเปล่า ถ้ามี ช่วยโทรตามเขาออกมาหน่อยได้มั้ย?” เหยสงใช้น้ำเสียงที่หารือกัน
หน้าตาของเหยสง น่ากลัวน้อยกว่าฉายาของเขา
โดยเฉพาะสำเนียง น้ำเสียง ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนที่อะไรก็ได้
ตอนแรก หลี่ฝางยังนึกว่าเหยสงจะเหมือนกับเหยโก่ว ที่มีหน้าตาที่ดุร้าย ตอนนี้มองดูแล้ว ตัวเองนั้นคิดผิดไปแล้ว
เหยสงไม่เหมือนมาเฟียเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับเหมือนนักธุรกิจที่อ่อนโยน
“เห่อๆ คุณอา คุณอาคงจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์มั้ง อาการบาดเจ็บของหวางเฉิน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเพื่อนของฉันเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งหมดเป็นฝีมือของน้องชายคุณเหยสง”
หลี่ฝางหัวเราะพูดจบ ยังมองไปที่เหยโก่วแวบหนึ่ง แล้วถาม: “ใช่มั้ย เหยโก่ว?”
สีหน้าของเหยโก่ว แน่นอนมันก็ต้องดำคล้ำไปทันที
“ไอ้เด็กน้อย เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะชมว่านายเป็นคนฉลาก”
เหยสงหัวเราะเบาๆ มองไปที่หลี่ฝาง แล้วกล่าว: “แต่วัน ฉันไม่ค่อยชอบเด็กที่ฉลาดเกินไป”
พูดจบ สีหน้าของเหยสง ก็เปลี่ยนไปทันที
สีหน้ามืดมน เปลี่ยนไปจนน่ากลัวมาก
“ฉันของถามนายอีกครั้ง เพื่อนของนาย ตอนนี้อยู่ไหน?” เหยสงจ้องมองหลี่ฝางด้วยสายตาที่ดุร้าย กลับทำให้หลี่ฝางตกใจจนหดตัวลง
บนตัวของเหยสง แผ่กระจายไปด้วยแรงอาฆาตที่รุนแรงมาก
หลี่ฝางยังไม่ทันได้ตอบ เหยสงก็ยื่นมือออกมา ล็อกคอของฉินวี่เฟยเอาไว้ จากนั้นก็ยกเธอขึ้นมา: “หากยังไม่พูดอีก ฉันก็จะบีบคอของแฟนนายให้หักไปเลย”
“เธอไม่ใช่แฟนฉัน เธอเป็นคุณหนูตระกูลฉิน” หลี่ฝางรีบกล่าว
หลังจากที่เหยสงได้ยิน ก็รีบปล่อยมือจากฉินวี่เฟยทันที
ถึงอย่างไร เหยสงก็ไม่อยากที่จะล่วงเกินตระกูลฉิน นั่นมันเป็นตระกูลอันดับหนึ่งอันดับสองเลยนะ
เพิ่งจะปล่อยฉินวี่เฟย เหยสงก็ล็อกแขนของหลี่ฝางเอาไว้ทันที แล้วกล่าว: “รีบพูดมา ไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนั้นฉันจะหักแขนนาย”
คำพูดนี้หากพูดก่อนหน้านี้ หลี่ฝางไม่อยากเชื่อจริงๆ
ล็อกแขนของตัวเองไว้ ก็คิดจะหักแขนของตัวเองเหรอ?
คิดว่าตัวเองเป็นแรมโบ้เหรอ!
ตั้งแต่เคยเห็นเจ้าหัวแบน โหจื่อ ส้าวส้วยคนเหล่านี้ที่ต่อสู้แล้ว หลี่ฝางก็เข้าใจมากขึ้น ว่าสังคมนี้ ยังมียอดฝีมืออยู่ไม่น้อย
อีกอย่าง ฝีมือของเหยสง หลี่ฝางก็เคยได้ยินจางกงหมิงพูดถึงนานแล้ว
คนที่เป็นมาเฟียอยู่ในเมืองเอก นอกจากชางสู่ที่วิ่งไปมา ก็ไม่มีใครกล้าที่จะสู้กับเหยสง
หลี่ฝางปอดแหกแล้ว ก็ได้แสดงความกลัวออกมาทางสีหน้าทันที
“แกอย่าทำร้ายเขานะ เขาเป็นคุณชายของรีสอร์ตนะ” ฉินวี่เฟยรีบกล่าวขึ้นทันที
เหยสงหัวเราะเห่อ แล้วกล่าว: “ขู่ฉันเหรอ!”
