NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 337
บทที่337 บิดเบือนข้อเท็จจริง
“ขาของคุณ……”มู่เจิ้งถังก้มหน้ามองขาของหลานชาย ในสายตา ก็มีประกายความเสียใจและโหดเหี้ยมออกมา
ตอนนี้มู่เจิ้งถังก็เจ็ดสิบห้าแล้ว อายุเท่านี้ ถือเป็นผู้อาวุโสแล้ว ……
แต่มู่เจิ้งถัง ไม่ใช่แค่หัวดำ แต่ใบหน้ายังมีความองอาจผึ่งผาย
ดูแล้ว อย่างมากก็ห้าสิบกว่าปี
“ไม้เท้าตาแก่นี่ดูแปลกๆ”อยู่กันไกล ส้าวส้วยก็มองความผิดปกติของมู่เจิ้งถังออก
มู่เจิ้งถังเดินเบาๆ ไม่ใช่คนที่ขามีปัญหาอะไร ทำไมต้องถือไม้เท้าเดินด้วย?
โหจื่อมองไม่กี่ที ก็มองไปทางออก
“เป็นถึงปืน ระวังหน่อยสิ”ตาของโหจื่อไม่รู้ว่ายาวแค่ไหน อยู่ห่างกันไกลก็ยังมองเห็นกระบอกปืน
นี่คือไม้เท้าหัวมังกร และปากกระบอกปืน ก็อยู่ที่ตาทั้งสองข้าง
มือของมู่เจิ้งถังไม่อยู่ห่างจากไม้เท้าเลย เท่ากับว่าเวลาไหนที่ไหน ก็พร้อมฆ่าเสมอ
หลี่ฝางได้ยินคำอธิบายของโหจื่อ ทันใดนั้นก็กลัว
ถ้ามู่เจิ้งถังจะแก้แค้นให้หลานชายตัวเอง ยิงใส่ตัวเองด้วยปืน?งั้นตัวเองไม่จบเห่เลยเหรอ?
แต่พอคิดๆดู หลี่ฝางก็รู้สึกไม่น่าจะเป็นไปได้
มู่เจิ้งถังเป็นถึงหัวหน้าครอบครัวตระกูลมู่ ทำอะไรต้องมีความแน่วแน่ ไม่ถึงวินาทีสุดท้าย ก็เชื่อว่าไม้เท้าของเขา ไม่มีวันกลายเป็นปืนสังหาร แน่
“ปู่ ปู่ต้องแก้แค้นให้ผม”มู่เสี่ยวไป๋น้ำตาไหลตลอด ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา
ถึงจะบอกว่ามู่เจิ้งถังใจร้าย แต่เห็นหลานชายของตัวเองถูกคนรังแกเป็นแบบนี้ นอกจากเขาจะโมโหแล้ว ก็ยังปวดใจ
หลานชายสุดที่รักของตัวเองสองคน คนหนึ่งกลายเป็นผักนอนป่วย ส่วนอีกคน ถูกคนหักขา แล้วยังหูขาด
แววตาของมู่เจิ้งถัง มีคสามโมโหแผ่ออกมา:“ตระกูลหลี่……”
มู่เจิ้งถังกัดฟัน มือคนร้ายที่ทำร้ายหลานชายทั้งสองของตัวเอง ล้วนแต่เป็นตระกูลหลี่
พูดได้ว่า จากนี้ไป ตระกูลมู่กับตระกูลหลี่ ถือว่าเป็นแค้นฝังลึก
ไม่รู้ว่าตอนไหน หลี่ต๋าคางก็พาพ่อบ้านเฉียน มาหน้าที่หน้าประตูสถานตากอากาศ
หลี่ต๋าคางตบไหล่ของหลี่ฝาง พูด:“เสี่ยวฝาง ไป ไปต้อนรับท่านมู่กับพ่อ”
“ครับ”หลี่ฝางพยักหน้า ตามไปอย่างเชื่อฟัง
มีพ่อตัวเองอยู่ ถึงในมือของมู่เจิ้งถังจะมีปืน หลี่ฝางก็ไม่กลัว
“ท่านมู่ ท่านมาได้ยังไง?ไม่บอกผมล่วงหน้า ผมจะได้มาต้อนรับท่านอย่างดี”หลี่ต๋าคางทำมือทั้งสองข้างเคารพไปที่ตรงหน้ามู่เจิ้งถัง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของมู่เจิ้งถัง เดิมทีเต็มไปด้วยความโกรธ แต่พอหลี่ต๋าคางแสดงออกอย่างดี เขาก็ยิ้มไปให้:“ท่านก็คือลูกชายของคุณท่านหลี่หลี่เจียเฉิน ชื่อหลี่ต๋าคางสินะ?”
