NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 451
บทที่ 451 หลี่ต๋าคางมาแล้ว
ที่จริงหมาทิเบตันแพ้จนหมดท่าแล้ว
แต่วันนี้ เขาที่รู้ความจริง ทำให้บนใบหน้ายิ่งไร้ความรู้สึก
ส้าวส้วยถึงกับใส่เสื้อผ้าหนักห้าสิบกว่ากิโล ต่อให้ตน
นอกจากหมาทิเบตันจะละอายใจแล้ว ยังรู้สึกประหลาดใจมากกว่า
คนฝีมือดีแบบนี้ ตนยังหาทางจะแก้แค้น รนหาที่ตายจริงๆ
นึกถึงตอนแรกที่ตนยั่วโมโหเขาครั้งแล้วครั้งเล่า หมาทิเบตันยิ่งรู้สึกว่าตนเองเหมือนตัวตลกกระโดดโลดเต้นไปมา
คนคลุมหน้าทั้งสี่ก็เห็นภาพนี้ด้วยเช่นกัน
คนคลุมหน้าทั้งสี่คนนั้น ก็ช็อกอยู่ครู่
เมื่อกี้ พวกเขาตกใจ ในความสามารถของส้าวส้วยสุดๆ
ในวันนี้หลังจากที่พวกเขาเห็นส้าวส้วยถอดชุดที่หนักห้าสิบกว่ากิโลนั่นออก ก็ยิ่งมีความคิดที่จะหนีผุดขึ้นมา
ส้าวส้วยคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว
สีหน้าของคนคลุมหน้าทั้งสี่ เปลี่ยนกันหมด
ส้าวส้วยคลุมชุดธรรมดากลับ กระโดดอยู่หลายครั้ง ในตอนนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเบาขึ้นมาทันที
“สบายดีจริงๆ !”
ส้าวส้วยรู้สึกราวกับตนสามารถบินได้อย่างไงอย่างนั้น
ต่อมา ส้าวส้วยก็มองไปทางคนคลุมหน้าทั้งสี่ และยิ้มอย่างดูแคลน: “ถ้าหากพวกนายคิดว่าฉันให้พวกนายเข้ามาพร้อมกันเป็นการดูถูกพวกนายละก็ งั้นดี พวกนายเข้ามาทีละคนแล้วกัน”
บนหน้าของคนคลุมหน้าทั้งสี่นั้นหมดคำพูด
ส้าวส้วยเปิดเผยความสามารถที่น่าตกใจ ในตอนนี้ คนคลุมหน้าทั้งสี่ไม่มีใครกล้าวางใจ
ถึงแม้พวกเขาจะเก่งกว่าหมาทิเบตัน แต่ก็เก่งกว่าไม่ได้มากมายอะไร
ถ้าหากเข้าไปทีละคน เกรงว่าจะถูกส้าวส้วยฆ่าทิ้งทุกคน
แต่ถ้าทั้งสี่คนรุมเข้าไปพร้อมกันละก็ พวกเขาก็ดันรู้สึกว่ามันน่าขายหน้า
ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นคนขอสำนักหยิ่งซา เป็นกลุ่มนักฆ่าอันดับหนึ่งของโลก
ในฐานะที่เป็นคนของกลุ่มนักฆ่ามือหนึ่ง บนตัวพวกเขาก็ถือว่ามีเกียรติอยู่
“พี่ พวกเราเข้าไปพร้อมกันเถอะ”
คนที่เด็กที่สุดเดินนำขึ้นมา แล้วพูดกับพี่ใหญ่
“ใช่แล้ว พี่ เข้าพร้อมกันเถอะ” น้องรองก็เอ่ยปากพูด
“พี่รอง นายคิดว่าไง?” พี่ใหญ่มองไปทางพี่รอง
พี่รองพยักหน้า: “ถึงแม้พวกเราจะร่วมมือกันฆ่าคนๆนึง จะทำให้เสียชื่อไปหน่อย”
“แต่……เข้าไปพร้อมกันเถอะ”
เรื่องศักดิ์ศรี เรื่องหน้าตา จะไปสำคัญกว่าชีวิตได้ยังไงกัน
ทั้งสี่คนพอมองออก ถ้าหากลุยเดี่ยวเข้าไป ไม่ว่าใครก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของส้าวส้วย