“ต่อให้เขาเป็นคุณชายของรีสอร์ตจริงๆแล้วจะทำไม ลูกชายฉันเกิดเรื่องที่รีสอร์ตของพวกเขา ฉันกำลังจะไปทวงความยุติธรรมกับพวกเขาอยู่พอดีเลย”
เหยสงยิ้มอย่างดูแคลน มองหลี่ฝางด้วยสายตาที่โหดร้าย: “ทำไม ยังไม่โทรอีกเหรอ?”
หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างจำยอม แล้วโทรหาส้าวส้วย
ไม่นานนัก ส้าวส้วยก็ออกมา
เพียงแต่ว่า ส้าวส้วยได้เปลี่ยนไปใส่ชุดลำลองแล้ว เสื้อที่เขาใส่ก่อนนั้น ได้ถอดออกมาขายให้กับเฝิงจื่อหลิน ในราคาห้าหมื่น
เมื่อเห็นส้าวส้วย หลี่ฝางก็รีบตะโกนไปทางเขาทันที
“ส้าวส้วย!”
ส้าวส้วยมองมาทางนี้แวบหนึ่ง ก็รีบวิ่งเข้ามาทันที
“พี่ใหญ่ ก็คือมัน” เมื่อเห็นส้าวส้วย สีหน้าของเหยโก่ว ก็เปลี่ยนทันที
ต่อให้มีเหยสงอยู่ เหยโก่วที่อยู่ต่อหน้าส้าวส้วย ก็ยังคงมีความกลัว
“หาฉันเหรอ?”
เมื่อส้าวส้วยมาถึง ก็มองไปที่เหยโก่วกับเหยสงสองคน แล้วกล่าว: “ในเมื่อหาฉัน งั้นก็ปล่อยเจ้านายฉันเถอะ”
“เขาเป็นเจ้านายแก?”
เหยสงมองหลี่ฝางไปแวบหนึ่ง มีความแปลกใจเล็กน้อย: “นายเป็นคุณชายของรีสอร์ตนี้จริงๆ?”
“พูดมากอยู่ได้ รู้แล้วยังไม่รีบปล่อยฉัน!” หลี่ฝางถลึงตาใส่เหยสง กล่าวด้วยความโกรธ
ถูกเหยสงล็อกแขนเอาไว้ หลี่ฝางรู้สึกว่าแขนของตัวเอง เหมือนจะเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปแล้ว
เหยสงคนนี้ เหมือนจะยังไม่ได้ออกแรงเลย
ถ้าหากออกแรง แขนของตัวเอง ต้องหักอย่างแน่นอน
เหยสงคนนี้ก็ยิ้มที่มุมปาก แล้วกล่าว: “ทำไม เป็นคุณชายของรีสอร์ต ก็แตะต้องไม่ได้แล้วเหรอ?”
“แกกล้าแตะต้องลูกชายฉัน แล้วทำไมฉันจะไม่สามารถแตะต้องเจ้านายแกละ?
มองส้าวส้วยไปแวบหนึ่ง เหยสงก็กล่าวอย่างเย็นชา
หลี่ฝางคิดในใจ แย่แล้ว
ฟังคำพูดของเหยสงแล้ว ไอ้หมอนี่ กำลังจะลงมือทำร้ายตัวเองแล้ว
ยังเป็นคนแรกที่ รู้จักฐานะที่แท้จริงของตัวเองแล้ว ยังกล้าที่จะทำร้ายตัวเองอีก
หลี่ฝางรู้แล้ว ครั้งนี้หลี่ฝางเจอคนจริงเสียแล้ว
และสีหน้าของส้าวส้วย ก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
วันนี้ ขอเพียงใช้มีด แขนของหลี่ฝาง ก็อาจจะขาดทันที ต่อให้ส้าวส้วยจะว่องไวแค่ไหน ก็ยากที่จะช่วยหลี่ฝางเอาไว้ได้
ในขณะที่กำลังวุ่นวาย สายตาของส้าวส้วย ก็ได้มองไปที่ตัวของเหยโก่ว
ในขณะที่เหยสงกำลังจะลงมือนั้น ส้าวส้วยก็หายแวบไปทันที ไปโผล่อยู่ที่ด้านหลังของเหยโก่ว มือข้างหนึ่ง ได้ล็อกที่คอของเหยโก่วเอาไว้
แววตาของเหยสง ทันใดนั้นก็เฉียบคมขึ้นมาทันที
ว่องไวขนาดนี้?
นี่มันทำให้เหยสงรู้ว่า ตัวเองคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวแล้ว
เหยสงขมวดคิ้ว มองไปที่ส้าวส้วย กล่าวอย่างลนลาน: “นายจะทำอะไร?”