NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 366
บทที่ 366 ท่านรองเฉียนเจ้าปัญญา
“ใจเย็นๆ คุยกันดีๆ ไม่แน่เด็กนั่นอาจจะมีปัญหาอะไรก็ได้นะ” หลินชิงชิงพูดปลอบเชิงให้ดีกัน ขึ้นมาหนึ่งคำ
หลี่ฝางมองหลินชิงชิง แล้วถาม: “พูดจากใจจริง?”
หลินชิงชิงขำ: “ฉันปากไม่ตรงกับใจกับนายได้ด้วยเหรอ?”
หลี่ฝางส่ายหน้า: “พูดตามตรง พี่ ตอนนี้แค่ผมนึกภาพว่าหล่อนแอบนัดกับผู้ชายคนอื่นลับหลังผม ผมจะเป็นบ้า”
“ช่างเหอะ เปลี่ยนเรื่องคุยเถอะ” หลี่ฝางรีบพูดขึ้น
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ความรู้สึกในใจของหลี่ฝาง ก็ตื่นตัวเล็กน้อย
“ใช่แล้ว ส้าวส้วย สรุปแล้วนายช่วยฉันออกมาได้ไง? นายหลอกหูเฟยได้ แต่นายห้ามหลอกฉัน เฉียนเฟิงนั่นบาดเจ็บหนักขนาดนั้น พวกนายพาเขาออกมาทางหน้าต่างได้เหรอ? อีกอย่าง มันไม่ร้องเหรอ?” หลี่ฝางพูดตามตรง
หูเฟยในตอนนั้น ก็นึกถึงคำถามนี้ได้
แต่ว่าก็สายไปแล้ว
“ความจริงแล้ว เฉียนเฟิงถูกคนตระกูลเฉียนพาออกมา ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย และก็ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง เขาพักอยู่ชั้นสิบกว่าๆ จะออกมาทางหน้าต่างได้ยังไงล่ะ?”
“ส่วนตรวจสองนายหน้าห้อง ให้เขาเปิดทางให้นั้นง่ายมาก……”
หลี่ฝางขัดส้าวส้วย แล้วถามต่อ: “พวกนายพูดให้ตระกูลเฉียนยอมได้ยังไงเหนี่ย?”
หลี่ฝางขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้: “ครั้งนี้ตระกูลหลี่ของพวกเรา เกรงว่าจะสูญเสียไปไม่น้อยเลยสินะ?”
หลี่ฝางรู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องที่เกิดขึ้น ตนลั่นปืนใส่กล่องดวงใจของเฉียนเฟิง การทำร้ายขั้นนี้ ตระกูลเฉียนคงไม่รามือง่ายๆ
นอกจาก จะได้รับเงินชดเชยจากตระกูลหลี่อย่างมหาศาล
“เจ้านาย หากผมบอกว่าเราไม่ได้เสียอะไรเลย? เจ้านายจะเชื่อมั้ย?” ส้าวส้วยหัวเราะเหอะๆ
“นายล้อฉันเล่นหรือไง? ตระกูลเฉียนไม่ใช่คนของพวกเราตระกูลหลี่สักหน่อย หากพวกเราไม่ชดเชยให้อย่างมหาศาล ตระกูลเฉียนจะปล่อยฉันมาง่ายๆ เหรอ?”
หลี่ฝางพูดพลางขมวดคิ้ว เรื่องพวกนี้ หลี่ฝางยังถือว่าพอรู้เรื่องอยู่
อย่างตระกูลเฉียน พวกเขาเป็นตระกูลที่ทำธุรกิจ ที่สนใจที่สุด ก็คือผลกำไร
วันนี้ เฉียนเฟิงถูกทำให้เป็นคนพิการ ความจริงเรื่องนี้ มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้
เรื่องของผู้ใหญ่ ดูแค่ได้หรือเสีย ไม่แยกถูกหรือผิด
หลี่ฝางเข้าใจดี ว่าตระกูลเฉียนคงไม่ยอมให้เฉียนเฟิงทำให้ตนย่ำแย่ แบบนั้นไม่ใช่แค่ไม่ดีต่อตระกูลเฉียน แถมยังจะนำพาศัตรูมาอีก
นี่คือสิ่งที่ตระกูลเฉียนไม่อยากเจอ
พูดตามตรง ตระกูลจะกล้าส่งหลี่ฝางเข้าคุก จริงๆ เหรอ?
