NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 398
บทที่ 398 ตระกูลหยูจบสิ้นแล้ว
หลี่ฝางเดินไป ลู่เชาก็ตามไปโดยธรรมชาติ
ความหมายของอาหารมื้อของหยูเถิง ทั้งหมดอยู่บนตัวของลู่เชา
ถ้าลู่เชาไปแล้ว งั้นอาหารมื้อนี้ จะไปมีความหมายอะไร?
หวงเจ๋ ส้งเคอ เฝิงจื่อหลินคนพวกนี้ เหมือนคนขาดแคลนอาหารมื้อนึงเหรอ?
จุดประสงค์ที่พวกเขามา ก็คือลู่เชา ถ้าลู่เชาไปแล้ว คนพวกนี้ก็ต้องไม่พอใจแน่ๆ
หยูเถิงไม่อยากมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับพวกเขา ถ้ามีประสบการณ์แบบนั้น งั้นต่อไปจะร่วมธุรกิจกัน ก็คงจะยากแล้ว
หยูเถิงวิ่งตามมา แล้วพูด: “ฉันจะกิน ฉันกินโอเคมั้ย?”
หยูเถิงกัดฟันตัดสินใจ ก็แค่อาหารเหลือสองจานไม่ใช่เหรอ?
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วมองหยูเถิง: “จริงๆ เหรอ? หัวหน้าห้อง นายเป็นถึงคุณชายตระกูลหยูนะ กินอาหารเหลือของคนอื่น ถ้าข่าวแพร่ออกไป จะขายขี้หน้าเอานะ?”
“ได้กินอาหารเหลือจากพี่เชา นั่นก็ถือว่าเป็นเกียรติของหยูเถิง”
หยูเถิงหัวเราะฮี่ๆ แล้วมองไปทางลู่เชาอย่างประจบ
สายตาของลู่เชา กลับมองไปที่หลี่ฝาง เห็นได้ชัด ลู่เชาจะอยู่หรือไป ขึ้นอยู่กับหลี่ฝางว่ายังไง
หลี่ฝางมองหยูเถิงแล้วหัวเราพลางพูด: “คุณชายหยูจริงใจขนาดนี้ งั้นพวกเราก็กลับเถอะ”
กลับไปนั่งที่อีกครั้ง หลี่ฝางหยิบจานอาหารผัดมันฝรั่งเปรี้ยวเผ็ดกับไข่เจียวผัดมะเขือเทศที่เหลือ วางไว้ตรงหน้าหยูเถิง: “กินดิ”
“ทำไมถึงมีน้ำลายด้วย?”
หลี่ฝางเป็นคนบ้วน แต่ว่าหลังจากที่หลี่ฝางส่งสายตาให้ลู่เชา ลู่เชาก็เข้าใจและพยักหน้า: “ของฉันเอง”
“ทำไม นายรังเกียจฉันเหรอ?” ลู่เชาเห็นได้ว่าหยูเถิงกลัวตน จึงเล่นใหญ่
สีหน้าของหยูเถิงเริ่มลำบากใจ ถึงยังไงยังมีส้งเคอและคนอื่นๆ ดูอยู่
ถ้าหากตนกินกับข้าวปนน้ำลายคนอื่น งั้นก็คง……
แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ นี่ตระกูลฉินกับตระกูลมู่ เหตุผลที่พวกเขาสามารถเป็นตระกูลอันดับต้นๆ ของเมืองเอกได้ เบื้องหลังก็เป็นเพราะสี่ตระกูลใหญ่ไม่ใช่เหรอ?
ถ้าหากสามารถเอาชนะใจหนึ่งในคุณชายสี่ตระกูลใหญ่ได้ แล้วสร้างสัมพันธ์ที่ดี ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ช้าก็เร็ว ตระกูลหยูก็สามารถอยู่อันดับเดียวกับตระกูลฉินกับตระกูลมู่ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?
