NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 324
บทที่ 324 ฉินวี่เฟยถูกลักพาตัวไป?
ฟังออกว่าหลี่ต๋าคางไม่เพียงแต่ช่วยส้าวส้วยเท่านั้น แต่ยังทุ่มเทสอนกังฟูให้กับส้าวส้วยด้วยไปไม่น้อย
ไม่น่าแปลกใจที่กังฟูของส้าวส้วยนั้นดีอย่างยิ่ง ที่แท้ก็เป็นเพราะมีอาจารย์หลายคนสอนเขา
เรียกได้ว่าเขาได้เรียนรู้จากอาจารย์มากมาย
“แล้วโหจื่อล่ะ?” เขาอาศัยจังหวะนี้ ถามสิ่งที่ตนสงสัยต่อ
ไม่ว่าจะเป็นโหจื่อหรือลุงเฉียน หลี่ฝางก็แทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลยสักนิด
ในอดีต หลี่ฝางคิดมาตลอดว่าพ่อของเขาเป็นแค่คนขับรถบรรทุกคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าตัวตนของพ่อของเขาจะไม่ง่ายดายขนาดนั้น
ปีนั้นหลี่ต๋าคางขับรถบรรทุกออกไป ก็มักจะไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลาสิบวันบ้างครึ่งเดือนบ้าง นานที่สุดก็สามเดือนกว่า…
หลี่ฝางสงสัยว่าพ่อของตนไม่ได้ออกไปขับรถบรรทุกจริงๆ แต่ไปทำงานอย่างอื่นมากกว่า
“โหจื่อมาจากครอบครัวหัวขโมย ปู่ของเขา พ่อของเขา และเขา ต่างก็เป็นขโมย แต่เดิมก็ขโมยของอยู่ข้างถนน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมายไปกว่าการขโมยโทรศัพท์มือถือเอย กระเป๋าสตางค์เอย ถึงแม้จะทำผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ใครตาย แต่ใครจะรู้ว่าพ่อของโหจื่อ กลับดันไปขโมยของของเจ้าหน้าที่ราชการเข้าให้”
“ในกระเป๋าของเจ้านั่นมีสมุดบัญชีอยู่ อีกทั้งในสมุดบัญชียังเกี่ยวข้องกับสิ่งของหลายอย่างมากเกินไป…พ่อของ โหจื่อแต่เดิมแค่ต้องการอาศัยสมุดนั่นมาแบล็กเมล์เอาเงินสักหน่อย จะได้หลุดพ้นจากชีวิตไก่ขันสุนัขขโมยอย่างที่เป็นอยู่ แต่พวกรับราชการไหนเลยจะว่าง่ายแบบนั้น? แต่ละคนล้วนเป็นพวกกินคนไม่คายกระดูกกันทั้งนะ พ่อของโหจื่อรวมถึงปู่ของเขาล้วนตายในเงื้อมมือของพวกมัน โหจื่อเองก็เกือบจะถูกคนอื่นฆ่า”
“พ่อของฉันช่วยเขาไว้?” หลี่ฝางถาม
“คุณเคยได้ยินคำว่าใบมอบตัวไหม?” ส้าวส้วยถามหลี่ฝางด้วยรอยยิ้ม
“เคยได้ยิน” หลี่ฝางพยักหน้า
ส้าวส้วยยิ้มเล็กน้อยและเอ่ยต่อ “บังเอิญลูกพี่ใหญ่มาธุระเล็กๆ น้อยๆ ที่ในเมืองหลวงพอดี ส่วนคนๆ นั้น ก็กำลังทำตัวเป็นปรปักษ์กับลูกพี่ใหญ่ โหจื่อกัดฟันหาโอกาสและจัดการฆ่าของเจ้าหน้าที่ราชการนั่นตาย”
“แต่ก่อนที่จะฆ่า โหจื่อได้มาหาลูกพี่ใหญ่ และทำข้อตกลงเอาไว้ ตราบใดที่เขาสามารถฆ่าเจ้าหน้าที่ราชการนั่นได้ ลูกพี่ใหญ่จะต้องหาทางวิ่งเต้นให้เขา หรือคุ้มครองเขา”
“ตอนนั้นฉันกับลูกพี่ใหญ่ต่างคิดว่าโหจื่อก็เป็นแค่เรื่องยุ่งยากเรื่องหนึ่ง เนื่องจากเขาก็เป็นแค่โจรข้างถนนเท่านั้น?”
