NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 429
บทที่ 429ฉินวี่เฟยถูกปิดล้อม
ดวงตาของฉินเสี่ยวหู่เปล่งประกาย และมองไปที่มู่หรงฉางเฟิง “คุณชายมู่หรง คุณหมายถึง……”
“ขอเพียงเป็นเจ้าของหุ้น 51% ทั้งตระกูลฉิน ก็จะต้องเชื่อฟังพวกเรา”
“ตระกูลมู่หรงของเรามี 30% พ่อของคุณมี 8% ฉินชิงจือก็มี 8% รวมกันแล้วก็คือ 46%” มู่หรงฉางเฟิงเหล่ตายิ้มและพูด
“46%หรือ? แต่นั่นยังไม่เพียงพอ ฉินวี่เฟยมี 40% บวกกับลุงอีก 8% ครอบครัวของพวกเขา มีมากกว่าพวกเราไม่ใช่หรือ?” ฉินเสี่ยวหู่ขมวดคิ้ว
“ใครบอกว่าหุ้นของนายท่านฉินมอบให้กับฉินวี่เฟย? ในพินัยกรรมของเขา ไม่ได้ระบุว่าให้ใคร……เขาตายอย่างกะทันหัน และดูเหมือนจะลืมพูด บอกเพียงว่าเจ้าบ้านมอบให้ฉินวีเฟย แต่ไม่ได้บอกว่ายกมรดกของตัวเองให้ฉินวี่เฟย”
“ถ้าอย่างนี้ก็แสดงว่า มรดกของไอ้เฒ่า พวกเราทุกคนก็มีสิทธิ์”
“ใช่ เมื่อถึงเวลา พ่อของนายและนาย จะแบ่งได้หนึ่งส่วน อย่างน้อยจะแบ่งได้10% บวกกับของตระกูลมู่หรงอีก 30% พวกเราจะมี 56% นั่นหมายความว่าเราสามารถมีอำนาจควบคุมได้อย่างสมบูรณ์”
มู่หรงฉางเฟิงเลิกคิ้ว “เมื่อถึงเวลานั้น นายก็จะสามารถยึดครองตระกูลฉินได้อย่างสง่าผ่าเผย รับตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉิน และเป็นประธานบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป”
“ฮ่าๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเสี่ยวหู่ก็หัวเราะ และเลือดที่หู ก็ไหลมากขึ้นเรื่อยๆ
ฉินเสี่ยวหู่ยืนขึ้นด้วยความตื่นตระหนก “ไม่ได้แล้ว ฉันจะต้องไปโรงพยาบาลแล้ว ไปทำแผลก่อนค่อยพูดต่อ”
ในเวลานี้ ในใจของฉินเสี่ยวหู่ ไม่ได้โกรธเกลียดมู่หรงฉางเฟิงอีกต่อไป
หูข้างหนึ่ง แลกกับการสนับสนุนของตระกูลมู่หรง ก็ถือว่าคุ้มค่าเช่นกัน!
หลังจากลงไปข้างล่าง ฉินเสี่ยวหู่มองลูกน้องของตัวเอง พวกเขาทั้งหมดล้มอยู่กับพื้น และสโมสรทั้งหมด ก็เงียบอย่างมาก
จนกระทั่งเขาเดินออกจากสโมสร ฉินเสี่ยวหูไม่เห็นร่างของใครสักคน ทันใดนั้น ฉินเสี่ยวหู่ก็หันหัวกลับมา มองมู่หรงฉางเฟิง “คนที่นายพามาอยู่ที่ไหน?”
“ฉันมาคนเดียว” มู่หรงฉางเฟิงพูดเบาๆ
ฉินเสี่ยวหู่ตกตะลึงทันที “นายมาคนเดียว ทุบตีลูกน้องทั้งหมดของฉันจนหมดสติ?”
สายตาของฉินเสี่ยวหู่ที่มองมู่หรงฉางเฟิง ราวกับว่ากำลังมองปีศาจตนหนึ่ง
ในเวลานี้ ความรู้สึกที่ฉินเสี่ยวหู่มีต่อมู่หรงฉางเฟิง เกิดความหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก
มู่หรงฉางเฟิงพยักหน้าเบาๆ และยิ้ม “ถ้าพวกเขารวมตัวกันเข้ามาพร้อมกัน อาจจะหยุดฉันได้”
“แต่ว่า พวกเขารวมกันทีละสองหรือสามคน และกระจายออกไป สามารถต่อยหมัดทีละคนได้อย่างง่ายดาย”
“สโมสรของนาย ดูเหมือนมั่นคง แต่สำหรับยอดฝีมือ (ก็เหมือนกระดาษฟิลม์แผ่นหนึ่ง)”
หลังจากที่มู่หรงฉางเฟิงทำการประเมินเล็กน้อย และพูดว่า “ไปเถอะ ฉันจะพานายไปโรงพยาบาล”
“บอกข่าวดีให้นายฟังเรื่องหนึ่ง” มู่หรงฉางเฟิงยิ้มอย่างมีเลศนัย
ฉินเสี่ยวหู่ซักถามว่า “ข่าวดีอะไร”
“ตอนนี้ฉินจื่อยี่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ อยู่ในช่วงอันตรายถึงชีวิต เป็นข่าวดีหรือเปล่า?” มู่หรงฉางเฟิงเปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่ง มองฉินเสี่ยวหู่พร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อย
“มันเป็นข่าวดีจริงๆ”
“แม้ว่าวันนี้จะสูญเสียหูไปข้างหนึ่ง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นวันที่โชคดีของฉัน สิ่งดีๆมาทีละอย่าง” ฉินเสี่ยวหู่หัวเราะอย่างมีความสุข
นั่งอยู่ในรถ ฉินเสี่ยวหู่ก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ
มู่หรงฉางเฟิงคนนี้ เป็นสามีของฉินหยีหรันไม่ใช่หรือ?
