NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 454
บทที่ 454 ศัตรูเก่าของส้าวส้วย
“ไม่มีแหล่งกบดานที่แน่นอน?” หลี่ฝางอึ้งอยู่ครู่
“ใช่แล้ว ลูกพี่ใหญ่ยังสงสัยว่า สี่ตระกูลใหญ่นี้ ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าครอบครัวเลย แต่เป็นองค์กรลึกลับองค์กรนึง อำนาจในประเทศของพวกเขา สามารถพูดได้ว่าสูงเฉียดฟ้า ในตอนนั้นพวกเราหนีไปที่ชายแดน ยังจะตามไปฆ่าเรา”
ส้าวส้วยนึกถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อน บนหน้า ก็แสดงให้เห็นถึงความอาฆาต
“ถ้าหากสี่ตระกูลใหญ่ไม่มีที่พักเป็นหลักเป็นแหล่ง งั้นซือถูเฟยจะพาเราไปไหน?” หลี่ฝางยิงคำถามต่อ
หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะถาม: “คนคนนี้จะไม่ทำร้ายเราจริงๆ เหรอ?”
ส้าวส้วยส่ายหน้า: “ถ้าหากเขามีความต้องการที่จะปองร้ายพวกเรา ฉันจะรู้สึกได้”
“บนตัวเขาเหมือนกับว่าจะมีความลับ”
ส้าวส้วยพูด: “ส่วนความลับจะเป็นอะไรนั้น คาดว่าจะรู้ได้ในไม่ช้า”
ส้าวส้วยพูด จู่ๆ ก็มองไปที่กระจกหลัง
“นั่นคือรถของมู่หรงฉางเฟิงนี่?” หลี่ฝางก็มองตามไปด้วย ก็ได้เห็นคนคันนึงที่คุ้นเคย
“รนหาที่ตายจริงๆ ”
มุมปากของส้าวส้วยแสดงให้เห็นถึงรอยยิ้มดูถูก จากนั้นก็หักเลี้ยวร้อยแปดสิบองศา ทำการดริฟต์รถอยู่กับที่
ทันใดนั้น หน้ารถเบนซ์G-Class ก็หันตรงไปทางรถของมู่หรงฉางเฟิง
มู่หรงฉางเฟิงชะลอความเร็วลง
ที่นั่งข้างคนขับของเขา มีมือปืนคนนึงนั่งอยู่ เขาควักปืนขึ้นมา เล็งไปที่ที่นั่งคนขับของส้าวส้วย แล้วยิ้มมุมปาก
“ไปตายซะเถอะ”
จากการขยับปาก หลี่ฝางก็รู้ได้ถึงคำพูดของอีกฝ่าย
เสียงปืนดังปัง ลูกกระสุน ถูกยิงผ่านกระจกหน้ารถของมู่หรงฉางเฟิง ตรงมาทางส้าวส้วย
ส้าวส้วยไม่ได้ทำท่าทีหลบเลยสักนิด เขาเหยียบคันเร่ง พุ่งเข้าไปชนอีกฝ่าย
“กระจกกันกระสุน?”
สีหน้าของมือปืนเปลี่ยนไปทันที เขาคาดไม่ถึงว่า รถของหลี่ฝาง จะเป็นกระจกกันกระสุน
เมื่อได้เห็นฉากนี้ หลี่ฝางก็ถึงกับตกใจ
“เปลี่ยนกระจกให้ฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลี่ฝางประหลาดใจเล็กน้อย แล้วมองส้าวส้วยพลางถาม
ส้าวส้วยหัวเราะ แล้วพูด: “เปลี่ยนตั้งนานแล้ว เจ้านายดูไม่ออกเหรอ?”
หลี่ฝางส่ายหน้า ใครจะไปสังเกตเรื่องพวกนี้กัน?