ถ้าหากทั้งสี่คนร่วมมือกัน ยังพอมีโอกาสชนะอยู่หกส่วน
แน่นอนว่า โอกาสชนะหกส่วนนั้น เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดการณ์กันเอง
“โหจื่อ พาเจ้านายออกไปก่อนเถอะ”
ส้าวส้วยหันหน้าไปพูดกับโหจื่อ: “สี่คนนี้ไม่ใช่เล่นๆ นายมีปืนกระบอกเดียว อย่างมากก็ยิงร่วงได้แค่คนเดียว ถ้าเกิดพวกมันลงมือกับเจ้านาย……”
“อาจารย์ระวังตัวด้วย” โหจื่อพยักหน้า และไม่ได้พูดพร่ำเพรื่อต่อ ก็พาหลี่ฝางออกไป
แต่เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว โหจื่อก็ชนเข้ากับคนๆ นึง
หลี่ต๋าคาง
“ลูกพี่ใหญ่ ท่านมาได้ยังไง?” โหจื่อมองหลี่ต๋าคางอย่างตกใจ
ที่จริงแล้วหลี่ต๋าคางติดตามการเคลื่อนไหวของคนคลุมหน้าทั้งสี่นี้มาตลอด
หลี่ต๋าคางพยักหน้า: “มาดูหน่อย”
ยังไงหลี่ต๋าคางก็มาแล้ว งั้นโหจื่อก็ไม่จำเป็นต้องพาหลี่ฝางออกไปแล้ว
โหจื่อหยุดฝีเท้า และหันหลังกลับไป และพิงเข้ากับต้นไม้ต้นนึง เตรียมตัวดูเรื่องสนุก
หลี่ฝางทักทายกับพ่อของตน และไม่ได้พูดอะไรต่อ
มาที่ส้าวส้วย หลังจากที่เขาเห็นหลี่ต๋าคาง ใบหน้าก็แสดงถึงความเคร่มขรึม
ส้าวส้วยก้มหน้า ราวกับเด็กน้อยที่ทำความผิด
“ลูกพี่ใหญ่ ผม……” ส้าวส้วยก้มหน้า และพูดอย่างรู้สึกกระอักกระอ่วน
“ฉันไม่ได้คิดจะโทษนาย ฉันรู้ว่านายคันไม้คันมือ ถึงขนาดนี้แล้ว งั้นก็ตามสบาย ขยับหน่อยแล้วกัน”
หลี่ต๋าคางพูดด้วยสีหน้านิ่ง
วันที่กลับมาจากต่างประเทศ หลี่ต๋าคางก็ตรวนส้าวส้วยไว้
มันก็แค่ชุดที่หนักร้อยกิโลเท่านั้นเอง
และยังสั่งส้าวส้วยว่า อยู่ในประเทศ ห้ามถอดเสื้อผ้าบนร่างออกมาโดยเด็ดขาด
นอกจากจะเจอศัตรูที่เก่งกาจ แล้วไม่มีทางเลือก
แต่ในวันนี้ ส้าวส้วยไม่ได้แสดงฝีมือทั้งหมดของตัวเองออกมา ไม่ได้ถูกทำให้หมดหนทางเลยสักนิด
แต่ส้าวส้วยกลับผิดคำสัญญาที่ให้ต่อหลี่ต๋าคางไว้ แล้วถอดชุดบนร่างของเขาออก
ทันใดนั้น หลี่ต๋าคางก็พูดขึ้นอีก: “ไม่ต้องให้เหลือรอดชีวิต”
“ไม่งั้น ความสามารถที่แท้จริงของนาย จะโดนพวกสำนักหยิ่งซาจดจำไว้”
“แบบนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่ดี” หลี่ต๋าคางพูดเตือน
“ครับ ลูกพี่ใหญ่”
ส้าวส้วยพยักหน้า แล้วพูด: “ผมจะไม่ให้เหลือรอดไปได้ครับ”
คนคลุมหน้าทั้งสี่เมื่อได้ยินประโยคนี้ของส้าวส้วย สีหน้าก็เหี้ยมขึ้นทันที
“วางใจแล้วไปเถอะครับ”
หลี่ต๋าคางปัดมือ แล้วพูด: “ฝั่งนี้มีฉันอยู่”
ส้าวส้วยอืม หลี่ต๋าคางมาแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
หรือว่า คนคลุมหน้าสี่คนนี้ จะสามารถฆ่าหลี่ฝางต่อหน้าหลี่ต๋าคางได้เหรอ?