หลี่ต๋าคางพยักหน้า:“ท่านมู่มีแววจริงๆ จู่ๆก็จำผมได้”
มู่เจิ้งถังหัวเราะเหอะๆ มองไปที่พวกหลี่ฝาง โหจื่อรอบๆ
“เสี่ยวไป๋น่ะ เมื่อกี๊ใครขู่กรรโชกคุณ?”มู่เจิ้งถังไม่อยากพูดคุยหยอกล้อกับหลี่ต๋าคาง เขามาที่สถานตากอากาศ ก็เพื่อเรื่องสำคัญ
ทุกอย่างตอนนี้ เกินความคาดคิดของมู่เจิ้งถัง
หลานชายตัวเองไม่ได้ถูกจับเหรอ?
แต่ทำไมตัวเองลงจากรถ หลานชายของตัวเอง ก็เดินกะเผลกมาหาตัวเองได้?
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
มู่เจิ้งถังกลับสับสนหน่อยๆ
“เขา……”ชี้ไปที่โหจื่อ มู่เสี่ยวไป๋ก็ปรากฏรอยยิ้มเยือกเย็น
จากนั้น โหจื่อก็ชี้ไปที่หลี่ฝางกับส้าวส้วย:“พวกเขาต่างมีส่วนร่วม ปู่ครับ ตระกูลหลี่นั่นแหละจับผมไป”
“ท่านหลี่ อธิบายที่สมเหตุสมผลให้ผมหน่อยได้ไหม หลานชายของผม สรุปว่าไปเจอะเจออะไรที่สถานตากอากาศพวกคุณ แล้วก็ คนพวกนี้ ในเมื่อตามคุณอยู่ข้างหลัง จะต้องเป็นคนของสถานตากอากาศพวกคุณสินะ?”คิ้วของมู่เจิ้งถังขมวดหน่อยๆ ถามอย่างเยือกเย็น
พูดจริงๆนะ มู่เจิ้งถังนี้ กดความโมโหไว้ได้ดี
หลานชายของตัวเอง ถูกทำจนเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่น คงระเบิดไปนานแล้ว?
