NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 403
บทที่ 403 ฉายาเจ้าปัญญา ไม่ได้มาเสียเปล่า
หยูเถิงตายแล้ว?
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ร่างของหลี่ฝาง ก็สั่นเทา
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมหยูเถิงถึงตายได้?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว และไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
ส้าวส้วยแค่เตะเขาไปทีนึงไม่ใช่เหรอ……
ส้าวส้วยลงมือมีการออมแรง ทำไมถึงทำให้หยูเถิงตายได้ล่ะ?
จู่ๆ หลี่ฝางก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ตนเดินออกมา หยูเถิงกระอักเลือด เหมือนกับว่าจะโมโหจนกระอักเลือด
แม่งเอ๊ย ไอ้หมอนั่น คงไม่ได้โมโหจนกระอักเลือดตายหรอกนะ?
หลี่ฝางถามด้วยปากสั่นๆ : “ส้าวส้วย หยูเถิงคงจะไม่ใช่ฉันทำให้เขาโมโหจนตายใช่มั้ย?”
“หยูเถิงยังหนุ่มอยู่ และก็ไม่มีโรคประจำตัว จะโมโหจนตายได้ยังไง? หยูเถิง เห็นได้ชัดว่าถูกฆ่าตาย”
ส้าวส้วยขมวดคิ้ว แล้วหันกลับไปมองรถตำรวจ
“นั่งให้ดีนะ เจ้านาย ผมจะสลัดพวกเขา” ส้าวส้วยพูดเตือน จากนั้นก็เริ่มเร่งความเร็ว
ส้าวส้วยเป็นเทพแข่งรถของภูเขาหมาป่านะ ฝีมือการขับรถหูเฟยกับคนพวกนั้นเทียบไม่ติดหรอก
ไม่ถึงสามสิบวินาที ส้าวส้วยก็ขับรถเข้ามาจอดในโรงจอดรถแห่งหนึ่ง
ส้าวส้วยยื่นบุหรี่ให้หลี่ฝางหนึ่งมวน แล้วพูด: “เจ้านาย เรื่องนี้ อาจจะต้องวุ่นวายนิดหน่อย”
“หมายความว่าไง?”
“หยูเถิงนี่เห็นได้ชัดว่ามีคนฆ่าเขา ถ้าหากเขาตายเองตามธรรมชาติ ทำไมถึงถูกเจอเร็วขนาดนี้……อีกอย่างถ้าหากถูกเจอแล้ว งั้นตำรวจพวกนั้น จะมาดักสุ่มรอพวกเราในโรงพยาบาลได้ไง?”
“จะต้องมีคนฆ่าหยูเถิง จากนั้นก็ใส่ร้ายเจ้านาย……ฆาตกรรู้ว่านายจะมาที่โรงพยาบาล ดังนั้นหลังจากฆ่าหยูเถิงแล้ว เขาก็สะกดรอยตามนาย แล้วก็แจ้งตำรวจ”
หลี่ฝางอัดบุหรี่เข้าไป แล้วถามขึ้น: “ใครมันเป็นคนทำ?”