“ใครจะรู้ว่าเจ้าโหจื่อนั่น ไม่รู้ว่าไปเอาปืนล่าหมูมาจากไหน จากนั้นสองสามวันเขาก็แอบเข้าไปในบ้านของชายคนนั้นแล้วฆ่าเขาและภรรยาทิ้ง ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังรวมถึงพ่อแม่ของเขา ลูก ๆ ของเขาที่เรียนมหาวิทยาลัยในที่อื่น ๆ โหจื่อก็ไม่ยอมละเว้น”
“ฆ่าหมดเลยเหรอ?” ใบหน้าของหลี่ฝางซีดขาวลง รู้สึกว่านี่ออกจะโหดร้ายอยู่บ้าง
ส้าวส้วยพยักหน้า “อาจเป็นเพราะฆ่าจนบ้าเลือดไปแล้ว ยังไงเสียพ่อและปู่ของเขาล้วนถูกคนๆ นั้นฆ่าตาย โหจื่อมีหรือจะปล่อยไปได้ง่ายๆ? ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับคนในบ้านนั่น แต่คนในบ้านนั่นแต่ละคนมีดีที่ไหนกัน? พ่อแม่เจ้านั่นเปิดสถานอาบอบนวด ไม่รู้ว่าได้บังคับคนดีๆ ให้ค้าประเวณีไปมากน้อยแค่ไหน เพราะความช่วยเหลือของลูกชาย ก็เลยไม่มีใครกล้าตรวจสอบพวกเขา”
“ส่วนลูกชายของเขา ก็เป็นพวกคุณชายเจ้าสำราญ ไปเรียนมหาวิทยาลัยในที่อื่น ขับรถหรูราคาหลักล้าน ส่วนเงินที่ใช้ซื้อรถหรูนั่น ไม่ใช่เงินที่หามาได้อย่างยากลำบากของประชาชนหรือไง”
“หลังจากที่โหจื่อฆ่าเจ้านั่นเสร็จก็กลับมาหาลูกพี่ใหญ่ ถามว่าลูกพี่ใหญ่จะช่วยเขาไหม? ถ้าไม่ เขาจะฆ่าตัวตาย ปืนของเขายังเหลือกระสุนอีกนัดที่ทิ้งไว้ให้ตัวเอง”
“ในตอนนั้น เขาคุกเข่าลงต่อหน้าลูกพี่ใหญ่ ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองไปที่ลูกพี่ใหญ่อย่างแน่วแน่ มือข้างหนึ่งถือปืนจ่อหัวตนเอง”
“ตอนนั้นลูกพี่ใหญ่หัวเราะ และปล่อยให้เขาฆ่าตัวตาย”
“ก่อนหน้านี้ไม่ได้ตกลงกันไว้แล้วหรือ? พ่อฉันกลับคำหรือ?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว
“ตกลงกันแล้ว แต่ลูกพี่ใหญ่ไม่คิดว่าโหจื่อจะเหี้ยมขนาดนั้น ต้องการชีวิตคนทั้งบ้าน ตอนแรกที่คุยกันมีแค่คนๆ นั้นคนเดียวเท่านั้น ชีวิตคนมากมายขนาดนั้น ลูกพี่ใหญ่เองก็แบกรับไม่ไหว ส่วนโหจื่อก็แค่ขู่ลูกพี่ใหญ่เท่านั้น เขาไม่กล้าจะฆ่าตัวตาย ดังนั้นเขาจึงคุกเข่าให้กับลูกพี่ใหญ่ ลูกพี่ใหญ่จึงช่วยหาคนมามอบตัวแทนเขา”
“โหจื่อเองก็หลบซ่อนไปมาเช่นกัน หลังจากหลบซ่อนตัวไปเป็นปี หนึ่งปีถัดมา ลูกพี่ใหญ่จึงค่อยรับเขาไว้อีกครั้ง”
“ลูกพี่ใหญ่ไม่ชอบอารมณ์ร้ายของโหจื่อ กลัวว่าเขาจะเสพติดการฆ่าคน ดังนั้นจึงไม่ต้องการสอนทักษะให้เขามากเกินไป และสร้างปัญหาใหญ่ขึ้น แต่กลับให้ฉันแอบสอนเขาลับๆ …. หลังจากไปต่างประเทศ โหจื่อก็เล่นปืน …”
พูดถึงตรงนี้ ส้าวส้วยก็หยุดลง
หลี่ฝางที่กำลังฟังอย่างได้ที่ก็รีบเร่งขึ้น “ทำไมไม่พูดต่อเล่า? เล่าต่อสิ นายกระหายน้ำหรือ ฉันไปซื้อให้นาย!”
