NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 64
บทที่ 64 เซี่ยลู่ส่งจูบด้วยตัวเอง
“พี่ชายสุดหล่อ คุณไม่ลองคิดอีกสักหน่อยหรือ?”
พี่สาวที่ขายเครื่องประดับมองไปที่หลี่ฝาง ในใจเต็มไปด้วยความตกใจ เธอทำธุรกิจมาหลายปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับลูกค้าที่ใจกว้างเช่นนี้
“นี่เป็นเงินถึง36000 ไม่ใช่เงินเล็กๆ น้อยๆ” หัวใจของพนักงานสาวกำลังเต้นรัว
“หลี่ฝาง อย่ามาทำตัวขี้โม้ที่นี่ เงินครึ่งล้านนายใช้ไปหมดนานแล้วไม่ใช่หรือไง” จางเชี่ยนแค่นเสียงและเอ่ย
“ตอนนี้นายจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อสร้อยเส้นนี้?” จางเชี่ยนพูดอย่างไม่เชื่อ
“ถ้าฉันมีเงินจะซื้อล่ะ?”
จางเชี่ยนหัวเราะ และเอ่ยอย่างประชดประชัน “ถ้านายมีเงินซื้อ ฉันจะเรียกว่าพ่อตรงนี้ครั้งหนึ่ง”
“งั้นเธอก็เรียกฉันว่าพ่อเถอะ ฉันจ่ายเงินแล้ว เด็กดี” หลี่ฝางกล่าวเรียบๆ
“มาโม้อะไรกัน นายจ่ายเงินตอนไหน ทำไมฉันไม่เห็น?” จางเชี่ยนไม่เชื่อ นั่นเพราะตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในร้านหลี่ฝางยังอยู่ไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ
แค่สองนาทีก็ตัดสินใจซื้อสร้อยคอราคากว่า36000หยวนได้ อีกทั้งยังจ่ายเงินไปแล้ว นี่มันจะเปย์อะไรขนาดนั้น”
แม้แต่โจวเจ๋เองก็ยังไม่เชื่อ
โจวเจ๋เอ่ยขึ้นมาในตอนนั้นเอง “เธอดูลักษณะของพวกเขาสิ ดูเหมือนคนที่ซื้อสร้อยเส้นนี้ไหวหรือไง?”
พี่สาวที่ขายเครื่องประดับมองไปที่หลี่ฝาง บอกตามตรง เขาดูไม่เหมือนพวกลูกคนรวยจริงๆ นั่นแหละ
หรือว่าภาพการชำระเงินเมื่อกี้จะเป็นของปลอม?
“พวกคุณรอฉันสักครู่ ฉันขอโทรศัพท์” พี่สาวร้านเครื่องประดับหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาและไปโทรหาเจ้านาย
“เชี่ยนเชี่ยน เธอเลือกสร้อยคอต่อไปเถอะ อย่ามัวแต่ไร้สาระไปกับสองคนนี้เลย พวกเขานอกจากขี้โม้แล้วยังจะทำอะไรได้อีก?” โจวเจ๋แค่นเสียงหัวเราะ
หลี่ฝางเองก็ไม่รีบร้อน รอให้พี่สาวร้านเครื่องประดับโทรเสร็จ เธอก็จะเก็บสร้อยนั่นมาให้ตนเอง ถึงตอนนั้น ลองดูเถอะว่าโจวเจ๋กับจางเชี่ยนหัวเราะตัวเองอย่างไร
เมื่อพี่สาวร้านเครื่องประดับโทรคุย จางเชี่ยนก็เลือกสร้อยคอได้แล้ว เธอเอ่ยถาม “พี่เจ๋ สวยไหม? ”
โจวเจ๋ดูราคาและพยักหน้า “ดูดี”
“งั้นเอาอันนี้ ฉันไปจ่ายเงิน”
โจวเจ๋เรียกหาพี่สาวร้านขายเครื่องประดับ “ยังโทรไม่เสร็จหรือไง รีบมาที่นี่ ฉันจะจ่ายเงิน”