ถ้าคิดดีๆ มู่หรงฉางเฟิงเป็นลูกเขยของฉินเพ่ย เขาควรจะเป็นคนของฝั่งฉินเพ่ยแต่จู่ๆทำไมเขาจะมาช่วยตัวเองได้อย่างไร?
ฉินเสี่ยวหู่กันถูกหลอกลวง เลยถามว่า “คุณชายมู่หรง ถ้าตระกูลมู่หรงออกหน้าสนับสนุนฉัน จะทำให้พี่สาว(ลูกพี่ลูกน้อง)ของฉันจะไม่พอใจหรือไม่?”
มู่หรงฉางเฟิงพูดอย่างไม่ปิดบัง “คนอย่างฉันถ้าจะตัดสินใจอะไร จะให้ผู้หญิงคนหนึ่งมาวุ่นวายได้ยังไง?”หลายปีมานี้มูหรงฉางเฟิง ได้แตะต้องตัวฉินหยีหรันไม่กี่ครั้งเอง
ฉินหยีหรันไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้ว ครั้งแรกของเธอ ได้ให้กับชายหนุ่มยากจนคนนั้น
ในฐานะคุณชายใหญ่ของสี่ตระกูลใหญ่ จะทนต่อการถูกเหยียดหยามเช่นนี้ได้อย่างไร?
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่ตระกูลฉินยังมีผลประโยชน์ต่อเขา มู่หรงฉางเฟิง คงจะเตะฉินหยีหรันออกจากบ้านไปนานแล้ว
“ฉินเสี่ยวหู่ช่วยทำธุระให้ฉันหน่อย”
มู่หรงฉางเฟิงพูดอย่างกะทันหัน “เดี๋ยวฉันจะให้ที่อยู่แก่นาย มีชายง่อยอาศัยอยู่ที่นั่น”
“รักแรกของพี่สาว?” ฉินเสี่ยวหู่ได้ยินคำว่าชายง่อย เดาได้ทันทีว่าเป็นใคร
มู่หรงฉางเฟิงมองฉินเสี่ยวหู่อย่างเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยแรงอาฆาต
ฉินเสี่ยวหู่ตัวสั่น และพูดทันทีว่า “คุณชายมู่หรง ฉันรู้ว่าต้องทำอะไร”
“ที่อยู่ฉันรู้แล้ว ตอนนี้ชายง่อยคนนั้นแต่งงาน และมีลูกแล้ว ถึงตอนนั้น ฉันจะพาคนไป และต่อหน้าชายง่อย ลงมือจัดการกับภรรยาของเขา นายว่าเป็นยังไง คุณชายมู่หรง?” ฉินเสี่ยวหู่ยิ้มมีเลศนัย
มู่หรงฉางเฟิงพยักหน้า มีรอยยิ้มพอใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“สำหรับลูกของไอ้ง่อย อายุยังไม่มาก ก็น่าจะขายได้ราคาดี”
“ฉันรู้จักคนกลุ่มหนึ่ง ที่เชี่ยวชาญในการลักพาตัวและขายเด็กๆ เด็กที่ถูกลักพาตัว จะถูกนำไปขายก่อน ถ้าขายไม่ได้พวกเขาจะทำให้ตาบอด หรือตัดขาของพวกเขา รักษาแผลครึ่งปี เพื่อจะให้พวกเขาไปขอทานที่ริมถนน
ฉินเสี่ยวหู่ยิ้มและพูดว่า “ในตลาด ก็จะมีขอทานเพิ่มอีกสองคน”
มู่หรงฉางเฟิงตะคอก “นายเป็นคนชั่วร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานจริงๆ”
แม้ว่ามู่หรงฉางเฟิงจะดุฉินเสี่ยวหู่ แต่ในน้ำเสียงก็ไม่มีการตำหนิ
ฉินเสี่ยวหู่เลิกคิ้ว “ในสังคมนี้ ถ้าอยากสำเร็จก็ต้องโหดเหี้ยม เป็นคนซื่อสัตย์ก็จะถูกรังแก ดูน้องชาย(ลูกพี่ลูกน้อง)ของฉันสิ เขาเป็นคนซื่อสัตย์คนหนึ่ง วันๆสนใจแต่การเรียน สอบได้ด็อกเตอร์ แล้วมีประโยชน์อะไร เรียนต่อต่างประเทศแล้วเป็นอย่างไร ฉินจื่อยี่กลายเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัท และฉัน ก็ได้มีอำนาจมากมายด้วย”
“มีเพียงเขาเท่านั้น ยกเว้นประกาศนียบัตรไม่กี่ใบ นอกนั้นไม่มีอะไรเลย”
หลังจากคุยกัน พวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาล
ที่ทางเข้าโรงพยาบาล ฉินจื่อหู่เห็นรถหรูที่คุ้นเคยหลายคัน
