NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 55
บทที่ 55 เบื้องหลังของหลี่ฝางช่างน่าตกใจ
“พอได้แล้ว นายอย่ามายืดเยื้อกับฉันตรงนี้อีกเลย ด้านนอกมีลูกค้ารออยู่มากมาย” หลี่ฝางเริ่มจะโกรธแล้ว: “นายออกไปหนึ่งชั่วโมง กลับมาบอกฉันว่าลูกพี่หลี่ถูกนายฆ่าแล้ว นายคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ?”
“นายฆ่าคน ทำไมบนตัวนายไม่มีรอยเลือดแม้แต่นิดเดียว? นายฆ่าคน สามารถพูดออกมาได้อย่างใจเย็น?” หลี่ฝางทำตาถลนใส่ส้าวส้วย
หลี่ฝางไม่เชื่อว่าส้าวส้วยได้ฆ่าลูกพี่หลี่ไปแล้ว เพราะว่าส้าวส้วยแสดงออกได้เรียบเฉยเกินไป ท่าทางเหมือนฆ่าคนที่ไหนกัน?
ส้าวส้วยถอนหายใจ เปลี่ยนชุดทำงานแล้วไปทำงาน
หลี่ฝางถือไวน์แดงที่มีแอลกอฮอล์ต่ำมาก มาถึงห้องวีไอพีของสวีจื่อโห้
สวีจื่อโห้เห็นหลี่ฝาง ก็ยิ้มๆ : “มาแล้วเหรอ เจ้าหลานชาย”
“คุณอา คุณพ่อผมคงจะไม่มีเวลามาแล้ว ดังนั้นผมจึงได้มาขอโทษคุณอาแทนเขา” ขณะที่หลี่ฝางพูด ก็ได้รินเหล้าให้สวีจื่อโห้แก้วหนึ่ง
หน้าของสวีจื่อโห้ไม่ได้แสดงอาการใด ดูไม่ออกว่าโกรธหรือเปล่า
“อารู้ว่าวันนี้เขาไม่ว่างมาเจออาหรอก สวีจื่อโห้ส่ายหัวแล้วกล่าว เขานัดอามานี่ มันคงไม่มีอะไรมากกว่าให้อามาแสดงบารมีแถวนี้”
“งั้นคุณอาก็หลงกลคุณพ่อแล้วสิ?”
“สามารถถูกพ่อนายวางแผน ถือเป็นเกียรติของอา อีกอย่างอาก็ไม่ได้มาฟรี มังกรทองตัวนี้แสดงให้ฉันเห็นถึงความสามารถในการลงทุนของพ่อนาย” สวีจื่อโห้พูดอย่างหัวเราะ
“ในเมื่อพ่อนายกล้าลงทุนร้านเหล้าที่ตงไห่เป็นเงินสองพันล้าน แสดงว่าเขามีแผนการที่จะลงทุนในตงไห่”
“เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา” สวีจื่อโห้ถอนหายใจ แล้วกล่าว: “เป็นเพราะอาใจร้อนเกินไป”
พูดจบ สวีจื่อโห้กับหลี่ฝางก็คุยกันสักพัก เขาสองคนอยู่ในห้องวีไอพีพูดคุยกันอย่างมีความสุข ได้ดึงดูดความสนใจของคนไม่น้อย
โดยเฉพาะโต๊ะของตู้เฟย อารมณ์เหมือนหม้อที่จะเบิด
โจวเจ๋ ส้งเสียงและพวกต่างก็รู้จักสวีจื่อโห้ และหลี่หลงถึงแม้จะไม่รู้จักสวีจื่อโห้ แต่ว่าเขารู้จักคนข้างกายของสวีจื่อโห้ นั่นมันคือหัวหน้าของสถานีตำรวจ หม่าเทียนนะ
ครอบครัวที่มีภูมิหลังนักเลงอย่างหลี่หลง สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือหม่าเทียน
เมื่อกี้หลี่หลงและจางกงหมิงต่างหัวหดกัน ก็เพราะว่าเห็นหม่าเทียน