หลี่ฝางพูดจบก็ตั้งท่าจะวิ่งไปที่ร้านเครื่องดื่มเย็นๆ ด้านข้าง
“เจ้านาย หมาทิเบตันอยู่ที่นี่แล้ว” ส้าวส้วยเอ่ยเสียงเย็น
“ที่ไหน?” หลี่ฝางมองซ้ายมองขวาและมองไปที่ด้านหน้า แต่กลับไม่เห็นเงาของหมาทิเบตันเลยสักนิด
“ข้างหลัง” ส้าวส้วยเอ่ยเตือน
หลี่ฝางหันหลังกลับไป เมื่อเห็นว่าหมาทิเบตันกำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ หลี่ฝางก็สะดุ้งตกใจทันทีและรีบหันไปมองส้าวส้วยด้วยความตกใจ “แม่เจ้า ด้านหลังนายมีตาอีกดวงหรือไง? เขามาจากด้านหลังนายยังรู้ได้อีก?”
ส้าวส้วยไม่ตอบ จนกระทั่งต่อมาภายหลังหลี่ฝางถึงค่อยเข้าใจว่า ที่ส้าวส้วยสามารถค้นพบตัวตนของหมาทิเบตันได้ นั่นก็เพราะส้าวส้วยสวมแหวนอยู่ และเห็นจากแสงสะท้อน
ส้าวส้วยสามารถตรวจสอบภัยคุกคามจากด้านหลัง ผ่านวงแหวนของเขา
ต้องบอกว่า อาศัยแค่แสงสะท้อนบนแหวน เพื่อดูว่าด้านหลังมีศัตรูหรือไม่ ถือเป็นทักษะอย่างหนึ่งแน่นอน
เมื่อหมาทิเบตันกำลังจะมาถึง ส้าวส้วยก็หันไปรอบ ๆ
เมื่อกี้นี้มือของหมาทิเบตันกำลังกอดอกอยู่ แต่พอส้าวส้วยขยับตัว เขาก็รีบชักมือออกมา
“เขามีปืนเหรอ?” หลี่ฝางเองก็พอมองออก
ส้าวส้วยพยักหน้า “แบบนี้รับมือยากแล้ว”
“ฉันไม่กลัวปรมาจารย์ แล้วก็ไม่กลัวปืน แต่กลัวปรมาจารย์ที่มีปืน” ส้าวส้วยขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเรื่องนี้ยุ่งยากอยู่บ้าง
แต่ว่า สีหน้าของส้าวส้วยกลับไม่แสดงออกอะไรสักนิด
หมาทิเบตันค่อยๆ เดินเข้ามาและหยุดลงตรงหน้าส้าวส้วยก่อนจะยื่นมือออกมาก่อน “ดูเหมือนนายจะรู้ว่าฉันเป็นใครแล้ว”
“หมาทิเบตัน”
ส้าวส้วยมีสีหน้าเคร่งขรึม เขามองหมาทิเบตัน ท่าทางไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้าง
ตนเองเพิ่งจะรู้จักตัวตนของหมาทิเบตัน หมาทิเบตันก็รู้ว่าตัวตนของตนถูกเปิดแล้ว ความสามารถของหมาทิเบตันเห็นทีจะไม่ด้อยเลยสักนิด
“ฉันได้ยินมาว่ามีคนกำลังตรวจสอบตัวตนของฉัน ฉันเดาไว้แล้วว่าเป็นพวกนาย ช่างเถอะ ฉันไม่เสแสร้งต่อแล้ว แกล้งทำตัวลึกลับไป ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับฉัน”
หมาทิเบตันพูดจบ ก็สอดมือกอดอกอีกครั้ง ครั้งนี้ หลี่ฝางรู้สึกกระวนกระวายจนแทบบ้า แต่กลับเป็นส้าวส้วยที่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
ใกล้ขนาดนี้ ส้าวส้วยกลับไม่กลัวหมาทิเบตัน แม้ว่าเขาจะชักปืนออกมา อาศัยความเร็วของส้าวส้วย ก็ยังสามารถหยุดเอาไว้ได้
สีหน้าของหมาทิเบตันจมดิ่งลมมาทันที ดวงตาของเขาฉายแววสังหารออกมา
“อย่าขยับ!”