วันที่หานซิ่นอดทนต่อความอัปยศอดสูของตนเอง เขาก็จะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง……
เมื่อเทียบกับหานซิ่นที่ต้องยอมอัปยศ ตนแค่กินกับข้าวปนน้ำลาย เองไม่ใช่เหรอ?
ในตอนนั้น หยูเถิงทำสีหน้าแน่วแน่ แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มกินอาหารที่เหลือจากลู่เชา
ทำให้ส้งเคอหวงเจ๋และคนอื่นๆ ช็อกเล็กน้อย
นอกจากสายตาดูถูก ยังมีความชมเชยอยู่ในนั้นเล็กน้อย
คนทะนงตัวอย่างพวกเขา ที่จริงมันยากมากที่จะก้มหัวให้คนอื่น
หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเปิดกล้อง แล้วหันไปทาหยูเถิง หยูเถิงกินไปได้ครึ่งนึง ก็เงยหน้า มองหลี่ฝางด้วยสีหน้าเย็นชา: “นายทำอะไร?”
“หัวหน้าห้อง ตอนนายกินข้าวหล่อมากเลย เพราะงั้นฉันจึงห้ามตัวเองไม่ให้ถ่ายไว้ และส่งไปในกลุ่มเพื่อนร่วมห้องไม่ได้” หลังจากที่หลี่ฝางถ่ายคลิปแล้วส่งเข้ากลุ่มห้องไปแล้ว ก็หัวเราะลั่นออกมา
“แก!” หยูเถิงลุกพรวดขึ้นมา แล้วกำหมัดแน่น
เขาอยากจะต่อย แต่ในตอนนั้น ลู่เชาก็กระแอมขึ้นมา
ทันใดนั้น หยูเถิงก็หยุดลง
“หลี่ฝาง นายทำเกินไปหน่อยมั้ย? ให้ฉันขายหน้าต่อเพื่อนฉันยังไม่พอ ยังจะให้ฉันขายหน้าต่อเพื่อนทั้งชั้นด้วยเหรอ?” หยูเถิงกัดฟันกรอด ทำสีหน้าอาฆาตพลางพูด
แต่หลี่ฝางกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ : “หัวหน้าห้อง ตอนบ่าย นายก็อยากทำร้ายฉันแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ก็แค่ทำไม่สำเร็จแค่นั้น ตอนนี้ฉันแค่เอาอย่างนาย ฉันทำอะไรเกินไปตรงไหน?”
หลี่ฝางมองดูเวลา
เมื่อกี้ลุงเฉียนส่งข้อความมาบอกว่า ยังต้องรออีกครึ่งชั่วโมง
หรือพูดได้ว่า เหลือเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ตระกูลหยูก็จะล้มละลาย
หยูเถิงสูดหายใจเข้าลึก แล้วกินอาหารเหลือสองจานนั้นจนหมด และในตอนนั้น หลี่ฝางก็หยิบกุ้งล็อบสเตอร์ในถังขยะขึ้นมา แล้ววางมันลงในจานของหยูเถิง: “หัวหน้าห้อง กินทิ้งกินขว้างน่าละอายใจนะ ยิ่งไปกว่านั้น นายทำให้กุ้งล็อบสเตอร์ราคาแพงเสียของนะ”
หยูเถิงทนไม่ไหวแล้ว เขาลุกขึ้นแล้วด่าเสียงดัง: “เชี่ยมึง ให้กูแดกของจากถังขยะเหรอ?”
หลี่ฝางมองลู่เชา ลู่เชาพยักหน้า แล้วใช้นิ้วเคาะโต๊ะ พูดว่า: “ถ้าหากฉันให้นายกินล่ะ”
หยูเถิงหันไปมองลู่เชา ตอนนั้นลู่เชาทำหน้าเข้ม ใบหน้าเย็นชา
หยูเถิงไม่ใช่คนโง่ มาถึงตอนนี้ เขาก็เข้าใจได้ว่า ลู่เชาคนนี้กับหลี่ฝาง เป็นพวกเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าหากไม่สามารถคุยดีกับหลี่ฝางได้ การชนะใจลู่เชา นั้นไม่มีทางเลย
ส่วนความแค้นของหลี่ฝางกับตนนั้น ดูเหมือนจะฝั่งลึกเอาการ อยากจะคืนดี เห็นทีว่าจะเป็นไปไม่ค่อยได้
หยูเถิงเริ่มเสียใจแล้ว เสียใจที่ทำไมต้องเป็นศัตรูกับหลี่ฝาง?
