NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 450
บทที่450 กำลังที่แท้จริงของส้าวส้วย
ถึงแม้สำนักหยิ่งซาจะเป็นองค์กรนักฆ่าอันดับ 1 ของโลก แต่จำนวนคนไม่ได้เยอะ
แป๊บเดียวมาตั้งสี่คน แล้วยังมาสถานที่เล็กๆอย่างเมืองเอก จุดนี้ กลับทำให้ส้าวส้วยแปลกใจหน่อยๆ
“มาตั้งเยอะขนาดนี้ในคราวเดียว……”
ส้าวส้วยหัวเราะเหอะเหอะ มองที่หมาทิเบตัน“คุณอยู่ที่สำนักหยิ่งซาของพวกคุณ ตำแหน่งนี่สำคัญมากนะ”
ความพร้อมฆ่าในแววตาของส้าวส้วยค่อยๆหายไป
คนของสำนักหยิ่งซาทั้งสี่คน ส้าวส้วยรู้สึกได้ถึงความกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อน
ถึงแม้ทั้งสี่คนยังไม่ลงมือ แต่ก็มองความลึกของพละกำลังไม่ออก
แต่ตอนที่งุนงงอยู่นั้น ส้าวส้วยคิดว่าทั้งสี่คนไม่ธรรมดา
อย่างแรก เมื่อกี๊ตอนที่สู้กัน ส้าวส้วยไม่ได้รู้สึกถึงการมาของสี่คนนี้
อย่างที่สอง ส้าวส้วยโชว์พละกำลังของตัวเองแล้ว สี่คนนี้ยังกล้าเสนอหน้า หมายความว่า พละกำลังของสี่คนนี้ จะต้องมั่นใจว่าเอาชนะส้าวส้วยได้
ส้าวส้วยหัวเราะ“คนน่ะผมไม่ฆ่าแล้ว พวกคุณเอาไปเถอะ”
“กลัวเหรอ?”หูเฟยขมวดคิ้ว
เมื่อกี๊ที่ตัวส้าวส้วย ยังแสดงความพร้อมที่จะฆ่าฟันออกมา หูเฟยยังคิดว่าครั้งนี้หมาทิเบตันต้องตายแน่
แต่หูเฟยไม่รู้ว่าสำนักหยิ่งซาสุดยอดแค่ไหน เขาก็แค่ผู้บัญชาการตำรวจตัวเล็กๆคนหนึ่ง จะไปรู้จักเรื่องระหว่างชาติได้ไง?
ที่จริงส้าวส้วยไม่ได้กลัว ก็แค่ไม่อยากขัดใจกับสำนักหยิ่งซาเท่านั้น
“พวกเราไปเถอะ”
ส้าวส้วยมาตรงหน้าหลี่ฝาง พยักหน้าพูด
หลี่ฝางมองสี่คนที่สวมหน้ากากนี้ ในใจเต็มไปด้วยความกลัว ทันใดนั้นก็หมุนตัวตามส้าวส้วยออกไป
แต่ไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้น
“เดี๋ยว”
คนสวมหน้ากากคนหนึ่งพูด เขาเดินหน้าเข้ามา“พวกเราไม่ได้มาเพื่อหมาทิเบตัน”
พูดตรงๆ หมาทิเบตันก็แค่คนธรรมดาตัวเล็กๆคนหนึ่งของสำนักหยิ่งซา
หลังจากภารกิจล้มเหลว ชื่อเสียงเขาในแวดวงทหารรับจ้าง กับตำแหน่งในสำนักหยิ่งซา ก็ดิ่งลง
เพื่อช่วยหมาทิเบตัน ปรากฏตัวสมาชิกของสำนักหยิ่งซาทั้งสี่คน ไม่คุ้มค่าเลย
สี่คนนี้มา มีจุดประสงค์อื่น
ส้าวส้วยหยุดคิ้วลง แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย“ทำไม พวกคุณก็อยากจะสู้กับผมเหรอ?”
