NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 309
บทที่ 309 แกเป็นคุณชายหลี่?
เมื่อเสี่ยวจางได้ยิน “ฆ่าคนแล้ว” สามคำนี้ ก็รีบวิ่งมาอย่างตื่นเต้น
บวกกับทางนี้ก็เป็นวิลล่าของหลี่ฝาง เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากกว่าเดิม
เสี่ยวจางวิ่งมาอย่างรีบร้อน เขาจำฉินหยีหรันได้ รีบกล่าวขึ้น: คุณนายมู่หรง? ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
หลังจากที่ฉินหยีหรันแต่งเข้าบ้านของมู่หรงฉางเฟิง ก็ถูกเรียกว่า : ‘คุณนายมู่หรง’
“เอาล่ะ อย่าสนใจว่าใครมาอยู่ที่นี่ยังไง นายรีบเข้าไปดู น้องชายฉันจะถูกทำร้ายจนตายแล้ว!” ฉินหยีหรันถลึงตาใส่เสี่ยวจางไปหนึ่งที แล้วกล่าวอย่างรีบร้อน
“เพียงแต่พวกนายต้องระวังตัวหน่อยนะ ฝ่ายตรงข้ามมีมีด อาจจะเป็นนักเลง” นิ่งไปสักพัก ฉินหยีหรันก็ได้พูดกล่าวเตือน
“อะไรนะ นักเลง คุณพระคุณเจ้า คุณชาย คุณชาย……..”
เสี่ยวจางได้ยินคำมีดและนักเลง ก็ตกใจจนหัวใจจะหลุดออกมาแล้ว
เสี่ยวจางไม่คิดอะไรเลย ก็วิ่งเข้าไปในวิลล่าโดยตรง เวลานี้ที่ห้องรับแขกของวิลล่า ในมือของหลี่ฝางถือมีดอยู่ ชี้ไปที่หน้าของฉินจื่อยี่แล้วกล่าว: “มา แกลองมาอวดดีกับฉันอีกครั้งซิ”
แม้ว่าหลี่ฝางก็เข้าใจ ฉินจื่อยี่ที่โกรธขนาดนี้ ก็เพราะตัวเองนอนกับน้องสาวของเขา
แต่แกไม่สนใจอะไรเลย แม้แต่คำอธิบายก็ไม่ยอมฟัง มาถึงก็ลงมือ ยังด่าอย่างเสียๆหายๆ นี่คือสิ่งที่แกทำไม่ถูก
บวกกับที่เขี่ยบุหรี่อันนั้น ปามาที่หัวของหลี่ฝางโดยตรง
แบบนี้ มันก็เกินไปมาก!
หลังจากที่เสี่ยวจางวิ่งเข้ามา หลี่ก็เก็บมีดให้เรียบร้อย
เดินไปที่โต๊ะ หลี่ฝางก็รินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว ดื่มมันลงไป มองเสี่ยวจางอย่างรังเกียจแล้วกล่าว: “ทำไมนายเพิ่งมา?”
“คุณชาย ผมทำงานไม่ได้เรื่อง ขอให้คุณยกโทษให้ด้วย”
“คุณชาย หัวของคุณเลือดออกแล้ว ผมจะโทรตามหมอมาเดี๋ยวนี้เลย ให้เขามาทำแผลให้คุณ เสี่ยวจางหยิบโทรศัพท์ออกมา” ก็โทรไปหาคุณหมอ
“ช่างเถอะ นี่มันก็ดึกมากแล้ว อย่าไปรบกวนเขาเลย”
“อีกอย่าง ฉันแค่บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่หนักหนา แกลองถามไอ้หมอนั่นดูว่าต้องการหมอมั้ย” หลี่ฝางมองไปที่ฉินจื่อยี่แล้วกล่าว
ตอนแรกนั้น ฉินหยีหรันเข้าใจว่าคุณชายที่เสี่ยวจากเรียกนั้น เรียกน้องชายของตัวเอง
ฉินจื่อยี่ก็เข้าใจว่าเรียกตัวเอง
แต่ตอนนี้นับว่าพวกเขานั้นเข้าใจแล้ว คนเหล่านั้นเรียกหลี่ฝางต่างหาก
“นายเรียกเขาว่าคุณชาย?” ชี้ไปที่หลี่ฝาง ฉินหยีหรันมองไปที่เสี่ยวจางด้วยสีหน้าที่ตกใจ
“ใช่ครับ เขาก็คือคุณชายหลี่ เป็นเจ้าของรีสอร์ตแห่งนี้” เสี่ยวจางกล่าวอย่างเรียบเฉย
“อะไรนะ?”
