NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 427
บทที่ 427 ยังไม่มีใครกล้าเอาปืนจ่อปืนที่หัวฉัน
จะเป็นเมียตัวเองได้ยังไง?
มู่หรงฉางเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในเมื่อฉินหยีหรันได้แต่งงานกับตระกูลมู่หรงแล้ว แต่งงานกับใครก็ต้องเป็นสมาชิกของตระกูลนั้น ฉินหยีหรันตอนนี้เป็นสมาชิกของตระกูลมู่หรงแล้ว
นายท่านฉินได้มอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้คนนอกจริงหรือ?
มู่หรงฉางเฟิงยิ้ม คิดในใจ นายท่านฉินกลัวการแก้แค้นของหลอซ่าหรือไม่? ถึงกลับมอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้กับภรรยาของตัวเอง?
นี่ไม่ได้หมายถึงมอบตระกูลฉินให้กับตระกูลมู่หรงหรือ?
มู่หรงฉางเฟิงหัวเราะในใจ หากตระกูลฉินกลายเป็นสมบัติของตระกูลมู่หรง แล้วสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลมู่หรงก็จะเป็นหัวหน้าแล้ว
คิดถึงตรงนี้ มุมปากมู่หรง ก็แสดงรอยยิ้มอย่างมีความสุข
“ขอโทษนะ คุณชายมู่หรง พูดผิด พูดผิด ผมควรจะบอกว่าเป็นคุณหนูรอง”
เหล่าอู๋พึ่งรู้ว่าตัวเองพูดผิด และรีบแก้ไขทันที “นายท่านฉินมอบตำแหน่งเจ้าบ้าน ให้คุณหนูรอง ฉินวี่เฟย”
“อะไรนะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง ก็นิ่งอึ้งทันที
เมื่อมู่หรงฉางเฟิงได้ยินว่านายท่านฉินจะมอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้กับภรรยาของเขาเขา เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แต่เมื่อเขาได้ยินว่านายท่านฉินจะมอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้กับฉินวี่เฟย ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง ก็มีสีหน้าตกตะลึง
มู่หรงฉางเฟิงมองเหล่าอู๋ด้วยความเหลือเชื่อ “นายจำผิดหรือเปล่า นายท่านฉินมอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้นางหนูอย่างฉินวี่เฟย?”
“ใช่แล้ว ถูกต้อง ตอนนี้ตำแหน่งเจ้าบ้านแห่งตระกูลฉิน เป็นคุณหนูรองของตระกูลฉิน ฉินวี่เฟย”
เหล่าอู๋พยักหน้า และพูดว่า “ถ้าคุณไม่เชื่อ ตรงนี้มีเทปบันทึกเสียงอีกชุดหนึ่ง”
เหล่าอู๋ยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับมู่หรงฉางเฟิง มู่หรงฉางเฟิงฟังไปไม่กี่คำ สีหน้าก็ซีดเซียวขึ้นมาทันที
ตำแหน่งเจ้าบ้านแห่งตระกูลฉิน มอบให้นางเด็กอมมือคนหนึ่ง
นายท่านฉินคนนี้ เลอะเลือนไปแล้วหรือ?
ควรมอบให้ฉินเพ่ย พ่อของฉินวี่เฟยไม่ใช่เหรอ?
แม้ว่าจะไม่ได้มอบให้กับฉินเพ่ย แต่ก็ควรมอบให้กับฉินซ่างเสียนลูกชายคนที่สอง หรือลูกชายคนที่สามฉินชิงจือ?
ลูกชายได้รับมรดกจากพ่อ นี่เป็นประเพณีดั้งเดิม
ไม่ว่าพ่อคนไหนที่กำลังจะตาย เขาก็จะมอบมรดกของตัวเอง ให้กับลูกชายของตัวเองไม่ใช่เหรอ?
แม้ว่าจะไม่ได้ให้ลูกชาย แต่ก็สามารถมอบให้กับหลานชายของตัวเอง
ฉินจื่อยี่ เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดไม่ใช่หรือ?
นอกจากนี้ยังมีฉินเสี่ยวหู่ เขายังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการ
ในแง่ของความสามารถฉินเสี่ยหู่ไม่แพ้ฉินจื่อยี่เลย เพียงแต่บนร่างกายของฉินเสี่ยวหู่ ทั้งตัวเหมือนมีวิญญาณชั่วร้าย
ทำไมถึงมอบให้ฉินวี่เฟย
แม้ว่าจะคิดจนสมองจะแตก มู่หรงฉางเฟิงก็ไม่สามารถเข้าใจได้
“เป็นเธอได้ยังไง? นักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบ เธอจะนั่งตำแหน่งเจ้าบ้านได้ดีหรือ?”มู่หรงฉางเฟิงขมวดคิ้วอย่างเย็นชา และสงสัย
“ใช่ครับ คุณชายมู่หรงตอนที่ทุกคนได้ยินเทปบันทึกเสียงนี้ ปฏิกิริยาของพวกเขาก็คล้ายคุณ”
“ไม่มีใครเชื่อ ตำแหน่งเจ้าบ้าน มอบให้กับคุณหนูรองจริงๆ แต่นี่เป็นความจริง ทนายความส่วนตัวของนายท่านฉิน ก็มีบันทึกไว้ และมีผลบังคับใช้แล้ว”
“ตระกูลฉินวันนี้ มีคุณหนูรองเป็นผู้ควบคุมดูแล”
“ถ้าใครไม่เชื่อฟังการวางแผนการของคุณหนูรอง แสดงว่าเขากำลังต่อต้านนายท่านฉิน” เหล่าอู๋พูด
มู่หรงฉางเฟิงมองอย่างเย็นชาและถามว่า “ฉินวี่เฟยอยู่ในโรงพยาบาลเหรอ?”