คนสวมหน้ากากทั้งสี่คนไม่พูด
ส้าวส้วยส่งสายตาให้โหจื่อ“พาเจ้านายออกไปก่อน”
หมาทิเบตันคนเดียว ส้าวส้วยสามารถบดขยี้ได้ง่าย
แต่ปรากฏตัวคนของสำนักหยิ่งซาทั้งสี่คนในคราวเดียว ส้าวส้วยต้องปฏิบัติอย่างจริงจัง ฟุ้งซ่านไม่ได้
“จุดประสงค์ที่พวกเรามา ก็ไม่ใช่คุณ”
คนสวมหน้ากากคนนั้นพูดอีกครั้ง
พอคนสวมหน้ากากคนนี้พูดจบ คิดเล็กน้อยแล้วพูดอีก“ช่างเถอะ ตอนนี้พวกเราเปลี่ยนแผนแล้ว”
“ตอนนี้ เป้าหมายที่พวกเรามาที่นี่ ก็คือคุณ”
ที่แท้ เป้าหมายที่ทั้งสี่คนนี้มาคือหลี่ต๋าคาง
เขาอยากลองความลึกซึ้งของพละกำลังของหลี่ต๋าคางกำลัง
สำนักหยิ่งซารับหน้าที่มาหนึ่งอย่าง ค่าตอบแทนมหาศาลมาก และเป้าหมาย ก็คือหลี่ต๋าคาง
แต่พละกำลังของหลี่ต๋าคางไปไม่ถึงจุดที่ลึกมานานแล้ว
ก่อนสำนักหยิ่งซารับ ก็ส่งทั้งสี่คนมาที่เมืองเอก มาสู้กับหลี่ต๋าคาง
ผลการรบของหลี่ต๋าคางในต่างประเทศ เรียกได้ว่ามีน้อยมาก
อย่างเดียวที่ทำให้สำนักหยิ่งซาคุ้มค่าจะสนใจ ก็คือส้าวส้ว โหจื่อ หลิงหลงเป็นต้น
พวกเขาทุกคนมีทักษะที่ยอดเยี่ยม แต่กลับยอมจำนนต่อหลี่ต๋าคางที่ธรรมดาอย่างเต็มใจ
ทำให้สำนักหยิ่งซาคิดว่าหลี่ต๋าคางจับต้องไมได้เล็กน้อย
แต่เมื่อกี๊ส้าวส้วยแสดงกำลังอย่างน่าทึ่งออกมา ทำให้ทั้งสี่คนเปลี่ยนแผนเดิม
ตามความเข้าใจของสำนักหยิ่งซา พละกำลังของส้าวส้วยนี้ ก็พอๆกับหมาทิเบตันเท่านั้น
แต่ตอนนี้ดูแล้ว สติปัญญานั้นผิดพลาดอย่างเห็นได้ชัด
หมาทิเบตันอยู่ต่อหน้าส้าวส้ว สู้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำย
ฆ่าหลี่ต๋าคาง จะต้องผ่าด้านของส้าวส้วยก่อน
ถ้าแม้แต่ส้าวส้วยยังจัดการไม่ได้ หน้าที่ที่ต้องฆ่าหลี่ต๋าคาง ก็ไม่ต้องคิดเลย
หรือว่า จะให้เจ้าสำนักของสำนักหยิ่งซาลงมือเอง?
“คุณเมื่อสักครู่นี้ น่าจะไม่ได้โชว์กำลังที่แท้จริงของคุณออกมาสินะ?”
คนสวมหน้ากากมองส้าวส้วย ถามเบาๆ“คุณกำลังรักษากำลัง ใช่ไหม?”
อีกคนก็ขมวดคิ้วมากขึ้น ดูเหลือเชื่อหน่อยๆ“หรือว่า คุณเห็นพวกเรา?”
ส้าวส้วยส่ายหน้า“ผมไม่เห็นพวกคุณ พวกคุณซ่อนตัวดีมาก”
“ส่วนพละกำลังเหรอ ผมไม่ได้จงใจรักษากกำลังไว้ ก็แค่คู่ต่อสู้อย่างหมาทิเบตัน ไม่คุ้มค่าที่ผมจะลงแรงไปทั้งหมด”
ส้าวส้วยหัวเราะเบาๆ มองคนสวมหน้ากากทั้งสี่คน“ดูเหมือน พวกคุณจะลงมือกับผมนะ?”