ทันใดนั้น หมาทิเบตันก็ร้องขึ้นก่อนจะดึงมือออกมาจากนั้นจึงเล็งไปที่ส้าวส้วยทันที
ส่วนส้าวส้วยยังคงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
ในมือของหมาทิเบตัน มีกล่องบุหรี่กล่องหนึ่ง เป็นบุหรี่แกะกล่องของจีน
“แค่ล้อเล่นเท่านั้น ฉันรู้อยู่แล้วว่านายไม่ตกใจ” ทำหมาทิเบตันเอ่ย
“ใครส่งคุณมา” ส้าวส้วยมองไปที่หมาทิเบตัน จากนั้นจึงเอ่ยปากถามตรงๆ
“ทำไม ต่างประเทศไปต่อไม่ได้แล้วก็เลยมาที่นี่?” ส้าวส้วยแค่นเสียงใส่ก่อนจะเอ่ยถาม
จากนั้น หมาทิเบตันก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น เขามองส้าวส้วยและเอ่ย “ไม่มีใครส่งฉันมา เป็นฉันที่มาหานายเอง”
“อย่ามาล้อเล่นกับฉันหน่อยเลย ไม่มีใครส่งนายมา แต่นายกลับตามหน้าตามหลังมู่เสี่ยวไป๋?” ส้าวส้วยกล่าวพร้อมกับจ้องมอง
“ฉันมีพี่น้องคนหนึ่ง ตายในเงื้อมมือนาย นายยังจำเขาได้รึเปล่า?” พูดไป มือของหมาทิเบตันก็ราวกับกำลังเล่นกล ในรูป เป็นชาวต่างชาติคนหนึ่ง ไว้หนวดเครา เป็นผู้ชายที่น่าดึงดูดอย่างยิ่ง
“ฆ่าคนมากเกินไป จำไม่ได้แล้ว”
ส้าวส้วยไม่แม้แต่จะมอง เขาส่ายหัวทันที “ถ้านายไม่อยากลงไปอยู่เป็นเพื่อนพี่น้องของนาย ฉันขอแนะนำให้นายรีบไปซะ ตอนนี้ยังทัน”
หมาทิเบตันไม่โกรธ เขาเก็บถ่ายรูปและพูดว่า “นายพูดถูก ฉันอยากลงไปอยู่เป็นเพื่อนพี่น้องของฉันจริงๆ”
“ความหมายของนายก็คือ นายไม่ไป?” ส้าวส้วยถามด้วยเสียงเย็นชาพร้อมกับเลิกคิ้ว
“ไม่ไป”
“ในเมื่อรู้ว่าพี่น้องของนายถูกฉันฆ่า อย่างนั้นนายก็น่าจะรู้ว่าฉันเป็นใคร?” ส้าวส้วยหัวเราะและเอ่ยขึ้น
หมาทิเบตันพยักหน้า
“รู้แล้วยังมารนหาที่ตาย ต่อให้นายไม่กลัวตาย แต่อย่างน้อยนายก็ควรคิดหน่อยว่าเบื้องบนของฉันเป็นใคร” ส้าวส้วยหัวเราะเยาะ
เบื้องบนของส้าวส้วย ย่อมหมายถึงหลี่ต๋าคาง
และได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของหมาทิเบตันทิเบต ก็ดูลุกลี้ลุกลนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันให้โอกาสอีกครั้ง จะไปหรือไม่ไป?” ส้าวส้วยถามอีกครั้ง
หากเป็นศัตรูที่จัดการได้อย่างง่ายดาย ส้าวส้วยคงจะไม่พูดพร่ำขนาดนี้ และลงมือหักคอเขาทันที
แต่ตอนนี้ ส้าวส้วยให้โอกาสหมาทิเบตันซ้ำ ๆ อันที่จริง เป็นเพราะเขาไม่ต้องการสร้างศัตรูมากเกินไป
“มาก็มาแล้ว จะไปได้ยังไง ไปๆ มาๆ นายเองก็รู้ คนอย่างฉัน ไม่มีทางจะนั่งเครื่องบินได้ ฉันใช้เวลามาตั้งหลายเดือนกว่าจะหานายเจอ อีกทั้งยังต้องใช้เวลาเดินทางกลับบ้านอีก 1 สัปดาห์ จุดประสงค์ก็คือเพื่อฆ่านาย มาตอนนี้นายให้ฉันไป แถมยังเอาชื่อลูกพี่ใหญ่นายมาขู่ฉันอีก? ทำไม คิดว่าฉันกลัวหรือไง?”