แต่มู่เจิ้งถังกลับยังคงใจเย็น จะเห็นว่าจิตใจของมู่เจิ้งถัง หายากมาก
หลี่ต๋าคางคว้าแขนของหลี่ฝาง ดึงเขามาด้านหน้า ตบหลังหัวหลี่ฝางพูดว่า:“คนนี้ลูกชายผมเอง ชื่อหลี่ฝาง เสี่ยวฝาง รีบสวัสดีคุณปู่มู่สิ”
ถึงแม้หลี่ฝางไม่เต็มใจนัก แต่ก็ฉีกยิ้มให้ พยักหน้าให้มู่เจิ้งถัง:“สวัสดีครับคุณปู่มู่”
“หลี่ฝาง คุณหน้าด้านขนาดนี้ได้ไงกัน เรียกปู่ผมว่า คุณปู่มู่!”มู่เสี่ยวไป๋โกรธจนตัวสั่น
มุมปากหลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ ไม่สนใจหมาบ้าอย่างมู่เสี่ยวไป๋
คิ้วของมู่เจิ้งถัง ขมวดแน่นขึ้น
จากนั้น หลี่ต๋าคางชี้ไปที่ส้าวส้วยกับโหจื่อ แนะนำว่า:“สองท่านนี้ คือบอดี้การ์ดที่ผมเอามาจากต่างประเทศ คนหนึ่งชื่อส้าวส้วย อีกคนชื่อโหจื่อ”
“พวกคุณสองคนรีบเข้าไปทักทายท่านมู่”หลี่ต๋าคางพูดกับส้าวส้วยและโหจื่อ
ส้าวส้วยกับโหจื่อรีบเดินเข้าไปไม่กี่ก้าว พอจะเปิดปากถาม กลับถูกมู่เจิ้งถังห้ามไว้ มู่เจิ้งถังมีสายตาคมกริบ มองหลี่ต๋าคาง:“ท่านหลี่ ไม่ต้องทักทายอะไรหรอก”
“ผมมาที่สถานตากอากาศ มีธุระสำคัญ”มู่เจิ้งถังพูดอย่างเย็นชา
“ที่แท้ท่านมู่ไม่ได้มาเป็นแขกของสถานตากอากาศเรานี่เอง งั้นท่านมู่มีเรื่องอะไรเหรอ?”หลี่ต๋าคางแกล้งทำเป็นสับสน ถามอย่างรู้ทัน
เทคนิคการแสดง หลี่ต๋าคางนั้นลื่นไหลมาก
แม้แต่หลี่ฝางก็คิดไม่ถึง พ่อตัวเองจะหน้าด้านขนาดนี้ รู้อยู่แล้วว่าอะไร ก็ยังทำเป็นไม่รู้เรื่อง
มู่เจิ้งถังมองหลี่ต๋าคางแล้วถาม:“คุณไม่รู้จริงๆเหรอว่าผมมาทำไม?”
หลี่ต๋าคางส่ายหัวพูด:“ไม่รู้จริงๆ ท่านมู่ได้โปรดบอกหน่อย ว่า ผมผิดตรงไหน?”
“ขา หูของหลานชายผม……”มู่เจิ้งถังพูดเซ็งๆ
ถึงตาบอด ก็น่าจะมองเห็นนะ?
หลี่ต๋าคางมองมู่เสี่ยวไป๋ รีบพูด:“หลานชาย ขาคุณเป็นอะไรไป?หักเหรอ?แล้วก็หูนั่น ทำไมขาดไปอย่างนั้นล่ะ”
“เห้อ นี่ไปโดนมาได้ไงล่ะ”หลี่ต๋าคางขมวดคิ้ว ใบหน้าดูเจ็บปวด
“ไอ้แก่สุดระยำนี่ จะเสแสร้งไปถึงไหน ขาของผม ก็ถูกลูกชายคุณหักไง ส่วนหูผม ก็ถูกบอดี้การ์ดของคุณยิงใส่จนขาด ……”มู่เสี่ยวไป๋มองหลี่ต๋าคาง พูดอย่างเย็นชา
ไอ้ระยำ?
หลี่ฝางขมวดคิ้ว ไม่ทันรอให้ตัวเองโมโห พ่อบ้านเฉียนก็เดินไปข้างหน้า ตบใส่มู่เสี่ยวไป๋ไปที่หน้าประตูรถทีหนึ่ง:“ระวังคำพูดตัวเองหน่อย คุณชายแห่งตระกูลมู่”
แววตาของมู่เจิ้งถัง กลายเป็นตะลึงอย่างมาก
เขาคิดไม่ถึงว่าความกล้าของตระกูลหลี่แห่งสถานตากอากาศนี้จะมากขนาดนี้ ตบหน้าหลานชายตัวเอง ต่อหน้าของตัวเอง
หรือว่าไม่เห็นหัวตัวเอง?
