NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 405
บทที่ 405 นี่คือยุทธภพ
หลี่ฝางชะงักอยู่ครู่ แล้วมองส้าวส้วยอย่างไม่ค่อยพอใจ: “นายทำอะไร ฉันยังพูดไม่จบนะ? หูเฟยยังคิดว่าฉันล้อเล่นกับเขาอยู่เลย”
แต่ส้าวส้วยกลับส่ายหน้า มองหลี่ฝาง แล้วพูด: “เจ้านาย นายพูดมากพอแล้ว หูเฟยจะเชื่อหรือไม่ นั่นก็เป็นเรื่องของเขา”
“ถ้านายพูดต่อ เขาก็คงสงสัยเจ้านาย”
“สงสัยฉัน?” หลี่ฝางมองส้าวส้วยอย่างสับสน
“ใช่แล้ว เจ้านาย ถ้าหากฉันไม่แย่งโทรศัพท์นายมา แล้ววางสาย นายคงจะบอกหูเฟยใช่มั้ย ว่าหวางเฉินตายแล้ว แล้วก็พูดซุนจิ้นฆ่า?” ส้าวส้วยมองบนใส่หลี่ฝาง
“ใช่แล้ว” หลี่ฝางพยักหน้าอย่างเอ๋อๆ
บอกหูเฟยเรื่องนี้ งั้นหูเฟยก็จะเชื่อแล้ว ในใจหลี่ฝางคิดแบบนี้
ส้าวส้วยส่ายหน้า และมองหลี่ฝางอย่างผิดหวังเล็กน้อย แล้วพูด: “เจ้านาย หวางเฉินเพิ่งจะตาย นอกจากเหยสง ก็ไม่มีใครรู้ข่าวนี้แล้ว แม้แต่ตระกูลสวีก็ยังไม่รู้ นายบอกหูเฟยไปแบบนั้น หลังจากจบเรื่องหูเฟยต้องถามนายแน่ๆ ว่ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง ถึงตอนนั้นนายจะตอบยังไง?”
“หูเฟยเป็นผู้บัญชาการตำรวจนะ จากความสามารถปะติดปะต่อเรื่องของเขา ไม่นานก็คงเข้าใจได้”
ส้าวส้วยพูด: “ไม่แน่ แค่แป๊บเดียวเขาคงจะเดาออกว่าเบื้องหลังมีคนจัดฉาก”
หลังจากที่หลี่ฝางได้ยินส้าวส้วยพูดประโยคนี้ ก็สำนึกผิดทันที
ต่อมา สีหน้าของหลี่ฝาง ก็กลายเป็นซีดลงทันที
หลี่ฝางพูดกับส้าวส้วยอย่างขอบคุณ: “ดีที่มีนาย ถ้านายไม่แย่งโทรศัพท์ไป ฉันคงเผยไต๋ไปจริงๆ ”
ใช่แล้ว ที่หวางเฉินตาย มีกี่คนที่รู้?
ตั้งแต่ที่ซุนจิ้นฆ่าหวางเฉินจนถึงตอนนี้ ผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ในเวลาหนึ่งชั่วโมงนี้ แม้แต่ตำรวจก็ยังไม่รู้ว่าตาย แต่ตนกลับรู้
นั่นเห็นได้ชัด ว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
“เฮ้อ ยังไงก็ตาม คงยากที่หูเฟยจะเชื่อฉัน” หลี่ฝางถอนหายใจ
ในตอนนั้น เหยโก่วก็ยกพวกเข้าไปในบ้านตระกูลสวี จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น ซุนจิ้นก็ปีนกำแพงออกมา
ซุนจิ้นแค่หันมามองทางหลี่ฝางแป๊บเดียว ต่อมาเงาร่างก็หายไป
ไม่มีคนตามซุนจิ้น ถึงยังไงฝีมือของซุนจิ้น นอกจากตัวเหยสง เกรงว่าจะไม่มีใครหยุดเขาได้
“ซุนจิ้นไปไหนแล้ว?” หลี่ฝางถาม
ส้าวส้วยไม่ได้ตอบ ทำราวกับไม่ได้ยินที่หลี่ฝางถาม
หลี่ฝางส่ายหน้า ความรู้สึกที่อะไรก็ถูกปิดบัง ทำให้ไม่ค่อยพอใจจริงๆ
แต่หลี่ฝางก็รู้ ส้าวส้วยไม่พูด ก็เพื่อตัวเขา
ของแบบนี้ ถึงรู้ไป ก็ไม่มีผลดีกับตัวหลี่ฝาง
หลังจากหลี่ฝางวางสายใส่หูเฟย ใจของหูเฟย ก็เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ทันที
ถึงแม้หูเฟยจะไม่เชื่อว่าเหยสงจะกล้าแบบนั้น กล้าพาคนเป็นร้อยบุกเข้าตระกูลสวี แต่หูเฟยยิ่งไม่อยากจะเชื่อว่าหลี่ฝางกำลังล้อเขาเล่น
ในตอนนี้ หลี่ฝางคือผู้ต้องสงสัย……
ผู้ต้องสงสัยหนีคดีคนนึง ถึงกับโทรมาหาผู้บังคับบัญชาการ เพื่อแจ้งข่าวด้วยตัวเอง ปั่นหัวกันเล่นเหรอ?