ส้าวส้วยเหยียบคันเร่งตามไป ส่วนมู่หรงฉางเฟิงก็เริ่มใส่เกียร์ถอย
มือปืนคนนั้นลองเล็งปืนอีกครั้ง
เขาหรี่ตาคู่นั้น แล้วเล็งปากกระบอกปืนใส่ส้าวส้วย
“ไอ้หน้าโง่นี่”
หลี่ฝางหัวเราะอย่างดูถูก แล้วพูด: “เขาก็รู้ๆ อยู่ว่ารถเป็นกระจกกันกระสุน ยังจะยิง?”
ส้าวส้วยส่ายหน้า แล้วพูด: “มันชื่อว่าเสี่ยวเหยเป็นมือปืนที่มู่หรงฉางเฟิงชุบเลี้ยงขึ้นมา ยิงปืนแม่นมาก”
“ยิงปืนแม่แล้วยังไง กระจกรถพวกเรากันกระสุนนะ!” หลี่ฝางพูดอย่างดูถูก
“ไม่จำเป็น!” ส้าวส้วยส่ายหน้า และสีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นทันที
ขณะที่หลี่ฝางกำลังพูดกับส้าวส้วยอยู่นั้น
ปังปังปัง!
มือปืนคนนั้น ใช้สองมือเล็งปืน แล้วยิงติดกันสามนัดรวด
ลูกกระสุนสามนัด ถูกยิงออกมาเวลาใกล้เคียงกัน
“มันจะทำอะไร?” หลี่ฝางพูดพลางเบิกตากว้าง
“มันจะยิงกระจกกันกระสุนเราให้แตก” ส้าวส้วยขมวดคิ้ว
กระจกกันกระสุนมันกันกระสุนไม่ใช่เหรอ?
หลี่ฝางไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
แต่ในตอนนั้น หลี่ฝางก็ต้องเชื่อแล้ว
กระสุนสามนัด ถูกยิงไปที่จุดเดียวกัน ลงจุดตรงกลาง
เสียงดังเพล้ง กระจกกันกระสุนแตก มีรอยร้าวเกิดขึ้น
“กระจกของเราไม่ใช่กระจกกันกระสุนธรรมดา พวกเราผ่านการเคลือบให้หนาขึ้น หากไม่มีกระสุนยิงติดห้านัด ก็ไม่สามารถทะลุได้” ส้าวส้วยหัวเราะ แล้วยิ้มอย่างดูถูก
มือปืนที่นั่งอยู่บนรถของมู่หรงฉางเฟิง สีหน้าก็เปลี่ยนทันที
“แม่งเอ๊ย!”
กระสุนในปืนของเขาเหลือไม่มากแล้ว ยังจะต้องเก็บไว้ฆ่าส้าวส้วยกับหลี่ฝางอีก
“ยิงกระจกมันให้ทะลุก่อนค่อยว่ากัน”
มู่หรงฉางเฟิงที่อยู่ตรงที่นั่งคนขับพูดขึ้น: “เร็วหน่อย ไม่งั้นพวกมันจะตามเราทันแล้ว”
ส้าวส้วยก็พุ่งขึ้นหน้าไป มู่หรงฉางเฟิงก็เข้าเกียร์ถอย
ความต้องการของส้าวส้วยนั้นชัดเจนมาก คือต้องการชนมู่หรงฉางเฟิงไง
“ครับ!”
มือปืนรับรู้ได้ถึงอันตราย เขายกปืนขึ้นมาทันที
ปังปังปัง!
