NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 72
บทที่72 เพื่อนๆ หัวเราะเยาะ
หน้าตาของหลี่ฝางดูปกติ ไม่ว่าจะชนรถใคร แค่คืนเงินก็จบแล้ว เพราะยังไงที่เขามีก็คือเงิน
ตอนสมัยม.ต้น ฐานะทางบ้านของลู่ปินไม่ดี เรียนไม่เก่ง แต่หลี่ฝางในตอนนั้น นอกจากจะเรียนดีแล้ว ยังได้เล่นกับสาวสวยอย่างเซี่ยลู่หลิวเฉียวเฉียวเขาด้วย ทำให้ลู่ปินรู้สึกอิจฉามากในตอนนั้น
เพราะงั้นตอนอยู่ม.ต้น ลู่ปินเลยหาเรื่องเดือดร้อนให้หลี่ฝางตลอด
ไม่คิดว่าผ่านไปสามปี ลู่ปินก็ยังไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
ลู่ปินรู้ว่าสามปีที่ผ่านมานั้น ชีวิตม.ปลายของหลี่ฝางนั้นตกต่ำมาก นอกจากตั้งใจถามเรื่องที่เกิดขึ้นตอนม.ปลายของเขา ยังถามว่าทำไมถึงไม่คบกับเซี่ยลู่ต่อ ตอนนั้นทำเอาเซี่ยลู่โมโหจนแทบจะลุกหนีไป
ลู่ปินไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องเซี่ยลู่ เขาแค่อยากทำให้หลี่ฝางขายหน้าแค่นั้น
แต่หลี่ฝางกลับแสดงท่าทางที่ปกติ ในใจเขาคิด นายอยากให้ฉันขายหน้าไม่ใช่รึไง เมื่ออาหารและเครื่องดื่มมาถึง ก็ไม่มีใครมายก
เห็นหลี่ฝางไม่มีปฏิกิริยาอะไร ลู่ปินเลยเปลี่ยนเรื่องไปที่เรื่องของพ่อแม่ของเขา
“หลี่ฝาง ได้ยินมาว่า พ่อมานายกลับมาหลายวันแล้ว ตอนนี้ยังไม่หางานทำหนิ”
“งั้นให้เขามารับใช้ฉันดีไหม มาดูแลเรื่องการกินของฉัน วันหนึ่งจ่ายเขาคนละ150” ลู่ปินพูดแล้วหัวเราะ ลู่ปินกำลังคิดว่า ถ้าพ่อแม่ของหลี่ฝางมาทำงานอยู่ภายใต้อำนาจตัวเองแล้ว ถ้าอย่างงั้นตัวเองก็ต้องอยู่สูงกว่าหลี่ฝางหลายระดับ “คนละ150หรอ”
“ใช่สิ แบบนี้พ่อแม่นายรวมกันแล้วก็ได้ตั้ง300 วันละ300 เดือนหนึ่งก็9000 ปีหนึ่งก็แสนกว่าเชียวนะ” ลู่ปินยักคิ้ว แล้วก็พูดด้วยความได้ใจว่า “ปีนี้ได้แสนกว่า คนครึ่งหนึ่งของตงไห่ยังหาไม่ได้เท่านี้เลยนะ”
หลี่ฝางถามขึ้นด้วยความเชื่อว่า “ทำไมจู่ๆ นายก็ดีกับฉันขนาดนี้ล่ะ”
หลี่ฝางรู้ดีว่า คนที่ทำงานให้กับลู่ปินน่ะ เดือนหนึ่งยังได้ไม่ถึง3000เลย ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะมาให้เงินเดือนพ่อแม่ตัวเองสูงขนาดนั้น