นี่มันหาทางตายไม่ใช่เหรอ?
หูเฟยที่ไม่วางใจ จึงกดโทรศัพท์โทรหาภรรยาทันที……
แต่เรียกอยู่นานก็ไม่มีคนรับสาย จู่ๆ หูเฟยก็มีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี
สวีเถิงเฟยถูกหวางเฉินทำให้เป็นคนพิการ ความสัมพันธ์ของตระกูลสวีกับเหยสง ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่จริงๆ ……
ทันใดนั้นหูเฟยก็นึกได้ว่า
หรือหวางเฉินนั้นมีอันตรายแล้ว
หลังจากหวางเฉินทำสวีเถิงเฟยพิการ ก็หลบหนีไป นายท่านสวีมีคำสั่งจริงๆ หากเจอหวางเฉิน ให้ทำเขาพิการแบบเดียวกัน
“แม่งเอ๊ย หรือว่าคนตระกูลสวีจะเจอหวางเฉินเข้าแล้ว?”
ทันใดนั้นหูเฟยก็ตะโกน: “ตำรวจทุกนายตามฉันมา พกอาวุธของพวกนายไปด้วย!”
ถ้าหากหลี่ฝางไม่ได้ล้อเล่น งั้น……
หูเฟยไม่กล้าคิดต่อ ภรรยาของตนยังอยู่ในบ้านตระกูลสวีนะ
นั่งอยู่บนรถตำรวจ หูเฟยก็โทรหาภรรยาของตน ไม่หยุด: “รับสิ รับสิ……”
หูเฟยพูดพึมพำ ต่อมาก็ยังโทรไม่ติด บนหน้าของหูเฟย เหงื่อค่อยๆ ตก
หูเฟยก็เริ่มโทรหานายท่านสวี แต่ในตอนนี้นายท่านสวี ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว
นายท่านสวีเป็นคนแรกที่ถูกเด็ดหัว
ที่จริงเหยสงอยากจะลากตัวนายท่านสวีมาถามคำถามสักหน่อย หลังจากยืนยันแล้วค่อยลงมือ
แต่ใครจะไปรู้ เหยสงยังไม่ทันเดินไปถึงตัวนายท่านสวี ก็เห็นซุนจิ้นเข้าซะก่อน
เมื่อเห็นซุนจิ้น เหยสงก็สูญสิ้นสติทั้งหมด แล้วเรียกให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ด้านข้างโทรหาเหยโก่ว ให้เหยโก่วยกพวกเข้ามา จากนั้นตนก็ตามซุนจิ้นไป
ถึงแม้ตระกูลสวีจะเป็นคนสั่งการ แต่ซุนจิ้นเป็นคนลงดาบ……แต่เหยสงไม่อยากปล่อยใครไปสักคน
ที่จริงแล้ว เหยสงอยากฆ่าซุนจิ้น ล้างแค้นให้ลูกชายตน แต่ใครจะรู้ สุดท้ายซุนจิ้นควักปืนออกมา แล้วยิงมาที่ตน หนึ่งนัด
ปืนนัดนั้น ทำให้เหยสงกลัวเล็กน้อย ส่วนซุนจิ้นก็ใช้ช่องว่างนั้น หนีไป
เมื่อพวกของเหยสงกรูเข้ามา เป้าหมายของทุกคน เล็งไปที่นายท่านสวี
ใครก็รู้ บนร่างของนายท่านสวีมีแต่ของมีค่า
ถึงแม้ข้างกายนายท่านสวีจะมีบอดี้การ์ด พวกเขาแต่ละคนสามารถต่อกรหนึ่งต่อสิบได้ แต่ว่า พวกเขาไม่สามารถต่อกรกับคนเป็นร้อยได้
คนนับร้อยกรูเข้าไปในบ้านตระกูลสวี นอกจากฉกของ ก็ได้เด็ดหัวนายท่านสวี
หูเฟยที่นั่งอยู่บนรถตำรวจ ใจก็เริ่มชาทันที
ในตอนนี้ เขาเชื่อทำพูดของหลี่ฝางแล้ว บ้านตระกูลสวี เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ
จู่ๆ โทรศัพท์ของหูเฟยก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นว่าเป็นภรรยาของตนโทรมา หูเฟยก็ดีใจที่ผิดคาด ต่อมาก็รีบกดรับสาย ส่วนทางปลายสาย กลับมีเสียงหนึ่งที่ชีวิตนี้ของหูเฟยไม่อยากจะได้ยิน