“คุณชายมู่หรงรู้ได้อย่างไร?” เหล่าอู่มองมู่หรงฉางเฟิงด้วยความประหลาดใจ
“เป็นเช่นนี้นั่นเอง”
หลังจากที่มู่หรงฉางเฟิงได้รับการยืนยันแล้ว เขาก็ออกจากวิลล่าตระกูลฉินทันที ไม่สนใจภรรยาของเขา ตระกูลฉินมีสามครอบครัว แต่ละครอบครัว ไม่ค่อยปรองดองกัน
ไม่ต้องพูดถึงว่า ฉินจื่อยี่จะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม้ว่าเขาจะเสียชีวิต ก็คงไม่ได้รับความสนใจจากอีกสองครอบครัวมากนัก
ทันใดนั้น ทุกคนก็วิ่งไปที่โรงพยาบาล แม้แต่ศพของนายท่านฉินก็ไม่มีใครสนใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทางด้านโรงพยาบาลมีความสำคัญมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
นายท่านฉินเพิ่งเสียชีวิต ร่างกายยังอุ่น
ฉินจื่อยี่เกิดประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
สำหรับฉินเพ่ยและภรรยาของเขา บางทีการไปที่โรงพยาบาลมีความสำคัญมากกว่า
แต่สำหรับฉินซ่างเสียนและฉินชิงจือ การอยู่กับพ่อของเขานั้นสำคัญกว่าแน่นอน
นี่เป็นเหตุผลที่มู่หรงฉางเฟิงคาดเดา ฉินวี่เฟยต้องอยู่ในโรงพยาบาล
ทุกคนวิ่งไปที่โรงพยาบาล ในความเป็นจริงเพื่อตามหาฉินวี่เฟย
ฉินวี่เฟยในตอนนี้ เป็นเจ้าบ้านตระกูลฉิน
แต่ว่า ไม่มีใครที่เต็มใจ?
นับประสาอะไรกับอาสองคนของฉินวี่เฟย แม้แต่มู่หรงฉางเฟิง ก็ไม่เต็มใจสักนิด
มู่หรงฉางเฟิงกะจะขับรถไปที่โรงพยาบาล แต่เมื่อขับไปได้ครึ่งทาง ทันใดนั้นเขาก็เลี้ยวรถ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา มู่หรงฉางเฟิงปรากฏตัวที่หน้าสโมสร
เขาหยุดรถ และเดินเข้าไปในสโมสร
ทันทีที่ขึ้นไปชั้นบน มู่หรงฉางเฟิงก็ถูกขวางไว้ มู่หรงฉางเฟิงมีทักษะกังฟู ฝีมือก็ไม่เลว ในเวลาอันรวดเร็วสามารถจัดการกับทุกคนที่ขวางเขาไว้ แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนสุด
มู่หรงฉางเฟิงผลักประตูของฉินเสี่ยวหู่ออก ชั่วขณะ ฉินเสี่ยวหู่ก็ตกใจมาก เขารีบหยิบปืนขึ้นมาทันที และเล็งไปที่ประตู “ใคร!”
หลังจากที่ได้เห็นมู่หรงฉางเฟิงแล้ว ฉินเสี่ยวหู่ก็พูดอย่างเย็นชา “เป็นนายนั่นเอง?”
“ฉันมีธุระต้องคุยกับนาย” มู่หรงฉางเฟิงมองฉินเสี่ยวหู่ และพูดเสียงเบา
ฉินเสี่ยวหู่ ในขณะนี้ กำลังนั่งอยู่บนโซฟา มีผู้หญิงคนหนึ่ง นั่งอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าคว่ำอยู่ตรงเป้ากางเกงเขา
“โอเคเธอออกไปก่อน”
ฉินเสี่ยวหู่ตบทีหนึ่ง และตบหัวผู้หญิงที่กำลังให้บริการเขา
“มันไร้ประโยชน์จริงๆ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ฉันยังไม่รู้สึกอะไรเลย”
ฉินเสี่ยวหู่พูดอย่างเย็นชา “(ไปซื้อทาร์ตไข่)มาฝึกฝนดีๆ และถ้ายังฝึกฝนไม่ได้ดี ฉันจะสับลิ้นของเธอ”
หญิงสาวตกใจจนตัวสั่น และรีบถอยออกไป
มู่หรงฉางเฟิงรีบเดินเข้าไปหาฉินเสี่ยวหู่ และค่อยๆนั่งตรงหน้าฉินเสี่ยวหู่ รู้สึกรังเกียจเล็กน้อย “ยังไม่รีบใส่กางเกงของนาย?”