“เรื่องมันยังไงกัน ยาจกอย่างหลี่ฝาง ทำไมถึงรู้จักผู้มีบารมีแบบสวีจื่อโห้?” ตู้เฟยเห็นภาพนี้แล้ว ก็อึ้งไปทั้งตัว
“คิดไม่ถึงเลย หากหนุ่มน้อยคนนี้มีฐานะที่ยิ่งใหญ่ แล้วทำไมถึงมาเป็นบริกรอยู่ในบาร์แห่งนี้ล่ะ” โจวเจ๋ขมวดคิ้วขึ้น
“ต่อไปนี้ก็ล่วงเกินหนุ่มคนนี้ให้มันน้อยหน่อย หากทำให้สวีจื่อโห้ไม่พอใจ” พวกเราไม่มีใครต้านไหว ส้งเสียงส่ายหัว แล้วกล่าว
เวลานี้ ลูกเศรษฐีเหล่านี้มีสีหมดอาลัยตายอยาก พวกเขากลัว กลัวว่าสักวันหนึ่งหลี่ฝางจะแก้แค้นพวกเขา
“สวีจื่อโห้เป็นใครเหรอ?” จางเชี่ยนถามอย่างสงสัย
“ผู้มีอิทธิพลในตงไห่ โจวเจ๋ถอนหายใจ ฐานะทางครอบครัวของเพื่อนเธอคนนี้ ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ”
“พวกนายดูดีๆ สิ สวีจื่อโห้คนนี้คุยกับหนุ่มน้อยคนนี้อย่างอารมณ์ดี ความสัมพันธ์ของเขาสองคนต้องไม่ธรรมดาแน่” โจวเจ๋กล่าวอย่างหนักแน่
“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้” ตู้เฟยไม่อยากที่จะเชื่อสิ่งที่มองเห็นอยู่ตรงหน้า
“ตู้เฟย ยอมรับความจริงเถอะ นายสงสัยมาโดยตลอดว่าทำไมถูกมัธยมตงไห่ไล่ออกไม่ใช่เหรอ? คำตอบก็เห็นชัดอยู่แล้วนี่”
“หากไม่ใช่เพราะสวีจื่อโห้อยู่เบื้องหลังของหลี่ฝาง นายคิดว่าฉางหลินจะไล่นายออกเหรอ? ไล่นายออกเท่ากับล่วงเกินพ่อนาย ต่อให้ฉางหลินต้องล่วงเกินกระทรวงศึกษา ก็คงไม่กล้าที่จะล่วงเกินพ่อนาย”
“ดังนั้น หลี่ฝางไม่ใช่ญาติที่ยากจนที่นายพูด แต่เป็นญาติของสวีจื่อโห้?!” คิดเข้าใจจุดนี้แล้ว ตู้เฟยก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“ไม่ว่าเขาจะเป็นญาติกันหรือไม่ ต่อไปพวกเราก็ห่างๆ มันไว้หน่อย” โจวเจ๋กล่าว
คนอย่างพวกโจวเจ๋ สิ่งที่ไม่กล้าล่วงเกินที่สุด ก็คือคนที่มีอำนาจและบารมี
ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวตู้เฟย หรือครอบครัวของส้งเสียง หรือครอบครัวของโจวเจ๋ บริษัทของบ้านพวกเขา ไม่มีบ้านไหนที่ทนต่อการตรวจสอบได้
ขอเพียงตรวจสอบอย่างละเอียด บริษัทเหล่านี้ แปดสิบเปอร์เซ็นต้องถูกระงับ
โดยเฉพาะบ้านตู้เฟย โดยเฉพาะเขตไฟแดงที่ตู้ต้าไห่กำลังพัฒนา มีเพียงรายการเดียวที่ไม่อนุมัติ จากนั้นโครงการทั้งหมดจะถูกควั่น เงินที่ลงทุนในเขตไฟแดง ก็จะสูญเปล่า
ดังนั้น ตู้เฟยไม่กลัวก็จะแปลกละ
