NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 417
บทที่417 ปู่ของฉินวี่เฟยมาแล้ว
ส้าวส้วยก็สนใจทันที เงยหน้าพูด:“งั้นรีบเรียกเขามาเถอะ”
หลี่ฝางประมาณการไว้แล้ว หันหน้าไปมอง ก็เห็นถังจิ้นมาตรงหน้าโรงอาหาร
หลี่ฝางหัวเราะให้ส้าวส้วย:“นี่ไงมาแล้ว”
พูดจบ หลี่ฝางจึงยืนขึ้น โบกมือให้ถังจิ้นที่หน้าประตู
ถังจิ้นเดินเข้ามา พยักหน้าและโค้งคำนับให้หลี่ฝาง:“สวัสดีคุณชายหลี่”
“เรียกผมหลี่ฝางก็พอ”หลี่ฝางขมวดคิ้ว ไม่ชอบคำเรียกว่า‘คุณชายหลี่’นี้มาก
จากนั้น ถังจิ้นก็หันหน้าไปที่ส้าวส้วย เขามองสีหน้าของส้าวส้วยที่ดูเหมือนกลัวและกังวลหน่อยๆ
ส้าวส้วยจึงปลอบไป:“เรื่องเมื่อวาน ขอโทษคุณนะ ……”
“ไม่เป็นไร ความผิดผม ผมสมควรโดน ได้รับการสั่งสอนจากคุณ เป็นเกียรติของผม”ถังจิ้นพูดทันที
หลี่ฝางยิ้มอย่างขมขื่น:“งั้นคุณให้ส้าวส้วยตบคุณอีกไหม?ยังเป็นเกียรติอีกไหม?ตบคุณคือเกียรติของคุณ ทำไมคุณต่ำตมขนาดนี้”
หลี่ฝางพูดอย่างหมดคำพูด:“อย่ามาทำพิธีรีตองปลอมๆที่นี่เลย นั่งคุยกันเถอะ”
“กินอะไรหน่อยมั้ง ผมไปเอาข้าวให้คุณไหม?”หลี่ฝางถาม
“คุณชายหลี่……ไม่ หลี่ฝาง นี่ไม่ได้ ผมจะให้คุณไปเอาข้าวให้ได้ไง ผมกินของเหลือของคุณก็พอ”ถังจิ้นพูดอย่างไม่แคร์
“ถ้าคุณไม่รังเกียจก็ได้”หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ คิดถึงชีวิตนักเรียนมอปลายอีกครั้ง
เมื่อก่อนตอนที่อยู่มอปลาย ไม่ว่าตอนกลางวันหรือตอนเย็น โรงอาหารจะแออัดมาก ดังนั้นหลี่ฝางจึงช่วยไปเอาข้าวให้ อย่างละสองหยวน
ตอนนั้นหลี่ฝางก็ทำใจกินของดีไม่ได้นัก กินผักกาดขาวที่อย่างละหนึ่งหยวนห้าเอง
ทุกครั้งที่คิดถึง ในใจของหลี่ฝาง ก็ดีใจหน่อยๆ
หลายๆครั้ง หลี่ฝางมักรู้สึกว่าตัวเองฝันไป
อย่างเมื่อกี๊ หลี่ฝางลืมสถานะลูกคนรวยของตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง เกือบจะลุกขึ้นไปเอาข้าวให้ถังจิ้น ……
คิดๆดู ถังจิ้นจะรับได้ไหม?
ถังจิ้นถือข้าวที่หลี่ฝางกินเหลือไป:“ผมจะรังเกียจคุณได้ไง คุณชายหลี่”
“เรียกผมว่าหลี่ฝาง”หลี่ฝางพูดอย่างโกรธเล็กน้อย:“ผมไม่อยากให้ทุกคนรู้ตัวตนของผม”
หลี่ฝางหดหู่หน่อยๆ เตือนไปหลายครั้งแล้ว ทำไมไม่จำเลย
ถังจิ้นตอบอืม:“งั้นก็เรียกคุณว่าหลี่ฝาง ดูมีอะไรหน่อย”
ถังจิ้นไม่ค่อยกล้าพูดชื่อของหลี่ฝางไปตรงๆ
ส้าวส้วยไม่พูดเหลวไหลมากนัก ถามออกไปตรงๆ:“ได้ยินเจ้านายบอกว่า คุณเป็นพยานตลอดทั้งการกระทำที่หยูเถิงถูกฆ่า และยังถ่ายรูปไว้ด้วย ใช่ไหม?”
“อืออือ”
ถังจิ้นพยักหน้าแรงๆ:“ใช่ เมื่อคืนผมอยู่ในรถ เห็นอย่างชัดเจน”
“คุณเห็นอะไรบ้าง?”ส้าวส้วยถามเค้น:“ฆาตกรไม่ได้เห็นคุณใช่ไหม?”
