NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 404
บทที่ 404 ภัยพิบัติของตระกูลสวี
“ลุงเฉียนทำได้ไงเหนี่ย?”
หลี่ฝางไม่อยากจะเชื่อ เพิ่งผ่านไปยังไม่ถึงคืน คดีฆาตกรรมที่ตนถูกพาดพิง ก็รอดพ้นแล้ว?
หยูเถิงตายแล้วจริงๆ งั้นเรื่องนี้ ตนก็เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง อยากให้หลุดจากการเป็นผู้ต้องสงสัย นั้นไม่ง่ายเลย
นอกจากจะหาฆาตกรตัวจริงเจอ แต่จากที่เห็น ฆาตกรที่ฆ่าหยูเถิง แปดสิบเปอร์เซ็นต์คือหมาทิเบตัน คนอย่างหมาทิเบตัน ฆ่าคนจะทิ้งหลักฐานไว้เหรอ?
ต้องไม่ทิ้งร่องรอยไว้แน่ๆ ดังนั้นจะจับฆาตกร แทบเป็นไปไม่ได้เลย
“เรื่องราวเป็นยังไง ลุงเฉียนไม่ได้บอก”
ส้าวส้วยหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “แต่ว่าลุงเฉียนบอกว่าเจ้านายไม่เป็นอะไรแล้ว นายก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว”
“แล้วก็เจ้านายไม่ได้ฆ่าคน ถึงแม้จะฆ่าคน แล้วมันยังไง?” ส้าวส้วยพูดอย่างดูแคลน
ในตอนนั้น ก็มีรถเบนซ์สีดำคันนึง ขับเข้ามา
“รถของเหยสง” ส้าวส้วยเป็นรถเบนซ์สีดำ ก็ยิ้มอ่อน
เหยสงลงมาจากรถ ด้วยสีหน้าเย็นชา
ด้านข้างเขา มีคนบาดเจ็บมาด้วยคนนึง คนที่ซุนจิ้นบอกว่าปล่อยไปเมื่อกี้นี้ น่าจะเป็นไอ้หมอนี่
เหยสงนำคนบาดเจ็บคนนั้น เข้าไปในบ้านตระกูลสวี
ห้องโถงตระกูลสวี หน้าประตูมีคนยืนอยู่สองคน ตอนที่เหยสงเดินเข้าไป สองคนนั้นก็เข้ามา อยากจะหยุดเขา
แต่ใครจะรู้ เหยสงลงมือเอง ทำเอาสองคนนั้นแขนหัก
ลงมือได้รุนแรงมาก ทำให้หลี่ฝางขมวดคิ้วแน่น
“ลงมือรุนแรงขนาดนี้เลย? เห็นที เหยสงคงฟิวส์ขาดแล้ว” หลี่ฝางค่อยๆ เอ่ยปากพูด
แค่คนเปิดประตูสองคน เหยสงคนนี้ก็ล่อจนสองคนนั้นแขนหักแล้ว……
หลี่ฝางแอบถอนหายใจ:สองคนนี้น่าสงสารจริงๆ
อะไรก็ไม่ได้ทำ แค่เฝ้าประตูให้ตระกูลสวี แต่กลับถูกเหยสงหักแขน
ไม่พูดก็ไม่ได้ เหยสงคนนี้ไม่ใช่แค่โหด แถมยังฝีมือดีด้วย ทำรปภ.สองคนแขนหัก ภายในเวลาไม่กี่สิบวินาที
“ลูกชายเขาตาย จะให้ไม่ฟิวส์ขาดได้ยังไง?”
ส้าวส้วยยิ้ม แล้วก็จุดบุหรี่ให้ตนเอง: “เหยสงเป็นนักเลงข้างถนน เขาเป็นคนที่กระหายเลือด ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมา จะนิ่งไปไม่น้อย แต่สันดานเขายังไม่เปลี่ยน”
“เขาไม่เหมือนสวีส้าวชิวที่ระงับความโกรธได้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวมได้ แม้หลานชายหัวแก้วหัวแหวนของตนถูกทำให้พิการ เขาก็ยังนั่งติด แต่เหยสงทำไม่ได้ ลูกชายเขาตาย เขาก็แทบบ้า”
“ถึงแม้หูเฟยจะพาตำรวจมา ก็เอาเหยสงไม่อยู่” ส้าวส้วยยิ้มพลางพูด
“คราวนี้เหยสง หน้ามืดตามัวเพราะความแค้น คิดว่าทั้งชีวิตนี้เหยสงพยายามมา เพื่ออะไรกัน? เพื่อเงินทองความมั่งคั่งเหรอ? เหยสงเสพสุขเกินพอมาตั้งนานแล้ว เหตุผลที่เขามีพื้นที่มากมาย มีธุรกิจที่ใหญ่โต คอยดูแลปกป้อง เหยสงกำลังรอ รอให้หวางเฉินโต เมื่อหวางเฉินสามารถดูแลคนเดียวได้ ตนก็จะมอบสิ่งที่ตนสร้างมาให้กับเขา”
“แต่ตอนนี้ หวางเฉินตายแล้ว โดนตระกูลสวีฆ่า ก็เท่ากับทำลายสิ่งที่เหยสงดั้นด้นทำมาทั้งชีวิต ตอนนี้ จะไม่ให้เหยสงเป็นบ้าได้ยังไง? เขาไม่มีอะไรที่ต้องห่วงแล้ว”
ส้าวส้วยพูดจบ จู่ๆ ก็มีรถเป็นขบวน ขับมาจากไกล แล้วหยุดลงข้างรถเบนซ์
เหยโก่วลงมาจากในรถคันนั้น จากนั้นในมือก็ถือมืดยาวเล่มนึง
“เชี่ย จะใช้เลือดล้างตระกูลสวี? เหยสงบ้าไปแล้ว”
หลี่ฝางตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ เพราะว่าเขาเห็นคนนับร้อย ลงมาจากด้านในรถขบวนนั้น
แล้วก็คนนับร้อยนั้น ทุกคนถืออาวุธ
นี่มันบ้าคลั่งเกินไปมั้ย?
