NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 33
บทที่33 นิสัยของหลินชิงชิง
ผู้คนที่อยู่ด้านหลังของหลี่หลงนั้น เป็นคนที่หามาเพื่อฆ่าหลี่ฝางโดยเฉพาะ
“พี่หลง ในที่สุดพี่ก็กลับมา” เมื่อเห็นหลี่หลง ตู้เฟยก็ราวกับว่าเห็นคนที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ จึงรีบวิ่งไปต้อนรับทันที
“ไอ้หนุ่มคนนั้นมาหรือยัง?” หลี่หลงถามขึ้น
“มาแล้ว มาแล้ว คนนั้นแหละคนที่นั่งข้างฉันเมื่อกี้” ตู้เฟยกล่าว
หลี่หลงมองไปที่หลี่ฝาง จากนั้นก็เหลือบมองไปที่เจ้าหัวแบนและหลินชิงชิง: “เกิดอะไรขึ้น ทำไมหลินชิงชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย?”
“เรื่องนี้……จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องบังเอิญ โดยเดิมทีนั้นพวกเขาทั้งหมด ก็กำลังนั่งดื่มกันอยู่ที่Recalling the pastเหมือนกัน” ตู้เฟยพูดจบ ก็เหลือบไปมองผู้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลี่หลง
ใบหน้าของกลุ่มคนพวกนี้ต่างก็มีความโหดเหี้ยมชั่วร้ายอยู่ ดูแล้วค่อนข้างน่ากลัว
“พี่หลง พวกเขาเป็นคนของพี่หมดเลยเหรอ?” ตู้เฟยถามขึ้นด้วยความสงสัยเล็กน้อย
“ใช่ คนที่ฉันเรียกมา แต่เหมือนว่าจะน้อยไปนิดหนึ่ง” หลี่หลงมองไปที่เจ้าหัวแบน แล้วขมวดคิ้ว
“คนเยอะขนาดนี้ ยังไม่พออีกเหรอ ไม่ใช่แค่จัดการหลี่ฝางคนเดียวหรอกเหรอ?ถ้าไม่ใช่เพราะมีหลินชิงชิงคอยปกป้องเขาอยู่ล่ะก็ ฉันคนเดียวก็สามารถจัดการเขาได้” ตู้เฟยบ่นพึมพำ และยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยามเล็กน้อย
“ใครหมายถึงไอ้คนนั้นล่ะ แน่นอนว่ามันน่ะไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว แต่ว่าเจ้าหัวแบนที่นั่งอยู่ด้านข้างของมัน ก็คือคนที่ฉันบอกว่าโหดเหี้ยมไร้ความปรานีในเมื่อกี้นี้” สีหน้าของหลี่หลงดูแย่เล็กน้อย : “เหตุผลที่ลูกพี่หลินสามารถมีสถานะได้ในทุกวันนี้ อย่างน้อยเจ้าหัวแบนก็มีคุณงามความดีไปครึ่งหนึ่ง”
“เขาสุดยอดขนาดนี้เลยเหรอ?” เมื่อฟังหลี่หลงพูดจบ ตู้เฟยก็มองไปที่เจ้าหัวแบนโดยไม่รู้ตัว
“ใช่” หลี่หลงรู้สึกเศร้าโศกเล็กน้อย ถ้าเขารู้ว่าเจ้าหัวแบนอยู่ด้วย เขาจะพาคนมาเยอะกว่านี้แน่นอน
ตู้เฟยเองก็นึกย้อนไปถึงภาพที่เกาเสิ้งโดนเตะ และเกาเสิ้นนั้นเป็นผู้ชายที่รูปร่างอ้วนและสูงถึงสองร้อยเมตรเลยนะ
หลังจากที่หลี่หลงนั่งลง เขาก็ยิ้มและมองไปที่หลินชิงชิง: “ไม่คิดว่าพี่ชิงก็อยู่ที่นี่ด้วยนะครับ”
“เชี้ย แกนี่เองไอ้หนู” ทันทีที่เห็นหลี่หลง หลินชิงชิงก็ขมวดคิ้ว: “พาคนมาเยอะขนาดนี้ มาฆ่าฉันเหรอ?”
“พี่ชิง ตอนนี้ครอบครัวของเราสองคนเป็นความสัมพันธ์แบบร่วมมือกันนะ” หลี่หลงรีบพูดขึ้นมาทันที: “ผมจะฆ่าพี่ได้อย่างไรล่ะ?”