ในเวลานั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของหลี่ฝางก็ดังขึ้น เป็นเหยนเสี่ยวน่าที่โทรมา
หลี่ฝางเดินไปด้านข้างสองสามก้าว จากนั้นจึงกดปุ่มรับสายและพูดเสียงเบา “เสี่ยวน่า โทรมามีเรื่องอะไรน่ะ”
“หลี่ฝาง ฉันถามนายหน่อย นายเป็นหลานชายของหลี่เจียเฉิง คุณชายของรีสอร์ตจริงหรือ?” เหยนเสี่ยวน่าเอ่ยถามขึ้น
หลี่ฝางมีสีหน้ามืดลงทันที เรื่องแค่นี้ถึงขนาดต้องโทรมายืนยันอีกรอบเลยหรือไง?
“ใช่ ทำไมเหรอ?” หลี่ฝางเอ่ยตอบอย่างอารมณ์เสีย
“ถ้าอย่างนั้นนายรีบมาที่นี่หน่อยเถอะ รู้ใช่ไหมว่าฉันกับวี่เฟยพักอยู่ที่ไหน? พวกเราอยู่ข้างๆ กัน นายรีบมาหน่อย วี่เฟยดูเหมือนจะเจอปัญหาแล้ว” เหยนเสี่ยวน่าพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“แม่เจ้า ฉินวี่เฟยเจอปัญหาแล้ว? รปภ.ล่ะ?” หลี่ฝางตกใจเล็กน้อย ความปลอดภัยในรีสอร์ตอยู่ในระดับสูงราวกับเมฆ ฉินวี่เฟยที่เป็นถึงคุณหนูตระกูลฉิน ใครกันจะกล้าหาเรื่องเธอ?
“เมื่อกี้มู่เสี่ยวไป๋มาแล้ว และพาผู้ชายคนหนึ่งมาด้วย คนๆ นั้นต่อยตีเก่งอย่างยิ่ง เมื่อกี้วี่เฟยร้องเสียงดัง เลี่ยวข่าย และหวางเสี่ยวโก๋รีบวิ่งเข้าไปและถูกเขาเตะกระเด็นออกมาทันที ฉันรีบวิ่งออกไปและเรียกรปภ. แต่พวกเขาก็ถูกเล่นงานจนล้มไปเช่นกัน หลี่ฝาง ถ้านายเป็นคุณชายของรีสอร์ตที่นี่จริง นายช่วยพาคนมาหน่อยได้ไหม”
“นายเร็วๆ เข้าล่ะ ฉันเกรงว่าวี่เฟยจะถ่วงเวลาได้ไม่นานแล้ว”
ขณะที่เหยนเสี่ยวน่ากำลังพูด มู่เสี่ยวไป๋ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ
“นังตัวดี กล้าแอบโทรแจ้ง? ฉันอยากจะดูนัก ว่าใครกันที่แกโทรหา” มู่เสี่ยวไป๋พูดและคว้าโทรศัพท์มือถือของเหยนเสี่ยวน่าไป
เหยนเสี่ยวน่าส่งเสียงกรีดร้องออกมา จากนั้นสายของหลี่ฝางก็ถูกตัดไป
หลี่ฝางกัดฟัน และมองกลับไปที่ส้าวส้วยกับหมาทิเบตัน
“เวรเอ้ย นี่ถือเป็นอุบายล่อเสือออกจากถ้ำหรือเปล่า!” หลี่ฝางจ้องมองไปที่หมาทิเบตัน รู้สึกว่าตนติดกับเข้าแล้ว
มู่เสี่ยวไป๋รู้เกี่ยวกับตัวเองและฉินวี่เฟยแล้วจริงๆ
เมื่อครู่ หลี่ฝางยังคงคิดอยู่เลยว่ามู่เสี่ยวไป๋ไม่ได้สนใจเรื่องที่ตนกับฉินวี่เฟยอยู่ห้องเดียวกัน แต่ตอนนี้ดูท่า ตนเองจะคิดผิดไป
ไม่อย่างนั้น มู่เสี่ยวไป๋จะไปหาฉินวี่เฟยทำไมในตอนนี้?
