NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 71
บทที่71 ศัตรูเก่าของหลี่ฝาง
หลี่ฝางโทรศัพท์หาหลิวเฉียวเฉียว บอกว่าตัวเองถึงแล้ว ถามว่าพวกเธออยู่ห้องไหนกัน
หลิวเฉียวเฉียวไม่ได้บอกเลขที่ห้อง แต่ก็ลงมาต้อนรับหลี่ฝางด้วยตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ตอนแรกหลิวเฉียวเฉียวนั้นยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แต่วินาทีที่เห็นหลี่เสี่ยวเสี่ยวนั้น สีหน้าของเขาก็แข็งทื่อทันที
หลิวเฉียวเฉียวกระซิบเบาๆ กับหลี่ฝางอยู่ข้างหน้าว่า “ทำไมแกถึงพาหลี่เสี่ยวเสี่ยวมาด้วยล่ะ”
“แกพูดเองไม่ใช่รึไง ว่าให้ฉันพาเพื่อนฉันมาด้วย ทำไมล่ะ ไม่ต้อนรับหรอ” หลี่ฝางถาม
“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก ฉันกับหลี่เสี่ยวเสี่ยวน่ะไม่ได้บาดหมางอะไรกัน ประเด็นก็คือฉันกลัวว่าเซี่ยลู่……พวกเขาสองคนไม่ถูกคอน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เราแค่มากินอะไรนิดหน่อยเดี๋ยวก็กลับ” หลี่ฝางยิ้ม แล้วพูดว่า “เดี๋ยวเรามีธุระต่อน่ะ”
หลี่ฝางต้องไปโรงพยาบาลสักแป๊บ ช่วยพ่อของลู่หลุ่ยจ่ายค่าผ่าตัด
หลี่เสี่ยวเสี่ยวดูออกมาไม่เข้าท่า เลยพูดออกมาว่า “ไม่ต้อนรับหรอ ถ้าไม่ต้อนรับ งั้นเราก็กลับ”
“ไม่เอาหน่า มาก็มาแล้ว ขึ้นไปด้วยกันเถอะ ก็มีไม่กี่คน” หลิวเฉียวเฉียวเดินมาลากมือของหลี่เสี่ยวเสี่ยว แล้วบอกว่า “ถือว่ามาเป็นสีสันให้ฉันนะ”
“แบบนี้ค่อยถือว่าดีหน่อย” ตอนนี้หลี่เสี่ยวเสี่ยวถึงจะยิ้มออก
ตอนที่เข้าไปนั้น หลี่ฝางมองเห็นเงาของคนที่คุ้นเคยไม่น้อย คือเพื่อนสมัยมัธยมทั้งนั้น
ในนั้นมีชายคนหนึ่งชื่อว่าลู่ปิน เมื่อก่อนนั้นเป็นศัตรูของหลี่ฝาง ได้ยินมาว่าช่วงนี้พ่อแม่ทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จ รุ่งโรจน์มากในปีที่ผ่านมา
หลี่ฝางคิดในใจ ไม่ใช่สิ ลู่ปินกับหลิวเฉียวเฉียวไม่ได้สนิทอะไรกัน แล้วเขามาได้ยังไง
คราวนี้ หลิวเฉียวเฉียวก็ชี้มาที่หลี่ฝางแล้วพูดว่า “ทุกคนยังจำเขาได้กันไหม”
“นี่ไม่ใช่หลี่ฝางหรอ”
“หลิวเฉียวเฉียว เธออย่าบอกนะ ว่าแขกพิเศษที่เธอให้พวกเราตั้งหน้าตั้งตารอ ก็คือเขา” ลู่ปินพูดด้วยความไม่พอใจ
“ใช่ ในใจของฉัน หลี่ฝางคือแขกคนพิเศษ” หลิวเฉียวเฉียวพูดพร้อมหัวเราะ
“ผิดหวังจริงๆ ฉันคิดว่าแขกพิเศษจะเป็นตู้เฟยซะอีก”
“เซี่ยลู่ แฟนของเธอตู้เฟยจะมาถึงเมื่อไหร่น่ะ” ลู่ปินมองเซี่ยลู่แล้วถาม
สีหน้าของเซี่ยลู่ดูประหม่า “ฉันเลิกกับตู้เฟยแล้วน่ะ”
“เลิกกันแล้ว พระเจ้า พวกเธอเลิกกันแล้วทำไมไม่บอกฉันสักคำล่ะ ที่ฉันมาก็เพราะเขาเลยนะ” ลู่ปินพูดด้วยความผิดหวัง