ฉินจื่อยี่กับฉินหยีหรันตกตะลึงในเวลาเดียวกัน เขาทั้งสองได้กล่าวออกมาพร้อมกัน: “เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?”
“เขา เขาเป็นหลานของคุณท่านหลี่หลี่เจียเฉิน?” ฉินหยีหรันไม่กล้าที่จะเชื่อเลย
ในสายตาของเขา หลี่ฝางมันก็เพียงยาจกคนหนึ่งเท่านั้น
ไม่ว่าจะมองยังไง หลี่ฝางก็ไม่เหมือนคุณชายของรีสอร์ตเลย
หลี่ฝางโบกมือ ให้เสี่ยวจางออกไป จากนั้นเขาจึงกล่าวขึ้น: “ยังไง แปลกใจมากใช่มั้ย?”
หลี่ฝางหัวเราะเห่อๆ นั่งลงตรงหน้าของฉินวี่เฟย จ้องไปที่ฉินหยีหรันแล้วถาม: :เธอยังจะแจ้งความจับฉันอีกมั้ย? หากจะแจ้งก็รีบแจ้งเลย”
“ยังมีนาย”
ตามมาด้วย หลี่ฝางก็มองไปฉินจื่อยี่ที่อยู่บนพื้น: “ยังอยากจะทำร้ายฉันอีกมั้ย? ตอนนี้ฉันจะไม่โต้ตอบแล้ว นั่งอยู่ตรงนี้ให้นายลงมือทำร้าย”
หลี่ฝางอ้าแขนออก พิงลงไปที่โซฟาโดยตรง
“หลี่ฝาง ทำไมนายไม่บอกแต่แรก?” ฉินจื่อยี่ตบก้นสองสามทีแล้วลุกขึ้นมา กล่าวด้วยสีหน้าที่ดูแย่เล็กน้อย
“ก็ใช่ไง นายเป็นคุณชายของตระกูลหลี่ ทำไมไม่บอกพวกเราตั้งแต่ตอนแรก?” บนใบหน้าของฉินหยีหรันก็คล้ำบ้างม่วงบ้าง
“เห่อๆ คนหนึ่งทันทีที่เข้าประตูมาก็ชี้หน้าด่าฉันและสาปแช่งเหมือนคนปากร้าย ยังจะแจ้งตำรวจอีก อีกคนเข้ามาก็ลงไม้ลงมือเลย ไอ้ฉันก็อยากจะบอก แต่ว่าพวกแกให้โอกาสฉันพูดเหรอ?” หลี่ฝางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
มองพี่น้องสองคนนี้แวบหนึ่ง หลี่ฝางก็หัวเราะอย่างเย็นชา: “พวกเธอสองคนเหมาะที่จะเป็นพี่ชายพี่สาวของฉินวี่เฟยมั้ย?”
“พวกเธอปฏิบัติแบบนี้กับน้องสาวเหรอ? ฉินวี่เฟยไม่ชอบมู่เสี่ยวไป๋ พวกเธอดูไม่ออกเลยเหรอ?” หลี่ฝางถามอย่างเย็นชา
“จำเป็นที่จะต้องบีบบังคับฉินวี่เฟยไปสู่หนทางแห่งความตายด้วยเหรอ? ไอ้แก่พวกนั้นไม่มีหัวใจก็ช่าง แต่เธอสองคนเป็นคนที่เติบโตมาพร้อมกับฉินวี่เฟย ก็ทำเหมือนกับพวกผู้ใหญ่ ผลักฉินวี่เฟยลงเหวเหรอ?”