“เฮ้อ คุณชายมู่หรงไม่เคยเห็นเหรอ?”
มู่หรงฉางเฟิงขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยแรงอาฆาต
ฉินเสี่ยวหู่ ดึงกางเกงของเขา และมองมู่หรงฉางเฟิง
ทันใดนั้น ก็ฉินเสี่ยวหู่นึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ มือของเขา ได้คว้าปืนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วจ่อไปที่มู่หรงฉางเฟิง “แม่ง นายเข้ามาได้อย่างไร?”
“คนของฉัน ไม่รู้จักนายเลย แม้ว่านายจะรายงานตัวตน พวกเขาก็จะเข้ามารายงานฉันล่วงหน้า แต่ทำไม……”
ใบหน้าของฉินเสี่ยวหู่ รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
เมื่อกี้ ฉินเสี่ยวหู่ได้(เล่นผง)เข้าไปหน่อย ฉะนั้นเขาจึงบอกลูกน้องไว้ แม้ว่าจะเป็นคนมีอำนาจที่ไหนมา ก็ไม่อนุญาตให้ขึ้นไปชั้นบน
ดังนั้น แม้ว่าพ่อของเขาฉินซ่างเสียนจะมา ลูกน้องของเขา ก็จะต้องขวางไว้
อย่าว่าแต่มู่หรงฉางเฟิงเลย
ตระกูลที่ปลีกตัวจากสังคม ไม่มีใครรู้จักเขา จะปล่อยให้เขาขึ้นมาได้อย่างไร?
“ลูกน้องของฉันเป็นอะไรไป?” มือหนึ่งใช้ปืนจ่อหัวมู่หรงฉางเฟิง อีกมือหนึ่งของฉินเสี่ยวหู่ หยิบโทรศัพท์มือถือของเขา และโทรหาลูกน้องของตัวเอง
แต่ว่าสายที่โทรออกไป โทรไม่ติดสักคน
ทันใดนั้น สีหน้าของฉินเสี่ยวหู่ ก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?
“นายกำลังโทรหาลูกน้องเหล่านั้นเหรอ? ฉินเสี่ยวหู่”
มู่หรงฉินเฟิงยิ้ม และถามอย่างเหยียดหยาม “พวกไร้ประโยชน์เหล่านั้น โดนฉันทุบจนหมดสติไปนานแล้ว ช่วงเวลานี้ พวกเขาคงจะไม่ฟื้นง่ายๆ”
“มู่หรงฉางเฟิง นายไม่ต้องมาขี้โม้กับฉัน ลูกน้องของฉันล้วนเป็นยอดฝีมือ ทำไม นายพากองกำลังมาด้วยเหรอ ถึงขนาดทุบคนของฉันทุกคนจนหมดสติไป!”
ฉินเสี่ยวหู่ไม่อยากจะเชื่อ แต่ต่อมา ฉินเสี่ยวหู่ก็เชื่ออีกครั้ง
“ใช่สิ นายเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลใหญ่ที่ปลีกตัวจากสังคม แม้แต่ปู่ของฉัน ก็ยังหวาดกลัวนาย ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของนาย จะน่ากลัวพอสมควร คนของนายสามารถจัดการกับคนของฉันอย่างง่ายดาย ร้ายกาจจริงๆ”
“ใช่สิ นายพาคนมากี่คน ห้าสิบคน หรือหนึ่งร้อยคน?”
“มู่หรงฉางเฟิง แม่งเอ้ยนายหมายความว่าไง พาคนมาในเขตของฉัน ต้องการทำลายล้างฉันหรือ?”
ฉินเสี่ยวหู่ขมวดคิ้ว และมองไปที่มู่หรงฉางเฟิงงอย่างเย็นชา “ฉันไม่เคยทำให้นายขุ่นเคืองใช่ไหม?”
“นายไม่ได้ทำให้ฉันขุ่นเคือง”
มู่หรงฉางเฟิงส่ายหัว แล้วยิ้มเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าซิปกางเกงของนาย ยังไม่ได้รูดขึ้น”
“จริงเหรอ?” ฉินเสี่ยวหู่ก้มหัวลงทันที และมองดู
จากนั้น ฉินเสี่ยวหู่รู้สึกว่ามือของเขา ถูกใครบางคนมาสัมผัส
เมื่อฉินเสี่ยวหู่ เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ปืนในมือของเขา ไปอยู่ในมือของมู่หรงฉางเฟิง
มู่หรงฉางเฟิงเล็งปืนไปที่หัวของฉินเสี่ยวหู่ และยิ้มเล็กน้อย “ฉินเสี่ยวหู่ นายช่างใจกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ กล้าจ่อปืนมาที่ฉัน”
ทันใดนั้นใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งอย่างยิ่ง “ทั่วเมืองเอก ไม่มีใครกล้าจ่อปืนใส่หัวฉัน