บ้านของลู่ปินทำธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ส่วนตู้เฟยทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่ลู่ปินมางานวันเกิดของหลิวเฉียวเฉียวก็เพราะอยากทำความรู้จักกับตู้เฟย มาเสนอวัสดุก่อสร้างของตัวเอง
เซี่ยลู่รู้สึกโมโห “นายเป็นใครกัน ฉันกับตู้เฟยเลิกกันแล้วทำไมต้องบอกนายด้วย”
“เอาหน่า ฉันผิดไปแล้ว” ลู่ปินยอมรับผิดกับเซี่ยลู่ แล้วบอกว่า “เซี่ยลู่ เธอกับตู้เฟยน่าจะยังติดต่อกันอยู่ใช่ไหม นัดเขามากินข้าวด้วยกันหน่อยได้ไหม ฉันเลี้ยงเอง”
ตู้เฟยส่ายหัว “เราไม่ได้ติดต่อกันแล้ว”
“จะไม่ติดต่อกันได้ยังไง พวกเธอคบกันมาตั้งหลายปีไม่ใช่รึไง”
ลู่ปินรีบพูดขึ้นว่า “เซี่ยลู่ เธอคิดซะว่าช่วยฉันเถอะนะ ช่วงนี้ประเทศเราตรวจสอบการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม วัสดุก่อสร้างของบ้านฉันค้างสต็อคเยอะมากขายไม่ออกเลย ฉันได้ยินมาว่าบ้านของตู้เฟยกำลังสร้างโครงการใหม่ ต้องการวัสดุก่อสร้างจำนวนมาก เธอช่วยฉันหน่อยนะ ช่วยติดต่อให้ฉันหน่อยนะ……”
“วางใจได้นะ ถ้างานสำเร็จแล้ว จะมีผลดีกับเธอไม่น้อยเลยล่ะ”
หลิวเฉียวเฉียวขมวดคิ้ว พูดด้วยความหมดปัญญาว่า “เดี๋ยวฉันเอาเบอร์ของตู้เฟยให้นายเอง นายติดต่อเองเถอะ”
“ลู่ปินนายมายินดีกับงานวันเกิดของฉัน หรือว่าจะมาโปรโมทสินค้าวัสดุก่อสร้างของนายกันแน่” หลิวเฉียวเฉียวเริ่มรู้สึกไม่พอใจ
ในตอนนี้ลู่ปินเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นเห็นแก่ตัวเกินไป
“บริกร เสิร์ฟอาหารหน่อยครับ” ลู่ปินพูดไปหนึ่งคำ “เฉียวเฉียว เราคุยกันแล้วไง ว่ามื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”
“ได้ นายอยากเลี้ยงก็เลี้ยงเลย ยังไงห้องนี้นายก็เป็นคนจองเอง” หลิวเฉียวเฉียวนั่งลงแล้วพูด
“ก็แค่อาหารมื้อเดียว จะเสียเงินเท่าไหร่กัน” ลู่ปินพูดอย่างสบายๆ
แล้วตอนนี้หลี่ฝางก็หัวเราะขึ้น นึกถึงบรรยากาศอาหารมื้อละแสนในคืนนั้น
ถ้าสถานการณ์นั้นเกิดขึ้นอีกล่ะก็ ไม่รู้ว่าลู่ปินจะร้องไห้ออกมาทันทีรึเปล่า
“หลี่ฝาง ได้ยินมาว่าไม่กี่ปีมานี้พ่อแม่นายหายตัวไปหรอ โดนคนอื่นหลอกไปเล่นแชร์ลูกโซ่หรอ”
“เห้อ หลายปีที่พวกท่านไม่อยู่ นายน่าจะลำบากแย่ ได้ยินมาว่าตอนไปโรงเรียน นายรับจ้างซื้อข้าวให้นักเรียน ซักถุงเท้าซักกางเกงในเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองใช่ไหม จริงรึเปล่า” ลู่ปินแกล้งพูดด้วยหน้าตาที่สงสัย
ถังหยู่ซวนลุกขึ้นทันที “พูดบ้าอะไรของนาย!”