“ฟังคำพูดนี้ของคุณแล้ว ถ้าวันไหนครอบครัวของเราไม่ร่วมมือกันแล้ว คุณก็จะฆ่าฉัน ใช่หรือเปล่า?” หลินชิงชิงยิ้มเยาะอย่างเย็นชา
หลี่หลงรู้สึกโกรธเล็กน้อย: “หลินชิงชิง คุณจงใจหาเรื่องเหรอ?”
“หาเรื่องแล้วทำไม คุณลองแตะต้องฉันดูสิ” หลินชิงชิงมองไปที่หลี่หลงด้วยสายตาที่มองบน
หลี่หลงกำหมัดแน่น และต่อยลงไปบนโต๊ะไวน์: “คุณอย่าลืมนะ ว่าที่นี่มันเป็นถิ่นของพ่อฉัน”
“ใช่ไง ที่นี่เป็นถิ่นของพ่อคุณเอง คุณก็ลองแตะต้องฉันดูสิ” หลินชิงชิงยังคงพูดให้หลี่หลงโกรธต่อ
หลี่หลงหันศีรษะและมองไปที่เจ้าหัวแบน และเจ้าหัวแบนเองก็มองเขาอยู่เช่นกัน
“ชายที่ดีย่อมไม่สู้กับผู้หญิง” หลี่หลงครุ่นคิดไปสักพัก แล้วตัดสินใจช่างมัน
“แต่ผู้หญิงที่ดีอย่างฉันจะสู้กับหมา คุณอย่าคิดว่าฝ่ายของพวกคุณมีคนเยอะแล้วฉันจะกลัว พาคนมาเยอะขนาดนี้ ต้องการทำให้ใครกลัวเหรอ” หลินชิงชิงมองไปยังผู้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลี่หลง แล้วกล่าวประชดประชัน
“หลินชิงชิง ฉันทำให้คุณขุ่นเคืองเหรอ ถึงได้พูดจารุนแรงขนาดนี้” หลี่หลงรู้สึกหมดคำพูด
“แม้ว่าตอนนี้คุณยังไม่ได้ทำให้ฉันขุ่นเคือง แต่ว่าคุณจะทำให้ฉันขุ่นเคืองในเร็วๆ นี้ และอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ที่คนพวกนี้หาคุณ ก็เพื่อให้คุณมาจัดการกับฉันไม่ใช่เหรอ?” หลินชิงชิงยิ้มอย่างเย็นชา
หลี่หลงไม่ได้ปฏิเสธ: “พี่ชิง พี่ให้หน้าฉันหน่อย พวกเขารู้ตัวว่าพวกเขาผิดไปแล้ว”
“เชี้ย หลี่หลง คุณคิดว่าฉันเป็นอะไร ตีฉันแล้ว แค่คำว่ารู้ตัวว่าผิด เรื่องนี้ก็ปล่อยไปแบบนี้เหรอ?” หลินชิงชิงกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว: “และถ้าเรื่องนี้ถูกเผยออกไป คุณจะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
“พวกเราทุกคนต่างก็ออกมาอยู่ในสังคมนี้ และในเมื่อพวกเขามาหาฉันแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องช่วยเหลือพวกเขา หลินชิงชิง คุณออกเงื่อนไขมาหนึ่งอย่าง แล้วฉันจะช่วยคุณจัดการมันให้เรียบร้อย เป็นไง?” หลี่หลงกล่าว
“ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ออกเงื่อนไขของฉันให้พวกเขาสองข้อ”
หลินชิงชิงพูดขึ้นในขณะนี้: “ข้อที่หนึ่งก็คือ ให้พวกเขาคุกเข่าขอโทษฉันในบาร์ และเรียกฉันว่าคุณนาย และบอกกับฉันว่าพวกเขาผิดไปแล้ว แล้วก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ฉันอีก100,000”
“หลินชิงชิง คุณเกินไปหรือเปล่า ในบาร์นี้มีคนเยอะขนาดนี้ พี่น้องพวกนี้ของฉันต่างก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงในตงไห่ แล้วถ้าพวกเขาต่างคุกเข่าให้คุณแล้วเรียกคุณว่าคุณนาย ต่อไปนี้พวกเขาจะใช้ชีวิตยังไง” หลี่หลงรู้สึกหมดคำพูด ที่หลินชิงชิงนั้นจงใจทำให้คนเขาลำบากใจ
“นั้นก็หมายความว่า พวกคุณไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขข้อแรกของฉัน ใช่หรือเปล่า?” หลินชิงชิงยิ้มเยาะ
“แน่นอนสิว่าไม่เห็นด้วย” หลี่หลงไม่ได้คิดเลยแม้แต่นิด และถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักส้งเสียงดีมากนัก แต่ว่าเขารู้จักโจวเจ๋ดี
โจวเจ๋นั้นไม่ยอมคุกเข่าให้ผู้หญิงคนหนึ่งแน่นอน และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือคุกเข่าในที่สาธารณะด้วย
“พี่ชิง พี่ก็บอกเงื่อนไขข้อที่สองของพี่เถอะ” ส้งเสียงจิบไวน์ไปหนึ่งคำ เพื่อปลอดขวัญ และเขาเพิ่งตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องในขณะนี้
ลูกของนักเลงนั้น ยั่วยุยากมากกว่าลูกของคนรวยอีก
“ข้อที่สองก็จะง่ายหน่อย นั้นก็คือพวกคุณไม่ต้องทำอะไรสักอย่าง” หลินชิงชิงกางแขนออกและยิ้ม
“หลินชิงชิง คุณอยากจะเล่นตุกติกอะไรของคุณ บอกมาตรง ๆ” หลี่หลงขมวดคิ้ว แล้วถาม
“ข้อแรกคือสันติภาพ แต่ว่าเงื่อนไขที่ฉันพูดออกมาเพื่อสันติภาพ พวกคุณทำไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องเดินเงื่อนไขข้อที่สองแล้วแหละ ซึ่งนั้นก็คือต่อสู้กัน!”