ยิงออกมาอีกสามนัด เขาเหนี่ยวไกปืนติดกันสามครั้ง แล้วยิงออกมา
กระสุนแต่ละนัด เล็งตรงไปที่กระจกที่มีรอยร้าว และยิงซ้ำ
จู่ๆ หลี่ฝางก็พบว่า มือปืนคนนี้ นอกจากฝีมือยิงปืนจะดีแล้ว สายตายังดีอีกด้วย
เขาถึงกับสามารถมองเป้าหมายขณะขยับไปมาได้อย่างชัดเจน ในตอนนี้จู่ๆ หลี่ฝางก็รู้สึก ชื่นชมมือปืนคนนี้
“คิดได้ดีนี่” ส้าวส้วยยิ้มอย่างเย็นชา แล้วเบี่ยงรถอย่างรวดเร็ว ครู่นั้น กระสุนทั้งสามนัด ถูกยิงไปที่ที่ไม่ซ้ำกันเลยสักจุด
พูดได้ว่า กระสุนสามนัดนี้ ยิงมาเสียเปล่า
“ด้านหลังเป็นทางโค้งแล้ว!”
มู่หรงฉางเฟิงเหงื่อตก เขาไม่สามารถถอยหลัง เข้าโค้งด้วยความเร็วสูงได้
ในตอนนั้นส้าวส้วยก็ได้เร่งความเร็วรถ
“โดด!”
มือปืนเบิกตากว้าง แล้วพูดกับมู่หรงฉางเฟิงเสียงดัง
ขณะที่พูดนั้น มู่หรงฉางเฟิงก็ปล่อยมือจากพวงมาลัย แล้วเปิดประตูรถ จากนั้นก็กระโดดลงจากรถ
มือปืนคนนั้นก็กระโดดเช่นกัน
รถเบนซ์G-Classในตอนนั้น ก็ชนเขาไปที่รถของมู่หรงฉางเฟิง
“เจ้านาย มาขับรถที”
ส้าวส้วยพูดจบ ก็เปิดประตู กระโดดลงจากรถไป
“นายยังเหลือกระสุนอีกสองนัด”
ส้าวส้วยกระโดดลงจากรถ แล้วมองมือปืนคนนั้น: “จะยิงตอนนี้? หรือว่าเก็บไว้ในรังปืนของนาย”
“นายอยากฆ่าฉัน?”
มือปืนมองส้าวส้วย แล้วยิ้มอย่างดูถูก: “นายคิดว่า นายฆ่าฉันได้เหรอ?”
“รนหาที่ตายเอง ถ้าหากนายหลบอยู่ในรถอย่างเชื่องๆ อยู่ใต้กระจกกันกระสุนนั่น บางที นายอาจจะรอดไปได้อีกหลายวัน แต่ตอนนี้……” มือปืนยิ้มอย่างดูถูก
ขณะที่มือปืนพูดจบ เขาก็ยกปืนในมือขึ้น แล้วเล็งไปที่ส้าวส้วย
“ฉันรู้ว่านายว่องไว แต่ถึงจะไวขนาดไหน มีเหรอจะไวกว่ากระสุนปืน?” มือปืนพูดอย่างเย็นชา
พูดจบ มือปืนก็เหนี่ยวไกทันที
ในขณะที่มือปืนเหนี่ยวไกปืนนั้น ก่อนที่เขาจะเหนี่ยวไกหนึ่งวินาที หรืออาจจะไม่ถึงหนึ่งวินาที
ส้าวส้วยก็ขยับตัว
ลูกกระสุนก็ลั่นผ่านข้างตัวของส้าวส้วยไป ไม่เบี้ยวเลย
มือปืนถึงกับอึ้ง: “เป็นไปได้ยังไง? นายเร็วกว่าลูกกระสุนได้ยังไง?”
“ฉันไม่ได้เร็วกว่ากระสุนหรอก”
ส้าวส้วยส่ายหน้า แล้วพูด: “ฉันแค่กะเวลาที่นายจะลั่นไกปืนได้ตรงพอดีเท่านั้น”
“มือตอนที่นิ้วของนายออกแรง ขณะที่เหนี่ยวไกปืนนั่น ฉันก็ขยับเบี่ยงตัวแล้ว แค่นายไม่ทันสังเกตเท่านั้น”
ส้าวส้วยมองมือปืนอย่างนิ่งๆ แล้วพูด: “นายยังเหลือกระสุนอีกหนึ่งนัด จะยิงมัน หรือว่าเหลือไว้ให้ตัวเอง?”