“แน่นอนว่าเห็นครอบครัวเราลำบาก เป็นเพื่อนกัน ก็อยากจะดึงกันขึ้นหน่อยน่ะ” ลู่ปินยิ้มมีเลศนัย
“เหอะเหอะ นายจิตใจดีขนาดนั้นเลยหรอ” หลี่ฝางมองลู่ปิน ส่ายหน้าหัวเราะแล้วพูดว่า “เป้าหมายของนายก็คืออยากขายหน้าฉันใช่ไหมล่ะ”
“ถ้าให้เพื่อนสมัยเรียนด้วยกันรู้ว่าพ่อแม่ฉันทำงานให้นาย พวกเขาจะมองฉันว่าเป็นคนยังไง” หลี่ฝางเดาใจของลู่ปินออก
“ตอนที่นายยังยกตวงน้ำล้างเท้าให้รูมเมทนาย ก็ไม่เห็นว่านายจะกลัวขายหน้าหนิ ทำไมล่ะ ฉันใจดีช่วยนาย นายยังจะปฏิเสธอีก”
“ฉันขอร้องล่ะนายโทรหาพ่อแม่นายหน่อยเถอะ บอกข่าวดีนี้ให้พวกเขาฟัง ถ้าพวกเขาได้ยินว่ามีคนออกเงิน150จ้างพวกเขา พวกเขาต้องดีใจแน่นอน” ลู่ปินจิบชาเบาๆ หนึ่งอึก แล้วยิ้มเยาะขึ้นบนตะอาหาร
ในใจของหลี่ฝางคิด พ่อแม่ฉันถึงแม้จะเห็นเงิน150หล่นบนพื้น ก็ไม่เห็นจะก้มตัวลงไปเก็บ อย่าหวังที่จะเสนอให้มาทำงานให้นายเลย
พ่อแม่ตัวเอง กำลังเตรียมตัววางแผนลงทุนหมื่นล้านในตงไห่ต่างหากล่ะ
ถ้าบอกเรื่องนี้กับลู่ปินล่ะก็ เขาคงงงเป็นไก่ตาแตกแน่ๆ
แน่นอนว่า บอกไปตอนนี้ ลู่ปินก็คงไม่เชื่อ รอให้ลงทุนเรียบร้อยแล้วค่อยพูดดีกว่า
และตอนนี้ บริกรยกกุ้งมังกรยุโรปสิบตัวเข้ามาในห้องอาหาร ตอนนั้นลู่ปินก็อึ้งทันที “คนสวย พวกคุณเสิร์ฟผิดห้องรึเปล่า”
“ไม่ผิดนะคะ ห้อง201ค่ะ” สาวเสิร์ฟมองไปที่เลขห้องอีกที
ลู่ปินจ้องหลี่ฝางไปหนึ่งที “ตู้เฟยเลี้ยงกุ้งมังกรพวกเธอต้องสิบตัวเลยเหรอ”
“ใช่สิ “หลี่ฝางพยักหน้า
“งั้นก็ไม่ผิดแล้วล่ะ” ลู่ปินกัดฟันตัวเอง แล้วก็ยิ้มเจื่อนออกมา
ถ้าเขาแสดงท่าทางโกรธชัดเจนมากไป หรือโทษหลี่ฝางในตอนนี้ ก็ต้องโดนหลิวเฉียวเฉียวดูถูกแน่นอน
เพราะฉะนั้น ลู่ปินทำได้แค่ฝืนทำหน้าตาเฉย เขายังปลอบตัวเองในใจด้วยว่า ก็แค่กุ้งมังกรสิบตัว จะเสียงเงินเท่าไหร่กันเชียว
คนบ้านนอกอย่างลู่ปินคงไม่รู้ว่ากุ้งมังกรออสเตรเลียสิบตัวนี้ก็หมื่นกว่าแล้ว
“ตู้เฟยเลี้ยงข้าวพวกเธอ คงไม่สั่งแค่กุ้งมังกรหรอกมั้ง” ลู่ปินยิ้มแล้วถามไป