คนสวมหน้ากากทั้งสี่คนมองหน้ากัน จากนั้นก็พยักหน้าพร้อมกัน
“มาทีละคน หรือจะมาพร้อมกันหมด?”ส้าวส้วยถามนิ่งๆ
“พร้อมกันทั้งสี่เหรอ?”
สีหน้าของคนสวมหน้ากากทั้งสี่คน ก็เปลี่ยนทันที
ส้าวส้วยก็แค่ลูกน้องคนหนึ่งของตระกูลหลี่เท่านั้น และลูกน้องคนหนึ่ง มาพูดจาถากถางแบบนี้ ให้พวกคุณทั้งสี่คนของสำนักหยิ่งซาเข้ามาพร้อมกัน นี่ไม่ได้ดูถูกเหรอไง?
มองดูพวกแวดวงทหารรับจ้าง มีสักกี่คนที่กล้ามีความกล้า พูดจาจองหองได้ขนาดนี้?
“คุณกล้าดูถูกพวกเราแบบนี้เหรอ?”
“คุณรู้ไหมคนที่ดูถูกพวกเราสำนักหยิ่งซา จะต้องชดเชยเสียยังไงให้?”คนสวมหน้ากากพูด
ส้าวส้วยหัวเราะอย่างผ่อนคลาย“สำนักหยิ่งซา ฆ่าคนเป็นหลัก”
“พวกคุณไม่ชอบทรมานคน ในหัวคิดแต่ จะใช้วิธีไหนมาฆ่าอีกฝ่าย”
“สิ่งที่ต้องชดเชยที่ดูถูกพวกคุณ ก็ต้องถูกพวกคุณฆ่าตายเท่านั้น”
ส้าวส้วยพูด“ผมเข้าใจพวกคุณดี”
“ผู้ชายโอหัง”คนสวมหน้ากากที่นำหน้าพูดวิจารณ์
“ใช่ ผมโอหังมาก”
ส้าวส้วยพูดไป แล้วก็เริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเอง“จนถึงตอนนี้ นอกจากลูกพี่แล้วผมไม่เคยยอมใคร”
“ถ้าหากผมคือคนที่เดินอยู่เส้นทางยุทธภพคนเดียวล่ะก็ ผมจะต้องบุกสำนักหยิ่งซาของพวกคุณแน่ ไปจัดการเจ้านายของพวกคุณ น่าเสียดาย ที่ตัวผมมีการใช้งานอีกมากมายที่แบกไว้อยู่ ยังทำตัวเท่ขนาดนั้นไม่ได้”
ส้าวส้วยพูดไปอยู่นั้น ก็เอาเสื้อผ้าของตัวเอง ทิ้งไปที่พื้น
“โหจื่อ เอาเสื้อผ้าของคุณมาให้ผมสิ”
ถอดเสร็จ ส้าวส้วยก็พูดกับโหจื่อ
โหจื่อตอบรับ แล้วเอาเสื้อ กางเกงของตัวเอง ยื่นให้ส้าวส้วย
โหจื่อค่อนข้างผอม เสื้อผ้าเขาสวมไปที่ตัวของส้าวส้วย ก็กลายเป็นชุดต่อสู้ที่แนบเนื้อ
หลี่ฝางกับหูเฟยมองดูไม่ค่อยเข้าใจ
สู้ก็สู้สิ ทำไมก่อนสู้ ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะ?
หมายความว่ายังไงอ่ะอันนี้?