น่าขำสิ้นดี
“ลูกพี่ใหญ่ คนคลุมหน้าสี่คนนี้เป็นใครมาจากไหน?” โหจื่อถามอย่างสงสัย
“สี่ผีแห่งหยางโจว”
หลี่ต๋าคางส่ายหน้าพลางหัวเราะ: “อีกไม่นาน พวกนั้นก็กลายเป็นผีไปจริงๆ ”
“สำนักหยิ่งซาในประเทศยังมีลูกศิษย์อีกมากมายครับ” โหจื่อหัวเราะ แต่ก็คาดไม่ถึงเล็กน้อย
สี่ผีแห่งหยางโจว ชื่อเสียงระดับประเทศไม่ถือว่าดังสักเท่าไหร่
แต่ว่าฝีมือของพวกเรา กลับทำให้หมาทิเบตันถึงกับต้องกลืนน้ำลาย
ฝีมือของทั้งสี่คนมารวมกัน มันเทียบได้กับหัวหน้าสำนักหยิ่งซาที่ซ่อนตัวอยู่ได้เลย
และความเข้ากันของทั้งสี่คนนี้เข้ากันได้โดยปริยาย พวกเขาคือแฝดสี่
พวกเขามีจิตสัมผัสถึงกัน พวกเขาไม่ต้องใช้คำพูด ขอแค่ใช้สายตา ก็สามารถร่วมมือกันได้อย่างดีเยี่ยม
พี่ใหญ่ของสี่ผีแห่งหยางโจว ค่อยๆ เดินขึ้นหน้ามา
เดินมายังด้านหน้าของหมาทิเบตัน พี่ใหญ่มันมองหมาทิเบตัน และพูดขึ้น: “หมาทิเบตัน ขอยืมดาบของนายหน่อยนะ”
“เออ”
หมาทิเบตันตอบตกลง และยื่นดาบขึ้นมา
หลังจากที่หมาทิเบตันยื่นดาบให้ ก็พลิกตัว
แขนของเขา ได้รับบาดเจ็บอย่างมากจากการถูกยิง จำเป็นต้องพันแผลเองก่อน
ที่จริงหมาทิเบตันอยากจะหลบมุม แล้วก็พันแผลให้ตัวเอง แต่เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าที่ช่วงอก มีแสงบางอย่าง
ดาบเล่มนั้น ฟันผ่านร่างของเขาไป ผ่าไปที่หัวใจของเขา
“ไอ้ไร้ประโยชน์!”
พี่ใหญ่มันพูดอย่างเย็นชา: “มีนายอยู่บนโลกนี้ เป็นความอัปยศที่สุดของสำนักหยิ่งซา”
หลี่ฝางรู้สึกหวาดกลัว คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้
แม้แต่คนของตนเองยังฆ่าลง!
ส้าวส้วยยิ้มตาหยี: “ขอบใจนายที่ช่วยจัดการ แบบนี้ ฉันก็ฆ่าคนน้อยลงไปคนนึง”
“ที่จริงต้องฆ่าห้าคน ตอนนี้ ฉันฆ่าแค่สี่คนก็พอแล้ว” ส้าวส้วยพูดอย่างชิวๆ
“ฆ่าพูดเราสี่คน? ไม่ปล่อยให้รอดไป?”