“หยู่ซวน นั่งลง” หลี่ฝางลากถังหยู่ซวนนั่งลง
“เขาไม่ได้พูดอะไรผิด สามปีมานี้ ฉันผ่านชีวิตมาด้วยการพึ่งเงินจากการซักผ้าทำการบ้านให้รูมเมท” หลี่ฝางหัวเราะเยาะตัวเองแล้วบอกว่า “มันน่าอายใช่ไหมล่ะ เถ้าแก่ลู่”
“ซักเสื้อผ้า ทำการบ้านให้คนอื่นน่ะ ไม่น่าอายหรอก แต่ทำไมฉันถึงได้ยินว่านายตวงน้ำล้างเท้าให้คนอื่นล่ะ ทำไมล่ะ นายยังเป็นหมอนวดในหอพักอีกหรอ” ลู่ปินพูดเยาะเย้ย
“ไอ้เหี้ยนี่ มึงลองพูดอีกรอบสิ” ครั้งนี้ถังหยู่ซวนทนไม่ไหวแล้ว เลยชี้หน้าลู่ปินแล้วด่าออกมาทันที
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกด่าใครห้ะ!” ลู่ปินจ้องถังหยู่ซวน มองอยู่นานแล้วพูดว่า “ฉันรู้จักแก นายเป็นเด็กล้างรถที่ต้าเฉียงไม่ใช่หรอ”
“ฉันสนิทกับต้าเฉียงเลยล่ะ นายเชื่อไหมว่าแค่ฉันโทรหาต้าเฉียงแค่สายเดียว นายก็จะถูกไล่ออกทันที” ลู่ปินพูดขู่
ถังหยู่ซวนหัวเราะอย่างเย็นชา “ได้ นายโทรสิ ฉันก็ไม่อยากทำพอดี”
ลู่ปินโทรศัพท์ไปสายนึง แค่แป๊บเดียว ถังหยู่ซวนก็ถูกไล่ออกแล้ว
ถังหยู่ซวนโมโหอีกแล้ว แต่โดนหลี่ฝางห้ามเขาไว้ “วันนี้เป็นงานวันเกิดเพื่อนฉัน อย่าทะเลาะกัน”
“งั้นเดี๋ยวค่อยจัดการเขาละกัน” ถังหยู่ซวนทนไม่ไหวแล้ว
“ทำไมล่ะ อยากจะต่อยฉันหรอ ไม่กลัวว่าต้าเฉียงจะมาจัดการนายหรอ” ลู่ปินพูดอย่างเหยียดหยาม
“ลู่ปิน นายหยุดพูดได้รึยัง” หลิวเฉียวเฉียวทนมองต่อไปไม่ไหว
และในตอนนี้ บริกรก็ขึ้นมา เขาจำหลี่ฝางได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง แล้วก็เอาเมนูยื่นให้เขา
หลี่ฝางกำลังจะเอาเมนูอาหารส่งให้หลิวเฉียวเฉียว ลู่ปินกลับพูดขึ้นว่า “หลี่ฝาง ในเมื่อหลิวเฉียวเฉียวบอกว่านายคือแขกพิเศษ งั้นนายเลือกอาหารเลยละกัน”
“คิดว่าทั้งชีวิตนี้คนอย่างนายคงจะไม่เคยมาโรงแรมห้าดาวแบบนี้หรอกมั้ง ถือว่าฉันเปิดโอกาสให้นาย ให้นายได้เป็นตัวเอก ดื่มด่ำสักหน่อย” หลี่ฝางหัวเราะ คืนเมนูให้กับบริกร “คุณยังจำที่ผมสั่งครั้งที่แล้วได้ไหมครับ”
“จำได้สิ จำได้อยู่แล้ว”
“เหมือนครั้งที่แล้ว” หลี่ฝางยิ้มอ่อนๆ แล้วพูด
“ไม่หรอกมั้ง หลี่ฝาง เมื่อก่อนนายเคยมากินข้าวที่นี่จริงๆ หรอ ฉันดูถูกนายเกินไปแล้วสิ” ลู่ปินมองหลี่ฝางด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
“งานเลี้ยงรุ่นครั้งที่แล้ว ตู้เฟยเป็นคนเลี้ยง” หลี่ฝางยิ้มแล้วพูด