“เห็นรึเปล่า นี่ถึงเรียกว่าคนมีเงิน พูดว่าซื้อก็ซื้อ ไหนจะเหมือนพวกเธอ เอาแต่คุยโว”
“ให้พวกเขาโม้ไปเถอะ ยังไงการขี้โม้คุยโวก็ไม่เสียภาษี” โจวเจ๋หัวเราะ จนกระทั่งพี่สาวร้านเครื่องประดับเข้ามา เขาก็เริ่มจ่ายเงิน
“แค่สแกนก็ได้แล้วงั้นหรือ? งั้นฉันสแกนแล้ว”
โจวเจ๋สแกนเบาๆ การชำระเงินสามพันแปดก็สำเร็จ จากนั้นเขาก็มองไปที่พี่สาวร้านเครื่องประดับ
“เงินก็ให้เธอแล้ว ยังไม่รีบไปหากล่องมาใส่ให้ฉันอีก” โจวเจ๋กล่าว
“คุณผู้ชาย โปรดรอสักครู่”
“รออะไร”
“ฉันต้องบรรจุกล่องให้พี่ชายท่านนี้เสร็จก่อน จากนั้นจึงเป็นคุณ” พี่สาวร้านเครื่องประดับมองไปที่หลี่ฝางมากขึ้น
ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของหลี่ฝางจะไม่น่าทึ่ง แต่ตอนนี้พี่สาวร้านเครื่องประดับนั้นกลับแน่ใจมากกว่า เขาต้องเป็นลูกเศรษฐีนี่!
อีกทั้งยังเป็นลูกเศรษฐีที่เป็นผู้ใหญ่ หนักแน่น แล้วก็ถ่อมตัว!
“เธอบรรจุอะไรให้เขา? เธอโง่หรือเปล่า เธอลองดูสภาพของเขา เหมือนคนที่ซื้อสร้อยคอนั่นไหวหรือไง? อย่าว่าแต่สร้อยราคาสามหมื่นหกพันเส้นนั้นเลย แม้กระทั่งสร้อยคอราคาสามพันแปดนี้ เขาก็ซื้อไม่ไหว” โจวเจ๋กล่าว
“ใช่ พวกเราจ่ายเงินไปแล้ว เธอไม่รีบบรรจุของให้พวกเรา แต่กลับบรรจุให้พวกเขาก่อน เธอคิดว่าพวกเขาซื้อมันจริงหรือไง” จางเชี่ยนตะคอกออกมาและแสดงความไม่พอใจ
“ขออภัยด้วยจริงๆ ท่านทั้งสอง พี่ชายคนนี้จ่ายเงินไปแล้ว”
“ผายลม! ทำไมฉันไม่เห็นเขาจ่าย นี่เธอกำลังเล่นบ้าอะไร” โจวเจ๋พูดอย่างเย็นชา
ในเวลานั้นเอง หลี่ฝางวาง Apple XS ของเขาลงบนเคาน์เตอร์ “ดูเอง”
“หลี่ฝาง นายซื้อสร้อยเส้นนี้จริงๆ เหรอ?” เซี่ยลู่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
“นาย….นายยังมีเงินอยู่? ทำไมนายยังมีเงินอยู่ เงินนั่นไม่ได้ถูกใช้ไปหมดแล้วหรือไง” จางเชี่ยนมองไปที่หลี่ฝางอย่างงุนงง
“อ้อใช่ จางเชี่ยน เมื่อกี้เธอไม่ได้บอกว่าถ้าหลี่ฝางซื้อสร้อยเส้นนี้ได้ เธอจะเรียกเขาว่าพ่อไม่ใช่หรือ
เซี่ยลู่มองไปที่จางเชี่ยนและพูดอย่างสะใจ “ตอนนี้เรียกได้แล้ว”
“ฉัน…ทำไมฉันจำไม่ได้ว่าพูดแบบนั้นไป หูของเธอต้องเพี้ยนไปเองแน่” จางเชี่ยนขมวดคิ้วและสีหน้าย่ำแย่สุดขีด
ส่วนสีหน้าของโจวเจ๋ก็เป็นสีเขียวม่วง
ในตอนแรกพวกเขาพยายามเต็มที่ที่จะทำให้หลี่ฝางอับอาย คิดว่าหลี่ฝางไม่มีเงินซื้อสร้อยคอนั่น แต่ใครจะรู้ว่า หลี่ฝางได้ซื้อมันไปนานแล้วอย่างเงียบๆ
ในฐานะที่เป็นลูกเศรษฐีผู้เป็นที่รู้จักของตงไห่ โจวเจ๋ไม่เคยถูกใครหักหน้าแบบนี้มาก่อน
“หลี่ฝาง จำไว้!”
