NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 476
บทที่476 พวกเขา ตายหมดแล้ว
สีหน้าของจูเก่อเจิ้ง ก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวทันที
ได้รับสองข่าวร้ายติด ทำให้หัวใจของจูเก่อเจิ้ง เต้นอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด
คนหนึ่งคือการตายของพี่ชายตัวเอง
หลอซ่ากลับมาแล้ว จูเก่อเจิ้งต้องการการกลับมาของพี่ชายตัวเองอย่างเร่งด่วน
จูเก่อเจิ้งรู้ว่าความสามารถตัวเองไม่พอ ถ้าไม่มีการสนับสนุนของจูเก่อชื่อ งั้นในสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลจูเก่อนั่น ก็จะได้อยู่รั้งสุดอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ พี่ชายตัวเองตายแล้ว
ส่วนตัวเอง ตกไปอยู่ในมือของหลอซ่า
หลอซ่าในตอนนี้ ดูเหมือนจะสุดยอดขึ้นเยอะมาก
จูเก่อเจิ้งมองบอดี้การ์ดของตัวเอง สีหน้าขาวซีดอีกครั้ง
นี่เป็นบอดี้การ์ดที่เขาเลือกมาตั้งมากมาย แต่ กลับถูกหมัดเดียวของหลอซ่าก็ตายเลย
หนึ่งคือจูเก่อเจิ้งกลัวกังฟูของหลอซ่า สองกลัวความโหดร้ายในการลงมือของหลอซ่า
ลงมือจนคนตาย ทำให้จูเก่อเจิ้งรู้สึกหมดหวังหน่อยๆ
“ผม……ผมขับรถเป็น”จูเก่อเจิ้งพูดอย่างสั่นๆ
หลี่ต๋าคางหัวเราะ:“ในเมื่อคุณขับรถเป็น งั้นก็ดี”
“ขับรถกลับไปเองเถอะ”
หลี่ต๋าคางเลิกคิ้วขึ้นพูด:“ถ้าตอนนี้สี่ตระกูลใหญ่ยอมแพ้ผม บางที ผมอาจจะปล่อยชีวิตของสี่ตระกูลใหญ่ไปก็ได้”
ประโยคของหลี่ต๋าคาง เห็นชัดว่าเป็นคำพูดเหลวไหล
ตอนนั้นเขาหนีไป ตอนนี้ในเมื่อกลับมาแล้ว งั้นในฐานะที่เป็นหัวหน้าครอบครัวของสี่ตระกูลใหญ่ ก็ไม่ควรที่จะยอมจำนน
ก็แค่ครั้งนี้เขามาค่อนข้างรีบไป ไม่ได้พากำลังคนมา ดังนั้นจึงกลัวหลี่ต๋าคาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่ชายของตัวเองตายแล้ว บอดี้การ์ดของตัวเองตาย ตายไปตั้งสองคน ถึงแม้คนที่ในใจเข้มแข็ง ก็ต้องกลัวบ้างล่ะ
จูเก่อเจิ้งกลับไปที่รถของตัวเองอย่างเศร้าๆ เช็ดเหงื่อที่ใบหน้าของตัวเอง จากนั้นก็ออกรถ
รอจนจูเก่อเจิ้งตะลีตะลาน ที่ใบหน้าของหลี่ฝางก็ซับซ้อนหน่อยๆ
เมื่อก่อนหลี่ฝางคิดมาตลอดว่าพ่อตัวเองเป็นคนธรรมดา แต่ตอนนี้……
เริ่มแรกเข้าไปในป่า รุกไล่โจมตีมือปืนซุ่มยิงคนเดียว……
จากนั้นก็เพิ่งลงมือ พริบตาเดียวก็ฆ่าบอดี้การ์ดไปคนหนึ่ง
นี่มันหักล้างกับภาพความทรงจำที่หลี่ฝางเคยมีต่อพ่อตัวเองเลย
หลี่ฝางเพิ่งรู้ว่า ที่แท้พ่อของตัวเอง ก็คือคนฝีมือดีคนหนึ่งอย่างส้าวส้วย
หลี่ฝางมองหลี่ต๋าคาง ถามอย่างกังวล:“พ่อ เหมือนพ่อจะฆ่าคนนะ?”