“ไม่ทราบว่าท่านคนอื่นจะดื่มอะไรดีคะ” บริกรถาม
“ครั้งที่แล้วพวกเธอดื่มอะไรกัน” ลู่ปินถามขึ้น
ยังไม่ทันได้รอให้บริกรตอบ ลู่ปินก็พูดขึ้นอีกว่า “ก็เหมือนครั้งที่แล้วที่พวกเธอดื่มก็ได้นะ”
หลี่ฝางถามไปประโยคหนึ่งด้วยความไม่เชื่อ “นายแน่ใจนะ”
“แน่นอน” ลู่ปินพยักหน้าโดยไม่ลังเล
และตอนนี้ เซี่ยลู่และหลิวเฉียวเฉียวก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะขึ้นมา
“พวกเธอสองคนหัวเราะอะไร นึกว่าฉันไม่มีปัญญาเลี้ยงหรอ”
“ฉันจะบอกพวกเธอนะ ถึงแม่บ้านของฉันจะไม่รวยเท่าตู้เฟย แต่ตัวฉันเอง มีเงินเยอะกว่าตู้เฟยเยอะ”
“ถึงแม้ตอนที่เรียน ฉันจะเรียนได้ไม่ดี แต่เรียนดีแล้วได้อะไรล่ะ แกดูสังคมทุกวันนี้สิ นักเรียนมหาลัยเยอะแยะไป คนที่เรียนจบหรอ ยังหางานทำไม่ได้เลย และถึงจะหาได้ เงินเดือนของพวกเขาน่ะหมื่นเดียวจะถึงรึเปล่า”
ลู่ปินพูดอย่างเย็นชาว่า “ถึงแม้ฉันจะเรียนไม่จบม.ปลาย แต่ฉันก็มีพรสวรรค์ทางด้านธุรกิจนะ!”
“เห็นรถบีเอ็มสองคันที่อยู่หน้าประตูไหม นั่นฉันหาเงินซื้อเองนะ” ลู่ปินพูดอวด
พอได้ยินแล้ว สีหน้าของถังหยู่ซวนก็เปลี่ยนทันที ไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง รถบีเอ็มที่ชนนั้น เป็นของตานี่จริงๆ หรอ
หน้าประตูLotusก็มีบีเอ็มจอดอยู่ตั้งหลายคันแหนะ ไม่น่าจะบังเอิญขนาดนั้นนะ
หลิวเฉียวเฉียวอยากจะบอกกับลู่ปินตรงๆ แต่เห็นเขาโม้ขนาดนั้นแล้ว เลยทำได้แค่ไม่พูดอะไร
แอ็คไปเถอะ!
นายอวดให้มันสุดก็แล้วกัน
ตอแหล แน่นอนว่าต้องได้รับผลกรรม!
ครั้งที่แล้ว ก็เพราะตู้เฟยอวดรวยได้ไม่สุด จนทำให้พวกเขาต้องล้มละลายกันที่นี่
หลิวเฉียวเฉียวกับเซี่ยลู่ปรึกษากันสักพัก บอกว่าตอนที่เช็กบิลนั้น ต้องรีบหนีก่อน
“พวกเธอหัวเราะอะไรกัน ข้าวแค่มื้อเดียว สำหรับเถ้าแก่ลู่แล้วก็แค่ปรอยฝนเล็กๆ” หลี่ฝางคิดในใจ เดี๋ยวนายได้ร้องไห้แน่
“ใช่ อาหารแค่มื้อเดียวเอง สำหรับฉันมันก็แค่ปรอยฝน แต่วันนี้แค่ซวยหน่อย เจอคนขับโง่ขับรถFord มาชนท้ายรถบีเอ็มของฉันยุบไปทีนึง!”
“เหี้ยเอ้ย ให้ฉันจับมันได้ก่อนเถอะ จะเล่นงานให้เละเลย” ลู่ปินพูดอย่างโกรธแค้น
สีหน้าของถังหยู่ซวนดูตื่นตระหนก กลัวอะไรสิ่งนั้นก็มาจริงๆ ไม่คิดว่ารถบีเอ็มที่ตัวเองชนนั้น จะเป็นของลู่ปินจริงๆ!