แต่หลี่หลงไม่เคยคิดที่จะปล่อยหลี่ฝาง: “ไม่ทำร้ายเขาในที่แจ้ง แต่พวกเขาสามารถทำร้ายเขาในที่ลับ”
“ใช่ พี่หลงพูดถูก พวกเราสามารถจัดกันอย่างลับๆ” ตู้เฟยหัวเราะพูดทันที ได้ชนแก้วกับหลี่หลง: “พี่หลง พี่อยากปล่อยหลี่ฝางไปง่ายๆ แบบนี้นะ”
“เขาทำร้ายลูกน้องของพ่อฉันตั้งหลายคน ฉันไม่มีทางที่จะปล่อยเขาไปง่ายๆ”
“อีกอย่าง ฉันไม่คิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะรู้จักหม่าเทียน และผู้มีอำนาจบารมีอย่างสวีจื่อโห้ ไม่อย่างนั้น เขาทำไมต้องหาพวกจางกงหมิงมาช่วยเหลือ หลี่หลงกล่าวอย่างเย็นชา: “ฉันดูแล้ว หนุ่มน้อยคนนี้แปดสิบเปอร์เซ็นต์กำลังแกล้งแสดง คาดว่าคงไปตีสนิท แสดงละครให้พวกเราดู”
“พ่อแม่หลี่ฝางเป็นคนธรรมดาทั่วไป ไม่รู้จักพวกข้าราชการหรอก” เวลานี้จางเชี่ยนหัวเราะกล่าว: “ฉันว่านะ พวกนายคิดมากไปแล้ว”
เรื่องบางเรื่อง ควรเชื่อว่ามีมากกว่าว่าไม่มีนะ อย่างไรเสียโจวเจ๋กับส้งเสียงไม่อยากเป็นปรปักษ์กับหลี่ฝางแล้ว
หลังจากที่สวีจื่อโห้ออกไปแล้ว หลี่ฝางก็ได้กลับมายังโต๊ะแคชเชียร์
“คุยกันเป็นไงบ้าง?” ลุงเฉียนยิ้มแล้วถาม
“ดีมากเลย ก่อนที่จะไปสวีจื่อโห้ยังได้ให้นามบัตรผมหนึ่งใบ พูดว่าต่อไปหาเจอปัญหา ให้ผมโทรหาเขา” หลี่ฝางกำลังจะบันทึกหมายเลขเข้าไปในโทรศัพท์มือถือ จู่ๆ ลุงเฉียนได้ยื่นมือมา แย่งนามบัตรในมือไป
ฉึกดังขึ้นหนึ่งเสียง
ลุงเฉียนได้ฉีกนามบัตรที่สวีจื่อโห้ให้ไว้อย่างละเอียด
“ลุงเฉียน ลุงหมายความว่าไง?” หลี่ฝางคิ้วขมวดเข้าหากัน พูดอย่างเคืองเล็กน้อย
“ปัญหาของคุณทั้งหมดต่อไปทางบาร์จะเป็นคนช่วยคุณจัดการ” ลุงเฉียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่าเชื่อถือ: “ไม่จำเป็นต้องให้สวีจื่อโห้มายุ่ง”
เวลานี้ หลิวเฉียวเฉียวก็เดินมาตรงหน้าของหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง เซี่ยลู่ดื่มหนักไปหน่อย นายสามารถช่วยฉันพยุงเธอออกไปหน่อยได้มั้ย”
“ได้ ไม่มีปัญหา”
หลี่ฝางพยักหน้า มาถึงด้านหน้าของเซี่ยลู่ เวลานี้เซี่ยลู่ นอนเมาไม่รู้เรื่องอยู่บนโซฟา
“ทำไมดื่มเยอะขนาดนี้” หลี่ฝางขมวดคิ้ว พูดอย่างรังเกียจเล็กน้อย
“ก็ต้องโทษนายนั่นแหละ ใครใช้ให้นายเอาเหล้ามาเยอะขนาดนี้” หลิวเฉียวเฉียวกลอกตาใส่หลี่ฝาง พูดอย่างกล่าวโทษ
“เธอนี่มันใจจืดใจดำจริงๆ ฉันเลี้ยงเหล้าพวกเธอ พวกเธอดื่มเยอะเอง กลับมาโยนความผิดให้ฉัน?”