“สั่งอย่างอื่นอีกนิดหน่อยน่ะ” หลี่ฝางตอบกลับ
“ได้ งั้นเรากินกุ้งกันก่อน ใช่สิ บริกร ไวน์น่ะ รินไวน์ให้เราหน่อย” ลู่ปินตะโกนเรียนบริกร
“ไวน์ขาวจะรินมาให้พวกคุณๆ ลได้เลย แต่ไวน์แดง คิดว่าน่าจะต้องรอสักครู่น่ะค่ะ”
“ได้ งั้นรีบหน่อยละกัน”
หลังจากนั้นไม่นานบริกรเสิร์ฟก็นำ เหมาไถ สี่ขวดและ อู่เหลียงเย่ สองขวดมาเสิร์ฟ
ตอนนี้ ลู่ปิน อยู่ไม่สุขแล้ว เขาไม่รู้ราคากุ้งมังกรออสเตรเลีย แต่ เหมาไถ แพงแค่ไหนนั้น ถึงขั้นที่คนที่อยู่ในเมืองจีนนั้นรู้กันทุกคน
“บริกร เหมาไถ ขวดนึงราคาเท่าไหร่?” ลู่ปินแกล้งถาม
“สองพันครับ”
“สองพันเหรอ” ลู่ปิน ขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด: “แค่ดูก็ดูออกแล้วว่าไม่ใช่ เหมาไถ ของจริง เหลือไว้สองขวดก็พอแล้วล่ะ เราดื่มได้ไม่เยอะขนาดนั้น”
บริกรไม่พูดอะไรมากและเอาเหมาไถกลับไปสองขวดอย่างเงียบ ๆ
ลู่ปิน ยิ้มแห้ง ๆ : “ไม่คาดคิดเลยว่าตู้เฟยจะใจดีเลี้ยงขนาดนี้ ทั้งกุ้งมังกรทั้งเหมาไถ”
ลู่ปิน เริ่มรู้สึกไม่สบายใจเขาคิดว่าอาหารมื้อนี้จะหมดมากสุดแค่หนึ่งพันหยวน ไม่คิดเลยว่าไวน์ขวดหนึ่งจะราคาตั้งสองพันหยวน
เมื่อ ถังหยู่ซวนเห็น เหมาไถ ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น: “เหมาไถ ฉันยังไม่เคยดื่มเลย”
ถังหยู่ซวนเพิ่งหยิบ เหมาไถ ขึ้นมาและกำลังจะรินใส่แก้วให้ตัวเอง แต่ หลี่เสี่ยวเสี่ยว คว้ามันกลับไป: “นายยังต้องขับรถอีกนะและนายห้ามดื่ม”
“ขับรถเหรอ พวกนายก็ขับรถมาที่นี่เหมือนกัน นายขับรถอะไร” ลู่ปินนึกไม่ถึงเลยถามไป
สีหน้าของ ถังหยู่ซวนเปลี่ยนไปทันทีและเขาพูดอย่างคลุมเครือว่า “เดี๋ยวลงไปนายก็รู้แล้วไม่ใช่รึไง”
“หญ้า ยังจะทำเป็นลึกลับอีก กับเงินเดือนอันน้อยนิดของนายแล้ว อย่างมากนายก็ซื้อได้แค่รถราคา 20,000 หรือ 30,000” ลู่ปิน พูดเหยียด
Fordของถังหยู่ซวน’ s เป็นรถมือสองและก็ราคาแค่20,000 ถึง 30,000 เท่านั้น ถ้าเขาไม่ได้ชนรถของ ลู่ปิน เขาจะตบกุญแจรถบนโต๊ะแน่ ๆ จากนั้นเขาก็พูดว่า: Ford ของฉัน100,000 ต่างหากล่ะ!