ตระกูลเฉียนคงไม่กล้า พวกเขาคงรองรับความโกรธจากตระกูลหลี่ไม่ไหวหรอก
แต่ว่าตระกูลเฉียนก็ไม่ใช่คนยอมใครง่ายๆ ถ้าหากตระกูลหลี่ไม่ได้ให้ผลตอบแทน พวกเขาคงไม่ปล่อยคนไป คงไม่ให้เฉียนเฟิงรับความเจ็บปวดหรอก
“เจ้านาย ลุงเฉียนก็แซ่เฉียนนะครับ” ส้าวส้วยพูดย้ำหลี่ฝาง
“ลุงเฉียนคือคนของตระกูลเฉียนแห่งเมืองเอก?” หลี่ฝางมองส้าวส้วยอย่างสงสัยพลางถาม
ส้าวส้วยพยักหน้า และพูด: “ลุงเฉียนคือคุณท่านรองของตระกูลเฉียน ตอนนั้นถูกขนานนามว่าคุณท่านรองเฉียน ในตอนนั้นยังมีคนตั้งฉายาให้เขาว่าเจ้าปัญญา ตระกูลเฉียนมีที่ยืนในเมืองเอก ผลงานเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ เป็นของคุณท่านรองเฉียน”
“หลังจากที่ตระกูลรากฐานมั่นคง คุณท่านรองเฉียนก็ถอยอย่างประสบความสำเร็จ ออกจากตระกูลเฉียน แล้วมาติดตามลูกพี่ใหญ่”
“หากคุณท่านรองเฉียนไม่ได้ออกมาจากตระกูลเฉียน งั้น นายท่านของตระกูลเฉียน ก็คงจะเป็นคุณท่านรองเฉียน”
“และก็คือลุงเฉียนในตอนนี้”
ส้าวส้วยหัวเราะหึ: “แต่ว่าพี่ชายของคุณท่านรองเฉียน เป็นคนที่คำนวณเก่งมากๆ”
“หลังจากที่คุณท่านรองเฉียนไป สายของเขา ก็เริ่มถูกมองข้าม”
“เจ้าปัญญา คุณท่านรองเฉียน?” หลี่ฝางอึ้งเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าฐานะของลุงเฉียน จะพิเศษแบบนี้
ในวันนี้ ลุงเฉียนเป็นแค่พ่อบ้านในตระกูลแค่นั้น
แต่พ่อบ้านคนนึง จะไปสบายกว่านายท่านตระกูลเฉียนได้ยัง?
“เมื่อครู่เจ้านายเกิดเรื่อง ผมโทรหาลุงเฉียน”
“ถึงแม้ลุงเฉียนจะออกจากตระกูลเฉียนมาสามปีแล้ว แต่ว่าตระกูลเฉียน ก็ยังคงไม่กล้าดูแคลนเขา ถ้าหากเรื่องแค่นี้ยังไม่ไว้หน้า งั้นนายท่านตระกูลเฉียน……”
ส้าวส้วยพูด นัยน์ตา มีลำแสงพิฆาตพุ่งออกมา
ถึงแม้ส้าวส้วยจะไม่ได้พูดต่อ แต่ว่าหลี่ฝางก็เข้าใจความหมายของส้าวส้วย
ส้าวส้วยจะไปฆ่าเขา
“เฉียนกวงกวงเหรอ? เห็นที่ตาแก่นั่น ก็คงไม่ใช่คนดีอะไร” หลี่ฝางฉีกยิ้ม: “เมื่อเทียบกับลุงเฉียนแล้ว ยังห่างอีกไกล”
“เจ้านาย พูดผิดแล้ว”
“ตาแก่นั่น จะมาเทียบกับลุงเฉียนได้ยังไง?” ส้าวส้วยส่ายหัว ปากเต็มไปด้วยคำดูถูก: “เจ้านายประเมินเฉียนกวงกวงสูงไปแล้ว”
“คุณท่านรองเฉียนในตอนนั้นสว่างไสวราวกับแสงจันทร์ เฉียนกวงกวงคนนั้นยังเป็นไม่ได้แม้แต่หิ่งห้อย จำเอาไปเทียบได้ยังไง?”