เฮ้อ ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะลูกพี่ลูกน้องสารเลวนั่นไม่ใช่เหรอ?
ถ้าหากตู้เฟยไม่มาตระกูลหยู ตนจะยั่วโมโหหลี่ฝางได้ยังไง และจะล้มไม่เป็นท่าครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ได้ยังไง?
จะให้พูดก็แปลก ตั้งแต่ตนเจอหลี่ฝาง และหลังจากเป็นศัตรูกับหลี่ฝาง หยูเถิงก็รู้สึกว่าตนเริ่มตกต่ำ……..
หรือว่า หลี่ฝางคนนี้จะดวงชงกับตน
หยูเถิงพูดอย่างหมดหนทาง: “พี่เชาถึงกับเอ่ยปาก งั้นผมก็กิน”
หยูเถิงไม่กล้าทำให้ลู่เชาไม่พอใจ ทำให้เขาไม่แฮปปี้ ถึงยังไง ลูกมหาเศรษฐีแบบนี้ ถึงจะทำให้ชนะใจไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำให้ไม่พอใจได้
ที่จริงแล้วถังขยะก็สะอาดอยู่ ไม่มีอะไรเลย กุ้งล็อบสเตอร์ตัวนี้ ก็ไม่ได้เลอะฝุ่นอะไร
แต่ถึงยังไงนี่ก็เป็นกุ้งล็อบสเตอร์ที่หยิบออกมาจากถังขยะนะ ก็เหมือนกับโถส้วมที่เพิ่งผลิตออกมา หลังจากติดตั้งเรียบร้อย ไม่ว่าน้ำในนั้นจะสะอาดขนาดไหน คุณกล้าดื่มมั้ย? เอามาล้างมือยังคิดแล้วคิดอีกเลย?
“มา พวกเราก็กินกันเถอะ” หลี่ฝางหยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วพูดกับส้งเคอและคนอื่นๆ
โต๊ะนี้ ราวกับหลี่ฝางเป็นคนเลี้ยงอย่างไงอย่างนั้น
ในใจของหยูเถิงรู้สึกผิดสุดๆ ครั้งนี้ เหมือนกับหาเรื่องใส่ตัวเองเลย
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหลี่ฝางจะมีความสัมพันธ์กับลู่เชา แถมยังลึกซึ้งเบอร์นี้
หยูเถิงเคยสืบประวัติลู่เชามา และก็สืบค้นเรื่องเพื่อนของลู่เชามาด้วย ก็สืบไม่เจอว่าหลี่ฝางกับลู่เชาจะมีความสัมพันธ์อะไรกันนี่?
ข้าวมื้อนี้ หยูเถิงรู้สึกเหมือนกับโดนผีหลอกอย่างไงอย่างนั้น……
ส้งเคอ เฝิงจื่อหลิน หวงเจ๋และคนอื่นๆ ก็ชนแก้วดื่มกับหลี่ฝางไม่หยุด……
“ส้งเคอ นายทำบ้าอะไรเหนี่ย? ไอ้หมอนี่มันแกล้งฉันชัดๆ นายกับฉันรู้จักกันมาตั้งหลายปี นายไม่ช่วยฉันก็ช่างเถอะ แต่นายยังจะไปชนแก้วดื่มเหล้ากับมันอีก? นายทำแบบนี้หมายความว่าไง?” หยูเถิงสะกิดแขนส้งเคอ แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ส้งเคอลังเลอยู่ครู่ ที่จริงอยากจะเตือนหยูเถิงอยู่แหละ แต่ในตอนนั้นหลี่ฝางก็กระแอมขึ้นมา
ส้งเคอจึงหลีกเลี่ยงหยูเถิงทันที แล้วย้ายก้น: “มา หลี่ฝาง พวกเรามาชนกันอีกแก้ว”
“ฉันคอไม่ค่อยแข็ง”
“งั้นผมหมดแก้ว ท่านแล้วแต่สะดวก” ส้งเคอพูด
หยูเถิงชะงักอยู่ครู่ รู้สึกเหมือนกับหูของตนเองมีปัญหา
มีแค่ลูกน้องกับหัวหน้าเวลาชนแก้วกัน ถึงได้พูดว่า ‘ผมหมดแก้ว ท่านแล้วแต่สะดวก’ ไม่ใช่เหรอ?