หลี่ฝางที่มองฉินจื่อยี่กับฉินหยีหรันทั้งสองคน เหมือนกำลังสอบสวนสั่งสอนนักโทษ
สีหน้าของฉินจื่อยี่ดูแย่เล็กน้อย เขากล่าวด้วยสีหน้าที่จำยอม: “หลี่ฝาง………ไม่ถูก ต้องเรียกว่าคุณชายหลี่”
“คุณชายหลี่ คุณไม่เข้าใจสถานการณ์ของตระกูลฉิน ตระกูลฉินอย่างเรา ต้องฟังคำพูดของคุณปู่เท่านั้น คุณปู่พูดอะไร คนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นใคร แม้กระทั่งพ่อแม่ของผม ก็ไม่กล้าที่จะขัด คำพูดของท่าน เป็นเหมือนราชโองการ ท่านบอกให้วี่เฟยแต่งกับมู่เสี่ยวไป๋ เรื่องนี้ ก็ถือว่าได้กำหนดไปแล้ว”
“พ่อแม่ผมยังไม่กล้าขัดเลย ผมกับพี่สาวก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว?”
“เมื่อกี้ถึงได้วู่วามขนาดนั้น ลงมือทำร้ายคุณ ต้องขออภัยด้วย คุณก็อยากโทษผมเลย ถึงยังไง วี่เฟยก็เป็นน้องสาวฉัน คุณสองคนเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่กี่วัน ก็มีความสัมพันธ์กันแล้ว แบบนี้ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ” ฉินจื่อยี่เบ้ปาก ก็ยังคงมีความโกรธอยู่ไม่น้อยแล้วกล่าว
พูดตามตรงเลย หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ฐานะของหลี่ฝาง ฉินจื่อยี่ยังอยากที่จะทำร้ายหลี่ฝางอีกรอบ ต่อให้สู้ไม่ไหว ก็อยากที่จะหาคนมาจัดการหลี่ฝาง
ฉินจื่อยี่มองน้องสาวตัวเองกับหลี่ฝาง ก็รู้สึกเหมือนกับว่าน้องตัวเองจะถูกหลี่ฝางหลอก
จริงๆแล้ว หลี่ฝางก็ไม่ขี้เหร่ เพียงแต่ผิวค่อนข้างที่จะคล้ำไปหน่อย หน้าตาจัดว่าเป็นพวกยิ่งดูยิ่งหล่อ
แต่ฉินวี่เฟยหน้าตาถือว่าเป็นสาวสวยระดับประเทศ บวกกับรูปร่างที่เย้ายวน รวมทั้งฐานะทางสังคม พูดตามจริง หากไม่ใช่หลี่ฝางเป็นหลานของหลี่เจียเฉิน ฉินจื่อยี่ไม่มีทางที่จะให้พวกเขาคบกัน
“แบบนี้ไม่เท่ากับแก้ไขปัญหาที่ยุ่งยากได้อย่างรวดเร็วหรอกเหรอ?”
หลี่ฝางรู้สึกอายเล็กน้อย อยู่ต่อหน้าพี่ชายของฉินวี่เฟย พูดเรื่องแบบนี้ มันก็น่าอายและอึดอัดไม่น้อยเลย
แม้ว่า การคบหากับฉินวี่เฟยนั้น เป็นเรื่องไม่จริง
ฉินหยีหรันเวลานี้ได้พูดขึ้น: “ในเมื่อคุณเป็นคุณชายของตระกูลหลี่ ไม่ว่าจะเป็นฐานะ ก็เหมาะสมกับตระกูลฉิน”
“เป็นตระกูลฉินที่ฝ่ายสูงต่างหากละ?”
หลี่ฝางเงยหน้าขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีไปหนึ่งประโยค หลี่ฝางนั้นไม่ชอบพี่สาวของฉินวี่เฟยอย่างมาก ตอนนี้สายตาหล่อน เต็มไปด้วยผลประโยชน์
นี่มันสมัยไหนแล้ว การแต่งงาน ยังต้องดูความเหมาะสมอีกเหรอ!