ส่วนหมาทิเบตัน เจ้านี่เห็นชัดได้ว่ามาเพื่อถ่วงเวลาตน
ที่นี่มีหมาทิเบตัน เห็นได้ชัดว่าส้าวส้วยยากที่จะถอนตัวแล้ว
ทั้งสองคุมเชิงกันอยู่…หลี่ฝางเองก็ไม่สามารถไปเรียกส้าวส้วยได้ ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ หลี่ฝางได้แต่ต้องโทรหาโหจื่อ
“โหจื่อ ฉันจะส่งหมายเลขห้องให้นาย นายรีบไปหน่อย”
“เวรเอ้ย ถ้านายไปสาย ฉันอาจจะตายไปแล้วก็ได้ เข้าใจไหม?” หลี่ฝางพูดอย่างจงใจเพื่อเร่งให้โหจื่อรีบขึ้นมา
ห้องของฉินวี่เฟย อยู่ห่างจากเขาไปไม่ถึง 100 เมตร
หลี่ฝางแค่คิดว่าฉินวี่เฟยกำลังตกอยู่ในอันตราย ในใจก็กังวลอย่างมาก เขารีบวิ่งออกไปทันที ส้าวส้วยไม่ได้ตามไปด้วย นั่นเพราะเขาได้ยินหลี่ฝางโทรหาโหจื่อแล้ว
ส่วนหมาทิเบตันเมื่อเห็นหลี่ฝางหนีไป ก็รีบมุ่งความสนใจไปที่หลี่ฝางทันที
“เกือบถูกนายหลอกซะแล้ว ฉันยังคิดไปว่าเป็นพี่น้องนายจริงๆ ซะอีก?”
“รูปเมื่อกี้นี้ แต่เดิมก็ไม่ใช่พี่น้องนายสินะ?”
ส้าวส้วยจี้ถามหมาทิเบตันทันที
ภาพของหมาทิเบตันเมื่อครู่นี้ เป็นแต่ฉากบังหน้าจริงๆ จุดมุ่งหมายของเขาแต่เดิมก็คือเพื่อหลอกส้าวส้วยเอาไว้ช่วยขณะ ให้ส้าวส้วยเข้าใจผิดคิดว่าเขามาเพื่อแก้แค้น
หมาทิเบตันไม่ได้พูดอะไร แต่มีแค่เพียงเสียงหัวเราะเบา ๆ “ต่อให้นายรู้ขึ้นมาแล้วจะทำไม? ข้างตัวคุณชายมู่ยังมีปรมาจารย์อยู่อีกคน ดูท่าทางด้านนั้น คงจะสำเร็จไปแล้ว”
“ก็ไม่แน่เสมอไป”
ส้าวส้วยยิ้มเบา ๆ “นายคิดว่าในรีสอร์ตนี้ มีแค่ฉันเป็นปรมาจารย์หรือไง?”
หลี่ฝางเร่งฝีเท้า ไม่นานนักก็วิ่งไปที่ห้องสวีทของฉินวี่เฟยและเหยนเสี่ยวน่า
ห้องของพวกเขาอยู่ติดกัน
หลี่ฝางเมื่อมาถึง ก็เห็นว่าเหยนเสี่ยวน่ากำลังมู่เสี่ยวไป๋ทำร้ายอย่างบ้าคลั่ง