“ในตอนนี้ ยิ่งเทียบไม่ได้เลย”
หลี่ฝางไม่ได้พูด แต่ก็เห็นด้วยกับความคิดของส้าวส้วย
ส้าวส้วยโหจื่อเป็นใครมาจากไหน?
หากอยู่ในสามก๊ก ยังไงก็ต้องอยู่ในห้าขุนพลพยัคฆ์
ทั้งสองคนนี้ หลังจากยอมจำนนให้หลี่ฝางกับหลี่ต๋าคางนอกจากนั้น ก็ดูเหมือนจะเคารพลุงเฉียนด้วย
ถ้าหากลุงเฉียนไม่มีความสามารถ คนฉลาดอย่างพวกนี้ จะเชื่อฟังลุงเฉียนได้ยังไง?
“ทำไมลุงเฉียนถึงออกจากตระกูลเฉียนล่ะ?” หลี่ฝางลังเลอยู่ครู่ จึงถามขึ้น
“มีเรื่องลำบากอะไรที่บอกใครไม่ได้เหรอ?”
“ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก ความจริงแล้วตอนนั้นตระกูลเฉียนที่อยู่ในการนำของคุณท่านรองเฉียน ก็พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากคุณท่านรองเฉียนอยู่ที่ตระกูลเฉียนตลอดมา งั้นตระกูลเฉียนในวันนี้ ก็คงไม่ใช่แบบนี้หรอก จะต้องเหนือกว่าตระกูลมู่และตระกูลฉินอย่างแน่นอน”
“แต่แค่คุณท่านรองเฉียนเป็นคนทะเยอทะยาน และก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนตระกูลเฉียนทั้งหมด แม้แต่ลูกชายแท้ๆ ของคุณท่านรองเฉียน ก็ยังไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขา ดังนั้นคุณท่านรองเฉียนจึงเสียใจ แล้วออกจากตระกูลเฉียน มาติดตามลูกพี่ใหญ่ และกลายมาเป็นลุงเฉียนผู้อ่อนโยนในตอนนี้” ส้าวส้วยพูด
“สรุปแล้วลุงเฉียนอยากจะทำอะไรกันแน่? ทำไมถึงไม่มีคนสนับสนุนเขา?” หลี่ฝางถามอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้าจะเปรียบเทียบให้เข้าใจก็ต้อง มีบางคนชอบขับรถช้าๆ ขับไปพลาง มองวิวข้างทางไปพลาง ส่วนบางคนก็ชอบขับรถเร็ว คนขับรถเร็ว ไม่มีทางที่จะได้ชมวิวทิวทัศน์ แต่จะขึ้นหน้าไปอย่างรวดเร็ว แน่นอน ว่าแบบนี้ก็มีอันตราย”
“คุณท่านรองเฉียน ก็คือคนที่ขับรถเร็ว เขาอยากพาตระกูลเฉียนให้พุ่งขึ้นไปสูงๆ ต้องการเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองเอก แม้กระทั่งอยากจะยืนเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่ แต่เฉียนกวงกวงก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้น เขาคิดว่าควรจะพัฒนาไปอย่างมั่นคง แต่คนตระกูลเฉียนทั้งหมด ก็ยืนอยู่ฝ่ายเฉียนกวงกวง ทำให้คุณท่านรองเฉียนแปลกแยก”
“มีไหวพริบมากมาย แต่ไร้ประโยชน์”
ส้าวส้วยส่ายหน้า และถอนหายใจ: “ที่จริงแล้ว ที่ตระกูลหลี่กลายเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในดูไบ ลุงเฉียน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผลงาน”