หลินชิงชิงยกมุมริมฝีปากขึ้น: “ความหมายของคำว่าต่อสู้นั้น พวกเขาไม่เข้าใจ แต่หลี่หลง ฉันว่าคุณน่าจะเข้าใจนะ”
“ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่พ่อของฉันเองยังไม่เคยตีฉันเลย แต่ฉันกลับถูกไอ้สองคนนี้ตี บอกตามตรง ความขุ่นเคืองครั้งนี้ ฉันกลืนไม่ลง” หลินชิงชิงกล่าว: “ฉันต้องเอาอะไรบางอย่างออกจากบนร่างกายพวกมันให้ได้”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ โจวเจ๋และส้งเสียงก็อดไม่ได้ที่ตัวสั่น
เอาอะไรบางอย่างออกจากบนร่างกาย คำพูดเช่นนี้พวกเขานั้นยังพอเข้าใจความหมายอยู่ ซึ่งความหมายก็คือให้พวกเขาหักแขนหรือขานั้นเอง
หลี่หลงตบไปที่โต๊ะไวน์ เขาเอาเงินจากฝ่ายนั้นมา ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่สามารถให้หลินชิงชิงทำอะไรที่ร้ายแรงและโหดเหี้ยมกับพวกเขา
“หลินชิงชิง บัญชีที่พวกเขาทำกับคุณไว้ ฉันหลี่หลงรับมันเอง และถ้าคุณต้องการจะสู้ ก็สู้กับฉันละกัน” หลี่หลงนั้นยังพอเป็นคนที่ซื่อสัตย์อยู่ เขารับเรื่องทั้งหมดไว้และตบโต๊ะแล้วพูดขึ้น
ส้งเสียงและโจวเจ๋ดูแล้ว ต่างก็รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจเขามาก
“หลี่หลง คุณรับเงินจากเขามาเท่าไหร่?” หลินชิงชิงนั้นรู้จักหลี่หลงดีที่สุด และถ้าเงินน้อยเกินไป เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่หลี่หลงจะทำแบบนี้
“นั่นมันไม่เกี่ยวกับคุณ หลินชิงชิง”
หลินชิงชิงพยักหน้า และลุกขึ้น: “ได้ หลี่หลง ในเมื่อคุณต้องการจะออกหน้า ถ้าอย่างนั้นเราก็คิดบัญชีไว้บนตัวของคุณ และถ้าคุณสามารถแบกรับความโกรธของฉันไว้ได้ ฉันหลินชิงชิงก็จะยอมรับ”
“แต่ถ้าคุณแบกรับไม่ไหว สองคนนี้ฉันจะจัดการพวกเขาเหมือนเดิม” หลินชิงชิงมองไปที่ส้งเสียงและโจวเจ๋ แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา
“น้อง เสี่ยวโจว เราไปกันเถอะ” หลินชิงชิงพวกเขา เดินกลับไปที่โต๊ะเดิมของพวกเขาอีกครั้ง
หลังจากกลับไป ถังหยู่ซวนชี้ไปที่หลี่หลงที่อยู่ไกล ๆ แล้วกระซิบถามขึ้นเบาๆ ว่า: “พี่ คุณรู้จักหลี่หลงด้วยเหรอ?”