“นายมันปีศาจ!”
มือปืนมองส้าวส้วย พลางทำสีหน้าเข้ม
ในใจของมือปืน นั้นมีความหวาดกลัวเกิดขึ้น
ดังนั้นมือของเขา จึงเกิดอาการสั่นเล็กน้อย
เสียงปังดังลั่น มือปืนคนนี้สุดท้ายก็เลือกที่จะยิงมันออกมา
เป็นไปตามที่เขาคาด ส้าวส้วยหลบมันได้อีกครั้ง
“ดิ้นรนจนเฮือกสุดท้าย” ส้าวส้วยพูดอย่างดูแคลน
บนหน้าของมือปืน แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวัง
“ปล่อยฉันไปสักครั้งได้มั้ย?”
มือปืนมองส้าวส้วย พลางพูด: “ฉันยังไม่อยากตาย”
“คนที่ตายด้วยปืนของนาย อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็มีแปดสิบเปอร์เซ็นต์ หรือว่าคนพวกนั้นอยากตายเหรอ?” ส้าวส้วยถามกลับอย่างเย็นชา
“ฉันจะออกไปจากเมืองเอก ออกจากสี่ตระกูลใหญ่ และจะไม่โผล่หน้ามาต่อกรกับพวกนายอีกแล้ว”
มือปืนขอร้องอ้อนวอน
คนตอนที่กำลังจะตาย ต่างกันเสียดายชีวิต และมีความหวังที่จะได้อยู่ต่อไป
เพื่อที่จะอยู่รอด จะกลัวหรือลังเล การอ้อนวอนขอชีวิตไปทำไม
แม้ว่าเขาจะเป็นมือปืนที่ฆ่าคนโดยไม่ต้องกะพริบตาก็ตาม……
“เมื่อเทียบกับคำสัญญาของนาย ฉันเลือกจะเชื่อคนตายมากกว่า เพราะมีแค่คนตาย ที่ไม่สามารถโกหกฉันได้” ส้าวส้วยพูดอย่างนิ่งๆ
มือปืนกลัวตาย เขาเงยหน้ามองส้าวส้วย ราวกับมองพระเจ้าอย่างไงอย่างงั้น: “ฉันขอร้อง ฉันมีลูกมีเมีย ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันถูกบังคับมา”
“ไม่มีใครบังคับนาย”
ส้าวส้วยส่ายหน้า: “นี่มันเป็นทางที่นายเลือกเอง”
“นายเคยทิ้งลูกกระสุนนัดนึง ไว้ที่แขนของฉัน”
ขณะที่พูด ส้าวส้วยก็ควักลูกกระสุน ออกมาจากกระเป๋านึงลูก: “นี่เอาออกมาจากแขนของฉัน”
“สามปีแล้ว ถึงเวลาคืนมันให้นายสักที”
ส้าวส้วยพูดพลางยิ้ม
มือปืนคนนั้นร้องห้าม อย่า อย่านะ
เขาขอร้องอ้อนวอนส้าวส้วยไม่หยุด จากนั้น เขาก็ยื่นมือไปควักปืนกระบอกนึง ที่อยู่ตรงเอวของเขาขึ้นมา
เขาเร็วมาก แต่ก็ ไม่เร็วเท่าส้าวส้วย
ขณะที่มือปืนควักปืนออกมา แล้วชูขึ้น ลูกปืนในมือของส้าวส้วย ก็ได้ลั่นออกไปแล้ว
ลูกปืนที่ส้าวส้วยลั่นออกไป ไปโดนตรงหว่างคิ้วของมือปืนพอดี
มือปืนคนนี้ ลงไปนอนกองกับพื้นทันที ดวงตาคู่นั้นไม่มีนัยน์ตาแสดงความรู้สึกอะไรแต่อย่างใด