“ตอนนี้ยังไม่แน่ชัด แต่ว่าคนพวกนั้นรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเราดี เพื่อที่จะใส่ร้ายนาย ก็ไม่ลังเลที่จะฆ่าหยูเถิง ฐานะของคนพวกนั้น ไม่ยากที่จะคาดเดา” ส้าวส้วยหัวเราะหึ
“มู่เสี่ยวไป๋?” หลี่ฝางนึกถึงเขาเป็นอันดับแรก
เมื่อคืนในวิดีโอ หลี่ฝางพลอดรักกับหลินชิงชิง ต่อหน้ามู่เสี่ยวไป๋ คงทำให้มู่เสี่ยวไป๋โมโหสุดขีดอย่างไม่ต้องสงสัย
ในตอนนั้นมู่เสี่ยวไป๋ อยากฆ่าตนจนทนไม่ไหว
ดังนั้น ความเป็นไปได้มีแค่มู่เสี่ยวไป๋ เพื่อที่จะใส่ร้ายตน จึงไม่ลังเลที่จะใช้วิธีฆ่าคนแล้วโยนความผิดให้คนอื่นแบบนี้
“จะพูดให้ถูก น่าจะเป็นหมาทิเบตันที่เป็นคนลงมือ”
ส้าวส้วยขมวดคิ้ว แล้วพูด: “เรื่องนี้ เจ้านายน่าสงสัยที่สุด ข้อแรก นายกับหยูเถิงมีปัญหากัน หลายคนก็รู้ ข้อสอง หยูเถิงออกมาจากโรงแรมกับนาย หลายคนก็เห็น”
“เชี่ย ยังมีกล้องวงจรปิด ฉันจะโทรหาหวงว่างโก๋เดี๋ยวนี้ ให้เขาลบภาพกล้องวงจรปิด” หลี่ฝางลนลาน แล้วเริ่มล้วงหาโทรศัพท์
ยังไม่ทันได้กดโทร ส้าวส้วยก็ห้ามหลี่ฝางไว้ก่อน: “ภาพจากกล้องวงจรปิดถูกลบแล้ว ไม่ต้องโทรแล้ว มันจะเผยตำแหน่งของเราได้ง่ายๆ ”
“มีพยานหลายคน ซัดทอดนาย ฉันเดาว่า คนพวกนั้นคงจะถูกหมาทิเบตันควบคุมไว้อยู่”
ส้าวส้วยพูด: “ผมแค่คิดว่า หูเฟยคนนั้น ทำไมต้องยิงปืนใส่นายด้วย ในมือพวกเขาไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่บ่งบอกว่านายเป็นฆาตกร ทำไมถึงกล้ายิงปืนใส่?”
“หรือว่า……”
“นายว่าพวกนั้นซื้อตัวหูเฟยไปแล้วเหรอ?” หลี่ฝางเดาไปตามน้ำ
“มีความเป็นไปได้ แต่ว่าพวกเรามีข้อมูลไม่มาก รอให้ลุงเฉียนติดต่อมาดีกว่า”
ไม่นาน ส้าวส้วยก็พูดต่อ: “ถ้าหากหมาทิเบตันเป็นคนทำจริงๆ ก็คงจะเก็บหมาทิเบตันตัวนั้น ไว้ไม่ได้แล้ว”
หลี่ฝางพยักหน้า ถ้าหากสามารถกำจัดหมาทิเบตันได้ นั่นถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุด แต่แค่ค่อนข้างลำบาก หลี่ฝางกลัวว่าส้าวส้วยจะรับมือไม่ไหว
“เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นเยอะไปแล้ว ตั้งแต่พวกเราแยกจากหยูเถิง จนมาถึงโรงพยาบาล เวลาทั้งหมดไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ในครึ่งชั่วโมงนี้ หยูเถิงตาย ตำรวจก็มาดักซุ่มจับเราอยู่ในโรงพยาบาล” สมองของหลี่ฝางชาๆ เล็กน้อย
เมื่อนึกถึงภาพที่เมื่อกี้หูเฟยยิงปืนใส่ตน ร่างของหลี่ฝาง ก็สั่นเทาอย่างอดไม่ได้
ในตอนนั้น โทรศัพท์ของหลี่ฝางก็ดังขึ้น
หลี่ฝางมองโทรศัพท์ มีข้อความเข้าหนึ่งข้อความ
“จากใคร?” ส้าวส้วยถาม
“เหมือนว่าจะมาจากหูเฟย เขาบอกว่า เขาไม่ได้เป็นคนยิงปืน”
หลี่ฝางมองข้อความ แล้วพูด: “อีกอย่าง หลังจากกลับไปหูเฟยก็ตรวจกระสุน ในปืนของตำรวจทุกนาย กระสุนเต็มแม็กกันทุกคน ไม่มีใครยิงเลย”
“แม่งเอ๊ย ไม่ใช่พวกตำรวจ งั้นเป็นใครที่ยิง?” หลี่ฝางเงยหน้าถามส้าวส้วย: “หรือว่าจะเป็นหมาทิเบตัน?”