“เอาล่ะ ถือว่าตระกูลฉินของเรานั้น ฝ่ายสูงก็ได้ ตระกูลฉินของเราก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองเอก นายกับวี่เฟย หนึ่งยังไม่แต่งงานกัน สองยังไม่ได้หมั้นกัน แม้กระทั่งทางบ้านของทั้งสองฝ่ายยังไม่รู้สถานการณ์ ก็พาวี่เฟยมานอนค้างที่นี่ แบบนี้มันก็ไม่ค่อยจะเหมาะสมนะ”
ขณะที่พูด ฉินหยีหรันก็ถลึงตาใส่ฉินวี่เฟย: “วี่เฟย การอบรมสั่งสอนของบ้านเราเข้มงวดขนาดไหน เธอกลายเป็นคนที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เธอออกไปเร็วๆหน่อยได้มั้ย ฉันไม่ชอบฟังในสิ่งที่เธอพูดเลย วันหลังฉันจะไปตระกูลฉินเพื่อคุยเรื่องแต่งงาน แบบนี้ได้หรือยัง?” หลี่ฝางอยากที่จะไล่ฉินหยีหรันออกไป ก็เลยได้พูดประโยคนี้ออกไป ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก กลับคิดไม่ถึงว่ามันจะนำปัญหาที่ใหญ่หลวงมาสู่ตัวเอง
แน่นอน คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดสุดท้ายแล้ว
ฉินหยีหรันยังอยากจะพูดอะไรอีก เมื่อถูกหลี่ฝางจ้องมอง ก็ได้กล่าวลา
“โอเค งั้นฉันไปก่อนแล้วนะ”
ก่อนที่จะไปนั้น ฉินหยีหรันก็ได้เข้าไปกล่าวกับหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ ก่อนหน้านี้ที่เข้าใจคุณผิด หวังว่าคุณจะอภัย” “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ถึงยังไงวันข้างหน้าเราก็จะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน” หลี่ฝางกล่าวอย่างไม่แยแส
ไม่ว่ายังไงหลี่ฝางก็ยังรู้สึกว่าตัวเองนั้นติดค้างฉินวี่เฟย ดังนั้นเพื่อเห็นแก่หน้าของฉินวี่เฟย หลี่ฝางก็ไม่อยากที่จะกลั่นแกล้งฉินหยีหรันมากไปกว่านี้
หลังจากที่ฉินหยีหรันจากไปแล้ว หลี่ฝางก็ตบที่บ่าของฉินจื่อยี่ แล้วกล่าว: “เพื่อน ฉันมีเรื่องจะพูดกับนาย”
“นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังเรียกเพื่อนอีก เรียกน้าได้แล้วมั้ง” ฉินจื่อยี่พูดอย่างอารมณ์ขัน
“เรียกเพื่อนดีกว่า”
หลี่ฝางหยิบบุหรี่ออกมา ยืนไปให้ฉินจื่อยี่หนึ่งมวน หลังจากที่จุดให้เขาแล้ว หลี่ฝางก็กล่าวขึ้น: “จริงๆแล้ว เรื่องของฉันฉินวี่เฟย เราโกหกพวกนาย”
“แฮ่มๆ!”
ฉินจื่อยี่ได้ยินคำพูดนี้ สำลักบุหรี่ที่กำลังสูบอยู่ทันที
“นายว่าไงนะ?” ฉินจื่อยี่จ้องมองหลี่ฝาง คุณชายหลี่ ไม่ถูก หลี่ฝาง นายนอนกับน้องสาวฉัน จะไม่รับผิดชอบใช่มั้ย?
“นายฟังฉันพูดให้จบก่อนได้มั้ย?” หลี่ฝางกลอกตาใส่ฉินจื่อยี่
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้……..”
“ฟังแกพูดเหี้ยไรอีก ฉันแค่ถามแก แกได้นอนกับน้องสาวฉันหรือยัง!” ฉินจื่อยี่โมโหทันที ได้โยนบุหรี่ลงบนพื้นทันที จ้องมองหลี่ฝางแล้วถาม