บ้านเมืองมีกฎหมายนะ!
หลี่ฝางกลืนน้ำลาย แล้วมองส้าวส้วย เห็นแค่ใบหน้าของส้าวส้วยนั้น นิ่งมากๆ ราวกับภาพฉากนี้ เขาคิดไว้นานแล้ว
“เจ้านาย พวกเราไปกันเถอะ”
เมื่อส้าวส้วยกำลังจะออกรถ แต่กลับถูกหลี่ฝางห้ามไว้: “ดูต่ออีกหน่อยเถอะ”
ส้าวส้วยลังเลอยู่ครู่ แล้วพูดดับความอยากรู้: “เจ้านาย นี่มันคือการสังหารหมู่นะ”
“พูดตามจริง เจ้านาย ภาพนี้ เจ้านายไม่ควรดูนะ”
ส้าวส้วยชี้ไปที่คนนับร้อยด้านหน้าแล้วพูด: “เห็นคนกลุ่มนี้มั้ย? ไม่นาน พวกเขาก็จะกลายเป็นอาชญากรที่ทั้งประเทศต้องการตัว”
คนกลุ่มนี้ปิดบังใบหน้า ราวกับนักลอบฆ่าสมัยก่อนอย่างนั้นแหละ
บ้านตระกูลสวี แต่เดิมก็ตั้งอยู่ในที่ห่างไกล และมีคนอยู่แค่ไม่กี่คน
ดังนั้น มีคนนับร้อยมายืนล้อมที่นั่น ก็มีคนเห็นแค่ไม่กี่คน
“เมื่อกี้ เหยสงเอาทรัพย์สินของตนเองขายออกไปหมดแล้ว และเงินทั้งหมดของเขา ก็ได้แบ่งให้กับคนพวกนี้ไปหมดแล้ว……
ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ เหยสงคนนี้ เขาสามารถหาเงินสดหลายร้อยล้านมาได้ในเวลาแป๊บเดียว ส่วนคนพวกนี้ แต่ละคนก็ได้ไปเป็นล้าน”
“พวกเขาเอาเงินไป ก็เท่ากับขายชีวิตให้กับเหยสง เพื่อฆ่าคนแทนเหยสง”
“และเหยสงสัญญากับพวกเขา หลังจากเข้าไปในบ้านตระกูลสวี สามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ ฆ่า หยิบ อะไรก็ได้ตามใจ คนในเมืองเอกทุกคนรู้ สวีส้าวชิวเป็นนักสะสม ในห้องของเขา ภาพวาดภาพนึง ก็มีค่าหลายสิบล้านแล้ว……ตระกูลสวีพูดได้ว่าเป็นคลังสมบัติดีๆ นี่เอง”
“เหยสงเข้าไป แค่เช็กให้แน่ใจ ขอแค่แน่ใจแล้วว่าตระกูลสวีเป็นคนฆ่าหวางเฉิน คนพวกนั้น ก็จะกรูกันเข้าไป”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของส้าวส้วยก็เปลี่ยนไป: “หลังจากคืนนี้ ก็ไม่มีตระกูลสวีแล้ว”
หลี่ฝางหวั่นใจ ตระกูลสวีไม่ได้มีแค่สวีเถิงเฟย แต่ความวิบัติทั้งหมดนี่ ล้วนแต่เกิดจากสวีเถิงเฟย
หลี่ฝางขมวดคิ้ว: “พวกเราทำแบบนี้ ไม่ถูกหรือเปล่า?”