สี่ผีแห่งหยางโจวหัวเราะอย่างเย็นชา
ถึงแม้จะเป็นคนที่เก่งกาจที่สุดบนแผ่นดินนี้ ก็คงไม่กล้าพูดแบบนี้หรอกมั้ง
ถึงแม้จะสู้ไม่ชนะ หรือว่า ยังจะหนีไม่ได้เหรอ?
“ใช่แล้ว”
“นายไม่เชื่อเหรอ!”
“งั้นก็ดี ฉันจะฆ่าให้นายดู!”
ส้าวส้วยหัวเราะ พูดจบ เขาก็ก้าวเท้าเดิน
ความเร็วของส้าวส้วย ไวสุดๆ
พี่ใหญ่มันคนนั้นยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ส้าวส้วยก็พุ่งเข้าไปแล้ว
“เร็วมาก!”
พี่ใหญ่มันยกดาบขึ้น และเริ่มแกว่งดาบทันที
แต่ว่า ส้าวส้วยหลบพี่ใหญ่ของมัน แล้วพุ่งไปทางพี่รองที่อยู่ด้านหลังของพี่ใหญ่แทน
พี่รองจ้องไปที่พี่ใหญ่ เขาคาดไม่ถึง ว่าตนอยู่ห่างจากส้าวส้วยที่สุด แต่กลับถูกทำร้ายเป็นคนแรก
ทันใดนั้นเขาก็ควักมีดขึ้นมาทันที จากนั้นก็กำมันไว้ในมือ
และในวินาทีนั้น ร่างของส้าวส้วย ก็มาอยู่ตรงหน้าของพี่รองแล้ว
ส้าวส้วยคว้าแขนพี่รองไว้ แล้วยิ้มตาหยี: “ลาก่อนนะ พวก!”
เสียงดังปั้ก
ส้าวส้วยใช้ร่างของเขา กระแทกเข้าไปที่พี่รองจนเขากระเด็นออกไปไกลหลายสิบเมตร
พี่รองนอนกองอยู่บนพื้น และกระอักเลือดออกมาเยอะมาก
“หมัดป่าจี๋?” คนคลุมหน้าคนนึงนึกขึ้นได้
ส้าวส้วยพยักหน้า: “รอบรู้ดีนี่!”
หมัดป่าจี๋ หรือที่เรียกว่าหมัดเข้าซาน
สำหรับการต่อสู้ระยะประชิด นี่คือท่าไม้ตายเลยทีเดียว
ถ้าฝึกหมัดป่าจี๋จนถึงขั้นสูงสุด พูดได้เลยว่าสามารถชนต้นไม้ที่มีอายุเป็นสิบๆ ปี ให้ล้มลงได้เลย
พี่รองในตอนนั้น นอนกองอยู่บนพื้น คลานขึ้นมาไม่ได้แล้ว
กระดูกซี่โครงของเขา แตกสลายหมดแล้ว
ไม่ใช่แค่กระดูกซี่โครง แม้แต่เครื่องในของเขา ก็ได้รับบาดเจ็บด้วย
นอกจากว่าที่นี่จะเป็นโรงพยาบาล ไม่อย่างนั้น มากสุดเขาก็ทนได้แค่สิบนาที ก็ตายแล้ว
คนคลุมหน้าที่เหลืออีกสามคน ทุกคนโดนฝีมือของส้าวส้วย ทำให้ตกใจจนหน้าซีดเผือด
ความเร็วของส้าวส้วยเร็วเกินไปแล้ว มาถึงจุดที่เทียบกับผีได้เลย
“พี่ใหญ่ พวกเราเอาไงกันดี?”
หลังจากที่เห็นพี่รองตายไป น้องเล็กก็รู้ได้ว่า ตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของส้าวส้วยเลย
พี่รองเก่งกว่าน้องเล็กมากๆ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังโดนส้าวส้วยฆ่าในพริบตา
“พวกเราจะหนี หรือว่าสู้?”
น้องเล็กมองไปที่พี่ใหญ่แล้วถาม
พี่ใหญ่โมโหเลือดขึ้นหน้า และพูดอย่างหนักแน่น: “ทำให้ดีที่สุด สู้จนตัวตาย”