“ต้องไม่ใช่แน่ ฝีมือการยิงของมันแย่แบบนี้ที่ไหนล่ะ น่าจะมีคนใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายแน่ๆ เลย”
ในตอนนั้นส้าวส้วยก็ลงจากรถ จากในรถ ก็ค้นเจอลูกกระสุนหนึ่งนัด
ส้าวส้วยมองไปที่กระสุนนัดนั้น พลางหัวเราะเหอะๆ : “เป็นของที่เฉินฝูเซิงทิ้งไว้?”
“หมายความว่าไง?”
“เจ้านาย ลืมไปแล้วเหรอ? เมื่อก่อน เฉินฝูเซิงขายปืนให้มู่เสี่ยวไป๋สี่กระบอก……จากนั้น หลังจากที่เฉินฝูเซิงมาอยู่ฝ่ายเรา ก็ให้ปืนและกระสุนล็อตเดียวกันนั่นกับผม ลูกกระสุนที่ยิงออกมาเมื่อกี้ เป็นแบบเดียวกับที่เฉินฝูเซิงให้มาไม่มีผิด อธิบายได้ว่า คนที่แอบลงมือ ก็คือมู่เสี่ยวไป๋”
ส้าวส้วยยิ้ม: “รู้ถึงกับว่าอีกฝ่ายเป็นใคร งั้นก็ง่ายแล้ว”
ส้าวส้วยกวักมือเรียกหลี่ฝางให้ลงจากรถ จากนั้นก็เข้าไปในลานจอดรถใต้ดิน หารถโฟล์คสวาเกนCC ที่ฝุ่นจับทั้งคัน
ไม่ถึงนาที ส้าวส้วยก็เปิดประตูรถได้
“นายมีฝีมือด้านนี้ด้วยเหรอ? ถ้าต่อไปนายไม่อยู่กับพวกเราตระกูลหลี่แล้ว ไปเป็นโจรขโมยรถก็ไม่เลวนะ” หลี่ฝางมองส้าวส้วย แล้วพูดหยอกไปที
ตัวเองกลายเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม ตอนนี้ตำรวจกำลังล่าตัวเขาอยู่ ดังนั้นรถเบนซ์G-Classคันนั้น คงจะเอาออกไปขับข้างนอกไม่ได้
รถโฟล์คสวาเกนCCคันนี้ ฝุ่นจับไปทั้งคัน อย่างต่ำก็น่าจะถูกทิ้งไว้สองเดือนแล้ว
นี่แสดงว่า เจ้าของรถโฟล์คสวาเกนCCคันนี้ น่าจะไม่อยู่บ้าน
ดังนั้น ขโมยรถคันนี้ ในระยะเวลาสั้น น่าจะไม่ถูกจับได้
ส้าวส้วยขับรถโฟล์คสวาเกนCC พาหลี่ฝางออกไป
“ตอนนี้พวกเราจะไปไหน?” หลี่ฝางถามอย่างเลื่อนลอย
“เจ้านาย ยังอยากจะไปเยี่ยมตู้เฟยที่โรงพยาบาลอยู่มั้ย?” ส้าวส้วยเอียงหน้ามาถาม
“โห นี่มันเวลาไหนแล้ว จะไปเยี่ยมตู้เฟย ฉันรนหาที่ตายล่ะสิไม่ว่า?” หลี่ฝางมองบนใส่ส้าวส้วย
“กลัวอะไร? เมื่อกี้พวกเราถูกจู่โจมที่โรงพยาบาลนะ ตอนนี้ ตำรวจคงถอนกำลังไปหมดแล้ว” ส้าวส้วยหัวเราะ แล้วพูด: “ที่โรงพยาบาล ไม่น่ามีอะไรอันตรายแล้ว”
“ถ้าเจ้านายไม่อยากไปโรงพยาบาลเยี่ยมตู้เฟย งั้นพวกเราก็ไปดูซุนจิ้นกัน”