“ไม่รู้จัก” หลี่ฝางส่ายหน้า
“คุณไม่รู้จักแล้วทำไมพวกคุณสองคนถึงนั่งอยู่ด้วยกัน?” ถังหยู่ซวนผงะไปชั่วขณะ แล้วกล่าว: “เมื่อกี้ฉันวางแผนว่าจะไปหาพวกคุณ แต่ว่าเห็นหลี่หลงแล้ว ฉันก็ไม่กล้าไปหาพวกคุณแล้ว”
“คุณจะกลัวเขาทำไม เขาไม่ใช่เสือสักหน่อย กลัวเขาจะกินคุณหรือไง” หลี่ฝางพูดเบาๆ
“แม้ว่าหลี่หลงจะไม่ใช่เสือ แต่เขาน่ากลัวมากกว่าเสือเยอะเลย คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมฉันถึงไม่เรียนต่อแล้ว?ก็เพราะไอ้คนนี้แหละ” ถังหยู่ซวนบ่นพึมพำเล็กน้อย
“คุณกับเขายังเคยมีประวัติต่อกันอีกเหรอ?” หลี่ฝางเลิกคิ้วขึ้น แล้วมองไปที่ถังหยู่ซวนด้วยความสนใจ
ถังหยู่ซวนจิบไวน์ไปหนึ่งคำ แล้วพูดว่า: “ตอนสมัยที่ฉันเรียนมัธยมตอนต้นน่ะเกรดของฉันไม่ดี จึงสอบมัธยมปลายไม่ติด ดังนั้นฉันจึงต้องไปเรียนที่มัธยมสายอาชีพ และหลี่หลงคนนี้ ก็เป็นพี่ใหญ่ที่มัธยมสายอาชีพในตอนนั้น และในวันแรกที่เปิดเรียน เขาก็มาขอค่าคุ้มครองกับฉัน แม่งเอ้ย ฉันถังหยู่ซวนที่เก่งขาดนี้ ต้องการความคุ้มครองจากเขาสักที่ไหนล่ะ?ดังนั้นฉันเลยไม่จ่ายเขา”
“แล้วผลลัพธ์ล่ะ?” หลี่ฝางหัวเราะ และอยากจะฟังถังหยู่ซวนโม้ต่อไป แต่ว่าเขานั้นกลับเงียบและไม่พูดอะไรแล้ว
แต่หลี่เสี่ยวเสี่ยวนั้นกลับพูดแทนถังหยู่ซวนว่า: “แต่ผลสุดท้าย ตั้งแต่วันนั้น เขาก็โดนฝ่ายนั้นทุบตีทุกวัน และคนของหลี่หลงเห็นเขาครั้งหนึ่งก็จะทุบตีเขาครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังเหยียบผ้าห่มของเขาลงกับพื้นด้วย จนทำให้เขานั้นไม่มีแม้แต่ที่ให้นอนเลยตอนกลางคืน”
“จนในท้ายที่สุด เขาก็ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน”
“พี่ซวน คุณยังมีประวัติที่น่าอับอายแบบนี้ด้วยเหรอ” หลี่ฝางยิ้มและกล่าว
“มันน่าอับอายตรงไหน นี่มันยุคสมัยแข็งพ่อกัน และพ่อของหลี่หลงเป็นลูกพี่หลิน ฉันจะสู้เขาไหวได้อย่างไร” ถังหยู่ซวนมุ่ยปาก และพูดอย่างไม่พอใจว่า: “ถ้าต่อสู้กันตัวต่อตัวนะ ฉันไม่กลัวเขาหรอก”
“อันนี้ไม่แน่ ที่หลี่หลงเป็นพี่ใหญ่ของมัธยมสายอาชีพ ไม่ใช่เพราะพ่อเขาทั้งหมด” หลินชิงชิงพูดขึ้นในขณะนี้: “คนอย่างเขาน่ะ มีความสามารถเล็กน้อยจริง ๆ เขาเป็นแชมป์เยาวชนด้านซ่านโฉ่วรุ่นก่อนเลยนะ”
“ยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอ” หลี่ฝางรู้สึกตะลึงเล็กน้อย และเมื่อกี้เขาเองก็ดูไม่ออกว่าหลี่หลงจะสุดยอดขนาดนี้
และในเวลานี้เอง หลี่ฝางก็ตบไปที่ต้นขาของตัวเอง แล้วกล่าวอย่างเสียงดัง: “แม่งเชี้ยเอ้ย ฉันไม่ใช่ไปเอากุญแจรถยนต์เหรอ?ทำไมถึงลืมเรื่องสำคัญไปได้?