โจวเจ๋หันหลังกลับและออกจากร้านขายเครื่องประดับไป ทิ้งจางเชี่ยนไว้คนเดียว
จางเชี่ยนเองก็ไม่อยากรั้งอยู่ต่อ แต่โจวเจ๋จ่ายเงินไปแล้ว แธอต้องรอให้พนักงานแพ็คของและออกใบเสร็จ
“อ้อใช่ คนสวย นี่เป็นของขวัญวันเกิดของเพื่อนนักเรียนผม รบกวนคุณช่วยเลือกกระดาษห่อที่มีสีสันให้หน่อย” หลี่ฝางกล่าว
“แต่ร้านเราไม่มีกระดาษสี”
“งั้นรบกวนคุณช่วยไปซื้อให้ผมหน่อย” หลี่ฝางหยิบเงิน 200 หยวนออกมาแล้ววางไว้บนตู้กระจก
หลังจากพี่สาวร้านเครื่องประดับจากไป จางเชี่ยนก็ถามขึ้น “หลี่ฝาง นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่นายซื้อให้หลิวเฉียวเฉียว? ”
“ใช่ ทำไม?”
“พวกเธอสองคนคบกันแล้วเหรอ?”
“ไม่นี่” หลี่ฝางส่ายหัว
“ไม่แล้วนายส่งของขวัญแพงขนาดนี้ให้เธอ นายบ้ารึเปล่า” จางเชี่ยนตาค้าง และจ้องมองหลี่ฝางด้วยความโกรธ
เธอต้องเอาใจโจวเจ๋ ให้เขาซื้อสร้อยคอให้ตน แต่หลิวเฉียวเฉียวกลับไม่ต้องทำอะไรเลยและได้สร้อยคอที่มีมูลค่ามากกว่า 30000นี่ไป
ในเวลานี้เอง จางเชี่ยนรู้สึกอิจฉาหลิวเฉียวเฉียวจนแทบกระอักเลือดออกมา
เมื่อพี่สาวร้านเครื่องประดับกลับมา หลี่ฝางก็ถามว่า “มีสร้อยเส้นนี้อีกไหม? ”
“มีอีกเส้นหนึ่ง”
หลี่ฝางพยักหน้า “งั้นบรรจุให้ผมด้วย ผมซื้อ”
พูดจบ หลี่ฝางก็สแกนรหัส หัวใจของเซี่ยลู่เต้นระรัวขึ้นมาทันที “หลี่ฝาง นี่นายซื้อมันให้ฉันหรือ? ”
“รักนาย รักนายจะตายแล้ว” เซี่ยลู่วิ่งเข้ามาและจูบหลี่ฝางต่อหน้าคนอื่น
หลี่ฝางพูดไม่ออกอยู่บ้าง อีกสองวันก็จะเป็นวันหยุดแล้ว เขาเตรียมกลับบ้านไปเจอพ่อและแม่ ดังนั้นสร้อยเส้นนี้ เขาตั้งใจจะให้กับแม่ของเขา
แต่ใครจะรู้ว่าเซี่ยลู่หลงตัวเองขนาดนั้น ถึงกับคิดว่ามันเป็นของเธอ
สีหน้าของหลี่ฝางประดักประเดิดเล็กน้อย เมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าเซี่ยลู่เกือบถูกพวกอันธพาลตัวน้อยดูถูกเพื่อที่จะช่วยตัวเอง เขาก็เอ่ยขึ้น “ก็แค่สร้อยเส้นเดียว ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น”