มู่เจิ้งถังจ้องหลี่ต๋าคาง ที่ใบหน้าของหลี่ต๋าคาง เต็มไปด้วยรอยยิ้ม มองไปแล้วไม่มีความตำหนิพ่อบ้านเฉียน
ในทางกลับกัน หลี่ต๋าคางก็ยังพูด:“ท่านมู่ หลานชายของคุณก็ควรจะดูแลดีๆหน่อยสิ ไม่ว่าจะพูดยังไง ผมก็คือรุ่นพี่ จะไปเรียกว่าไอ้แก่ระยำ”
“ท่านมู่ ได้ยินว่าการอบรมสั่งสอนของพวกคุณตระกูลมู่เข้มงวดมาก ได้ยินร้อยครั้งไม่เท่ากับเห็นด้วยตาครั้งเดียวจริงๆ”หลี่ต๋าคางพูด ส่ายหน้าอย่างหมดหวัง
ในที่สุดมู่เจิ้งถังก็หน้าหม่นลง พูด:“ท่านหลี่ เกรงว่าจะไม่มีอะไรที่คุณไม่รู้เลยนะ? บอดี้การ์ดของท่านจับตัวหลานชายของผม ขู่กรรโชกผมไปห้าร้อยล้าน ที่ผม มีบันทึกที่คุยโทรศัพท์อยู่ ไม่งั้น คุณฟังหน่อยไหม?”
ในใจของหลี่ฝางเต้นตึกตัก คิดไม่ถึงว่ามู่เจิ้งถังจะร้ายกาจมากขนาดนี้ มีบันทึกโทรศัพท์ด้วย
ใบหน้าของส้าวส้วยกับโหจื่อ กลับดูนิ่งสงบ
“อ้อ เป็นเช่นนั้นจริงๆเหรอ?”หลี่ต๋าคางขมวดคิ้ว หันหน้าไปมองส้าวส้วยกับโหจื่อ:“พวกคุณสองคน ลับหลังผมทำอะไร?”
โหจื่อรีบพูด:“ลูกพี่ ปรักปรำนี่ ผมล้อเล่นท่านมู่เฉยๆ ใครจะไปคิดว่าท่านมู่จริงจังขนาดนี้”
“ไม่งั้นคุณฟังที่บันทึกหน่อยไหมล่ะ ในบันทึกเสียง ผมพูดไร้สาระจริงๆ ใครจะไปคิดว่าท่านมู่ไร้เดียงสาขนาดนี้ ผมบอกจะแต่งกับองค์หญิงYavin ท่านมู่ก็เชื่อ”โหจื่อพูดไป ก็อุดปากขำออกมา
ส้าวส้วยก็หัวเราะตาม:“ใช่ ลูกพี่ พวกเราแค่ล้อเล่นกับท่านมู่เฉยๆ พวกเราจะกล้าจับคุณชายมู่ได้ไง?ลูกพี่ พวกคุณคิดดีๆสิ เมื่อกี๊ที่คุณมา คุณชายมู่อยู่ในอ้อมแขนท่านมู่ใช่ไหม?ถ้าลักพาตัวล่ะก็ ก่อนที่พวกเรายังไม่ได้เงินค่าไถ่มา คุณชายมู่ควรอยู่ในมือเราไม่ใช่เหรอไง?”
“เงินค่าไถ่ห้าร้อยล้านนี้ พวกเรายังไม่เห็นเลยสักสตางค์”ส้าวส้วยส่ายหน้า
โหจื่อถอนหายใจ:“ลูกพี่ นี่คือความเข้าใจผิดกันจริงๆ ผมแค่ล้อเล่นท่านมู่ในโทรศัพท์ ผมขอห้าร้อยล้าน นั่นแค่ล้อเล่นเฉยๆ”
“ห้าร้อยล้าน ใครมันจะจริงจัง?ลักพาตัวที่ไหนกัน กล้าขอห้าร้อยล้าน นี่ไม่บ้าไปแล้วเหรอ?”