“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ ดูเหมือนว่าฉินจื่อยี่ก็อาศัยอยู่ในโรงพยาบาลนี้ด้วย” ฉินเสี่ยวหู่หัวเราะเยาะ
มู่หรงฉางเฟิงจงใจมาที่นี่
“ไม่รู้ว่าฉินจื่อยี่ตายแล้วหรือยัง” ฉินเสี่ยวหู่แสดงสีหน้าอย่างน่าเกลียด
“ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่มันไม่เป็นผลดีต่อนาย” มู่หรงฉางเฟิงพูดอย่างคลุมเครือ
“มู่หรงฉางเฟิงต้องการให้ฉันฆ่าพี่ชาย(ลูกพี่ลูกน้อง)ของฉันหรือ?” ฉินเสี่ยวหู่หัวเราะ
“ฉันจะไม่สั่งให้นายฆ่าใคร” มู่หรงฉางเฟิงเหลือบมองฉินเสี่ยวหู่
ฉินเสี่ยวหู่ไม่ใช่คนโง่เขลา ในคำพูดเมื่อกี้ บ่งบอกอย่างชัดเจน ว่าให้เขาฆ่าฉินจื่อยี่
แต่มู่หรงฉางเฟิงก็ไม่ต้องการรับผิดชอบ ช่างเป็นการวางแผนที่ดีจริงๆ
ทั้งสองเดินเข้าไปในโรงพยาบาลพร้อมกัน ฉินเสี่ยวหู่ทำตัวเหมือนโจรคนหนึ่ง เขาจับหมอได้คนหนึ่ง และพูดว่า “พาฉันไปทำแผลก่อน ฉันโดนคนอื่นยิงหู!”
ไม่มีการลงทะเบียน และไม่ไปตามขั้นตอนใดๆ ฉินเสี่ยวหู่ตรงไปที่ห้องเล็กๆ และให้แพทย์ล้างแผลและพันผ้าพันแผลให้เขา
ในเวลานี้ ยกเว้นฉินเพ่ย และภรรยาของเขา ทุกคนในตระกูลฉิน ต่างพากันล้อมรอบฉินวี่เฟย
“วี่เฟย เธอทำอะไรลงไป?” ฉินซ่างเสียนมองฉินวี่เฟย และซักถามอย่างเย็นชา
“อาสอง ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย” ฉินวี่เฟยดูไร้เดียงสา
“ไม่ได้ทำอะไร? ฮึ่ม เธอไม่ได้ทำอะไร นายท่านฉินจะมอบตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉินให้เธอดูแลเหรอ? เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง จะแบกรับหน้าที่เจ้าบ้านได้อย่างไร นายท่านฉินถ้าไม่ใช่เลอะเลือนไปแล้ว ก็คงจะถูกคุกคาม”
“ก่อนที่นายท่านฉินจะกระโดดลงแม่น้ำ ถูกแทงหลายครั้ง แต่ฉันได้ยินมาว่า คนที่แทงนายท่านฉิน เป็นลูกน้องของแฟนเธอ”
“ทำไม ไอ้หมอนั่น ยังไม่ได้แต่งงานกับเธอ ก็นึกถึงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉินของเราแล้วเหรอ?
“ฮึ่ม พวกเธอคิดว่าบีบบังคับนายท่านฉินจนตาย ก็จะสามารถขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉินได้สำเร็จหรือ? ฉินซ่างเสียนมองฉินวี่เฟย และตะโกนอย่างเย็นชา
“ฉินวี่เฟยฉินวี่เฟย ตอนที่นายท่านฉินยังมีชีวิตอยู่ ก็ดีต่อเธอมาก……ฉันรู้ว่าเธอไม่พอใจกับการแต่งงานที่นายท่านฉินจัดการให้ เสียใจและโกรธมาตลอด แต่เธอก็ไม่ควรร่วมมือกับคนนอก บีบบังคับให้นายท่านฉินต้องตาย”
“เธอ……เธอยังมีจิตใต้สำนึกอีกหรือเปล่า?”
ภรรยาของฉินซ่างเสียน หวางหงเหมยมองฉินวี่เฟยอย่างดุดัน “เธอไม่กลัวนายท่านฉินกลายเป็นผีแล้วมาเอาชีวิตเธอหรือ?”
“พวกคุณกำลังพูดเรื่องอะไร?”
ฉินวี่เฟยรู้สึกโศกเศร้า แต่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “อาสองและอาสะใภ้สอง ฉันร่วมมือกับคนนอกบีบบังคับจนคุณปู่ต้องตายเมื่อไหร่ และฉันเคยพูดที่ไหนว่าฉันจะเป็นเจ้าบ้านตระกูลฉิน?”