แต่ตอนนี้ ถังหยู่ซวนไม่ได้พูดอะไรเพราะความรู้สึกผิด
“ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ เหอะเหอะ ฉันบอกว่าเงินเดือนของนายน้อยแบบนั้นไปเก๊กเรียนแบบขับรถตามคนอื่น นายมีปัญญาจ่ายค่าแก๊สรึไง” ลู่ปินพูดยั่วโมโหต่อ
“เพื่อนของฉันมีหรือไม่มีปัญญาจ่ายค่าน้ำมันแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายสักแดงหนึ่งหรือเปล่า ถึงเขาจะจ่ายค่าน้ำมันไม่ได้เขาก็ไม่ได้ขโมยน้ำมันจากรถนายหนิ นายเป็นผู้ชายประสาอะไร ทำไมถึงได้ปั้นเรื่องเก่งกว่าผู้หญิงอย่างเราอีกล่ะ”
“วันนี้เป็นวันเกิดของ หลิวเฉียวเฉียว เรามาที่นี่เพื่อสนุกกับ เฉียวเฉียว ไม่ใช่เพื่อมาฟังนายอวดตัวของนาย หุบปากไปซะ”
ก่อนที่ ถังหยู่ซวนจะพูด หลี่เสี่ยวเสี่ยว ก็พูดขึ้นก่อน
“แล้วทำไมฉันไม่เห็นนายให้ของขวัญเฉียวเฉียวล่ะ” ลู่ปินหัวเราะเหอะเหอะ “ดูของขวัญบนโซฟา ทั้งหมดมาจากพวกเราเป็นคนให้พวกนายไม่ใช่แค่มาสาย แต่พวกนายไม่ได้เอาของขวัญมาด้วย ยังมากินมาดื่มอีก”
หลี่เสี่ยวเสี่ยว กัดฟัน จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ซื้อของขวัญ
เธอเหมือนโดนตบหน้า ตอนนี้เธอมองบนใส่หลี่ฝางไปทีนึง ถ้าเธอสั่งเค้กจากMeituan เธอคงไม่อายขนาดนี้
“ถ้านายไม่บอกฉัน ฉันลืมไปเลยเคาะสมองฉันที! ” หลี่ฝางตบหัวของตัวเองและหยิบกล่องสร้อยคอในเสื้อของเขาออกมา
หลี่ฝางยื่นกล่องสร้อยคอให้หลิวเฉียวเฉียวและบอกสุขสันต์วันเกิด
หลิวเฉียวเฉียว รับมัน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข: “ขอบคุณนะ หลี่ฝาง! ”
“อย่าเพิ่งขอบคุณฉัน พวกเราสองสามคนรวบรวมเงินเพื่อซื้อให้เธอ” หลี่ฝางพูด
“ซื้อของขวัญวันเกิดยังต้องรวมเงินกัน ช่างเป็นกลุ่มที่จนจริงๆ ” ลู่ปิน มองไปที่รูปร่างของกล่องด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย: “พวกเธอคงจะไม่ได้ซื้อสร้อยคอให้ เฉียวเฉียว เหมือนกันใช่ไหม”
“ใช่สิ เถ้าแก่ลู่ ดวงตาของนายนี่มันดูมีพิษมากเลยนะ ห่อมาดีขนาดนี้นายยังดูออกอีก” หลี่ฝางยิ้ม
“มันบังเอิญจริงๆ ฉันซื้อสร้อยคอให้เฉียวเฉียวเหมือนกัน แต่ของฉันต้องแพงกว่าของพวกนายหน่อย” ลู่ปินยิ้มอย่างมั่นใจ: “เฉียวเฉียวทำไมเธอไม่ลองเปรียบเทียบสร้อยคอของเราล่ะ? , ใครดีกว่าก็ของคนนั้น”
“ยังไงเธอก็มีแค่คอเดียว ใส่สร้อยสองเส้นก็คงไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? ” ลู่ปิน ยิ้มอย่างเหยียดหยาม เขารู้สึกว่าสร้อยคอ หลี่ฝาง ให้ หลิวเฉียวเฉียว คงเส้นละไม่กี่ร้อยคงไม่เกินพัน
“ถ้าอย่างนั้นก็แยกมันออกมาเปรียบเทียบกัน” หลี่ฝางพูดตาม
“โอเค” หลิวเฉียวเฉียว วางกล่องสร้อยคอของ หลี่ฝาง ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่โซฟาและหยิบสร้อยคอที่ลู่ปิน ให้เธอ
เมื่อ ลู่ปิน เห็นฉากนี้เขาก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจและในเวลาเดียวกันเขาก็พูดด้วยเสียงกระซิบ “เห็นแล้วใช่ไหม แม้แต่จะเปิดของขวัญ ยังเปิดของฉันก่อน”
“ฉันอยากจะทิ้งเซอร์ไพรส์ไว้ข้างหลังน่ะ” หลิวเฉียวเฉียว มองบนให้ ลู่ปิน