โหจื่อกับส้าวส้วยอธิบายเสร็จ หลี่ต๋าคางก็หันไปมองมู่เจิ้งถัง หัวเราะออกมา:“ท่านมู่ เกรงว่าท่านจะเข้าใจผิดไปแล้ว บอดี้การ์ดสองคนของเรา ล้อคุณเล่นเฉยๆ”
“ไอ้เด็กสองคนนี้ ปกติก็ชอบเล่นแผลงๆอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่า จะไปเล่นแผลงๆกับท่านได้ เดี๋ยวต้องสั่งสอนพวกเขาหน่อยแล้ว”
“ล้อเล่น?”มู่เจิ้งถังไม่ได้โง่ เขาชี้ไปที่หูของหลานชายตัวเองแล้วพูด:“งั้นหูของหลานชายผมจะอธิบายยังไง?”
“แล้วยังมีขาของหลานชาย นี่มันใครหักอีก?”มู่เจิ้งถังกัดฟันแน่น:“ท่านหลี่ หลานชายผมเข้าไปในสถานตากอากาศของพวกคุณด้วยสภาพดีๆ ตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าคุณควรให้คำอธิบายหรือไง?”
“ท่านมู่ เรื่องนี้ผมไม่รู้ ไม่งั้น คุณถามพวกเขาเถอะ”หลี่ต๋าคางผลักเรื่องนี้ให้ส้าวส้วยกับโหจื่อ
โหจื่อเหมือนจะเข้าใจโดยปริยายกับหลี่ต๋าคางไปนานแล้ว เขารีบเดินมาข้างหน้าทันที:“เรื่องนี้ ยิ่งพูดยิ่งยาว เอางี้ พวกเราหาที่ ค่อยๆพูดกันดีไหม?”
“ท่านมู่ ท่านว่าไง?”
“ผมจะกลัวปีศาจร้ายอย่างคุณได้ไงล่ะ”มู่เจิ้งถังทำเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ
ไม่นานนัก ทุกคนก็มาที่ห้องประชุมของสถานตากอากาศ
มู่เจิ้งถังนั่งบนโซฟา มองโหจื่อ:“คุณพูดได้แล้ว สาเหตุอะไรกันแน่ ถึงได้ลงมือกับหลานชายผมได้เหี้ยมโหดขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ตัดขาของหลานชายผม แต่ยังยิงหูหลานชายผมขาดอีก?”
“เหอะๆ นี่ก็ต้องถามหลานชายของคุณแล้ว”
โหจื่อหัวเราะเหอะๆ เดินเข้าไป:“หลานชายท่านทำเรื่องอะไร เขารู้ดีที่สุด”
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ปู่ พวกเขาก็มาเป็นศัตรูผม จงใจมาแก้แค้น”มู่เสี่ยวไป๋รีบพูด
“ไม่ได้ทำอะไร?ทำไม จะให้ผมเอากล้องวงจรปิดมาเปิดให้คุณไหมล่ะ คุณไม่ยอมรับไม่เป็นไร ผมมีหลักฐาน”โหจื่อเอาโทรศัพท์ออกมาทันที จากนั้นก็เปิดคลิป
นี่คือคลิปบันทึกไว้ช่วงหนึ่ง ในวิดีโอนั้น มู่เสี่ยวไป๋พาเสี่ยวโจวเข้าไปในห้องของฉินวี่เฟย
จากนั้นก็มาอีกคลิป เป็นโหจื่อที่ใช้โทรศัพท์ตัวเองอัดไว้ ฉินวี่เฟยถูกมัดรอบไว้ที่เตียง ที่พื้น หวางเสี่ยวโก๋ เลี่ยวข่ายและคนอื่น ก็ถูกทำร้ายสลบไปที่พื้น
“ท่านมู่ สองคลิปรวมกันแล้ว ท่านน่าจะเข้าใจหลานชายคุณดีว่าทำอะไรไป?”