ส้าวส้วยออกรถ หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง รถของเขา ก็จอดลงตรงข้างตรอกแห่งนึง
ในตอนนี้ พอดีกับที่มีเงาสีดำเงานึง กำลังเดินออกมาจากตรอกแห่งนั้น
เห็นเงาร่างแล้ว คล้ายก็เงาของซุนจิ้น
ส้าวส้วยขับรถเข้าไป ทำเอาซุนจิ้นตกใจหมด ส้าวส้วยลดกระจกลง: “ขึ้นรถเถอะ”
เมื่อซุนจิ้นเห็นส้าวส้วย จึงถอนหายใจ: “ตกใจแทบตาย”
“มีอะไรต้องกลัว ที่ตรงนี้ เป็นที่ที่ไม่มีคน” ส้าวส้วยส่ายหน้า มองซุนจิ้นอย่างดูถูก แล้วถาม: “ฆ่าคนครั้งแรก รู้สึกเป็นไงบ้าง?”
“ก็ดีนะ” ซุนจิ้นกลับยิ้ม ทำให้หลี่ฝางรู้สึกขนลุก
ฆ่าคนครั้งแรก ควรจะน่าซีดเผือดไม่ใช่เหรอ?
แต่นี่ยิ้มหมายความว่าไง?
“ข้อมูลของรุ่นพี่ตรงเป๊ะเลย ข้างหวางเฉิน มีอยู่สองคน ผมฆ่าหวางเฉินกับอีกหนึ่งคน จงใจปล่อยอีกคนไป ให้ไปบอกข่าวกับเหยสง” ซุนจิ้นถาม: “จากนี้ ผมควรหลบไปแล้วใช่มั้ย?”
“นายกลับตระกูลสวีไปก่อนสักรอบ”
“สักพักเหยสงคงจะตามไปฆ่าตระกูลสวี ถึงตอนนั้น นายก็โผล่หน้าไปให้เหยสงเห็นแว๊บนึง จากนั้นก็รีบปลีกตัวออกมา ระวังตัวด้วย อย่าให้เหยสงจับนายได้”
ส้าวส้วยพูด พลางหยิบปืนหนึ่งกระบอกออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วส่งให้ซุนจิ้น: “นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหยสง ถ้าหากโดนไล่ตามขึ้นมาจริงๆ ก็ยิงได้เลย ยิงปืนเป็นมั้ย?”
“ไม่เป็น” ซุนจิ้นส่ายหน้า
“เหนียวไกปืนก็ได้แล้ว……ที่จริงนายแค่ควักปืนออกมา เหยสงก็ไม่กล้าตามนายแล้ว จะล้างแค้น ต้องจัดการตัวบงการ เหยสงรู้ว่าคนบงการคือตระกูลสวี เขาไม่เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงไล่ตามนายหรอก” ส้าวส้วยพูด
ซุนจิ้นพูดอืม
เมื่อส่งซุนจิ้นลงที่หน้าประตูบ้านตระกูลสวี ส้าวส้วยก็ได้รับข้อความจากลุงเฉียน
ส้าวส้วยยิ้ม แล้วมองหลี่ฝาง: “เจ้านาย พวกเราไม่มีปัญหาแล้ว”
“เร็วจัง?” หลี่ฝางพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นี่มันชีวิตคนทั้งคนนะ ตนเป็นผู้ต้องสงสัยที่น่าสงสัยที่สุด แค่แป๊บเดียวลุงเฉียนก็ใช้ฝีมือ ทำให้ตนหลุดพ้นแล้ว?
ส้าวส้วยหัวเราะเหอะๆ : “ฉายาเจ้าปัญญาของลุงเฉียน ไม่ได้มาเสียเปล่าจริงๆ ”