คนที่พื้นนั้น ในปากมีเลือดไหล
และก็นอนที่พื้น มองดูแล้วเหมือนไม่ขยับเลย
เวลานี้เอง หลี่ต๋าคางก็หัวเราะเหอะเหอะ พูดกับคนนั้นที่อยู่ที่พื้น:“เสี่ยวหลินจื่อลุกขึ้นมาสิ”
หลี่ต๋าคางพูดจบ คนที่พื้นนั้น ก็ลืมตาทันที จากนั้นก็เด้งตัวพรวดขึ้นมาโดยขา แล้วยืนขึ้นทันที
แปลกชะมัด?
หลี่ฝางตกใจ แต่จากนั้นก็เข้าใจทันที
ผู้ชายที่ชื่อเสี่ยวหลินจื่อนี้ เมื่อกี๊แกล้งตาย
เสี่ยวหลินจื่อหัวเราะหึหึ เลิกคิ้วขึ้นมองที่หลี่ต๋าคาง:“ลูกพี่ คุณกลับมาแล้วจริงๆ!”
“ได้ยินว่าคุณกลับมานานแล้ว แต่ไม่เชื่อมาตลอด ตระกูลจูเก่อจับตาดูอย่างดี ผมก็ไม่กล้าติดต่อกับคุณ”เสี่ยวหลินจื่อพูดอย่างดีใจ
หลี่ฝางน่าจะเข้าใจแล้วว่า เสี่ยวหลินจื่อนี้ แปดสิบเปอร์เซ็นต์คือคนในหน่วยมืด
หลี่ต๋าคางพยักหน้า พูดว่า:“ทุกคนกลับมาแล้ว”
“ฮ่าฮ่า ดีมาก ในที่สุดก็ได้เจอพวกคุณแล้ว ดีใจจัง”เสี่ยวหลินจื่อพูดด้วยความตื่นเต้น
“ใช่สิ ลูกพี่ ทำไมคุณต้องทำขนาดนี้ ที่จริงตัวตนของผมยังไม่ถูกเปิดเผย ยังปิดต่อไปได้?”เสี่ยวหลินจื่อถามอย่างสงสัย
ที่จริงเมื่อกี๊ตอนที่จูเก่อเจิ้งเข้าไปในลานบ้านของท่านซุน เสี่ยวหลินจื่อกับหลี่ต๋าคาง ทำการคุยด้วยภาษาปาก
ฉากเมื่อกี๊ ที่จริงแล้วเป็นเสี่ยวหลินจื่อกับหลี่ต๋าคางแสดงละครอยู่
“เป็นสายลับที่ตระกูลจูเก่อ มีความเสี่ยงมาก”
หลี่ต๋าคางพูดนิ่งๆ:“ทีมของพวกเรา ไม่สามารถน้อยไปกว่านี้ได้อีกแล้ว”
“ลูกีพ่วางใจเถอะ พวกเราปกปิดตัวตนอย่างดี อีกอย่างผมรวบรวมข้อมูลรายงานของตระกูลจูเก่อไว้ได้มากแล้ว”
เสี่ยวหลินจื่อพูดจบ จากนั้นก็มองหลี่ฝางในรถ:“นี่ก็คือคุณชายสินะ?”