การให้ร้ายฉากนี้
เป็นความคิดของลุงเฉียน ให้ซุนจิ้นไปฆ่าหวางเฉิน จากนั้นก็โยนความผิดให้ตระกูลสวี
“เจ้านาย นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมบอกว่าไปเราไปกัน ให้นายรู้เรื่องทั้งหมด นายต้องทนไม่ไหวแน่ๆ ” ส้าวส้วยหันมา แล้วยิ้มให้หลี่ฝางอย่างซับซ้อน: “เจ้านายโทรหาหูเฟยเถอะ”
“หูเฟยถือได้ว่าเป็นคนเห็นถึงความเป็นเพื่อน ครั้งที่แล้วนายปล่อยเขาไปครั้งนึง ดังนั้นเมื่อกี้เขาถึงได้ส่งข้อความมาให้นาย ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่อธิบายกับนายหรอก……”
“ภรรยาของหูเฟย สวีจื่อเม่ย ตอนนี้อยู่ในบ้านตระกูลสวี นายโทรหาหูเฟย บอกเขาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ให้เขารีบมาช่วย แบบนี้ ตระกูลสวี ก็จะเจ็บน้อยลงเยอะ แล้วหูเฟย ก็จะจำความหวังดีของนายได้”
ส้าวส้วยพูดจบ ครู่นึงก็พูดเสริมขึ้นมา: “แต่ไม่ช้าก็เร็วเรื่องจริงก็จะปรากฏขึ้น ฆาตกรตัวจริง สักวันนึงก็ต้องเผยตัว……ไม่ช้าก็เร็วหูเฟยก็จะสืบได้ ว่าเรื่องมันเกิดจากพวกเรา”
“ถึงตอนนั้น หูเฟยที่รู้ความจริงแล้ว ก็จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ”
“ดังนั้น จะโทรหรือไม่โทร แล้วแต่ เจ้านายเลยครับ” ส้าวส้วยพูดด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
ในตอนนี้ โทรศัพท์ของเหยโก่วก็ดังขึ้น หลังจากที่เขารับโทรศัพท์ ปากก็มีรอยยิ้มอย่างโหดเหี้ยม ต่อมา เขาก็หันไปพยักหน้าให้ลูกน้องที่อยู่ด้านข้าง
“หลังจากเข้าไป ทุกคนไม่ต้องเห็นใจ ควรฟันก็ฟัน ควรหยิบก็หยิบ ตระกูลสวีมีสาวน้อยคนนึงสวยอยู่ ถ้าหากเรื่องอย่างว่าเร็วละก็ จะเล่นสักหน่อยก็ไม่ว่ากัน”
เหยโก่วพูดพลางยิ้มอย่างเย็นยะเยือก คำพูดแบบนี้ ราวกับพวกปีศาจบุกหมู่บ้านอย่างนั้น
“ตาแก่สวีมีวัตถุโบราณมากมาย พวกนายใครแย่งได้ ก็เป็นของคนนั้น” เหยโก่วพูดจบ จากนั้นก็ก้าวเท้านำ พุ่งเข้าไป ในบ้านตระกูลสวี
และก็ในขณะนั้น หลี่ฝางก็กดโทรหาหูเฟย
“หลี่ฝาง? นายนี่กล้าดีนี่ ตอนนี้นายเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมนะ ยังกล้าโทรหาฉันอีก? ทำไม ตัดสินใจมอบตัวเหรอ?” หูเฟยที่ปลายสายพูดพลางหัวเราะ
“ฉันไม่ได้ฆ่าคน” หลี่ฝางพูดยันให้พูดเองหนึ่งประโยค
“เรื่องนี้ มันก็น่าสงสัยจริงๆ แต่ว่านายเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุด ดังนั้นฉันแนะนำว่านายอย่าหนีเลย รีบมามอบตัวที่สถานีตำรวจเถอะ ถ้าหากนายไม่ได้ฆ่าจริงๆ พวกเราจะทำให้นายพ้นผิด เรื่องนี้นายวางใจได้ ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนพวกเราจะมีปัญหากันเล็กน้อย แต่ว่าฉันคนนี้ ไม่มีทางปรักปรำคนดีแน่นอน” หูเฟยพูดอย่างเป็นธรรม
หลี่ฝางไม่พูดอะไรไร้สาระต่อ เขาเข้าประเด็น: “เอาล่ะ หูเฟย เรื่องของฉัน นายวางมันลงก่อน”
“นายรีบพาคนไปตระกูลสวีเถอะ เหยสงพาคนเป็นร้อยมา พวกเขาถืออาวุธ วิ่งเข้าไปในบ้านแล้ว” หลี่ฝางพูด: “นายก็ถือว่าเป็นคนตระกูลสวีครึ่งนึงแล้ว รีบมาช่วยพวกเขาเถอะ”
“นายมาเพ้อเจ้ออะไรกับฉัน? เหยสงมีความกล้านั้นเหรอ? นอกจากเขาจะไม่อยากอยู่ที่เมืองเอกแล้ว” หูเฟยหัวเราะเหอะๆ ไม่ได้เชื่อเลยสักนิด
ขณะที่หลี่ฝางจะพูดต่อ จู่ๆ ส้าวส้วยก็แย่งโทรศัพท์ไป และกดวางสาย
“พอแล้ว