ดวงตาของจางเชี่ยนกำลังลุกเป็นไฟ เพื่อนสนิทของตัวเองในตอนแรก ได้สร้อยไปคนละ 36,000 หยวน แต่ตัวเธอเองกลับได้แต่ 3000 กว่าเท่านั้น
ในใจของเธอไม่ยินยอมอย่างยิ่ง
“พี่ชาย คุณช่างใจกว้างจริงๆ เป็นแฟนคงมีความสุขมาก” แม้กระทั่งพี่สาวร้านขายเครื่องประดับเองก็มองไปที่เซี่ยลู่ด้วยความอิจฉาและเอ่ยขึ้น
“เข้าใจผิดแล้ว เธอไม่ใช่แฟนผม”
หลี่ฝางส่ายหัวและหัวเราะ “พูดให้ถูกก็คือ ผมยังไม่มีแฟน”
พี่สาวร้านขายเครื่องประดับตะลึงไป จากนั้นจึงรีบเก็บสายตาของตัวเองกลับมา
หลังจากหลี่ฝางและเซี่ยลู่ออกจากร้านขายเครื่องประดับ จางเชี่ยนก็พูดว่า “สร้อยนี่ฉันไม่เอาแล้ว คุณคืนเงินให้ฉันได้ไหม?”
น้องสาวที่ขายจิวเวลรี่หน้าตาขี้เหร่หน่อย ๆ “คิดถึงสร้อยมันดูไม่ดีเหรอ”
“ไม่ใช่” จางเชี่ยนส่ายหัว “มันถูกเกินไป อีกไม่กี่วันฉันจะพาแฟนมาซื้ออันที่แพงๆ”
“งั้นก็ได้ แต่ว่าการคืน จะต้องหักค่าดำเนินการไป 5‰”
หลังจากจางเชี่ยนได้เงินแล้ว เธอก็wechat ของหลี่ฝางจากเพื่อนนักเรียนคนอื่น
ตอนนี้เธอถึงค่อยเข้าใจชัดเจนว่า ที่แท้หลี่ฝางต่างหากที่เป็นลูกเศรษฐี เมื่อเทียบกับโจวเจ๋แล้ว โจวเจ๋ก็กลายเป็นแค่เศษเงินเล็กน้อยเท่านั้น
“หลี่ฝาง นายรวยเสียจริง สร้อยสองเส้นนี่รวมกันก็มากกว่าเจ็ดหมื่นแล้ว นายบอกว่าจะให้ฉันกับเฉียวเฉียว ไม่เสียดายหรือไง?” เซี่ยลู่ถาม
“ทำไมจะไม่เสียดายล่ะ แต่เมื่อวานเธอสองคนช่วยฉันเอาไว้ ยังไงฉันก็ต้องตอบแทนสักหน่อย” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เวลานี้เซี่ยลู่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เธอขมวดคิ้วและหยุดฝีเท้าลง “ไม่ถูกสิ ฉันจำได้ว่านายถูกลอตเตอรี่แค่ 500000 แต่ตอนนี้นายใช้จ่ายมากกว่านั้นไปนานแล้ว”
“หลี่ฝาง นี่นายกำลังโกหกเราหรือเปล่า” เซี่ยลู่มองไปที่หลี่ฝางและถาม
หลี่ฝางรู้ดีว่าเขาไม่สามารถปกปิดได้อีก เขาเอ่ยขึ้น “อันที่จริงฉันไม่ได้ถูกลอตเตอรี่”
“ไม่ได้ถูกลอตเตอรี่”
“ใช่ ฉันขายที่ดินในบ้านเกิดของฉันไปในราคา 3.5 ล้านหยวน” หลี่ฝางเอ่ยเรียบๆ
หลังจากได้ยินแบบนั้น เซี่ยลู่ก็แทบจะเป็นลม