“ดีมาก”
เสี่ยวหลินจื่อมองหลี่ฝางอวบหนึ่ง ในดวงตาปรากฏความชื่นชม
“เมื่อกี๊คุณชายไม่กลัวเลยสักนิด หาได้ยาก หาได้ยาก”เสี่ยวหลินจื่อพูด
หลี่ต๋าคางตบไหล่ของเสี่ยวหลินจื่อ พูดว่า:“ผมพาคุณกลับครอบครัวใหญ่ละกัน”
“หน้าที่สายลับของคุณจบสิ้นแล้ว ควรจะกลับแล้ว”หลี่ต๋าคางพูด
เสี่ยวหลินจื่อพยักหน้า เข้าไปในรถออดี้
“ลูกพี่ ที่จริงตอนนั้นคุณไม่จำเป็นต้องหนีไปต่างประเทศ”ในรถ เสี่ยวหลินจื่อพูดขึ้นมา
“ถ้าผมไม่หนีไปต่างประเทศ สี่ตระกูลใหญ่ก็จะยิ่งน่ากลัว ท่านจวน หลายปีมานี้ก็ไม่ได้อยู่อย่างเท่ๆสักเท่าไหร่”หลี่ต๋าคางพูด
ที่ตอนนั้นหลี่ต๋าคางเลือกหนีออกจากประเทศ สาเหตุหนึ่งในนั้น ก็คือเพื่อท่านจวน
ถ้าท่านจวนกับหลอซ่าร่วมมือกัน สี่ตระกูลใหญ่ก็จะกลัว นอนไม่หลับ
มีแค่หลอซ่าที่หนีไป งั้นสี่ตระกูลใหญ่จึงไม่กลัวท่านจวน
แบบนี้ สี่ตระกูลใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องจัดการท่านจวน ปล่อยให้ท่านจวนถอยไป
“อีกอย่าง ผมไม่หนีไปต่างประเทศ งั้นสี่ตระกูลใหญ่ ก็จะลงมือกับทุกคน รวมถึงเหล่าเฉียนแห่งตระกูลเฉียน ครอบครัวของพวกคุณ”
“สี่ตระกูลใหญ่ก็จะรีบฆ่า ไม่ปล่อยไว้สักคน”หลี่ต๋าคางขมวดคิ้ว
สีหน้าของเสี่ยวหลินจื่อหม่นลง พยักหน้าพูด:“พวกเขาทำออกมาได้”
“หลายปีมานี้ ผมทำอะไรมากมายให้ตระกูลจูเก่อ วิธีการที่ตระกูลจูเก่อทำนั้น โหดร้ายมาก”
เสี่ยวหลินจื่อถอนหายใจ:“เห้อ ลูกพี่ หลายปีมานี้ ผมทำบาป”
“แต่ผมรู้ ในเมื่อผมไม่ทำ จะต้องมีคนไปทำเหมือนกัน ถ้าคนอื่นทำ งั้นผมก็ไม่มีทางได้รับความเชื่อใจของตระกูลจูเก่อเอารายงานข้อมูลที่สำคัญของตระกูลจูเก่อมา”
หลี่ต๋าคางไม่พูดอะไร เอาแต่ขับรถ
“ลูกพี่ คุณตำหนิผมเหรอ?”เสี่ยวหลินจื่อเบะปาก เหมือนเด็กที่ทำผิด
“เปล่า ผมกำลังตำหนิตัวผมเอง ที่จริง ตอนนั้นผมไม่ควรทำหน่วยมืดอะไรกับเหล่าเฉียน ให้พวกคุณไปเป็นสายลับ”
“นี่คือการตัดสินใจที่ผิดพลาด”
หลี่ต๋าคางพูดอย่างซีเรียส:“จากนี้ไป ผมจะประกาศว่า ยกเลิกหน่วยมืดแล้ว”
“ทำไมล่ะ?”