เวลานี้ โหจื่อหยิบเสื้อผ้าที่ส้าวส้วยถอดออก ทันใดนั้นหูเฟยก็ตาเบิกโต มองไปที่พื้น
เมื่อกี๊ตำแหน่งที่ส้าวส้วยทิ้งเสื้อผ้า ปรากฏหลุมหนึ่งขึ้นมา
ถึงหลุมไม่ใหญ่ แต่ชัดมาก
หลี่ฝางก็สังเกตเห็น
ถ้าเป็นเสื้อผ้าธรรมดา วางไว้ที่พื้น ไม่มีทางส่งผลกระทบต่อพื้นแน่นอน
นอกจาก เสื้อผ้าชุดนี้ของส้าวส้วย จะมีอะไรบางอย่างอยู่
หูเฟยเดินหน้าเข้าไป ถามโหจื่อ“เอาเสื้อผ้า ให้ผมอุ้มไว้ได้ไหม?”
โหจื่อพยักหน้าอย่างไม่แคร์ ยื่นมือเข้ามา แล้วพูดเตือน“งั้นคุณถือดีๆนะ”
“อือ”หูเฟยตอบรับไป
ตอนหูเฟยใช้มือรับเสื้อผ้าของส้าวส้วย ทันใดนั้น ร่างของหูเฟยก็โน้มไปด้านหน้า ทั้งคนและเสื้อผ้า ก็ล้มลงไปจับกบ
“ให้คุณถือไว้ดีๆไง”โหจื่อมองหูเฟยที่ล้มอย่างน่าละอาย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
สีหน้าของหลี่ฝาง เปลี่ยนไปทันที“โหจื่อ เกิดอะไรขึ้น?”
โหจื่อหัวเราะเหอะเหอะ พูดกับหลี่ฝาง“เจ้านาย เสื้อผ้าชุดนี้ของอาจารย์ผม หนักกว่าห้าสิบกิโลกรัมเลยนะ”
“ดูไปถึงแม้จะเหมือนธรรมดา แต่ความเป็นจริง ด้านในใส่เต็มไปด้วยปรอท”
“หนักห้าสิบกว่ากิโลกรัม?”หลี่ฝางกลืนน้ำลาย ไม่ค่อยอยากเชื่อนัก“ความหมายของคุณคือ ทุกวันส้าวส้วยจะสวมเสื้อผ้าที่หนักห้าสิบกว่ากิโลกรัมเคลื่อนไหวตัวเนี่ยนะ?”
“ใช่”โหจื่อพยักหน้า แล้วพูด“เดิมทีเป็นร้อยกิโลกรัม แต่ตั้งแต่อาจารย์เป็นบอดี้การ์ดของคุณ ลูกพี่ก็ให้เขาลดไปครึ่งหนึ่ง”
หลี่ฝางสูดหายใจอีกครั้ง
ทุกวันจะสวมเสื้อผ้าหนักหนึ่งร้อยกิโลกรัม อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลย ถึงเป็นคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ ก็กลัวว่ายากที่จะรับเหมือนกัน?
แต่ส้าวส้วย เคลื่อนไหวอย่างอิสระ ไม่มีความผิดปกติใดๆ
หูเฟยยืนขึ้นมา อุ้มเสื้อผ้าห้าสิบกว่ากิโลกรัม เขาถอนหายใจยาวๆ มองที่ส้าวส้วย ในสายตาปรากฏความประหลาดใจ“เขาทำได้ยังไง?”
“ง่ายๆ”
โหจื่อหัวเราะ พูดว่า“ทุกวันคุณแบกก้อนหินไปปีนภูเขาไท่ครั้งหนึ่ง ทุกหนึ่งเดือน จะเพิ่มน้ำหนักหินสองกิโลกรัมครึ่ง สามปีถัดมา คุณก็เกือบจะสวมเสื้อผ้าได้ยี่สิบห้ากิโลกรัม”
“งั้นหนึ่งร้อยกิโลกรัมคงไม่ใช่ว่า ……”หูเฟยกลืนน้ำลาย
“ใช่ อาจารย์ผมแบกของหนักมาตั้งแต่เด็กแล้ว สิบกว่าปีแล้ว”โหจื่อพยักหน้า พูด
คำนี้พูดออกไป หมาทิเบตันที่อยู่ข้างๆ กล้ามเนื้อที่ใบหน้า ก็กระตุกแรงๆ