หลี่ฝางเคืองเล็กน้อย อุ้มเซี่ยลู่ขึ้นมา เดินออกไปจากบาร์
และในเวลานี้ ตู้เฟยก็ได้วิ่งออกมา ถีบไปที่ก้นของหลี่ฝาง หลี่ฝางในขณะที่อุ้มเซี่ยลู่อยู่ เดิมทีก็เดินไม่ค่อยจะมั่นคงอยู่แล้ว ถูกถีบไปหนึ่ง เซี่ยลู่และหลี่ฝางล้มลงไปบนพื้นพร้อมกัน
อีกอย่าง เซี่ยลู่ได้ถูกทับอยู่ด้านลงของหลี่ฝาง ปากของหลี่ฝาง พอดีไปจูบโดนกับปากของเซี่ยลู่
ตู้เฟยเห็นแล้วก็ยิ่งบ้ากันไปใหญ่
“หลี่ฝาง เย็ดแม่งเอ๊ย!” เวลานี้ ตู้เฟยไม่สนใจว่าหลี่ฝางจะเกี่ยวข้องอะไรกับสวีจื่อโห้แล้ว เขาบ้าคลั่งจนพุ่งเข้ามา ต่อยหลี่ฝางด้วยหมัดต่อหมัด
ตู้เฟยที่บ้าไปแล้ว ฝีมือการต่อสู้พอๆ กับหลี่ฝางเลย
และเวลานี้ คนของหลี่หลงก็ได้วิ่งออกมาทั้งหมด หลี่หลงส่งสัญญาณมือ: “ลุยเลย!”
หลินชิงชิงและพวกจางกงหมิงก็วิ่งตามออกมาอย่างกระชั้นชิด เจ้าหัวแบนมาถึงตรงหน้าของหลี่ฝางทันที ได้ถีบตู้เฟยล้มลงไปกับพื้น
“แม่งเอ๊ย จางกงหมิง นายจะเป็นปรปักษ์กับฉันให้ได้เลยใช่มั้ย?” หลี่หลงมองจางกงหมิง พูดอย่างเย็นชา
“ใช่แล้วจะทำไม?” จางกงหมิงพูดหัวเราะอย่างดูถูก
“ได้” ในเมื่อนายอยากจะเล่น เรามาเล่นกันสักตั้ง ทุกคนลุย!” หลี่หลงมองจางกงหมิงอย่างเยือกเย็น แล้วได้ตะโกนสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง
และจางกงหมิงก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะกลัว ได้ไปหยิบอุปกรณ์ต่อสู้ท่อนเหล็กอื่นๆ ออกมา
คนทั้งสองฝ่ายกำลังตะลุมบอนกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีคนสองคนปรากฏตัวขึ้นมา คนหนึ่งก็คือสวีจื่อโห้ อีกคนหนึ่งก็คือหม่าเทียน
“เหล่าหม่า ความปลอดภัยของตงไห่ของเราทำไมยิ่งอยู่ยิ่งแย่ละ” สวีจื่อโห้เห็นภาพนี้แล้ว ก็ส่ายหัว
“ขออภัยด้วย ผมจะรีบจับพวกเขาให้ได้ครับ”
หม่าเทียนพูดจบ ก็เดินไปทางหลี่หลง: “นายเป็นลูกชายของลูกพี่หลี่หรือเปล่า?”
หลี่หลงพยักหน้า ยืนอยู่ตรงหน้าของหม่าเทียน ความดุร้ายบนใบหน้าของเขาก็หายไปทันที
“นายมากับฉันหน่อย ฉันมีเรื่องจะบอกกับนาย” สีหน้าของหม่าเทียนเหมือนหนักใจแล้วกล่าว
“คุณจะพูดอะไรกับผม?” หลี่หลงรู้สึกใจคอไม่ค่อยจะดี
“มีข่าวที่ไม่ดีจะแจ้งกับนาย นายควรจะทำใจไว้ให้ดี”
หม่าเทียนพูดจบก็นิ่งไปสักพัก จึงได้กล่าวขึ้น: “เมื่อกี้ที่สถานีตำรวจโทรมา พ่อของนายเสียชีวิตแล้ว ถูกคนฆาตกรรม