ปลายสาย มีเสียงร้องครางของสวีจื่อเม่ยดังขึ้น
หูเฟยไม่ได้โง่ เขารู้ได้ทันทีว่าเสียงนี้หมายความว่ายังไง
“หูเฟย นายจำฉันได้มั้ย? ตอนนั้นเพราะว่าแก ฉันถึงต้องโทษสามปี วันนี้ ในที่สุดความแค้นสามปีของฉัน ก็ได้คืนให้กับแก” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นจากปลายสาย
ด้านหูเฟย เขาโกรธจนเส้นเลือดที่คอปูด
เขากระชากพวงมาลัย จากนั้นก็เหยียบคันเร่งจนมิด รถก็ได้เพิ่มความเร็วขึ้น
“ลูกพี่ หูเฟยมาแล้ว”
คนที่ข่มขืนสวีจื่อเม่ย สองมือโอบร่างสวีจื่อเม่ย แล้วมาถึงหน้าเหยสง
เหยสงมองไปที่พี่น้องรอบตัว แล้วพูด: “ทุกคนแยกย้าย เป็นพี่ที่ทำให้พวกนายลำบากแล้ว”
“ลูกพี่ พี่พูดอะไร ไม่มีลูกพี่ แล้วพวกเราจะทำยังไง”
“ก็แค่หนีไปไม่ใช่เหรอ? เงินในมือพวกเรา และความสามารถเรา ไปที่ไหนก็เป็นลูกพี่!”
พี่น้องหลายคนพูดอย่างไม่สนใจ: “โอเค ลูกพี่ ดูแลตัวเองด้วย”
ขณะที่เหยสงพาพวกพ้องของตน กำลังจะเดินออกจากบ้านตระกูลสวี รถตำรวจสามคัน ก็ขับเข้ามา
“แม่มึง เหยสง เ**ดทวดมึง!”
หูเฟยตะโกนด่า จากนั้นก็พุ่งเข้าหา เหยสงและคนอื่นๆ
“ถอยไป!”
สีหน้าของเหยสงลนลาน เขาคิดไม่ถึงว่า หูเฟยจะมาเร็วแบบนี้
“ลูกพี่ รีบไป บ้านตระกูลสวีมีประตูหลัง!” ในตอนนี้ มีชายร่างบางคนนึง คว้าแขนของเหยสง จากนั้นก็เริ่มวิ่ง
เหยสงก็ไม่ได้ลังเล เริ่มวิ่งตามชายร่างผอมไป
เหยสงก็วิ่งตามไปติดๆ หลังจากหูเฟยลงจากรถ ก็ควักปืนขึ้นมา จากนั้นก็เล็งไปที่คนที่มีรอยแผลเป็นอยู่บนหน้า แล้วก็ลั่นไกปืน
ฝีมือยิงปืนของหูเฟยดีมาก ปืนนัดนี้ ยิงโดนหว่างคิ้วของเขาเต็มๆ
ถ้าหากลั่นไกช้าไปหนึ่งวินาที เกรงว่าชายที่มีรอยแผลเป็นบนหน้า จะแทงสวีจื่อเม่ยจนตาย
ตำรวจกลุ่มนึงถือปืน และคุมตัวคนส่วนมากไว้ได้ แต่ก็ยังมีคนกลุ่มน้อย ที่เสี่ยงอันตรายจากปืน แล้วปืนกำแพงหนีจากบ้านตระกูลสวีออกไป
ส้าวส้วยเห็นภาพนี้ ก็พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ : “หูเฟยไม่ได้โกหก เขาไม่ได้ยิงจริงๆ ฝีมือการยิงปืนของเขาดีขนาดนี้ ถ้าตอนนั้นเขาเป็นคนยิง ต้องยิงโดนพวกเราแน่ๆ ”
จิตใจของหลี่ฝาง หม่นหมองเล็กน้อย
เมื่อเห็นพวกพ้องของเหยสง แต่ละคนถือมีดที่อาบไปด้วยเลือด ในอ้อมแขนหอบของมีค่า ใจของหลี่ฝาง เริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย
ถ้าหากไม่ใช่เพราะตน บางทีตระกูลสวี อาจจะไม่ถูกลุงเฉียนคิดบัญชี และก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้
“ส้าวส้วย ที่คือยุทธภพเหรอ?” หลี่ฝางพูดเสียงเบา
“ใช่แล้ว นี่ก็คือยุทธภพ……” ส้าวส้วยเอียงหน้ามา มองหลี่ฝาง แล้วพูด: “เจ้านาย พวกเราไปกันเถอะ”
หลี่ฝางเงียบอยู่ครู่ แล้วส้าวส้วยก็ขับรถเบนซ์ เคลื่อนตัวออกไป