“ไม่ ฆาตกรไม่มีทางเห็นผมได้ ผมอยู่ห่างออกไปกว่าห้าสิบเมตร ……”ถังจิ้นหัวเราะอย่างร้ายกาจ
“ห่างออกไปกว่าห้าสิบเมตร?”หลี่ฝางขมวดคิ้ว
“ใช้ตาเปล่าอย่างเดียวมองไม่เห็นแน่ แต่ตั้งแต่ผมซื้อกล้องส่องทางไกลมา ก็เห็นสิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจนภายในระยะหนึ่งร้อยเมตร เห็นชัดเจนมาตลอด ปกติเอาไว้สอดแนมคนอื่นน่ะ……”
ถังจิ้นยิ้มอย่างน่าสมเพช:“ตรงข้ามบ้านผม มีสาวน้อยคนหนึ่ง ตอนที่เธออาบน้ำมักจะไม่ดึงม่าน”
“เมื่อคืน ห้องพวกเรากินข้าวด้วยกันใช่ไหมล่ะ?ตอนกลางวันขายขี้หน้าไป ดังนั้นตอนกลางคืนผมก็ไม่มีอารมณ์กินข้าว หยูเถิงก็ไม่ให้ผมไปห้องวีไอพี ผมต้องไปห้องธรรมดา กินไปไม่กี่คำ ก็ออกมากลับไปที่รถของตัวเอง”
“เดิมทีผมคิดจะไปเลย แต่หยูเถิงส่งข้อความมา เรียกผมไปเป็นคนขับรถให้เขาหน่อย ผมจึงรับปาก ……”
มองหลี่ฝาง ถังจิ้นก็หัวเราะพูดว่า:“กินข้าวเสร็จ ผมก็เห็นคุณโอบไหล่ของหยูเถิง เดินไปที่สนามหญ้าตรงข้าม จากนั้น คุณกับหยูเถิงดูเหมือนว่าจะทะเลาะกันจนแยกย้ายกันไปอย่างไม่สบอารมณ์ พอคุณไป หยูเถิงนอนก็อยู่ที่พื้น นอนอยู่นาน”
“ตอนนั้นผมกำลังเตรียมออกรถไปรับหยูเถิง ใครจะไปรู้ มีรถคันหนึ่งจอดที่ข้างสนามหญ้า จากนั้นที่รถก็มีคนลงมาสองคน ผมรู้จักหนึ่งในนั้น เขาคือลุงของหยูเถิง ส่วนอีกคน ก็คือฆาตกรที่ฆ่าหยูเถิงตาย”
“คนๆนั้นต่อยไปที่อกของหยูเถิง จากนั้นหยูเถิงก็ล้มลง”
“จากนั้น ก็มีรถพยาบาลคันหนึ่งมา หยูเถิงถูกห่อเข้าไปในถุงสีฟ้า ผมตามรถพยาบาลคันนั้นไป มองเห็นศพของหยูเถิงจากห้องดับจิต”
พูดไป ถังจิ้นก็เอาการ์ดหน่วยความจำออกมาจากกระเป๋า:“ผมใช้กล้องดิจิตอลถ่าย”
“หน้าของฆาตกร ถ่ายได้ชัดมาก”
“ที่จริงผมคิดว่าเจอคุณ จะเอารูปนี้ให้คุณ เอามาล้างข้อสงสัยให้คุณ แต่คิดไม่ถึงว่าเช้าวันนี้ ตระกูลหยูจะประกาศข่าว ว่าหยูเถิงไม่ตาย แค่ไปเรียนต่างประเทศ”
ถังจิ้นหัวเราะเหอะเหอะ การ์ดหน่วยความจำวางไว้ตรงหน้าหลี่ฝาง
“การ์ดหน่วยความจำผมจะเก็บไว้”
ส้าวส้วยยื่นมือไป หยิบกระดาษทิชชู ห่อการ์ดหน่วยความจำไว้ จากนั้นพูดกับถังจิ้น:“เลขบัตรธนาคารของคุณคืออะไร?”