เสี่ยวหลินจื่อขมวดคิ้ว ถามอย่างสงสัย:“ไม่ใช่ลูกพี่บอกแล้วเหรอ?รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ……”
“ไม่จำเป็นแล้ว”
หลี่ต๋าคางส่ายหน้า:“พวกเราไม่มีความแข็งแรงที่เพียงพอ จะไปชนะสี่ตระกูลใหญ่อย่างสง่างาม”
หลี่ต๋าคางขับรถมาที่โรงพยาบาล
“ลูกพี่ ทำไมพวกเรามาที่นี่?”มองเห็นป้ายโรงพยาบาล ใบหน้าเสี่ยวหลินจื่อ ก็ดูร้อนตัวหน่อยๆ
“ทำไม แม้แต่ผมก็ต้องปิดบังเหรอ?”หลี่ต๋าคางมองไปที่เสี่ยวหลินจื่อ ด้วยสายตาคมกริบ
“ลูกพี่ ผม……”
เสี่ยวหลินจื่อก็กลายเป็นอ้ำๆอึ้งๆ แต่หลี่ต๋าคางกลับพูด:“เสี่ยวหลินจื่อ ผมไม่ได้หมายความว่าจะโทษคุณ”
“แต่คนแบบผม สิ่งที่เกลียดที่สุด ก็คือยาเสพติด ผมรู้ว่าคุณไม่อยากเข้าไปยุ่งกับสิ่งนี้ เพื่อเข้าไปในข้างในของตระกูลจูเก่อ จึงต้องรับมันมาใช่ไหม?”
หลี่ต๋าคางถามเสร็จ เสี่ยวหลินจื่อก็พยักหน้า
“ช่วงนี้ คุณอยู่โรงพยาบาลก่อนไป เลิกมันได้ แล้วค่อยออกมาทำงาน”หลี่ต๋าคางพูด
เสี่ยวหลินจื่อยังอยากพูดอะไร เวลานี้ส้าวส้วยก็ออกมา
“ส้าวส้วย……”
เสี่ยวหลินจื่อแทบจะกระโดดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น แต่ส้าวส้วยกลับหัวเราะเบาๆ:“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน เสี่ยวหลินจื่อ”
“ฮ่าฮ่า เสี่ยวเฟิง อาเฟย โหจื่อ พวกเขาล่ะ?”
“เรียกพวกเขามาสิ ผมคิดถึงพวกเขาจะตายแล้ว”
“คืนนี้พวกเราทำเหล้ามา มาดื่มกันไม่เมาไม่กลับดีกว่า”เสี่ยวหลินจื่อพูดด้วยใบหน้ามีความสุข
“สามปีแล้ว ผมอยู่ที่ตระกูลจูเก่อมาสามปี วันๆต้องใส่หน้ากากเข้าหาอย่างเป็นมิตร อัดอั้นแทบตาย คืนนี้ผมจะระบายสักหน่อย”
เสี่ยวหลินจื่อโอบไหล่ของส้าวส้วยแล้วพูด:“คุณรีบโทรหาพวกเขาสิ”
ส้าวส้วยเป่าลมปากออกมา จากนั้นจึงพูด:“ผมโทรหาโหจื่อก่อนละกัน”
ตอนที่ส้าวส้วยหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาโหจื่อ เสี่ยวหลินจื่อก็ตระหนักถึงสิ่งผิดปกติ
สีหน้าของเสี่ยวหลินจื่อตะลึง มองส้าวส้วย:“อาเฟย เสี่ยวเฟิงพวกเขา……หรือว่า……”
“อือ”
ไม่รอให้ส้าวส้วยตอบ หลี่ต๋าคางก็เดินเข้าไป ตบไหล่ของเสี่ยวหลินจื่อ พูดว่า:“พวกเขาไปอยู่อีกโลกแล้ว”
ชั่วพริบตาเดียว ได้ยินข่าวนี้ รอยยิ้มที่ใบหน้าของเสี่ยวหลินจื่อ ก็หายไปหมด ทดแทนด้วย ความเหงา
ในใจของเสี่ยวหลินจื่อก็รู้สึกหายใจไม่ออก พูดว่า:“ตอนที่พวกเขาไป……ไม่ได้โดนอะไรใช่ไหม