“เจ้านาย รอให้เจ้านายไปดูไบก่อน ก็จะรู้ ว่าชื่อของลุงเฉียน นั้นดังแค่ไหน”
“เซียนหุ้นบัฟเฟตต์อะไรนั่น เมื่ออยู่ต่อหน้าลุงเฉียน ก็กลายเป็นแค่เด็กน้อย”
ส้าวส้วยพูดอย่างเป็นกลาง
จากน้ำเสียงของส้าวส้วย หลี่ฝางก็ได้ยินถึงความรู้สึกชื่นชมที่เขามีต่อลุงเฉียน
“ใช่แล้ว คลิปวิดีโอในโทรศัพท์นาย ส่งให้ตระกูลสวีหรือยัง?” หลี่ฝางเอ่ยปากถาม
“ส่งไปแล้ว”
ส้าวส้วยพยักหน้า: “เพิ่งส่งไปได้ไม่นาน เมื่อกี้ผมได้รับข่าวมาว่า คุณท่านตระกูลสวีสวีส้าวชิว หลังจากได้ดูคลิป ก็เป็นลมล้มพับไปเลย เพิ่งจะส่งไปโรงพยาบาล ใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ แต่ว่าร่างกายของเขายังดีอยู่ น่าจะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต”
“ส่วนพ่อของสวีเถิงเฟยสวีเจิ้งหรุง เขาก็กลายเป็นบ้าคลั่ง ตอนนี้ทั้งตระกูลสวีคงทุ่มเงินหาเบาะแสของหวางเฉินอยู่แน่”
“ใช่แล้ว ยังมีอีกเรื่องนึง ฉันคิดว่าควรจะบอกนายไว้”
ส้าวส้วยมองหลี่ฝาง รอยยิ้มบนใบหน้าก็เปลี่ยนไป: “ไอ้เด็กชุนเซิงนั่น มันเหี้ยมจริงๆ ผมดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเขาจะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้”
“เขาทำไมเหรอ?” หลี่ฝางยิงคำถาม
“วันนี้เขาวิ่งส่งยาให้หวางเฉินใช่มั้ย? ยาที่เขาส่งออกไป ทั้งหมดนั่นเติมสารประกอบบางอย่างเข้าไป สารประกอบนั่นเมื่อมาผสมกับผงยา มันจะกลายเป็นพิษ”
“ทุกคนตายกันหมดแล้ว ไม่รอดเลยสักคน”
ส้าวส้วยพูดพลางทำสีหน้าซับซ้อน: “คนพวกนั้นไม่ได้มีความแค้นอะไรกับชุนเซิง และก็ไม่ได้เกลียดกัน แต่กลับถูกชุนเซิงฆ่า”
“ผมนึกว่าเขาจะเป็นแกะน้อยนะเหนี่ย คิดไม่ถึง ว่าจะเป็นหมาป่าโหดเหี้ยม”
ส้าวส้วยมองหลี่ฝางพลางพูด: “เจ้านาย ต้องระวังไว้หน่อยนะครับ เขาเหมือนจะอคติครวย”
หลี่ฝางเม้มปาก และไม่ได้พูดอะไร
ตนดีกับชุนเซิงขนาดนี้ ชุนเซิงคงไม่ทำร้ายตนหรอก ดังนั้นหลี่ฝางจึงไม่ค่อยกังวลชุนเซิง
สักพัก ส้าวส้วยก็พูดต่อ: “คนที่ตายล้วนแต่เป็นคนที่มีฐานะ เรื่องนี้มีผลกระทบอย่างมาก คนในเมืองมีแต่คนสนใจเรื่องนี้ ดังนั้น หลังจากชุนเซิงอาการดีขึ้น พวกเราควรจะส่งเขาไป”
“ถ้าไม่อย่างนั้น สำหรับพวกเราแล้ว จะเป็นภัยแฝง”
เมื่อส้าวส้วยพูดจบ ก็มองไปทางหลินชิงชิง: “โทรหาพ่อเธอ ให้เขาไปหลบด้านนอกเถอะ”