“บุกเข้าไปในห้องชุดของคุณหนูฉิน ตีเพื่อนของคุณหนูฉินจนสลบ แล้วยังจับคุณหนูฉินมัดไว้ ทิ้งไปที่เตียง ต่อมาหลานชายท่านจะทำอะไร คงไม่ต้องให้ผมพูดแล้วแหละ?ทุกคนต่างเป็นผู้ใหญ่หมดแล้ว เหอะๆ”
“ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเรารีบไปถึง ก็เกรงว่าคุณหนูฉิน จะถูกหลานชายคุณขืนใจแล้วสินะ?”โหจื่อมองมู่เจิ้งถังกับมู่เสี่ยวไป๋ ถามอย่างเย็นชา
สีหน้าของมู่เจิ้งถังหม่นลงทันที เขากัดฟันกลอกตาใส่มู่เสี่ยวไป๋ พูดตำหนิ:“ทำไมคุณใจร้อนขนาดนี้ล่ะ!”
“เด็กสาวตระกูลฉินไม่ช้าก็เร็วต้องเป็นของคุณ ทำไมคุณต้อง……”มู่เจิ้งถังโกรธจนพูดไม่ออก
“นี่ใช่การพยายามข่มขืนหรือเปล่า?ท่านมู่ คลิปนี้ส่งให้ในมือตำรวจ เกรงว่าหลานชายของคุณ ต้องไปกินข้าวคุกแล้ว”โหจื่อยืนตรงหน้าของมู่เจิ้งถัง หัวเราะออกมา
“กินข้าวคุก?เกรงว่าคุณจะไม่รู้เรื่องหนึ่งน่ะสิ?เด็กสาวตระกูลฉินคนนี้ หมั้นกับหลานชายผมนานแล้ว อีกอย่างไม่กี่วันนี้ก็จะจัดงานแต่งแล้วด้วย”
“ดังนั้น เด็กสาวตระกูลฉินนั่น คือคู่หมั้นของหลานชายผม หลานชายผมจะไปขืนใจหลานสะใภ้พวกเราได้ไงกัน?น่าขำจริงๆ”มู่เจิ้งถังทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ
“ท่านมู่ เกรงว่าคุณจะไม่เข้าใจกฎหมายสินะ อย่าเพิ่งพูดถึงการแต่งงานที่มาจากปากพวกคุณ ถึงหมั้น จัดงานแต่ง แต่ยังไม่ไปจดทะเบียนสมรสที่เขต ก็ยังไม่ใช่สามีภรรยา ในเมื่อไม่ใช่สามีภรรยา คุณชายมู่มีสิทธิ์อะไร บุกรุกเข้าห้องชุดคุณหนูฉิน กระทำความรุนแรงใส่คุณหนูฉินเหรอ?”โหจื่อหัวเราะอย่างเย็นชา
“กระทำความรุนแรงหรือไม่ คุณพูดไม่ได้หรอก ต้องให้เด็กสาวตระกูลฉินนั่นมาพูดเอง”
มู่เจิ้งถังก็ไม่กลัว ได้แต่มองโหจื่อ พูดว่า:“ไม่งั้นคุณเรียกเด็กสาวตระกูลฉินนั่นมา มาถามที่นี่สิ”
โหจื่อหันไปมองหลี่ฝาง,พูด:“คุณชาย ท่านกับคุณหนูฉินค่อนข้างสนิทกัน รบกวนท่านวิ่งไปหน่อยได้ไหม”
“ครับ ผมจะไปเรียก”
หลี่ฝางพยักหน้า ไปเรียกฉินวี่เฟย
ตอนที่ออกไปจากห้องประชุม โหจื่อส่งสายตาให้หลี่ฝาง หลี่ฝางก็ไม่โง่ เข้าใจความหมายของโหจื่อเอง
เวลานี้ มู่เจิ้งถังมีใบหน้ามั่นใจ เขาทำเสียงเย็นชา พูด:“พวกคุณคิดว่ายัยเด็กตระกูลฉินนั่น จะฟ้องหลานชายผม?ฟ้องร้องคู่หมั้นตัวเอง?”