ต่อมา ส้งเคอกับหลี่ฝางก็ชนแก้วกันอีกหลายต่อหลายครั้ง ด้านส้งเคอ กับถือแก้วของตนเองอยู่ต่ำมาก
นี่ทำให้หยูเถิงรู้สึกว่าสายตาตนเองมีปัญหา
มีแค่เวลาผู้น้อยชนแก้วกับผู้ใหญ่ ถึงได้ทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?
วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น ส้งเคอคนนี้ถึงได้อ่อนน้อมถ่อมตนต่อหลี่ฝางขนาดนี้?
หรือว่าเป็นสาเหตุเป็นเพราะลู่เชา?
ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ ไม่อย่างนั้น หลี่ฝางมีสิทธิ์อะไร?
ไม่ใช่แค่ส้งเคอ หยูเถิงก็สังเกตได้ว่า หวงเจ๋ เฝิงจื่อหลิน……ก็เป็นเหมือนกัน
ต่อหน้าหลี่ฝาง ก็ถ่อมตนราวกับลูกกระจ๊อก
หยูเถิงกับส้งเคอและคนอื่นๆ เคยกินข้าวด้วยกันหลายครั้ง หยูเถิงไม่เคยเห็นส้งเคอและคนอื่นๆ มีท่าทีนอบน้อมแบบนี้มาก่อน?
“หลี่ฝาง ชีวิตนายนี่ดีจริงๆ ที่รู้จักกับลู่เชา ชีวิตนาย คงราวกับได้ขึ้นสวรรค์สินะ”
หยูเถิงสูดหายใจเข้าลึก แล้วแอบบ่นอยู่ในใจ
เขารู้ ว่าหลี่ฝางมีลู่เชาคอยหนุนอยู่ งั้นหลังจากนี้ ตนคงจะเป็นศัตรูกับหลี่ฝางไม่ได้แล้ว
หยูเถิงลุกขึ้น แล้วชูแก้วเหล้าขึ้น จากนั้นก็พูดกับหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง พวกเรามาชนแก้วกัน เรื่องที่ผ่านมา เป็นฉันหยูเถิงที่ผิดเอง หวังว่านายจะใจกว้าง ยกโทษให้ฉันสักครั้ง”
หลี่ฝางลุกขึ้น ในใจก็อดขำไม่ได้
ถ้าหากหยูเถิงสำนึกผิดได้เร็วกว่านี้ บางทีหลี่ฝางอาจจะปล่อยเขาไปสักครั้งก็ได้……
แต่น่าเสียดาย กลับตัวไม่ทันแล้ว……
หลี่ฝางมองนาฬิกาข้อมือ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ตระกูลหยู คงจบสิ้นแล้วสินะ?
สายตาที่หลี่ฝางมองหยูเถิง อดไม่ได้ที่จะเห็นใจ……
“โทษทีนะ หัวหน้าห้อง ถึงฉันจะยกโทษให้นาย นายก็คงไม่ยกโทษให้ฉัน” หลี่ฝางพูดขอโทษ
“แก้วนี้ ฉันดื่มให้นาย”
หลี่ฝางพูดจบ ก็ยกแก้วดื่มรวดเดียวหมด