“หมายความว่าไง?”ถังจิ้นถามตาม
“จะให้ค่าตอบแทนคุณหน่อย”ส้าวส้วยพูดเบาๆ:“ถือเป็นค่าปิดปากด้วย”
“ผมไม่ต้องการเงิน……”
ถังจิ้นส่ายหน้า พูด:“ถือว่าพวกคุณเป็นหนี้บุญคุณผมก็พอ ต่อไป……”
ยังไม่รอให้ถังจิ้นพูดจบ ส้าวส้วยก็พูดอีกครั้ง:“เอาเลขบัตรมาให้ผม……พวกเราไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร”
“ไม่ต้องจริงๆครับ ไม่อย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ ถือว่าเป็นเพื่อนกัน ……”สีหน้าถังจิ้นดูอึดอัด
“เลขบัตร……นี่คือครั้งสุดท้าย”
สีหน้าของส้าวส้วย ค่อยๆหม่นลง
สีหน้าของถังจิ้น ก็ดูไม่ดีขึนมา เขาเอาเลขบัตรธนาคารของตัวเอง พูดเบาๆให้ส้าวส้วยฟัง
“โอเค”
ส้าวส้วยลุกขึ้น จากนั้นก็พยักหน้าให้หลี่ฝาง:“เจ้านาย พวกเราไปเถอะ”
เวลานี้ ถังจิ้นหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมา
ถังจิ้นได้รับข้อความโอนเงินจากธนาคาร พอมองดูข้อความ ปากของถังจิ้น ก็อ้ากว้าง
“สิบล้าน……”
ถังจิ้นสูดลมหายใจ เขาคิดไม่ถึงว่ารูปที่ถ่ายๆมาไม่กี่ใบนี้ จะได้ค่าตอบแทนถึงสิบล้าน
ถังจิ้นยังคิดว่า อย่างมากส้าวส้วยก็โอนเงินให้เขาไม่กี่หมื่น
มือของถังจิ้น ก็สั่นขึ้นมา
สิบล้าน เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของถังจิ้นจากนี้ กินใช้อย่างสบายใจ แค่เขาไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
“รูปไม่กี่รูปพวกนี้ คุ้มกับราคา ……”
ส้าวส้วยหัวเราะเบาๆ:“ถ้าคุณเอารูปถ่ายพวกนี้ให้พวกเราเมื่อคืน เกรงว่า ผมจะให้คุณมากกว่านี้”
สิบล้าน ยังมากไม่พอเหรอ?
ยังให้มากได้อีก?
ถังจิ้นตะลึงไป
หลี่ฝางก็คิดไม่ถึง ส้าวส้วยจะใจกว้างขนาดนี้
แต่พอคิดๆดูก็ใช่ ถ้าเมื่อคืนรูปพวกนี้อยู่ในมือของตัวเอง ตัวเองยังต้องหนีเหรอ?แล้วยังจะกลายเป็นผู้ร้ายต้องการตัวอีกไหม?อีกทั้งยังทำให้เพื่อนของตัวเองมากมายนั้น เป็นห่วงกังวลตัวเองอีกหรือไม่?
แค่สิบล้าน ไม่หนักหนาอะไรสำหรับตระกูลหลี่
แต่ส้าวส้วยเอาสิบล้านให้ถังจิ้น กลับทำให้หลี่ฝางแปลกใจหน่อยๆ
“คุณใจกว้างมาก”ออกจากโรงอาหาร หลี่ฝางก็มองส้าวส้วยแล้วพูดอย่างแปลกใจเล็กน้อย
ส้าวส้วยหัวเราะ:“ที่จริงก็ไม่อะไรหรอก รูปพวกนี้ อย่างแรก ราคามากกว่าสิบล้านนั่นเยอะ อย่างที่สอง ถังจิ้นนี่ถึงกับเสี่ยงชีวิตไปถ่ายมาได้”
“ถ่ายหลักฐานทำผิดของหมาทิเบตันได้ นั่นเป็นเรื่องยากอย่างหนึ่ง และก็ทำให้เขาที่ไม่รู้อะไรดีแต่บังเอิญประสบความสำเร็จ”ส้าวส้วยส่ายหน้า หัวเราะอย่างมีเลศนัย
ก็ใช่ รูปพวกนี้ เป็นหลักฐานที่หมาทิเบตันฆ่าคนได้
ไม่ใช่แค่หมาทิเบตัน หยูเต๋อส่วยนั่น ก็เกรงว่าจะหลุดความสงสัยไม่ได้
หลี่ฝางพูดอย่างโกรธๆ:“หยูเต๋อส่วยนี้ สติฟั่นเฟือนจริงๆ หักหลังตระกูลตัวเองก็ว่าแล้ว จากนั้นยังร่วมมือกับหมาทิเบตัน ทำร้ายหลานชายแท้ๆของตัวเอง”
“ไม่มีความเป็นคนเลย”หลี่ฝางกัดฟันพูด
“ความเป็นคน?ความเป็นคนคุ้มค่ากับเงินไม่เท่าไหร่นี้?ต่อหน้าเศรษฐีหลายสิบล้านไปจนถึงหลายร้อนล้าน ความเป็นคนไม่มีค่าอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอย่างหยูเต๋อส่วย มีอะไรที่เขาทำไม่ได้”
ส้าวส้วยพูดจบ สายตามีความเฉียบคม
“มีรูปพวกนี้ หยูเถิงก็ไม่สามารถไปเรียนต่างประเทศได้แล้ว ถึงตอนนั้นให้เขาได้‘ตาย’อีกครั้ง”ส้าวส้วยพูด
กำลังคุยกับส้าวส้วยอยู่นั้น ทันใดนั้นฉินวี่เฟยก็วิ่งมาทางหลี่ฝาง
“ถึงว่าหาคุณเจอแล้ว โทรไปคุณก็ไม่รับ ทำไม หลบฉันเหรอ?”ฉินวี่เฟยกลอกตาใส่หลี่ฝาง:“ปู่ฉันมาแล้ว”